รธน.ฉบับปฏิรูปหรือรธน.ฉบับย้อนยุค อนาคตประเทศไทยคงจะหนีไม่พ้นสงครามกลางเมือง

สวัสดีครับ นี่เป็นกระทู้การเมืองกระทู้แรกของผม และคิดว่าอาจจะเป็นกระทู้สุดท้ายด้วย
ผมเองก็สนใจและติดตามการเมืองมาก็แค่ราวๆสิบปีที่สนใจจริงจัง
ก่อนหน้านั้นก็ยังเป็นเด็กอยู่ฟังข่าวบ้างแต่ไม่ได้สนใจมากนัก แ
ละได้ติดตามอ่านห้องราชดำเนินพันทิพมาตั้งแต่ช่วงแรกๆของพธม.แต่ไม่เคยแสดงความเห็นอะไร
แอบอ่านเงียบๆอย่างเดียว

แต่วันนี้ตอนนี้ ที่ได้เห็นพิมพ์เขียวร่างรธน.ฉบับคนดีเขียน รู้สึกว่า อดรนทนไม่ได้
มันอึดอัดเหมือนจะหายใจไม่ออก ขอที่ให้ผมระบายบ้างนะครับ

เราจะเอาแบบนี้กันจริงๆเหรอ พายเรืออยู่ในอ่าง กลับไปใช้รธน.ฉบับปี2521กันอีกครั้ง ที่ให้นายกมาจากคนนอกได้ แถมระบบการเลือกตั้งสส.ยังเป็นแบบใหม่ที่แสนจะเข้าใจยาก และยังทำให้พรรคการเมืองไทยอ่อนแอยิ่งกว่ายุคไหนๆที่เคยมีมา
ประเทศที่ประชาธิปไตยเข็มแข็งทุกๆประเทศในโลกใบนี้ส่วนใหญ่
ก็มักจะมีพรรคการเมืองใหญ่แค่สองพรรคที่แข็งขันกันมันเป็นเรื่องปกติ
ว่าด้วยเรื่องระบบการเลือกตั้งสส. มีทั้งหมด450คนและมีที่มาจากสองระบบ คือ 250 คน แบ่งเขต
และ 200 คน สัดส่วนบัญชีรายชื่อแบบแบ่งโซน8โซน

แบบแบ่งเขตคงเข้าใจง่ายคือ1คน1เบอร์ คนที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุดก็ได้เป็นสส.

ส่วนแบบสัดส่วนบัญชีรายชื่อแบบแบ่งโซน8โซน คือนำคะแนนจากสส.เขตมานับเป็นคะแนนสส.แบบสัดส่วน
คือสมมุติว่าพรรคกอไก่ได้คะแนนนับรวมทั่วประเทศแล้ว10%ของคะแนนเสียงทั้งหมด
นั้นก็หมายความว่าพรรคกอไก่สามารถมีสส.ในสภาได้ทั้งหมด45คนเท่านั้น
ถ้าหากพรรคกอไก่ได้สส.เขตทั่วประเทศไปแล้วทั้งหมด 40 คน
ก็จะสามารถได้สส.แบบสัดส่วนเพิ่มขึ้นได้อีกเพียง5คนเท่านั้น
และต้องไปดูอีกว่าบัญชีรายชื่อแบบแบ่งโซน8โซนนั้น
โซนไหนพรรคกอไก่ได้คะแนนนิยมมากที่สุด5อันดับแรกก็จะเอาบัญชีรายชื่อลำดับที่1ของ5โซนนั้นมาเป็นสส.
และตอนนี้เราก็ยังไม่รู้ว่าการแบ่งโซน8โซนทางกกต.จะแบ่งกันยังไง และแปลกประหลาดแค่ไหน

ว่าด้วยเรื่องสส.ไม่ต้องสังกัดพรรคและนายกคนนอก
เราก็เคยมีประสบการณ์กันมาแล้ว ทั้ง สส.ขายตัว และการประท้วงนองเลือดปี35
ถ้ารธน.ฉบับปฏิรูปออกมาเป็นแบบนี้จริงๆ พรรคการเมืองไทยคงอ่อนแอกันสุดๆ
ไม่มีพรรคไหนที่จะได้สส.มากแบบเบ็ดเสร็จ จะกลายเป็นรบ.ผสมตลอดกาล
พรรคที่ได้สส.มากกว่าไม่เสมอไปที่จะได้เป็นรบ.
พรรคที่ได้สส.น้อยกว่าอาจจะรวบรวมคะแนนเสียงในสภาได้มากกว่าก็เป็นได้ อาจจะเกิดสส.ขายตัว ขายเสียง
ประชาชนอย่างเราๆก็จะถูกมองข้ามไปอย่างสิ้นเชิง เสียงของประชาชนจะไม่มีความหมายใดๆ แม้จะเป็นเสียงข้างมากก็ตาม

ว่าด้วยเรื่องที่มาของสว.
ส.ว.มีจำนวนไม่เกิน 200 คน โดยคัดเลือกจาก 5 ช่องทาง คือ
1. เป็นอดีตอำนาจอธิปไตย ทั้ง 3 อาทิ อดีตนายกรัฐมนตรี อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร
2. อดีตข้าราชการสำคัญ อาทิ อดีตผู้บัญชาการเหล่าทัพ อดีตปลัดกระทรวงฯ
3.มาจากประธานองค์กรวิชาชีพที่กฎหมายรองรับ เช่น ประธานหอการค้าไทย ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
4. กลุ่มภาคประชาชน เช่น สหภาพต่างๆ องค์กรภาคประชาชน
5. คัดสรรจากกลุ่มวิชาชีพที่หลากหลาย โดยใช้วิธีเลือกตั้งทางอ้อม เช่นเดียวกับรัฐธรรมนูญปี 2489

อำนาจการตัดสินใจของประชาชนถูกตัดทอนทิ้งไปเหลือทิ้งไว้ให้ทำหน้าที่แค่ประทับตรายาง

แต่อำนาจของเหล่าสว.คนดีกลับถูกเพิ่มเติมขึ้นมากมายกว่ารธน.40-50 จนได้ชื่อว่า ซุปเปอร์สว. เช่น
ส.ว.ยังคงมีอำนาจในการเสนอกฎหมายต่างๆ และกฎหมายการปฏิรูปประเทศ
เพิ่มอำนาจการตรวจสอบประวัติผู้ที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ก่อนนายกรัฐมนตรีจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ
รวมถึงตรวจสอบประวัติจริยธรรมของหัวหน้าส่วนราชการทุกส่วน ก่อนเปิดเผยต่อสาธารณะ
อำนาจถอดถอนนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ส.ส. ส.ว. และหัวหน้าส่วนราชการทุกส่วนเช่นเดิม
แต่ให้ใช้เสียงถอดถอนเกินกึ่งหนึ่งของ 2 สภาฯ คือ สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา

เป็นไงล้นฟ้าดีไหม มีอำนาจเห็นชอบและไม่เห็นชอบ เลือกรมต.ก็ได้ด้วย (แล้วผมจะให้ผมเลือกตั้งไปทำไมครับ)

ถ้าหากพรรคไหนอยากอยู่นานๆไม่ยากครับทำตามที่ผมบอก เมื่อเลือกตั้งเสร็จ
หรือแค่ประกาศว่าจะมีการเลือกตั้ง พวกท่านก็แค่จับกลุ่ม จับขั่วทางการเมือง
แล้วเข้าไปพบผู้ใหญ่ ผู้มีอำนาจที่คุมกองทัพได้ ยกท่านเสนอให้เป็นนายก
แค่นี้ท่านก็ได้อยู่ทนอยู่นานแล้วครับ เพราะนายกมาจากคนนอกได้

ท่านประธานบอกว่าที่เปิดช่องไว้ให้มีนายกคนนอกเพราะต้องการแก้ปัญหาประเทศเวลาถึงทางตัน เอิ่ม....
ท่านครับมิใช่ว่ามันจะพาไปยังทางตันยิ่งกว่าเดิมเหรอครับ
ท่านบอกว่าปกติหลังการเลือกตั้งสส.ในสภาคงไม่มีใครเสนอกชื่อนายกคนนอกหรอก
แหม่....ท่านครับเคยศึกษาประวัติศาสตร์ประเทศไทยบ้างไหมครับ

เอาง่ายๆยกตัวอย่างอย่างให้เหมือนเคสที่ผ่านมา...ถ้าประเทศวุ่นวายแต่นายกเกิดไม่ลาออกแล้วเลือกยุบสภาแทน
แล้วดันมีคนมาขัดขวางและล้มการเลือกตั้งประเทศกำลังจะเดินเข้าสู่ทางตันอีกรอบ
ไอ้ที่ท่านบอกว่านายกคนนอกมีไว้เพื่อหาทางออกมันจะมีประโยชน์อะไรครับ เพราะสภาผู้แทนที่จะเลือกนายกไม่มีแล้ว
ประธานรัฐสภาผู้ที่จะนำชื่อขึ้นทูลเกล้าก็ไม่มีแล้ว ไอ้นายกคนนอกที่ท่านว่าจะมาได้อย่างไร
หรือว่าท่านจะริบอำนาจการยุบสภาคืนจากนายกครับท่าน
หรือที่จริงแล้วท่านตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกว่านายกคนต่อไปจะต้องเป็นนายกคนนอกท่านจึงต้องเปิดช่องตรงนี้ไว้

โดยส่วนตัวผม ผมเห็นด้วยกับข้อเสนอที่จะให้มีการเลือกตั้งนายกโดยตรง
เพราะผมคิดว่ามันคือการให้ประชาชนตัดสินใจเลือกผู้นำฝ่ายบริหารโดยตรงได้เลย
แต่คณะรมต.ผมต้องการแค่รายชื่อทีมงานหลวมๆเท่านั้นไม่ต้องการให้กำหนดตายตัวมาว่าคนนี้ตำแหน่งนี้ เพราะจะทำให้นายกทำงานลำบาก
ผมเบื่อมากกถึงมากที่สุดที่เวลาเลือกตั้งเสร็จจะต้องได้ยินทุกครั้งคือการฟอร์มรบ.และพรรคร่วม
การแบ่งเค็กรมต.ตามสัดส่วนสส.มุ้งนั้นมุ้งนี้ อยากให้เรื่องแบบนี้มันหมดๆไปเสียที
ส่วนที่มาสส.จะมาแบบไหนบ้างแบบเขตเล็กหรือเขตใหญ่หรือจะมีไม่มีบัญชีรายชื่อก็ได้

แต่ผมอยากให้สลับวาระการดำรงตำแหน่งของคณะนายกกับสส.มีวาระ4ปีเท่ากันแต่เลือกตั้งสลับกัน2ปี
ประชาชนจะได้มีโอกาสเลือกโอกาสเห็นการทำงานทั้งฝ่ายค้านและรบ.
ถ้ารบ.มีสส.มากกว่าฝ่ายค้านและลุแก่อำนาจอีก2ปีเราก็ยังมีโอกาสเลือกสส.ฝ่ายค้านเข้ามาทำงานให้มากขึ้นเพื่อคานอำนาจรบ.
แต่ถ้าสส.ฝ่ายค้านมากกว่ารบ.และฝ่ายค้าน ค้านแบบหัวชนฝาไม่เอาท่าเดียวทั้งๆที่เรื่องนั้นเป็นประโยชน์กับคนทั้งชาติ
อีก2ปีเราก็ยังสามารถเลือกสส.ฝ่ายรบ.เข้ามาทำงานสนับสนุนรบ.ได้
ในทางกลับกันเราก็ทำแบบเดียวกันนี้กับการเลือกฝ่ายบริหาร

สุดท้ายถ้าร่างรธน.ฉบับย้อนยุคออกมาแบบที่กรรมธิการร่างรธน.เสนอ ประเทศไทยคงมิอาจจะหลีกพ้นสงครามกลางเมืองกันอีกเป็นแน่แท้
ประวัติศาสตร์มีไว้ให้เราได้เรียนรู้และหลีกเลี่ยงไม่ให้เราเดินซ้ำรอย เราผ่านตรงนั้นมาแล้วยี่สิบกว่าปี
เราจะกลับไปอีกเหรอ เขาลืมไปหรือเปล่าว่ายุคสมัยนี้มีอินเตอร์เน็ต เฟสบุคและยูทูปแล้ว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่