เพิ่งมีโอกาสได้ดูลูซี้ค่ะ ดูจบปุ๊บนี่แบบ amazing มาก แอบแปลกใจคนเขียนเนื้อเรื่องแอบศึกษาศาสนาพุทธมาก่อนรึเปล่า?
ทำไมเราถึงคิดแบบนี้เพราะหลักการต่างๆที่ลูซี้รู้นี่มันคล้ายกับหลักของศาสนาพุทธเรามาก ซึ่งศาสนาพุทธของเราก็สามารถอ้างอิงหลักการของวิทยาศาสตร์ได้เช่นกัน
เช่น......
พอลูซี้เริ่มเข้าถึงศักยภาพของสมอง 20% เธอเริ่มไม่มีความปรารถนาแบบมนุษย์ และยังมีความสามารถพิเศษแบบอื่นอีก (ศาสนาพุทธเราเขาเรียกว่า ได้ฌาณและกิเลสเริ่มเบาบาง เกิดเมื่อคนปฏิบัติสมาธิ จิตว่าง ได้ปัญญาและเริ่มจะบรรลุอะไรซักอย่าง)
พอลูซี้เริ่มเข้าถึงศักยภาพของสมองมากขึ้นเธอเริ่มรู้ว่าตัวเองมาจากไหน เริ่มรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับโลกใบนี้ที่อยู่ๆก็รู้ขึ้นมาเอง (ศาสนาพุทธเขาเรียกตรัสรู้ใช่ป๊ะ?) เธอรู้มากจนต้องพยายามถ่ายทอดความรู้ออกมา (ถ้าเป็นศาสดาก็เริ่มสั่งสอนผู้คนนั่นแหละ) แถมยังเริ่มมีความสามารถพิเศษอีกมากมายหยั่งรู้ทุกอย่าง
ตอนที่ลูซี้เริ่มเล่าความจริงของโลกให้เหล่าอาจาร์ยมหาวิทยาลัยฟัง ว่าทุกอย่างคือสสารไม่มีตัวตน (นี่คือหลักอนัตตาของศาสนาพุทธ ทุกอย่างเป็นแค่สสารร่างกายก็ประกอบด้วยของแข็งและของเหลว) ไม่มีรูปร่างที่แน่นอน มนุษย์พยายามที่จะสร้างมาตรวัดขึ้นมาเอง (นี่มันหลักอนัตตาของศาสนาพุทธชัดๆ ว่ามนุษย์พยายามกำหนดตัวตนขึ้นมาเอง) แล้วลูซี้ก็พูดโดยเอาทฤษฎีของทางวิทยาศาสตร์มาสนับสนุนอีกทีว่าเวลาคือเอกภาพ ทำให้ทุกอย่างมีตัวตน
จนสุดท้ายเมื่อลูซี้เข้าถึงศักยภาพของสมอง 100 % จิตของเธอสามารถย้อนเวลาได้แต่ร่างกายจริงของเธอยังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ในมหาวิทยาลัย (ระลึกชาติได้ในศาสนาพุทธในขณะนั่งสมาธิ กายเนื้ออยู่กับที่ แต่จิตไปไกลถึงเป็นพันปี) จนรู้ถึงจุดกำเนิดของโลกแล้วสุดท้ายตัวเธอเองก็กลายเป็นอนัตตาความว่างเปล่า
แต่ยังไงลูซี้ก็ไม่ใช่ศาสดาของโลกเพราะเธอไม่ได้สั่งสอนผู้คน ไม่ได้คิดหลักการให้ดำเนินชีวิตเหมือนศีล 5 ที่พระพุทธเจ้ามอบเป็นหลักธรรมในการดำเนินชีวิตให้เรา แต่ลูซี้เธอเหมือนจะบรรลุอรหันต์ได้โดยใช้สารเคมี
แถมตอนจบของหนัง หนังยังทิ้งคำถามไว้ประมาณว่า เมื่อเรารู้แล้วว่าเราคืออะไร เกิดมาจากอะไร แล้วเราเลือกที่จะทำอะไรต่อไป? >>> นี่มันคำถามเชิงปรัชญาศาสนาชัดๆ
โดยส่วนตัวแล้วคิดว่านี่คือหนังปรัชญาศาสนาที่ใช้วิธีการดำเนินเรื่องแบบแอ๊คชั่น มีหลักการทางวิทยาศาสตร์มาสนับสนุนบางส่วน (แต่เรื่องวิทยาศาสตร์ไม่เด่นมาก) เพราะความสามารถบางอย่างของลูซี้นี่มันเกินกว่าหลักการทางวิทยาศาสตร์จะอธิบายได้จริงๆ แต่ศาสนาอธิบายได้ว่าอาจเป็นการหยั่งรู้ ฌานพิเศษ ความสามารถพิเศษของบุคคลที่มีปัญญาญานในระดับสูง เหมือนพระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร (นี่เราคิดน่ะ ยังไม่ได้หาแหล่งอ้างอิงมาสนับสนุน)
ส่วนตัวดูแล้วแอ๊คชั่นก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่ ไซไฟก็ไม่สุด แต่เป็นแนวปรัชญาศาสนาเรื่องนี่โอเคอยู่ค่ะ
ใครดูจบแล้วคิดว่าไงบ้างคะ? ใครไม่เห็นด้วยแบบเราก็ไม่เป็นไรนะคะ แชร์กันๆ
งดดราม่านะคะเจ้าของกระทู้ไม่ได้มีเจตนาลบลู่ศาสนานะคะ และถ้าเขียนผิดอะไรยังไงก็ขอโทษด้วยนะคะ พอดีก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญศาสนาพุทธซ่ะด้วย
และรู้สึกชอบหนังมากๆด้วยค่ะ
Lucy คือหนังปรัชญาศาสนาพุทธที่อ้างอิงหลักการทางวิทยาศาสตร์ใช่ไหมอ่ะ? (สปอยล์จัดเต็ม)
ทำไมเราถึงคิดแบบนี้เพราะหลักการต่างๆที่ลูซี้รู้นี่มันคล้ายกับหลักของศาสนาพุทธเรามาก ซึ่งศาสนาพุทธของเราก็สามารถอ้างอิงหลักการของวิทยาศาสตร์ได้เช่นกัน
เช่น......
พอลูซี้เริ่มเข้าถึงศักยภาพของสมอง 20% เธอเริ่มไม่มีความปรารถนาแบบมนุษย์ และยังมีความสามารถพิเศษแบบอื่นอีก (ศาสนาพุทธเราเขาเรียกว่า ได้ฌาณและกิเลสเริ่มเบาบาง เกิดเมื่อคนปฏิบัติสมาธิ จิตว่าง ได้ปัญญาและเริ่มจะบรรลุอะไรซักอย่าง)
พอลูซี้เริ่มเข้าถึงศักยภาพของสมองมากขึ้นเธอเริ่มรู้ว่าตัวเองมาจากไหน เริ่มรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับโลกใบนี้ที่อยู่ๆก็รู้ขึ้นมาเอง (ศาสนาพุทธเขาเรียกตรัสรู้ใช่ป๊ะ?) เธอรู้มากจนต้องพยายามถ่ายทอดความรู้ออกมา (ถ้าเป็นศาสดาก็เริ่มสั่งสอนผู้คนนั่นแหละ) แถมยังเริ่มมีความสามารถพิเศษอีกมากมายหยั่งรู้ทุกอย่าง
ตอนที่ลูซี้เริ่มเล่าความจริงของโลกให้เหล่าอาจาร์ยมหาวิทยาลัยฟัง ว่าทุกอย่างคือสสารไม่มีตัวตน (นี่คือหลักอนัตตาของศาสนาพุทธ ทุกอย่างเป็นแค่สสารร่างกายก็ประกอบด้วยของแข็งและของเหลว) ไม่มีรูปร่างที่แน่นอน มนุษย์พยายามที่จะสร้างมาตรวัดขึ้นมาเอง (นี่มันหลักอนัตตาของศาสนาพุทธชัดๆ ว่ามนุษย์พยายามกำหนดตัวตนขึ้นมาเอง) แล้วลูซี้ก็พูดโดยเอาทฤษฎีของทางวิทยาศาสตร์มาสนับสนุนอีกทีว่าเวลาคือเอกภาพ ทำให้ทุกอย่างมีตัวตน
จนสุดท้ายเมื่อลูซี้เข้าถึงศักยภาพของสมอง 100 % จิตของเธอสามารถย้อนเวลาได้แต่ร่างกายจริงของเธอยังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ในมหาวิทยาลัย (ระลึกชาติได้ในศาสนาพุทธในขณะนั่งสมาธิ กายเนื้ออยู่กับที่ แต่จิตไปไกลถึงเป็นพันปี) จนรู้ถึงจุดกำเนิดของโลกแล้วสุดท้ายตัวเธอเองก็กลายเป็นอนัตตาความว่างเปล่า
แต่ยังไงลูซี้ก็ไม่ใช่ศาสดาของโลกเพราะเธอไม่ได้สั่งสอนผู้คน ไม่ได้คิดหลักการให้ดำเนินชีวิตเหมือนศีล 5 ที่พระพุทธเจ้ามอบเป็นหลักธรรมในการดำเนินชีวิตให้เรา แต่ลูซี้เธอเหมือนจะบรรลุอรหันต์ได้โดยใช้สารเคมี
แถมตอนจบของหนัง หนังยังทิ้งคำถามไว้ประมาณว่า เมื่อเรารู้แล้วว่าเราคืออะไร เกิดมาจากอะไร แล้วเราเลือกที่จะทำอะไรต่อไป? >>> นี่มันคำถามเชิงปรัชญาศาสนาชัดๆ
โดยส่วนตัวแล้วคิดว่านี่คือหนังปรัชญาศาสนาที่ใช้วิธีการดำเนินเรื่องแบบแอ๊คชั่น มีหลักการทางวิทยาศาสตร์มาสนับสนุนบางส่วน (แต่เรื่องวิทยาศาสตร์ไม่เด่นมาก) เพราะความสามารถบางอย่างของลูซี้นี่มันเกินกว่าหลักการทางวิทยาศาสตร์จะอธิบายได้จริงๆ แต่ศาสนาอธิบายได้ว่าอาจเป็นการหยั่งรู้ ฌานพิเศษ ความสามารถพิเศษของบุคคลที่มีปัญญาญานในระดับสูง เหมือนพระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร (นี่เราคิดน่ะ ยังไม่ได้หาแหล่งอ้างอิงมาสนับสนุน)
ส่วนตัวดูแล้วแอ๊คชั่นก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่ ไซไฟก็ไม่สุด แต่เป็นแนวปรัชญาศาสนาเรื่องนี่โอเคอยู่ค่ะ
ใครดูจบแล้วคิดว่าไงบ้างคะ? ใครไม่เห็นด้วยแบบเราก็ไม่เป็นไรนะคะ แชร์กันๆ
งดดราม่านะคะเจ้าของกระทู้ไม่ได้มีเจตนาลบลู่ศาสนานะคะ และถ้าเขียนผิดอะไรยังไงก็ขอโทษด้วยนะคะ พอดีก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญศาสนาพุทธซ่ะด้วย
และรู้สึกชอบหนังมากๆด้วยค่ะ