ธารทิพย์
โดย อัศวรักษ์
ธารทิพย์ บทที่ 1
http://ppantip.com/topic/32957586
ธารทิพย์ บทที่ 2
http://ppantip.com/topic/32957859
ธารทิพย์ บทที่ 3
http://ppantip.com/topic/32958019
ธารทิพย์ บทที่ 4
http://ppantip.com/topic/32958259
ธารทิพย์ บทที่ 5
http://ppantip.com/topic/32974296
ธารทิพย์ บทที่ 6
http://ppantip.com/topic/32978381
ธารทิพย์ บทที่ 7
http://ppantip.com/topic/32986718
ธารทิพย์ บทที่ 8
http://ppantip.com/topic/32995506
ธารทิพย์ บทที่ 9
http://ppantip.com/topic/33004672
ธารทิพย์ บทที่ 10
http://ppantip.com/topic/33008856
ไกรศักดิ์เดินเข้าเดินออกหลายครั้งจนเขาเริ่มรู้สึกถึงความไม่สงบนิ่งในจิตของตนเอง เขารู้ดีว่าความไม่สงบนั้นบั่นทอนปัญญา ทำให้มองไม่เห็นหนทางอะไรเลยในการแก้ไขเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อยู่เฉพาะหน้านี้ ไกรศักดิ์เดินกลับเข้าไปภายในห้องที่โสภานอนหลับอยู่อีกครั้ง
“เวลานี้คงได้แต่รอ ผมจะอยู่ในห้องพระนะคุณแสงดาว” เขาบอกแสงดาว
“ค่ะพี่ไกร พี่ไกรมาเหนื่อยๆพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ” แสงดาวตอบ
“ผมจะทำสมาธิสักหน่อย เวลานี้มันเหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว” ไกรศักดิ์บอก
“ถ้ามีอะไรคุณแสงดาวเข้าไปเรียกผมเลยนะ สะกิดเรียกเบาๆแล้วกัน” เขาสั่งความไว้
“เจ้าค่ะคุณพี่” แสงดาวตอบรับ
ไกรศักดิ์สั่งแม่บ้านไว้ว่าเขาต้องการทำกรรมฐาน ห้ามใครเข้าไปรบกวนยกเว้นแม่หญิงแสงดาวคนเดียวเท่านั้นแล้วจึงเดินขึ้นชั้นบนของคฤหาสน์ไป ห้องพระของคฤหาสน์ธำรงสัตย์ใหญ่โตโอ่โถง พื้นที่และการตกแต่งนั้นราวกับภายในของพระอุโบสถที่พบเห็นได้ตามวัดต่างๆ
พระพุทธชินราชจำลององค์ประทานสีทองขนาดใหญ่ประดิษฐานไว้เด่นเป็นสง่า มีลำแสงจากสปอตไลท์ฉายประดับให้งามเย็นตา มีพระอริยะบุคคลหลายองค์ลดลั่นลงมา ผนังสองด้านเทวะรูปบูชาและพระบรมรูปบูรพมหากษัตริย์ตั้งไว้มากมายหลายพระองค์
ไกรศักดิ์ดึงโทรศัพท์มือถือมาปิดเสียงเรียกเข้าและข้าวของที่อยู่กับตัวทั้งหมดออกวางไว้ แล้วเดินไปหยิบผ้าสีขาวที่มีจัดวางอยู่ในห้องพระมาห่มร่างกายท่อนบน เขานั่งกราบบูชาพระรัตนตรัยเสร็จแล้วจึงนั่งลงขัดสมาธิเข้าสู่การปฏิบัติกรรมฐานอันตั้งมั่นไว้ที่ฌานของการถอดกายทิพย์สู่ภพภูมิอื่น
“เวลามาถึงแล้วรึพี่ท่าน”
“เกรงว่าจะใช่” เสียงตอบมาสัมผัส
“ใยมิเป็นตัวฉัน”
“ความเจ็บปวด ต้องชดใช้ด้วยความเจ็บปวด” เสียงนั้นตอบ
“ใยมิใช่ชีวิต แลกด้วยชีวิต”
“ชีวิตมิถูกคำนึง ความรัก ความเจ็บปวด ความชิงชังเป็นใยที่เหลืออยู่” เสียงนั้นบอก
“มีอันใดเปลี่ยนแปลงได้”
“วาสนา บารมี อีกทั้งบุพกรรม” เสียงนั้นตอบ
“ฉันเพียรตามหา ฉันมิพบเสียงตอบ”
“เพียรมิพอ คำตอบรอท่านอยู่แสนไกล” เสียงนั้นบอก
“หนใดเล่า พี่ท่าน”
“ผู้เจ็บปวดแสนเข็ญยามเจ็บปวด” “ผู้ชดใช้ต้องแสนเข็ญเยี่ยงกัน” เสียงนั้นตอบ
“ตาม….” เสียงนั้น แผ่วจางห่างออกไป กายทิพย์ล่องลอยกลับคืนสู่ร่างด้วยเสียงเรียกเบาๆ
“พี่ไกรคะ พี่ไกรคะ” แสงดาวกระซิบเรียกเบาๆ
ไกรศักดิ์ลืมตาขึ้นแล้วหันไปตามเสียงเรียก
“พี่ไกร...” แสงดาวนั่งพับเพียบอยู่ข้างๆ เธอก้มหน้าสะอึกสะอื้นน้ำตาร่วงพรูลงบนพื้นห้อง
ไกรศักดิ์พอจะคาดเดาจากอาการที่เห็นได้นั้น เขาสะกดความรู้สึกของตัวเองให้เข้มแข็งเพื่อรับฟังข่าว
ห้องรับรองของโรงพยาบาลบัดนี้ทุกสิ่งเงียบงัน เมื่อคณะศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ทำการผ่าตัดและผู้อำนวยการเข้ามารายงานผลการผ่าตัดเจ็ดชั่วโมงที่เพิ่งจะเสร็จสิ้นลง ทั้งสี่คนไม่เหลือน้ำตาจะไหลอีกแล้ว พีนั่งอยู่บนพื้นพิงผนังชันเข่าก้มหน้ามีโจที่ทอดตาเหม่อลอยกับเหมียวนั่งโอบไหล่อยู่สองข้าง
“เราทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้แล้วครับท่าน เราขออภัยที่ไม่สามารถช่วยคุณนัทธิกาเอาไว้ได้” หัวหน้าคณะศัลยแพทย์รายงานต่อวิเชียรซึ่งยืนฟังอยู่คนเดียว
“คณะแพทย์ขอแสดงความเสียใจครับ” เขาพูด
“แล้วคุณเกียรติล่ะ” วิเชียรถาม
“ท่านสุรเกียรติขณะนี้อาการโคม่า ทางเราจะดูแลอย่างใกล้ชิดครับ” เขาตอบ
“มีโอกาสแค่ไหนครับ” วิเชียรถาม
“ไม่ถึงยี่สิบเปอร์เซ็นครับท่าน” นายแพทย์ตอบสีหน้าไม่สู้ดีนัก
วิเชียรถอนหายใจมองหน้าเขา แล้วผละเดินมาหยุดยืนมองทั้งสามคน ไม่มีคำพูดอะไรออกมาจากปาก สักครู่จึงเดินกลับไปหาผู้อำนวยการใหญ่
“ฝากสุรเกียรติไว้ด้วยนะหมอ ส่วนลูกเงาะผมจะติดต่อมาอีกที ตอนนี้ผมคิดอะไรไม่ออก” วิเชียรพูด
“ครับท่าน ทางเราจะดูแลอย่างเต็มความสามารถ อีกครั้งครับ ผมและคณะแพทย์ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวทุกท่านครับ” ผู้อำนวยการใหญ่พูด
“ผมกับลูกๆคงต้องกลับไปหารือกันก่อน คุณช่วยจัดรถเข็นให้สองคันนะ” วิเชียรพูด
ทั้งสองไม่เหลือเรี่ยวแรงจะพยุงกายเดิน โจถูกเข็นออกไปก่อนโดยมีเหมียวเดินกุมมือไปด้วย ส่วนพี นั่งบนรถเข็นมองเหม่อไปเหมือนคนไม่มีสติ เขาพยายามรวบรวมกำลังเหลียวไปมองที่ประตูห้องผ่าตัดเพราะรู้ดีว่าร่างอันไร้วิญญาณของเงาะนอนสงบนิ่งอยู่ในนั้น แล้วน้ำตาก็ไหลรินออกมาอีกครั้ง
ทั้งสี่คนกลับมาถึง แสงดาวและวิเชียรประคองลูกชายซึ่งยังคงมีน้ำตาซึมออกมาจากหางตาตลอดเวลาเข้าไปยังห้องพักผ่อน ไกรศักดิ์เดินออกมาช่วยเหมียวพยุงโจเข้าไป ทั้งโจและพีเริ่มฟื้นสติขึ้นบ้างแล้ว ในห้องพักผ่อนบรรดาแม่บ้านช่วยกันจัดหาน้ำร้อนน้ำเย็นและผ้าเช็ดหน้าเข้ามาวางอย่างรีบเร่ง สักครู่ใหญ่วิเชียรจึงเริ่มพูดขึ้น
“ทำอย่างไรกันต่อดีครับพี่ไกร” วิเชียรหันไปถาม
“เรื่องเงาะคงยังทำอะไรไม่ได้หรอก” ไกรศักดิ์บอก
“ผมเองก็มืดแปดด้าน โจก็ยังไม่ไหว โสภายิ่งแล้วใหญ่” เขาพูดยกมือขึ้นนั่งกุมขมับ
“คุณแสงดาว ไปบอกหมอให้มาดูแลสองคนนี่หน่อยดีกว่า” ไกรศักดิ์หันไปบอกแสงดาว
“ได้ค่ะคุณพี่” แสงดาวรับคำแล้วเดินออกไป เหมียวเดินตามเธอออกไปด้วย
หมอและพยาบาลเข้ามาตรวจร่างกายพีและโจ จากนั้นจึงให้ยากล่อมประสาทให้ทั้งสองนอนหลับพักฟื้นร่างกายซึ่งอ่อนเพลีย สภาพจิตใจที่บอบช้ำจากการสูญเสียผู้เป็นที่รักไปอย่างกะทันหัน
“คุณลุง คุณพ่อ คุณแม่คะหนูขอกลับไปเตรียมตัวที่บ้านสักครู่ แล้วจะรีบมาค่ะ” เหมียวบอกผู้ใหญ่ทั้งสามคน
“ขอบใจมากนะลูก หนูก็พักผ่อนบ้างนะ” แสงดาวบอก
“หนูแค่ไปเอาเสื้อผ้ามาน่ะค่ะ คงต้องขอความกรุณารบกวนพักที่นี่สักระยะหนึ่ง” เหมียวพูด
“แล้วงานการครอบครัวหนูล่ะลูก” แสงดาวถาม
“หนูยังไม่ได้ทำงานเป็นเรื่องเป็นราวค่ะคุณแม่” “คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่อยู่ ไม่มีใคร ขอให้หนูได้อยู่ช่วยอะไรบ้างก็ยังดี” เหมียวพูดสีหน้าเป็นทุกข์
“ขอบใจหนูมากนะลูกที่มีน้ำใจ ความจริงเวลานี้เราก็ต้องการคนช่วยคิดช่วยเป็นกำลังใจอยู่” ไกรศักดิ์บอก เขาเข้าใจเจตนาและความรู้สึกของเธอ
เหมียวยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสามคน
“หนูขอบพระคุณที่เมตตาหนู เวลานี้หนูเข้ามาร่วมรับรู้รับเห็นความทุกข์นี้แล้ว หนูคงไม่สามารถเดินออกไปเฉยๆได้หรอกค่ะ” เหมียวพูดน้ำเสียงจิงจัง
“ถ้าอย่างนั้น หนูเหนื่อยมากแล้วเดี๋ยวแม่ให้เค้าเอารถออกหนูจะได้ไม่ต้องขับนะลูก เอาแม่บ้านสองคนไปด้วย” แสงดาวบอกเหมียว แล้วหันไปพยักหน้าให้แม่บ้านที่ยืนรอฟังคำสั่งอยู่
“ขอบพระคุณค่ะคุณแม่ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวหนูจะรีบไปรีบกลับค่ะ” เหมียวไหว้ทั้งสามแล้วรีบเดินออกไปโดยมีแม่บ้านติดตามไปด้วย
เมื่อนั่งกันอยู่ตามลำพังผู้ใหญ่สามคน ไกรศักดิ์เอื้อมมากุมมือทั้งวิเชียรและแสงดาวที่นั่งอยู่ข้างๆเอาไว้
“คุณวิเชียร คุณแสงดาว” ไกรศักดิ์หันไปมองสบตาเรียกชื่อทั้งสอง
“ครับพี่ไกร” “คะคุณพี่” ทั้งสองขานรับ
“ผมขอบคุณทั้งสองคนสำหรับความกรุณานะ” เขาพูดขึ้น
“พี่ไกร เราเป็นพี่น้องครอบครัวเดียวกันนี่ครับ ว่าแต่พี่ไกรมีอะไรรึเปล่าครับ” วิเชียรพูดแล้วถามต่อ เขารู้ว่าไกรศักดิ์คงมีอะไรสักอย่างที่อยากพูด
“ผมมีบางสิ่งที่สำคัญต้องไปทำ มันเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ “ เขาพูดแล้วปล่อยมือที่กุมทั้งสองคนอยู่นั่งตัวตรงขึ้น
วิเชียรและแสงดาวมองสบตากันแวบหนึ่ง ทั้งสองรู้จักไกรศักดิ์ดีจึงรู้ว่าเขาต้องมีเรื่องที่สำคัญมากๆจะบอก และสิ่งนั้นอาจคลี่คลายความรุนแรงของสิ่งที่เกิดขึ้นเวลานี้เพื่อรักษาชีวิตที่เหลือให้อยู่รอดต่อไปได้
“คุณพี่จะให้เราทำอะไรเจ้าคะ” แสงดาวถาม
“ผมฝากโสภา สุรเกียรติกับเงาะเอาไว้ด้วยนะ จนกว่าผมจะกลับมา” ไกรศักดิ์บอก
“แล้วโจล่ะครับพี่ไกร” วิเชียรถาม
“ผมจะเอาไปด้วย” ไกรศักดิ์ตอบ “เขาควรไปกับผม”
“พี่ไกรพอจะบอกเราได้มั้ยครับว่า…” วิเชียรถามค้างเพราะไกรศักดิ์พูดตัดบท
“บอกตรงๆ มันอธิบายยากจริงๆ รอให้สองคนค่อยยังชั่วแล้วผมจะพูดพร้อมกันนะ” เขาพูดแล้วมองทั้งสองคน
เลขานุการฯของสุรเกียรติเข้ามาหยุดรออยู่หน้าประตู แสงดาวหันไปพยักหน้าอนุญาตให้เข้ามาในห้อง
“ท่านคะ มีผู้ถือหุ้นและนักข่าวมารอแสดงความเสียใจและขอสัมภาษณ์ ดิฉันจัดห้องประชุมใหญ่ให้กลุ่มผู้ถือหุ้นเข้ามารอ ส่วนนักข่าวดิฉันให้รออยู่ด้านหน้าแล้วค่ะ” เธอรายงาน
“ครับ สักครู่ผมจะออกไปนะ พบนักข่าวก่อนคงไม่นาน ยังไม่มีอะไรให้ข่าวมากนัก แล้วค่อยไปพบปะชี้แจงผู้ถือหุ้นแล้วกัน” ไกรศักดิ์บอกเธอ
เวลานี้คงมีเพียงเขาคนเดียวในฐานะ พลเอกไกรศักดิ์ ธำรงสัตย์ พี่ชายคนเดียวของสุรเกียรติที่จะมีบารมีค้ำจุนธุรกิจและให้สัมภาษณ์ตอบนักข่าวได้
ค่ำวันนั้น โจและพีตื่นขึ้นจากการหลับใหลเพราะฤทธิ์ยาที่หมอให้ พวกเขาลุกขึ้นฝืนใจอาบน้ำชำระร่างกายเปลี่ยนเสื้อผ้าลงมา เหมียวกลับเข้ามานานแล้วเธอและผู้ใหญ่ทั้งสามคนอยู่ข้างเตียงคุณหญิงโสภาที่ฟื้นขึ้นมาด้วยสภาพร่างกายและจิตใจที่อ่อนเพลีย ทุกคนปิดบังความจริงไว้ว่าสุรเกียรติและเงาะได้รับการผ่าตัดพ้นขีดอันตรายแล้วเพื่อซื้อเวลา
เหมียวรีบลุกขึ้นเดินเข้าไปหาเมื่อมองเห็นโจและพีกำลังเดินเข้ามาเพื่อบอกกล่าวให้พูดตรงกัน
“โจ ลูก” โสภาเรียกลูกเสียงแผ่ว
“แม่พักผ่อนมากๆนะครับ อย่าคิดอะไร อีกไม่นานพ่อกับเงาะก็กลับมา” โจพูด สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับเขาคือกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาให้แม่เห็น เขากัดปลายลิ้นตัวเองเอาไว้
“ไม่ต้องห่วงอะไรนะคุณโสภา ผมกับวิเชียรและคุณแสงดาวช่วยดูแลอยู่” ไกรศักดิ์รีบเข้ามาตัดบท
“วันนั้นก่อนไปมีนกตกลงมาตายบนกระโปรงรถ เลือดเต็มไปหมด ดิฉันบอกคุณพี่เขาว่าอย่าไปเลยมันไม่ค่อยดี” โสภาเล่าช้าๆ
“แต่แกบอกว่าคงไม่เป็นอะไรหรอก” เธอเล่าต่อแล้วหลับตาลง
“โสภา ตัวเองอย่าเพิ่งคิดอะไรเรื่องนั้นเลยนะ รักษาสุขภาพไว้ก่อนเถอะ” แสงดาวพูดแล้วกุมมือโสภาเอาไว้
“นั่นซิ เดี๋ยวทุกอย่างมันก็ผ่านไปนะโสภา” วิเชียรเสริม
“พีก็ช่วยดูแลน้องด้วยนะลูก” โสภาหันไปพูดกับพี
“ครับ..คุณแม่” พีสะดุ้ง ตอบแล้วรีบก้มหน้าลงซ่อนบางอย่างไว้
“ผมขอไปดูทางโน้นครับ” เขาพูดแล้วรีบผละเดินออกจากห้องไป
“คุณพี่เลยต้องลำบากไปด้วย” โสภาบอกไกรศักดิ์ เขาไม่ตอบได้แต่พยักหน้าฝืนยิ้มแตะหลังมือเธอเบาๆ
“หนูเหมียวอีกคน แม่ขอบใจนะ” เธอหันไปพูดกับเหมียว
ธารทิพย์ บทที่ 11
ธารทิพย์ บทที่ 1 http://ppantip.com/topic/32957586
ธารทิพย์ บทที่ 2 http://ppantip.com/topic/32957859
ธารทิพย์ บทที่ 3 http://ppantip.com/topic/32958019
ธารทิพย์ บทที่ 4 http://ppantip.com/topic/32958259
ธารทิพย์ บทที่ 5 http://ppantip.com/topic/32974296
ธารทิพย์ บทที่ 6 http://ppantip.com/topic/32978381
ธารทิพย์ บทที่ 7 http://ppantip.com/topic/32986718
ธารทิพย์ บทที่ 8 http://ppantip.com/topic/32995506
ธารทิพย์ บทที่ 9 http://ppantip.com/topic/33004672
ธารทิพย์ บทที่ 10 http://ppantip.com/topic/33008856
ไกรศักดิ์เดินเข้าเดินออกหลายครั้งจนเขาเริ่มรู้สึกถึงความไม่สงบนิ่งในจิตของตนเอง เขารู้ดีว่าความไม่สงบนั้นบั่นทอนปัญญา ทำให้มองไม่เห็นหนทางอะไรเลยในการแก้ไขเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อยู่เฉพาะหน้านี้ ไกรศักดิ์เดินกลับเข้าไปภายในห้องที่โสภานอนหลับอยู่อีกครั้ง
“เวลานี้คงได้แต่รอ ผมจะอยู่ในห้องพระนะคุณแสงดาว” เขาบอกแสงดาว
“ค่ะพี่ไกร พี่ไกรมาเหนื่อยๆพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ” แสงดาวตอบ
“ผมจะทำสมาธิสักหน่อย เวลานี้มันเหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว” ไกรศักดิ์บอก
“ถ้ามีอะไรคุณแสงดาวเข้าไปเรียกผมเลยนะ สะกิดเรียกเบาๆแล้วกัน” เขาสั่งความไว้
“เจ้าค่ะคุณพี่” แสงดาวตอบรับ
ไกรศักดิ์สั่งแม่บ้านไว้ว่าเขาต้องการทำกรรมฐาน ห้ามใครเข้าไปรบกวนยกเว้นแม่หญิงแสงดาวคนเดียวเท่านั้นแล้วจึงเดินขึ้นชั้นบนของคฤหาสน์ไป ห้องพระของคฤหาสน์ธำรงสัตย์ใหญ่โตโอ่โถง พื้นที่และการตกแต่งนั้นราวกับภายในของพระอุโบสถที่พบเห็นได้ตามวัดต่างๆ
พระพุทธชินราชจำลององค์ประทานสีทองขนาดใหญ่ประดิษฐานไว้เด่นเป็นสง่า มีลำแสงจากสปอตไลท์ฉายประดับให้งามเย็นตา มีพระอริยะบุคคลหลายองค์ลดลั่นลงมา ผนังสองด้านเทวะรูปบูชาและพระบรมรูปบูรพมหากษัตริย์ตั้งไว้มากมายหลายพระองค์
ไกรศักดิ์ดึงโทรศัพท์มือถือมาปิดเสียงเรียกเข้าและข้าวของที่อยู่กับตัวทั้งหมดออกวางไว้ แล้วเดินไปหยิบผ้าสีขาวที่มีจัดวางอยู่ในห้องพระมาห่มร่างกายท่อนบน เขานั่งกราบบูชาพระรัตนตรัยเสร็จแล้วจึงนั่งลงขัดสมาธิเข้าสู่การปฏิบัติกรรมฐานอันตั้งมั่นไว้ที่ฌานของการถอดกายทิพย์สู่ภพภูมิอื่น
“เวลามาถึงแล้วรึพี่ท่าน”
“เกรงว่าจะใช่” เสียงตอบมาสัมผัส
“ใยมิเป็นตัวฉัน”
“ความเจ็บปวด ต้องชดใช้ด้วยความเจ็บปวด” เสียงนั้นตอบ
“ใยมิใช่ชีวิต แลกด้วยชีวิต”
“ชีวิตมิถูกคำนึง ความรัก ความเจ็บปวด ความชิงชังเป็นใยที่เหลืออยู่” เสียงนั้นบอก
“มีอันใดเปลี่ยนแปลงได้”
“วาสนา บารมี อีกทั้งบุพกรรม” เสียงนั้นตอบ
“ฉันเพียรตามหา ฉันมิพบเสียงตอบ”
“เพียรมิพอ คำตอบรอท่านอยู่แสนไกล” เสียงนั้นบอก
“หนใดเล่า พี่ท่าน”
“ผู้เจ็บปวดแสนเข็ญยามเจ็บปวด” “ผู้ชดใช้ต้องแสนเข็ญเยี่ยงกัน” เสียงนั้นตอบ
“ตาม….” เสียงนั้น แผ่วจางห่างออกไป กายทิพย์ล่องลอยกลับคืนสู่ร่างด้วยเสียงเรียกเบาๆ
“พี่ไกรคะ พี่ไกรคะ” แสงดาวกระซิบเรียกเบาๆ
ไกรศักดิ์ลืมตาขึ้นแล้วหันไปตามเสียงเรียก
“พี่ไกร...” แสงดาวนั่งพับเพียบอยู่ข้างๆ เธอก้มหน้าสะอึกสะอื้นน้ำตาร่วงพรูลงบนพื้นห้อง
ไกรศักดิ์พอจะคาดเดาจากอาการที่เห็นได้นั้น เขาสะกดความรู้สึกของตัวเองให้เข้มแข็งเพื่อรับฟังข่าว
ห้องรับรองของโรงพยาบาลบัดนี้ทุกสิ่งเงียบงัน เมื่อคณะศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ทำการผ่าตัดและผู้อำนวยการเข้ามารายงานผลการผ่าตัดเจ็ดชั่วโมงที่เพิ่งจะเสร็จสิ้นลง ทั้งสี่คนไม่เหลือน้ำตาจะไหลอีกแล้ว พีนั่งอยู่บนพื้นพิงผนังชันเข่าก้มหน้ามีโจที่ทอดตาเหม่อลอยกับเหมียวนั่งโอบไหล่อยู่สองข้าง
“เราทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้แล้วครับท่าน เราขออภัยที่ไม่สามารถช่วยคุณนัทธิกาเอาไว้ได้” หัวหน้าคณะศัลยแพทย์รายงานต่อวิเชียรซึ่งยืนฟังอยู่คนเดียว
“คณะแพทย์ขอแสดงความเสียใจครับ” เขาพูด
“แล้วคุณเกียรติล่ะ” วิเชียรถาม
“ท่านสุรเกียรติขณะนี้อาการโคม่า ทางเราจะดูแลอย่างใกล้ชิดครับ” เขาตอบ
“มีโอกาสแค่ไหนครับ” วิเชียรถาม
“ไม่ถึงยี่สิบเปอร์เซ็นครับท่าน” นายแพทย์ตอบสีหน้าไม่สู้ดีนัก
วิเชียรถอนหายใจมองหน้าเขา แล้วผละเดินมาหยุดยืนมองทั้งสามคน ไม่มีคำพูดอะไรออกมาจากปาก สักครู่จึงเดินกลับไปหาผู้อำนวยการใหญ่
“ฝากสุรเกียรติไว้ด้วยนะหมอ ส่วนลูกเงาะผมจะติดต่อมาอีกที ตอนนี้ผมคิดอะไรไม่ออก” วิเชียรพูด
“ครับท่าน ทางเราจะดูแลอย่างเต็มความสามารถ อีกครั้งครับ ผมและคณะแพทย์ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวทุกท่านครับ” ผู้อำนวยการใหญ่พูด
“ผมกับลูกๆคงต้องกลับไปหารือกันก่อน คุณช่วยจัดรถเข็นให้สองคันนะ” วิเชียรพูด
ทั้งสองไม่เหลือเรี่ยวแรงจะพยุงกายเดิน โจถูกเข็นออกไปก่อนโดยมีเหมียวเดินกุมมือไปด้วย ส่วนพี นั่งบนรถเข็นมองเหม่อไปเหมือนคนไม่มีสติ เขาพยายามรวบรวมกำลังเหลียวไปมองที่ประตูห้องผ่าตัดเพราะรู้ดีว่าร่างอันไร้วิญญาณของเงาะนอนสงบนิ่งอยู่ในนั้น แล้วน้ำตาก็ไหลรินออกมาอีกครั้ง
ทั้งสี่คนกลับมาถึง แสงดาวและวิเชียรประคองลูกชายซึ่งยังคงมีน้ำตาซึมออกมาจากหางตาตลอดเวลาเข้าไปยังห้องพักผ่อน ไกรศักดิ์เดินออกมาช่วยเหมียวพยุงโจเข้าไป ทั้งโจและพีเริ่มฟื้นสติขึ้นบ้างแล้ว ในห้องพักผ่อนบรรดาแม่บ้านช่วยกันจัดหาน้ำร้อนน้ำเย็นและผ้าเช็ดหน้าเข้ามาวางอย่างรีบเร่ง สักครู่ใหญ่วิเชียรจึงเริ่มพูดขึ้น
“ทำอย่างไรกันต่อดีครับพี่ไกร” วิเชียรหันไปถาม
“เรื่องเงาะคงยังทำอะไรไม่ได้หรอก” ไกรศักดิ์บอก
“ผมเองก็มืดแปดด้าน โจก็ยังไม่ไหว โสภายิ่งแล้วใหญ่” เขาพูดยกมือขึ้นนั่งกุมขมับ
“คุณแสงดาว ไปบอกหมอให้มาดูแลสองคนนี่หน่อยดีกว่า” ไกรศักดิ์หันไปบอกแสงดาว
“ได้ค่ะคุณพี่” แสงดาวรับคำแล้วเดินออกไป เหมียวเดินตามเธอออกไปด้วย
หมอและพยาบาลเข้ามาตรวจร่างกายพีและโจ จากนั้นจึงให้ยากล่อมประสาทให้ทั้งสองนอนหลับพักฟื้นร่างกายซึ่งอ่อนเพลีย สภาพจิตใจที่บอบช้ำจากการสูญเสียผู้เป็นที่รักไปอย่างกะทันหัน
“คุณลุง คุณพ่อ คุณแม่คะหนูขอกลับไปเตรียมตัวที่บ้านสักครู่ แล้วจะรีบมาค่ะ” เหมียวบอกผู้ใหญ่ทั้งสามคน
“ขอบใจมากนะลูก หนูก็พักผ่อนบ้างนะ” แสงดาวบอก
“หนูแค่ไปเอาเสื้อผ้ามาน่ะค่ะ คงต้องขอความกรุณารบกวนพักที่นี่สักระยะหนึ่ง” เหมียวพูด
“แล้วงานการครอบครัวหนูล่ะลูก” แสงดาวถาม
“หนูยังไม่ได้ทำงานเป็นเรื่องเป็นราวค่ะคุณแม่” “คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่อยู่ ไม่มีใคร ขอให้หนูได้อยู่ช่วยอะไรบ้างก็ยังดี” เหมียวพูดสีหน้าเป็นทุกข์
“ขอบใจหนูมากนะลูกที่มีน้ำใจ ความจริงเวลานี้เราก็ต้องการคนช่วยคิดช่วยเป็นกำลังใจอยู่” ไกรศักดิ์บอก เขาเข้าใจเจตนาและความรู้สึกของเธอ
เหมียวยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสามคน
“หนูขอบพระคุณที่เมตตาหนู เวลานี้หนูเข้ามาร่วมรับรู้รับเห็นความทุกข์นี้แล้ว หนูคงไม่สามารถเดินออกไปเฉยๆได้หรอกค่ะ” เหมียวพูดน้ำเสียงจิงจัง
“ถ้าอย่างนั้น หนูเหนื่อยมากแล้วเดี๋ยวแม่ให้เค้าเอารถออกหนูจะได้ไม่ต้องขับนะลูก เอาแม่บ้านสองคนไปด้วย” แสงดาวบอกเหมียว แล้วหันไปพยักหน้าให้แม่บ้านที่ยืนรอฟังคำสั่งอยู่
“ขอบพระคุณค่ะคุณแม่ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวหนูจะรีบไปรีบกลับค่ะ” เหมียวไหว้ทั้งสามแล้วรีบเดินออกไปโดยมีแม่บ้านติดตามไปด้วย
เมื่อนั่งกันอยู่ตามลำพังผู้ใหญ่สามคน ไกรศักดิ์เอื้อมมากุมมือทั้งวิเชียรและแสงดาวที่นั่งอยู่ข้างๆเอาไว้
“คุณวิเชียร คุณแสงดาว” ไกรศักดิ์หันไปมองสบตาเรียกชื่อทั้งสอง
“ครับพี่ไกร” “คะคุณพี่” ทั้งสองขานรับ
“ผมขอบคุณทั้งสองคนสำหรับความกรุณานะ” เขาพูดขึ้น
“พี่ไกร เราเป็นพี่น้องครอบครัวเดียวกันนี่ครับ ว่าแต่พี่ไกรมีอะไรรึเปล่าครับ” วิเชียรพูดแล้วถามต่อ เขารู้ว่าไกรศักดิ์คงมีอะไรสักอย่างที่อยากพูด
“ผมมีบางสิ่งที่สำคัญต้องไปทำ มันเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ “ เขาพูดแล้วปล่อยมือที่กุมทั้งสองคนอยู่นั่งตัวตรงขึ้น
วิเชียรและแสงดาวมองสบตากันแวบหนึ่ง ทั้งสองรู้จักไกรศักดิ์ดีจึงรู้ว่าเขาต้องมีเรื่องที่สำคัญมากๆจะบอก และสิ่งนั้นอาจคลี่คลายความรุนแรงของสิ่งที่เกิดขึ้นเวลานี้เพื่อรักษาชีวิตที่เหลือให้อยู่รอดต่อไปได้
“คุณพี่จะให้เราทำอะไรเจ้าคะ” แสงดาวถาม
“ผมฝากโสภา สุรเกียรติกับเงาะเอาไว้ด้วยนะ จนกว่าผมจะกลับมา” ไกรศักดิ์บอก
“แล้วโจล่ะครับพี่ไกร” วิเชียรถาม
“ผมจะเอาไปด้วย” ไกรศักดิ์ตอบ “เขาควรไปกับผม”
“พี่ไกรพอจะบอกเราได้มั้ยครับว่า…” วิเชียรถามค้างเพราะไกรศักดิ์พูดตัดบท
“บอกตรงๆ มันอธิบายยากจริงๆ รอให้สองคนค่อยยังชั่วแล้วผมจะพูดพร้อมกันนะ” เขาพูดแล้วมองทั้งสองคน
เลขานุการฯของสุรเกียรติเข้ามาหยุดรออยู่หน้าประตู แสงดาวหันไปพยักหน้าอนุญาตให้เข้ามาในห้อง
“ท่านคะ มีผู้ถือหุ้นและนักข่าวมารอแสดงความเสียใจและขอสัมภาษณ์ ดิฉันจัดห้องประชุมใหญ่ให้กลุ่มผู้ถือหุ้นเข้ามารอ ส่วนนักข่าวดิฉันให้รออยู่ด้านหน้าแล้วค่ะ” เธอรายงาน
“ครับ สักครู่ผมจะออกไปนะ พบนักข่าวก่อนคงไม่นาน ยังไม่มีอะไรให้ข่าวมากนัก แล้วค่อยไปพบปะชี้แจงผู้ถือหุ้นแล้วกัน” ไกรศักดิ์บอกเธอ
เวลานี้คงมีเพียงเขาคนเดียวในฐานะ พลเอกไกรศักดิ์ ธำรงสัตย์ พี่ชายคนเดียวของสุรเกียรติที่จะมีบารมีค้ำจุนธุรกิจและให้สัมภาษณ์ตอบนักข่าวได้
ค่ำวันนั้น โจและพีตื่นขึ้นจากการหลับใหลเพราะฤทธิ์ยาที่หมอให้ พวกเขาลุกขึ้นฝืนใจอาบน้ำชำระร่างกายเปลี่ยนเสื้อผ้าลงมา เหมียวกลับเข้ามานานแล้วเธอและผู้ใหญ่ทั้งสามคนอยู่ข้างเตียงคุณหญิงโสภาที่ฟื้นขึ้นมาด้วยสภาพร่างกายและจิตใจที่อ่อนเพลีย ทุกคนปิดบังความจริงไว้ว่าสุรเกียรติและเงาะได้รับการผ่าตัดพ้นขีดอันตรายแล้วเพื่อซื้อเวลา
เหมียวรีบลุกขึ้นเดินเข้าไปหาเมื่อมองเห็นโจและพีกำลังเดินเข้ามาเพื่อบอกกล่าวให้พูดตรงกัน
“โจ ลูก” โสภาเรียกลูกเสียงแผ่ว
“แม่พักผ่อนมากๆนะครับ อย่าคิดอะไร อีกไม่นานพ่อกับเงาะก็กลับมา” โจพูด สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับเขาคือกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาให้แม่เห็น เขากัดปลายลิ้นตัวเองเอาไว้
“ไม่ต้องห่วงอะไรนะคุณโสภา ผมกับวิเชียรและคุณแสงดาวช่วยดูแลอยู่” ไกรศักดิ์รีบเข้ามาตัดบท
“วันนั้นก่อนไปมีนกตกลงมาตายบนกระโปรงรถ เลือดเต็มไปหมด ดิฉันบอกคุณพี่เขาว่าอย่าไปเลยมันไม่ค่อยดี” โสภาเล่าช้าๆ
“แต่แกบอกว่าคงไม่เป็นอะไรหรอก” เธอเล่าต่อแล้วหลับตาลง
“โสภา ตัวเองอย่าเพิ่งคิดอะไรเรื่องนั้นเลยนะ รักษาสุขภาพไว้ก่อนเถอะ” แสงดาวพูดแล้วกุมมือโสภาเอาไว้
“นั่นซิ เดี๋ยวทุกอย่างมันก็ผ่านไปนะโสภา” วิเชียรเสริม
“พีก็ช่วยดูแลน้องด้วยนะลูก” โสภาหันไปพูดกับพี
“ครับ..คุณแม่” พีสะดุ้ง ตอบแล้วรีบก้มหน้าลงซ่อนบางอย่างไว้
“ผมขอไปดูทางโน้นครับ” เขาพูดแล้วรีบผละเดินออกจากห้องไป
“คุณพี่เลยต้องลำบากไปด้วย” โสภาบอกไกรศักดิ์ เขาไม่ตอบได้แต่พยักหน้าฝืนยิ้มแตะหลังมือเธอเบาๆ
“หนูเหมียวอีกคน แม่ขอบใจนะ” เธอหันไปพูดกับเหมียว