ชีวิตของเรานั้นมันมี ความเศร้าโศก ความเสียใจ หรือ ความทุกข์ใจ รอเราอยู่ ไม่ช้าก็เร็วมันจะเกิดขึ้น ซึ่งความทุกข์ใจนี้เป็นปัญหาใหญ่หลวงที่สุดสำหรับมนุษย์ทุกคน
สรุปแล้วความทุกข์ใจนี้จะเกิดขึ้น เมื่อเรามีความทุกข์ยากลำบากทางกาย เมื่อเราแก่ เมื่อเราเจ็บป่วย เมื่อเราจะตาย เมื่อเราต้องพลัดพรากจากคนหรือสิ่งที่เรารัก เมื่อเราต้องประสบกับคนหรือสิ่งที่เราเกลียดกลัว และเมื่อเราผิดหวัง
หลักอริยสัจ ๔ ของพระพุทธเจ้านั้นก็คือหลักในการปฏิบัติเพื่อดับทุกข์ใจที่กำลังเกิดอยู่ให้ดับหายไปได้แม้เพียงชั่วคราว และป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นอย่างถาวร (หรือตลอดชีวิต) ได้ (อย่าไปสนใจเรื่องนิพพานเลย เดี๋ยวจะเข้าใจสับสน)
หลักอริยสัจ ๔ นี้มีเทคนิคง่ายๆ คือ "ให้มองโลกโดยความเป็นของว่างจากความเป็นตัวตนของสิ่งทั้งหลาย" หรือที่เรียกว่า มองเห็น สุญญตา (ความว่างจากความเป็นตัวตน หรือว่างจากอัตตา
การมองโลกให้เห็นความว่างนี้ ก็คือการมีปัญญา (การรู้เห็นชีวิตและโลกตามที่เป็นอยู่จริง) ซึ่งการมองนี้ก็ต้องมีความตั้งใจ (สมาธิ) อยู่ด้วย โดยมีศีลเป็นพื้นฐานอยู่ก่อนแล้ว (คือต้องเป็นคนดีมีศีลธรรมเท่านั้นจึงจะปฏิบัติได้)
หลักการนี้เราต้องทดลองปฏิบัติดูก่อน จึงจะรู้ว่าสามารถช่วยดับทุกข์ของจิตใจเราได้หรือไม่? เราอย่าเพิ่งไปเชื่อว่าหลักการนี้ถูกหรือผิด จริงหรือไม่จริง แต่ให้ลองศึกษาและปฏิบัติดูก่อน เมื่อได้ผลจึงค่อยปลงใจเชื่อและปฏิบัติให้ยิ่งๆขึ้นต่อไป แต่ถ้าทดลองดูปฏิบัติแล้วไม่ได้ผล ก็อย่าเชื่อ ให้ละทิ้งไปและเราก็ไม่ได้เสียหายอะไรกับการทดลองปฏิบัตินี้เลยถ้ามันไม่ได้ผล (ศึกษาหลักอริยสัจ ๔ โดยละเอียดได้ที่
http://www.whatami.net )
อริยสัจ ๔ เป็นเทคนิคเฉพาะสำหรับดับทุกข์
สรุปแล้วความทุกข์ใจนี้จะเกิดขึ้น เมื่อเรามีความทุกข์ยากลำบากทางกาย เมื่อเราแก่ เมื่อเราเจ็บป่วย เมื่อเราจะตาย เมื่อเราต้องพลัดพรากจากคนหรือสิ่งที่เรารัก เมื่อเราต้องประสบกับคนหรือสิ่งที่เราเกลียดกลัว และเมื่อเราผิดหวัง
หลักอริยสัจ ๔ ของพระพุทธเจ้านั้นก็คือหลักในการปฏิบัติเพื่อดับทุกข์ใจที่กำลังเกิดอยู่ให้ดับหายไปได้แม้เพียงชั่วคราว และป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นอย่างถาวร (หรือตลอดชีวิต) ได้ (อย่าไปสนใจเรื่องนิพพานเลย เดี๋ยวจะเข้าใจสับสน)
หลักอริยสัจ ๔ นี้มีเทคนิคง่ายๆ คือ "ให้มองโลกโดยความเป็นของว่างจากความเป็นตัวตนของสิ่งทั้งหลาย" หรือที่เรียกว่า มองเห็น สุญญตา (ความว่างจากความเป็นตัวตน หรือว่างจากอัตตา
การมองโลกให้เห็นความว่างนี้ ก็คือการมีปัญญา (การรู้เห็นชีวิตและโลกตามที่เป็นอยู่จริง) ซึ่งการมองนี้ก็ต้องมีความตั้งใจ (สมาธิ) อยู่ด้วย โดยมีศีลเป็นพื้นฐานอยู่ก่อนแล้ว (คือต้องเป็นคนดีมีศีลธรรมเท่านั้นจึงจะปฏิบัติได้)
หลักการนี้เราต้องทดลองปฏิบัติดูก่อน จึงจะรู้ว่าสามารถช่วยดับทุกข์ของจิตใจเราได้หรือไม่? เราอย่าเพิ่งไปเชื่อว่าหลักการนี้ถูกหรือผิด จริงหรือไม่จริง แต่ให้ลองศึกษาและปฏิบัติดูก่อน เมื่อได้ผลจึงค่อยปลงใจเชื่อและปฏิบัติให้ยิ่งๆขึ้นต่อไป แต่ถ้าทดลองดูปฏิบัติแล้วไม่ได้ผล ก็อย่าเชื่อ ให้ละทิ้งไปและเราก็ไม่ได้เสียหายอะไรกับการทดลองปฏิบัตินี้เลยถ้ามันไม่ได้ผล (ศึกษาหลักอริยสัจ ๔ โดยละเอียดได้ที่ http://www.whatami.net )