บางคนเชื่อว่าชีวิตในปัจจุบันขณะคือการไม่คิดถึงอนาคตมีสติระลึกอยู่แต่ปัจจุบันขณะเท่านั้น
แต่เขาลืมไปว่าปัจจุบันขณะมันก็ไม่มีตัวตนอยู่จริงถ้ามันมีตัวตนอยู่จริงมันก็เป็นอัตตาน่ะสิ
ดังนั้นการพยายามหยิบฉวยเอาปัจจุบันขณะมาเป็นตัวตนก็คืออาการยึดมั่นในอุปทานชนิดหนึ่งนั่นเอง
ปัจจุบันขณะก็เหมือนกับพระนิพพานซึ่งเป็นอนัตตาจะพบพระนิพพานได้ก็ต้องอาศัยการละกิเลส
จู่ๆจะไปจับอารมย์พระนิพพานได้ที่ไหนถ้าไม่ละโกธโลภหลงให้ได้เสียก่อน
การจะพบกับปัจจุบันขณะให้ได้ก็ต้องอาศัยการละตัณหาที่ทำให้ชีวิตเรามีแต่อนาคตภพหน้าในทุกขณะจิตให้ได้เสียก่อน
เหมือนคำกล่าวของพระสารีบุตรที่กล่าวว่าท่านมีชีวิตอยู่เหมือนรอวันตายไปเท่านั้น
ดังนั้นทุกขณะจิตของท่านจึงเต็มเปรี่ยมด้วยมหาสติในการระลึกอยู่กับปัจจุบันขณะเพราะอนาคตภพหน้าท่านละได้หมดแล้ว
สำหรับผู้ยังไม่ได้บรรลุมรรคผลการมีชีวิตอยู่กับปัจจุบันขณะก็สามารถทำได้ด้วยการมีสติระลึกถึงมรณานุสสติเป็นอารมย์
เมื่อทำได้มากจะรู้สึกเหมือนว่าอนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอนมันเป็นสิ่งเลือนลางจะทำให้สติมาเกาะอยู่กับปัจจุบันขณะเท่านั้น
....ชีวิตในปัจจุบันขณะเป็นไฉน!?
แต่เขาลืมไปว่าปัจจุบันขณะมันก็ไม่มีตัวตนอยู่จริงถ้ามันมีตัวตนอยู่จริงมันก็เป็นอัตตาน่ะสิ
ดังนั้นการพยายามหยิบฉวยเอาปัจจุบันขณะมาเป็นตัวตนก็คืออาการยึดมั่นในอุปทานชนิดหนึ่งนั่นเอง
ปัจจุบันขณะก็เหมือนกับพระนิพพานซึ่งเป็นอนัตตาจะพบพระนิพพานได้ก็ต้องอาศัยการละกิเลส
จู่ๆจะไปจับอารมย์พระนิพพานได้ที่ไหนถ้าไม่ละโกธโลภหลงให้ได้เสียก่อน
การจะพบกับปัจจุบันขณะให้ได้ก็ต้องอาศัยการละตัณหาที่ทำให้ชีวิตเรามีแต่อนาคตภพหน้าในทุกขณะจิตให้ได้เสียก่อน
เหมือนคำกล่าวของพระสารีบุตรที่กล่าวว่าท่านมีชีวิตอยู่เหมือนรอวันตายไปเท่านั้น
ดังนั้นทุกขณะจิตของท่านจึงเต็มเปรี่ยมด้วยมหาสติในการระลึกอยู่กับปัจจุบันขณะเพราะอนาคตภพหน้าท่านละได้หมดแล้ว
สำหรับผู้ยังไม่ได้บรรลุมรรคผลการมีชีวิตอยู่กับปัจจุบันขณะก็สามารถทำได้ด้วยการมีสติระลึกถึงมรณานุสสติเป็นอารมย์
เมื่อทำได้มากจะรู้สึกเหมือนว่าอนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอนมันเป็นสิ่งเลือนลางจะทำให้สติมาเกาะอยู่กับปัจจุบันขณะเท่านั้น