วันนี้ลองเล่าเรื่องผ่อนคลาย "ปริศนาเชิงความบันเทิง" ดูบ้าง ในโลกมีสถานที่ลึกลับ หรือแปลกประหลาด ที่ยังพิสูจน์ไม่ได้อีกเป็นจำนวนมาก เช่น โบราณสถาน หรือดินแดนต่างๆ แต่มีพื้นที่แห่งหนึ่งซึ่งโด่งดังมานานแล้วเรียกว่า “เขตพื้นที่ 51”
Area 51 คือ ฐานทัพลับ ของกองทัพอากาศสหรัฐ ซึ่งตั้งอยู่โดดเดี่ยว ลึกเข้าไปในบริเวณต้องห้ามอันกว้างขวางของรัฐบาล ภาพถ่ายดาวเทียมทะเลทรายเนวาด้า แสดงเห็นถึงรันเวย์ 7 ช่องทาง และโรงเก็บเครื่องบินมากกว่า 25 โรง
ค.ศ. 1955 เคลลี่ จอห์นสัน ผู้ออกแบบเครื่องบินจารกรรม U2 ได้รับมอบหมายจาก CIA ให้ออกแบบเครื่องบิน U2 นอกจากนี้แล้วเขายังได้รับมอบหมาย ให้หาสถานที่เพื่อใช้ทดสอบ U2 นี้ด้วย เคลลี่ได้ส่ง โทนี เลอวิเอร์ นักบินที่จะทำการบินทดสอบเครื่องบิน U2 กับ ดอร์ซี่ เคมเมเรอร์
ไปสำรวจพื้นที่ร้างกลางทะเลทรายตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย , เนวาดา และ อริโซนา 2 สัปดาห์ต่อมาโทนี ก็กลับมาส่งรายงาน เคลลี่ดูรายงานเปรียบเทียบสถานที่ทั้ง 3 แห่งแล้วก็ตัดสินใจเลือกพื้นที่บริเวณทะเลสาบกรูม ในรัฐเนวาดา ฐานทัพถูกสร้างรอบ ๆ ทะเลสาบ
ซึ่งได้เปรียบทางยุทธวิธี เพราะสิ่งที่รัฐบาลต้องการก็คือ ที่เหมาะสมในการลงจอดซึ่งสามารถลงจอดทิศใดก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าลมมาทางไหนและรอบ ๆ ทะเลสาบนี้ก็มีลักษณะแบบนั้น แถมยังถูกป้องกันโดยแนวเทือกเขารอบ ๆ ทะเลสาบกรูม มีชื่อเรียกอย่างอื่นอีกมากมายนับตั้งแต่มีการก่อสร้างฐานทัพขึ้น เคลลี่เรียกมันว่า พาราไดซ์
แต่หลังจากมีการทดสอบเครื่องบินจารกรรม U2 ในปีนั้น ซึ่งรัฐบาลปกปิดว่ามันถูกใช้สำหรับการสำรวจสภาพอากาศ U2 คืออาวุธพร้อมกล้องความละเอียดสูง ที่ได้รับการออกแบบเพื่อบินที่ระดับความสูง 21,000 เมตร และถ่ายรูปจากขอบชั้นบรรยากาศ ท่ามกลางการแข่งขันด้านอาวุธในสงครามเย็นกับสหภาพโซเวียต
เครื่อง U2 คือความหวังของอเมริกา เพื่อติดตามการขยายตัวของคลังแสงนิวเคลียร์ ของโซเวียต และมันต้องการนักบินที่หายใจเอาออกซิเจนบริสุทธิ์ เพื่อความอยู่รอดในความสูงขนาดนั้นได้ น้ำหนักทุกกิโลที่เพิ่มขึ้น แม้แต่ล้ออาจทำให้เครื่อง U2 นั้นบินได้ต่ำลง เพราะน้ำมันทั้งหมดนั้นอยู่ที่ปีก
ไม่มีทางเลยที่จะเอาปลายปีกนั้นขึ้นจากพื้น พวกเค้าจึงต้องมีที่ค้ำให้ปีกยกขึ้นจากพื้นและทันทีที่ปีกยกขึ้นที่ค้ำพวกนั้นก็หลุดออก เครื่อง U2 นั้นบินเหนือระดับการบินของเครื่องบินโดยสารปกติถึงสามเท่า และบางครั้งก็จะถูกพบเห็นโดยพลเรือน ขณะที่ในยุนั้นสงครามเย็นและความสนใจของชาวอเมริกันต่อยูเอฟโอ ถึงจุดสูงสุด เครื่องบินสีเงิน U2 จึงสร้างความสับสนให้นึกไปถึง ยูเอฟโอ
เสธ.น้ำเงิน แฉ พื้นที่ต้องห้าม Area 51 กำความลับคนทั้งโลก
Area 51 คือ ฐานทัพลับ ของกองทัพอากาศสหรัฐ ซึ่งตั้งอยู่โดดเดี่ยว ลึกเข้าไปในบริเวณต้องห้ามอันกว้างขวางของรัฐบาล ภาพถ่ายดาวเทียมทะเลทรายเนวาด้า แสดงเห็นถึงรันเวย์ 7 ช่องทาง และโรงเก็บเครื่องบินมากกว่า 25 โรง
ค.ศ. 1955 เคลลี่ จอห์นสัน ผู้ออกแบบเครื่องบินจารกรรม U2 ได้รับมอบหมายจาก CIA ให้ออกแบบเครื่องบิน U2 นอกจากนี้แล้วเขายังได้รับมอบหมาย ให้หาสถานที่เพื่อใช้ทดสอบ U2 นี้ด้วย เคลลี่ได้ส่ง โทนี เลอวิเอร์ นักบินที่จะทำการบินทดสอบเครื่องบิน U2 กับ ดอร์ซี่ เคมเมเรอร์
ไปสำรวจพื้นที่ร้างกลางทะเลทรายตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย , เนวาดา และ อริโซนา 2 สัปดาห์ต่อมาโทนี ก็กลับมาส่งรายงาน เคลลี่ดูรายงานเปรียบเทียบสถานที่ทั้ง 3 แห่งแล้วก็ตัดสินใจเลือกพื้นที่บริเวณทะเลสาบกรูม ในรัฐเนวาดา ฐานทัพถูกสร้างรอบ ๆ ทะเลสาบ
ซึ่งได้เปรียบทางยุทธวิธี เพราะสิ่งที่รัฐบาลต้องการก็คือ ที่เหมาะสมในการลงจอดซึ่งสามารถลงจอดทิศใดก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าลมมาทางไหนและรอบ ๆ ทะเลสาบนี้ก็มีลักษณะแบบนั้น แถมยังถูกป้องกันโดยแนวเทือกเขารอบ ๆ ทะเลสาบกรูม มีชื่อเรียกอย่างอื่นอีกมากมายนับตั้งแต่มีการก่อสร้างฐานทัพขึ้น เคลลี่เรียกมันว่า พาราไดซ์
แต่หลังจากมีการทดสอบเครื่องบินจารกรรม U2 ในปีนั้น ซึ่งรัฐบาลปกปิดว่ามันถูกใช้สำหรับการสำรวจสภาพอากาศ U2 คืออาวุธพร้อมกล้องความละเอียดสูง ที่ได้รับการออกแบบเพื่อบินที่ระดับความสูง 21,000 เมตร และถ่ายรูปจากขอบชั้นบรรยากาศ ท่ามกลางการแข่งขันด้านอาวุธในสงครามเย็นกับสหภาพโซเวียต
เครื่อง U2 คือความหวังของอเมริกา เพื่อติดตามการขยายตัวของคลังแสงนิวเคลียร์ ของโซเวียต และมันต้องการนักบินที่หายใจเอาออกซิเจนบริสุทธิ์ เพื่อความอยู่รอดในความสูงขนาดนั้นได้ น้ำหนักทุกกิโลที่เพิ่มขึ้น แม้แต่ล้ออาจทำให้เครื่อง U2 นั้นบินได้ต่ำลง เพราะน้ำมันทั้งหมดนั้นอยู่ที่ปีก
ไม่มีทางเลยที่จะเอาปลายปีกนั้นขึ้นจากพื้น พวกเค้าจึงต้องมีที่ค้ำให้ปีกยกขึ้นจากพื้นและทันทีที่ปีกยกขึ้นที่ค้ำพวกนั้นก็หลุดออก เครื่อง U2 นั้นบินเหนือระดับการบินของเครื่องบินโดยสารปกติถึงสามเท่า และบางครั้งก็จะถูกพบเห็นโดยพลเรือน ขณะที่ในยุนั้นสงครามเย็นและความสนใจของชาวอเมริกันต่อยูเอฟโอ ถึงจุดสูงสุด เครื่องบินสีเงิน U2 จึงสร้างความสับสนให้นึกไปถึง ยูเอฟโอ