ธารทิพย์
โดย อัศวรักษ์
ธารทิพย์ บทที่ 1
http://ppantip.com/topic/32957586
ธารทิพย์ บทที่ 2
http://ppantip.com/topic/32957859
ธารทิพย์ บทที่ 3
http://ppantip.com/topic/32958019
ธารทิพย์ บทที่ 4
http://ppantip.com/topic/32958259
ธารทิพย์ บทที่ 5
http://ppantip.com/topic/32974296
ธารทิพย์ บทที่ 6
http://ppantip.com/topic/32978381
ธารทิพย์ บทที่ 7
http://ppantip.com/topic/32986718
ธารทิพย์ บทที่ 8
http://ppantip.com/topic/32995506
ธารทิพย์ บทที่ 9
http://ppantip.com/topic/33004672
พ่อเลี้ยงวิเชียรนั่งเอนหลังไขว่ห้างสบายใจบนเก้าอี้ที่โต๊ะหลังประชุมเสร็จ เขาเพิ่งจะวางปากกาที่ใช้เซ็นเอกสารกองโต แล้วทอดอารมณ์ไปกับความคิดเรื่องงานวิวาห์ระหว่างพีลูกชายคนเดียวกับ เงาะลูกสาวของสุรเกียรติและโสภาที่เขาถือเป็นลูกสาวคนหนึ่งอยู่แล้ว การวิวาห์ที่จะเป็นโซ่ทองเส้นใหญ่อีกเส้นของสองครอบครัวที่แน่นแฟ้นอยู่แล้ว
วิเชียรนั่งสบายใจอยู่นานจนกระทั่งประตูห้องทำงานเปิดออก เลขาฯของเขาเข้ามายืนหน้าตาตื่น
“ท่านคะ ท่านหญิงอยู่ในสายค่ะ” เลขาฯรีบบอก
วิเชียรเห็นสีหน้าไม่ปกติของเธอ เขารีบยกหูโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานขึ้นรับ เสียงแม่หญิงแสงดาวพูดปนร้องไห้ดังเข้ามาตามสาย
“หา..ไอ้เกียรติเป็นอะไร” เสียงพ่อเลี้ยงวิเชียรตะโกนลั่นห้องทำงาน
“คุณออกมาหาผมเดี๋ยวนี้เลย เจอกันที่สนามบิน” วิเชียรวางหูโทรศัพท์
“คุณหาเที่ยวบินเร็วที่สุดให้ผมสองที่ เดี๋ยวนี้” “เอารถออกส่งผมสนามบิน” เขาสั่งเลขาฯ
“ยกเลิกประชุมทุกนัด” วิเขียรหันมาสั่งเพิ่ม
วิเชียรรีบเปิดประตูรถลงมาทันทีไม่รอให้คนขับรถเปิดให้ เขากึ่งวิ่งกึ่งเดินอย่างรีบร้อนขึ้นไปบนอาคารผู้โดยสาร แม่หญิงแสงดาวยืนรออยู่อย่างกระวนกระวายร้อนใจไม่น้อยไปกว่า เธอเริ่มร้องไห้เมื่อเห็นสามีเดินเข้ามา
“ผมขอโทษ ผมประชุมเลยไม่รู้ข่าว โสภาล่ะ” วิเชียรถาม
“สลบเข้าโรงพยาบาลไปแล้วค่ะ” แสงดาวบอกสามี
“แล้วไอ้เกียรติล่ะ” วิเชียรถาม
แสงดาวยังไม่ทันตอบ โทรทัศน์ของสนามบินที่เปิดอยู่รายงานข่าวด่วนซ้ำเรื่องการวางระเบิดวินาศกรรมอาคารผู้โดยสารสนามบินหาดใหญ่ มีประชาชนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ในจำนวนผู้บาดเจ็บนั้นมีนายสุรเกียรติ ธำรงสัตย์ มหาเศรษฐีนักธุรกิจอุตสาหกรรมและบุตรสาวรวมอยู่ด้วย ขณะนี้ทั้งสองได้รับการผ่าตัดอยู่ อาการขั้นวิกฤติ
“โทรหาไอ้พีรึยัง” เขาถาม
“ยังติดต่อไม่ได้ค่ะ” เธอตอบ
วิเชียรนั่งก้มหน้านิ่งมีแสงดาวนั่งร้องไห้อยู่ข้างๆ เขากุมมือภรรยาไว้เพื่อปลอบใจ
เวลาเดียวกันโจและพีที่เล้าเป็ดน้ำ ทั้งคู่ทิ้งชามข้าวที่อยู่ในมือแตกกระจัดกระจายวิ่งขึ้นชั้นบนเพื่อไปหยิบกระเป๋าสตางค์โทรศัพท์และกุญแจรถ ลุงฟ้อนผลุนผลันเข้ามาอย่างตกใจที่ได้ยินเสียงข้าวของแตก เมื่อได้เห็นข่าวจากโทรทัศน์ที่เปิดทิ้งไว้จึงเข้าใจ ทั้งคู่วิ่งเหมือนกระโจนลงบันไดมาแล้วขึ้นรถขับออกไปทันที
โจถือพวงมาลัยกัดริมฝีปากนิ่ง เขายกมือเช็ดน้ำตาไปพลางเพื่อให้มองเห็นถนน รถยนต์ของพวกเขาพุ่งทะยานไปด้วยความเร็วสูงสุด พีไม่ได้ออกปากห้ามปราม หัวใจแตกสลายไม่แพ้กันเกี่ยวกับข่าวของเงาะ เขานั่งจ้องมองออกไปนอกรถเท้าแขนกัดมือที่กำไว้อยู่ ไม่มีใครพูดจาบรรยากาศในรถตึงเครียดที่สุด
“ไปหาดใหญ่เลยมั้ย” โจขอความเห็นเสียงเครียด
“ไปดูแม่ก่อนเถอะ” “แล้วค่อยไปหาดใหญ่” พีพูดหน้านิ่ง
“ยังไงเราก็ยังทำอะไรไม่ได้ที่หาดใหญ่ตอนนี้” พีพูดต่อเขาน้ำตาไหลตามองนิ่งออกไปนอกรถ
โจและพีวิ่งขึ้นไปถึงหน้าห้องพักคนไข้วีไอพีของโรงพยาบาล คนรับใช้และการ์ดของสุรเกียรติสามสี่คนรีบหลีกทางให้ทั้งสองเข้าไป ภายในห้อง แพทย์และพยาบาลสามคนยืนตรวจอยู่ บนเตียงคนไข้เหมียวนั่งสีหน้าตื่นตระหนกกุมมือคุณหญิงโสภาไว้ เธอรีบลุกขึ้นเพื่อหลีกทางให้
“แม่” โจเรียกแล้วหันไปมองหมอ
“คุณหญิงท่านไม่เป็นอะไรแล้วครับ ท่านตกใจมากหน่อยทางเราตรวจละเอียดแล้ว ผมให้ยาบำรุงแล้วนอนพักผ่อนสักระยะก็จะดีขึ้นครับ ทางโรงพยาบาลขอแสดงความเสียใจกับข่าวที่เกิดขึ้นด้วยครับ” หมอพูด
“ขอบคุณครับหมอ” โจพูดแล้วหันไปกุมมือแม่ไว้
“แล้วคุณแม่ท่านต้องนอนอยู่อีกนานมั้ยครับ” พีถาม
“คงสักบ่ายๆให้ท่านพักผ่อนก่อนแล้วทางเราจะนำท่านไปส่งให้ครับ”“ส่วนผลกระทบจากข่าวนั้นถ้าทางท่านไม่ สะดวกเราจะส่งแพทย์และพยาบาลไปดูแลท่านที่บ้านให้ครับ” หมอพูด
“ขอบพระคุณอย่างสูงครับ ผมคงต้องลงไปหาดใหญ่” โจพูด
“ยินดีครับ” หมอพูดแล้วเดินออกไปพร้อมพยาบาล
“เหมียวซื้อตั๋วเครื่องบินหาดใหญ่ไว้แล้วค่ะสองใบ” เหมียวบอกทั้งสองคน
โจหันมามองหน้าเธอ “ชอบคุณมากเลยครับ”
“เหมียวไม่ไปด้วยนะคะ จะอยู่ดูแลคุณแม่ให้” เธอเสนอตัวช่วย อีกครั้งที่เธอทำสิ่งที่เขาประทับใจ
“เที่ยวบ่ายนี่นะคะ” เหมียวพูด
“จะไปเลยมั้ย” พีพูดสีหน้าเคร่งเครียด
“ไปเลย อยู่ไม่ได้หรอกกูรู้” โจพูด
“ผมไปนะ” เขาหันมาบอกเหมียวแล้วแตะมือเธอเบาๆ เธอยิ้มรับ
ทั้งพีและโจเดินออกจากห้องไปอย่างรีบเร่งเพื่อให้ทันเครื่องบินไปหาดใหญ่ระหว่างทางที่ขับรถไปสนามบินเสียงสายเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือของพีดังขึ้น
“แกอยู่ไหน” เสียงวิเชียรถามมาตามสาย
“ผมกำลังไปสนามบินครับพ่อ จะไปหาดใหญ่ พ่อล่ะ” พีตอบแล้วถามกลับไป
“ฉันกับแม่แกมาถึงกรุงเทพฯแล้วกำลังอยู่ที่โรงพยบาล” วิเชียรตอบ
“ครับพ่อ ฝากทางนี้ด้วย ตอนบ่ายโรงพยาบาลจะพาคุณแม่โสภาไปส่งที่บ้านแล้วจะจัดหมอพยาบาลไปช่วยดูแล เหมียวเค้าก็ช่วยอยู่ด้วย” พีให้ข้อมูล
“แล้วแกสองคนมีข้อมูลที่หาดใหญ่มั้ย” วิเชียรถามลูก
“ไม่มีเลยครับพ่อ เดี๋ยวไปถึงแล้วจะส่งข่าว” พีตอบ
“ฉันติดต่อไปแล้ว” วิเชียรพูดเสียงไม่ค่อยดี
“ยังไงครับพ่อ” พีถาม เงียบไม่มีคำตอบจากปลายสาย
“พ่อ..ยังไงครับ” พีถามซ้ำเกือบเป็นตะโกน
“ใจเย็นๆ ฟังนะอาการตอนนี้ทั้งสองคนไม่ค่อยดี พ่อปรึกษากับหมอที่นั่นแล้วหมอเค้าอยากส่งเข้ากรุงเทพฯด่วนแต่มันมีความเสี่ยงสูง โจ ฟังอยู่รึเปล่าลูก” วิเชียรถามหาโจ
“ฟังอยู่ครับพ่อ” โจจอดรถข้างทางมือไม้อ่อน เขาตอบด้วยเสียงปนสะอื้น
“ทั้งสองคนต้องเข้ามารับการผ่าตัดที่นี่ด่วน เพราะเครื่องมือพร้อมกว่า พ่อสั่งเช่าเครื่องบินพยาบาลไปหาดใหญ่คงวิ่งขึ้นไปแล้ว เหลือแต่โจ ลูกต้องให้ความยินยอมเพื่อเคลื่อนย้าย มันมีความเสี่ยง แต่..เราไม่มีทางเลือกนะลูก” วิเชียรอธิบาย
“ผมต้องทำยังไงครับ” โจถามเสียงสั่น
“เบื้องต้น ติดต่อทางวิดีโออินเตอร์เนท แสดงตัวแสดงบัตรประชาชน โจจะว่ายังไงลูก” วิเชียรถามย้ำ
“ครับ” โจตอบ “ผมก็ไม่มีทางเลือก” เสียงร้องไห้ของทั้งโจและพีที่ดังมาตามสายทำให้เหมียวต้องปิดหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นไปด้วย
“ผมอยากไปดูแลการเคลื่อนย้ายที่หาดใหญ่ครับพ่อ” พีสะอื้นพูด
“ลูกสองคนกลับมาที่บ้านก่อนดีกว่า ที่โน่นเค้าคงไม่ให้เข้า ไปก็ทำอะไรได้หรอก ไม่มีประโยชน์” วิเชียรให้ความเห็น
พีและโจมองหน้ากันอย่างชั่งใจ
“แล้วเค้าจะเคลื่อนย้ายมาเมื่อไหร่ครับ” โจถาม
“พ่อตอบไม่ได้หรอก กลับมาคุยกันที่บ้านดีกว่า” วิเชียรพูด
“ครับพ่อ” พีรับคำ
คฤหาสน์ธำรงสัตย์ ในห้องประชุมอเนกประสงค์ถูกจัดใหม่ให้วางเตียงคนไข้และโต๊ะเก้าอี้รับแขกรวมทั้งอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆไว้อย่างครบครันเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกิดขึ้น ห้องพักผ่อนสำหรับแพทย์และพยาบาลผู้ดูแลอยู่ติดกันภายในห้องอุปกรณ์อำนวยความสะดวกทุกชนิดจัดไว้อย่างดี
คุณหญิงโสภาฟื้นขึ้นจากอาการช็อกแล้ว เธอยังคงนอนหลับพักอยู่บนเตียงคนไข้ แสงดาวและเหมียวนั่งเฝ้าอยู่
“คุณแม่จะเป็นอย่างไรบ้างครับคุณหมอ ถ้ารู้ข่าวคุณพ่อ..” โจถามสีหน้ากังวน
“ผมเองก็เป็นห่วงเรื่องนั้นครับ ยังไงก็คงต้องพูดไปในทางที่ดีไว้ก่อน” หมอตอบ
“แต่อย่างไรก็ดีทางเราเตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉินกับเจ้าหน้าที่แสตนบายไว้ยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วครับ” หมอบอกโจ
“ขอบคุณครับ เชิญพักผ่อนตามสบายครับ” โจบอกหมอ
หมอพยาบาลและผู้ช่วยสี่ห้าคนเดินออกไปยังห้องพักผ่อนที่จัดไว้ให้ วิเชียร โจ พี นั่งเงียบอยู่ที่โซฟารับแขกขนาดใหญ่ที่จัดวางไว้อีกมุมหนึ่งของห้องอเนกประสงค์ห่างจากเตียงคนไข้ เพื่อให้การปรึกษาหารือใดๆจะไม่ทำให้โสภาอาการแย่ลง สักครู่เมื่อพยาบาลและผู้ช่วยสองคนเข้ามาเฝ้าคุณหญิง
โสภา แสงดาวและเหมียวจึงปลีกตัวเข้ามาสมทบ
“ค่อยๆช่วยกันคิดนะลูก” แสงดาวพูดแล้วตบหลังมือพีกับโจเบาๆ
เหมียวเดินมานั่งข้างโจที่ก้มหน้านิ่งอยู่ เธอโอบไหล่โจไว้ด้วยความรู้สึกเป็นทุกข์ไปด้วย
“ทางหาดใหญ่ไปถึงไหนแล้วคะคุณ” แสงดาวถามวิเชียร
“เครื่องบินพยาบาลไปถึงแล้ว ที่เหลือก็คงได้แต่รอ” วิเชียรตอบคิ้วขมวดอย่างครุ่นคิด
ความเงียบเข้ามาครอบคลุมอีกครั้ง ทุกคนนั่งเงียบ พีไม่พูดอะไรเลยเขานั่งกุมมือสองข้างไว้ใต้คางน้ำตารินลงมาเป็นระยะในใจของเขากำลังภาวนา โจเองก็พูดอะไรไม่ออกเหตุการณ์ครั้งนี้ถ้าเลวร้ายจนถึงที่สุดเขาอาจต้องสูญเสียทุกคนในครอบครัวไป คิดถึงแล้วก็ก้มหน้าต่ำลงไปอีกน้ำตาพรั่งพรูออกมาเขาสะกดเสียงสะอื้นเอาไว้ด้วยกลัวว่าแม่จะได้ยิน แม่ของพีกอดประคองพีไว้เพื่อปลอบใจ เหมียวก็สวมกอดแล้วซบหน้าที่ไหล่โจร้องไห้เบาๆไปกับเขาด้วย
วิเชียรลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปเพื่อลดความกดดันและต้องการความคืบหน้าจากหาดใหญ่ เขาไปหยุดนั่งลงที่เก้าอี้สนามใต้ต้นลีลาวดีใหญ่ แม่บ้านหลายคนที่เตรียมพร้อมอยู่ภายนอกห้องรีบนำแก้วน้ำและผ้าเย็นมาวางให้
“ผมวิเชียรนะ ขอสายท่านผู้อำนวยการหน่อยเรื่องคนไข้คุณสุรเกียรติกับลูก” วิเชียรพูดเสียงเข้ม
การสนทนาระหว่างวิเชียรและผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่หาดใหญ่ดำเนินไปกว่าครึ่งชั่วโมงจบลง เขาลุกขึ้นเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง
“อีกครึ่งชั่วโมงเครื่องจะวิ่งขึ้น” วิเชียรให้ข่าวสีหน้าเครียดไม่สบตาใคร ทุกคนมองมาที่เขา
“คุณเกียรติกับเงาะเป็นอย่างไรบ้างคะ” แสงดาวถามอย่างร้อนใจ
“ทางเขาจะจัดแพทย์ที่เก่งที่สุดของเขาสองคนดูแล เครื่องจะบินต่ำๆน่าจะสักสามสี่พันฟุตเข้ามาเพื่อไม่ให้คนไข้มีผลมากนัก” วิเชียรพูด
“แล้วอาการสองคนล่ะคะ” แสงดาวยังถามถึงอีก
“ยังไม่ดีขึ้น” วิเชียรพูดแผ่วไม่ค่อยเต็มใจตอบ
“อีกไม่เกินสามชั่วโมงจากนี้สองคนจะเข้าผ่าตัด หากการเคลื่อนย้ายไม่มีปัญหา ทางกรุงเทพฯเตรียมพร้อมหมดแล้ว” เขาพูด
“ผมจะไปที่โรงพยาบาล” วิเชียรบอกแล้วลุกขึ้น พีและโจลุกขึ้นตาม
“โจ ลูกอยู่กับคุณแม่ก่อนดีรึเปล่าลูก” แสงดาวหันไปพูดกับโจ
“อย่าอยู่เลย แม่เห็นหน้าแกแล้วจะยิ่งคิดมาก คุณกับหนูเหมียวดูแลด้วยแล้วกัน” วิเชียรพูด
“ครับ” โจรับคำ
ธารทิพย์ บทที่ 10
ธารทิพย์ บทที่ 1 http://ppantip.com/topic/32957586
ธารทิพย์ บทที่ 2 http://ppantip.com/topic/32957859
ธารทิพย์ บทที่ 3 http://ppantip.com/topic/32958019
ธารทิพย์ บทที่ 4 http://ppantip.com/topic/32958259
ธารทิพย์ บทที่ 5 http://ppantip.com/topic/32974296
ธารทิพย์ บทที่ 6 http://ppantip.com/topic/32978381
ธารทิพย์ บทที่ 7 http://ppantip.com/topic/32986718
ธารทิพย์ บทที่ 8 http://ppantip.com/topic/32995506
ธารทิพย์ บทที่ 9 http://ppantip.com/topic/33004672
พ่อเลี้ยงวิเชียรนั่งเอนหลังไขว่ห้างสบายใจบนเก้าอี้ที่โต๊ะหลังประชุมเสร็จ เขาเพิ่งจะวางปากกาที่ใช้เซ็นเอกสารกองโต แล้วทอดอารมณ์ไปกับความคิดเรื่องงานวิวาห์ระหว่างพีลูกชายคนเดียวกับ เงาะลูกสาวของสุรเกียรติและโสภาที่เขาถือเป็นลูกสาวคนหนึ่งอยู่แล้ว การวิวาห์ที่จะเป็นโซ่ทองเส้นใหญ่อีกเส้นของสองครอบครัวที่แน่นแฟ้นอยู่แล้ว
วิเชียรนั่งสบายใจอยู่นานจนกระทั่งประตูห้องทำงานเปิดออก เลขาฯของเขาเข้ามายืนหน้าตาตื่น
“ท่านคะ ท่านหญิงอยู่ในสายค่ะ” เลขาฯรีบบอก
วิเชียรเห็นสีหน้าไม่ปกติของเธอ เขารีบยกหูโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานขึ้นรับ เสียงแม่หญิงแสงดาวพูดปนร้องไห้ดังเข้ามาตามสาย
“หา..ไอ้เกียรติเป็นอะไร” เสียงพ่อเลี้ยงวิเชียรตะโกนลั่นห้องทำงาน
“คุณออกมาหาผมเดี๋ยวนี้เลย เจอกันที่สนามบิน” วิเชียรวางหูโทรศัพท์
“คุณหาเที่ยวบินเร็วที่สุดให้ผมสองที่ เดี๋ยวนี้” “เอารถออกส่งผมสนามบิน” เขาสั่งเลขาฯ
“ยกเลิกประชุมทุกนัด” วิเขียรหันมาสั่งเพิ่ม
วิเชียรรีบเปิดประตูรถลงมาทันทีไม่รอให้คนขับรถเปิดให้ เขากึ่งวิ่งกึ่งเดินอย่างรีบร้อนขึ้นไปบนอาคารผู้โดยสาร แม่หญิงแสงดาวยืนรออยู่อย่างกระวนกระวายร้อนใจไม่น้อยไปกว่า เธอเริ่มร้องไห้เมื่อเห็นสามีเดินเข้ามา
“ผมขอโทษ ผมประชุมเลยไม่รู้ข่าว โสภาล่ะ” วิเชียรถาม
“สลบเข้าโรงพยาบาลไปแล้วค่ะ” แสงดาวบอกสามี
“แล้วไอ้เกียรติล่ะ” วิเชียรถาม
แสงดาวยังไม่ทันตอบ โทรทัศน์ของสนามบินที่เปิดอยู่รายงานข่าวด่วนซ้ำเรื่องการวางระเบิดวินาศกรรมอาคารผู้โดยสารสนามบินหาดใหญ่ มีประชาชนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ในจำนวนผู้บาดเจ็บนั้นมีนายสุรเกียรติ ธำรงสัตย์ มหาเศรษฐีนักธุรกิจอุตสาหกรรมและบุตรสาวรวมอยู่ด้วย ขณะนี้ทั้งสองได้รับการผ่าตัดอยู่ อาการขั้นวิกฤติ
“โทรหาไอ้พีรึยัง” เขาถาม
“ยังติดต่อไม่ได้ค่ะ” เธอตอบ
วิเชียรนั่งก้มหน้านิ่งมีแสงดาวนั่งร้องไห้อยู่ข้างๆ เขากุมมือภรรยาไว้เพื่อปลอบใจ
เวลาเดียวกันโจและพีที่เล้าเป็ดน้ำ ทั้งคู่ทิ้งชามข้าวที่อยู่ในมือแตกกระจัดกระจายวิ่งขึ้นชั้นบนเพื่อไปหยิบกระเป๋าสตางค์โทรศัพท์และกุญแจรถ ลุงฟ้อนผลุนผลันเข้ามาอย่างตกใจที่ได้ยินเสียงข้าวของแตก เมื่อได้เห็นข่าวจากโทรทัศน์ที่เปิดทิ้งไว้จึงเข้าใจ ทั้งคู่วิ่งเหมือนกระโจนลงบันไดมาแล้วขึ้นรถขับออกไปทันที
โจถือพวงมาลัยกัดริมฝีปากนิ่ง เขายกมือเช็ดน้ำตาไปพลางเพื่อให้มองเห็นถนน รถยนต์ของพวกเขาพุ่งทะยานไปด้วยความเร็วสูงสุด พีไม่ได้ออกปากห้ามปราม หัวใจแตกสลายไม่แพ้กันเกี่ยวกับข่าวของเงาะ เขานั่งจ้องมองออกไปนอกรถเท้าแขนกัดมือที่กำไว้อยู่ ไม่มีใครพูดจาบรรยากาศในรถตึงเครียดที่สุด
“ไปหาดใหญ่เลยมั้ย” โจขอความเห็นเสียงเครียด
“ไปดูแม่ก่อนเถอะ” “แล้วค่อยไปหาดใหญ่” พีพูดหน้านิ่ง
“ยังไงเราก็ยังทำอะไรไม่ได้ที่หาดใหญ่ตอนนี้” พีพูดต่อเขาน้ำตาไหลตามองนิ่งออกไปนอกรถ
โจและพีวิ่งขึ้นไปถึงหน้าห้องพักคนไข้วีไอพีของโรงพยาบาล คนรับใช้และการ์ดของสุรเกียรติสามสี่คนรีบหลีกทางให้ทั้งสองเข้าไป ภายในห้อง แพทย์และพยาบาลสามคนยืนตรวจอยู่ บนเตียงคนไข้เหมียวนั่งสีหน้าตื่นตระหนกกุมมือคุณหญิงโสภาไว้ เธอรีบลุกขึ้นเพื่อหลีกทางให้
“แม่” โจเรียกแล้วหันไปมองหมอ
“คุณหญิงท่านไม่เป็นอะไรแล้วครับ ท่านตกใจมากหน่อยทางเราตรวจละเอียดแล้ว ผมให้ยาบำรุงแล้วนอนพักผ่อนสักระยะก็จะดีขึ้นครับ ทางโรงพยาบาลขอแสดงความเสียใจกับข่าวที่เกิดขึ้นด้วยครับ” หมอพูด
“ขอบคุณครับหมอ” โจพูดแล้วหันไปกุมมือแม่ไว้
“แล้วคุณแม่ท่านต้องนอนอยู่อีกนานมั้ยครับ” พีถาม
“คงสักบ่ายๆให้ท่านพักผ่อนก่อนแล้วทางเราจะนำท่านไปส่งให้ครับ”“ส่วนผลกระทบจากข่าวนั้นถ้าทางท่านไม่ สะดวกเราจะส่งแพทย์และพยาบาลไปดูแลท่านที่บ้านให้ครับ” หมอพูด
“ขอบพระคุณอย่างสูงครับ ผมคงต้องลงไปหาดใหญ่” โจพูด
“ยินดีครับ” หมอพูดแล้วเดินออกไปพร้อมพยาบาล
“เหมียวซื้อตั๋วเครื่องบินหาดใหญ่ไว้แล้วค่ะสองใบ” เหมียวบอกทั้งสองคน
โจหันมามองหน้าเธอ “ชอบคุณมากเลยครับ”
“เหมียวไม่ไปด้วยนะคะ จะอยู่ดูแลคุณแม่ให้” เธอเสนอตัวช่วย อีกครั้งที่เธอทำสิ่งที่เขาประทับใจ
“เที่ยวบ่ายนี่นะคะ” เหมียวพูด
“จะไปเลยมั้ย” พีพูดสีหน้าเคร่งเครียด
“ไปเลย อยู่ไม่ได้หรอกกูรู้” โจพูด
“ผมไปนะ” เขาหันมาบอกเหมียวแล้วแตะมือเธอเบาๆ เธอยิ้มรับ
ทั้งพีและโจเดินออกจากห้องไปอย่างรีบเร่งเพื่อให้ทันเครื่องบินไปหาดใหญ่ระหว่างทางที่ขับรถไปสนามบินเสียงสายเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือของพีดังขึ้น
“แกอยู่ไหน” เสียงวิเชียรถามมาตามสาย
“ผมกำลังไปสนามบินครับพ่อ จะไปหาดใหญ่ พ่อล่ะ” พีตอบแล้วถามกลับไป
“ฉันกับแม่แกมาถึงกรุงเทพฯแล้วกำลังอยู่ที่โรงพยบาล” วิเชียรตอบ
“ครับพ่อ ฝากทางนี้ด้วย ตอนบ่ายโรงพยาบาลจะพาคุณแม่โสภาไปส่งที่บ้านแล้วจะจัดหมอพยาบาลไปช่วยดูแล เหมียวเค้าก็ช่วยอยู่ด้วย” พีให้ข้อมูล
“แล้วแกสองคนมีข้อมูลที่หาดใหญ่มั้ย” วิเชียรถามลูก
“ไม่มีเลยครับพ่อ เดี๋ยวไปถึงแล้วจะส่งข่าว” พีตอบ
“ฉันติดต่อไปแล้ว” วิเชียรพูดเสียงไม่ค่อยดี
“ยังไงครับพ่อ” พีถาม เงียบไม่มีคำตอบจากปลายสาย
“พ่อ..ยังไงครับ” พีถามซ้ำเกือบเป็นตะโกน
“ใจเย็นๆ ฟังนะอาการตอนนี้ทั้งสองคนไม่ค่อยดี พ่อปรึกษากับหมอที่นั่นแล้วหมอเค้าอยากส่งเข้ากรุงเทพฯด่วนแต่มันมีความเสี่ยงสูง โจ ฟังอยู่รึเปล่าลูก” วิเชียรถามหาโจ
“ฟังอยู่ครับพ่อ” โจจอดรถข้างทางมือไม้อ่อน เขาตอบด้วยเสียงปนสะอื้น
“ทั้งสองคนต้องเข้ามารับการผ่าตัดที่นี่ด่วน เพราะเครื่องมือพร้อมกว่า พ่อสั่งเช่าเครื่องบินพยาบาลไปหาดใหญ่คงวิ่งขึ้นไปแล้ว เหลือแต่โจ ลูกต้องให้ความยินยอมเพื่อเคลื่อนย้าย มันมีความเสี่ยง แต่..เราไม่มีทางเลือกนะลูก” วิเชียรอธิบาย
“ผมต้องทำยังไงครับ” โจถามเสียงสั่น
“เบื้องต้น ติดต่อทางวิดีโออินเตอร์เนท แสดงตัวแสดงบัตรประชาชน โจจะว่ายังไงลูก” วิเชียรถามย้ำ
“ครับ” โจตอบ “ผมก็ไม่มีทางเลือก” เสียงร้องไห้ของทั้งโจและพีที่ดังมาตามสายทำให้เหมียวต้องปิดหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นไปด้วย
“ผมอยากไปดูแลการเคลื่อนย้ายที่หาดใหญ่ครับพ่อ” พีสะอื้นพูด
“ลูกสองคนกลับมาที่บ้านก่อนดีกว่า ที่โน่นเค้าคงไม่ให้เข้า ไปก็ทำอะไรได้หรอก ไม่มีประโยชน์” วิเชียรให้ความเห็น
พีและโจมองหน้ากันอย่างชั่งใจ
“แล้วเค้าจะเคลื่อนย้ายมาเมื่อไหร่ครับ” โจถาม
“พ่อตอบไม่ได้หรอก กลับมาคุยกันที่บ้านดีกว่า” วิเชียรพูด
“ครับพ่อ” พีรับคำ
คฤหาสน์ธำรงสัตย์ ในห้องประชุมอเนกประสงค์ถูกจัดใหม่ให้วางเตียงคนไข้และโต๊ะเก้าอี้รับแขกรวมทั้งอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆไว้อย่างครบครันเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกิดขึ้น ห้องพักผ่อนสำหรับแพทย์และพยาบาลผู้ดูแลอยู่ติดกันภายในห้องอุปกรณ์อำนวยความสะดวกทุกชนิดจัดไว้อย่างดี
คุณหญิงโสภาฟื้นขึ้นจากอาการช็อกแล้ว เธอยังคงนอนหลับพักอยู่บนเตียงคนไข้ แสงดาวและเหมียวนั่งเฝ้าอยู่
“คุณแม่จะเป็นอย่างไรบ้างครับคุณหมอ ถ้ารู้ข่าวคุณพ่อ..” โจถามสีหน้ากังวน
“ผมเองก็เป็นห่วงเรื่องนั้นครับ ยังไงก็คงต้องพูดไปในทางที่ดีไว้ก่อน” หมอตอบ
“แต่อย่างไรก็ดีทางเราเตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉินกับเจ้าหน้าที่แสตนบายไว้ยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วครับ” หมอบอกโจ
“ขอบคุณครับ เชิญพักผ่อนตามสบายครับ” โจบอกหมอ
หมอพยาบาลและผู้ช่วยสี่ห้าคนเดินออกไปยังห้องพักผ่อนที่จัดไว้ให้ วิเชียร โจ พี นั่งเงียบอยู่ที่โซฟารับแขกขนาดใหญ่ที่จัดวางไว้อีกมุมหนึ่งของห้องอเนกประสงค์ห่างจากเตียงคนไข้ เพื่อให้การปรึกษาหารือใดๆจะไม่ทำให้โสภาอาการแย่ลง สักครู่เมื่อพยาบาลและผู้ช่วยสองคนเข้ามาเฝ้าคุณหญิง
โสภา แสงดาวและเหมียวจึงปลีกตัวเข้ามาสมทบ
“ค่อยๆช่วยกันคิดนะลูก” แสงดาวพูดแล้วตบหลังมือพีกับโจเบาๆ
เหมียวเดินมานั่งข้างโจที่ก้มหน้านิ่งอยู่ เธอโอบไหล่โจไว้ด้วยความรู้สึกเป็นทุกข์ไปด้วย
“ทางหาดใหญ่ไปถึงไหนแล้วคะคุณ” แสงดาวถามวิเชียร
“เครื่องบินพยาบาลไปถึงแล้ว ที่เหลือก็คงได้แต่รอ” วิเชียรตอบคิ้วขมวดอย่างครุ่นคิด
ความเงียบเข้ามาครอบคลุมอีกครั้ง ทุกคนนั่งเงียบ พีไม่พูดอะไรเลยเขานั่งกุมมือสองข้างไว้ใต้คางน้ำตารินลงมาเป็นระยะในใจของเขากำลังภาวนา โจเองก็พูดอะไรไม่ออกเหตุการณ์ครั้งนี้ถ้าเลวร้ายจนถึงที่สุดเขาอาจต้องสูญเสียทุกคนในครอบครัวไป คิดถึงแล้วก็ก้มหน้าต่ำลงไปอีกน้ำตาพรั่งพรูออกมาเขาสะกดเสียงสะอื้นเอาไว้ด้วยกลัวว่าแม่จะได้ยิน แม่ของพีกอดประคองพีไว้เพื่อปลอบใจ เหมียวก็สวมกอดแล้วซบหน้าที่ไหล่โจร้องไห้เบาๆไปกับเขาด้วย
วิเชียรลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปเพื่อลดความกดดันและต้องการความคืบหน้าจากหาดใหญ่ เขาไปหยุดนั่งลงที่เก้าอี้สนามใต้ต้นลีลาวดีใหญ่ แม่บ้านหลายคนที่เตรียมพร้อมอยู่ภายนอกห้องรีบนำแก้วน้ำและผ้าเย็นมาวางให้
“ผมวิเชียรนะ ขอสายท่านผู้อำนวยการหน่อยเรื่องคนไข้คุณสุรเกียรติกับลูก” วิเชียรพูดเสียงเข้ม
การสนทนาระหว่างวิเชียรและผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่หาดใหญ่ดำเนินไปกว่าครึ่งชั่วโมงจบลง เขาลุกขึ้นเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง
“อีกครึ่งชั่วโมงเครื่องจะวิ่งขึ้น” วิเชียรให้ข่าวสีหน้าเครียดไม่สบตาใคร ทุกคนมองมาที่เขา
“คุณเกียรติกับเงาะเป็นอย่างไรบ้างคะ” แสงดาวถามอย่างร้อนใจ
“ทางเขาจะจัดแพทย์ที่เก่งที่สุดของเขาสองคนดูแล เครื่องจะบินต่ำๆน่าจะสักสามสี่พันฟุตเข้ามาเพื่อไม่ให้คนไข้มีผลมากนัก” วิเชียรพูด
“แล้วอาการสองคนล่ะคะ” แสงดาวยังถามถึงอีก
“ยังไม่ดีขึ้น” วิเชียรพูดแผ่วไม่ค่อยเต็มใจตอบ
“อีกไม่เกินสามชั่วโมงจากนี้สองคนจะเข้าผ่าตัด หากการเคลื่อนย้ายไม่มีปัญหา ทางกรุงเทพฯเตรียมพร้อมหมดแล้ว” เขาพูด
“ผมจะไปที่โรงพยาบาล” วิเชียรบอกแล้วลุกขึ้น พีและโจลุกขึ้นตาม
“โจ ลูกอยู่กับคุณแม่ก่อนดีรึเปล่าลูก” แสงดาวหันไปพูดกับโจ
“อย่าอยู่เลย แม่เห็นหน้าแกแล้วจะยิ่งคิดมาก คุณกับหนูเหมียวดูแลด้วยแล้วกัน” วิเชียรพูด
“ครับ” โจรับคำ