2เรื่องสำหรับฆราวาส

เรื่องเเรกคือ การอนุโมทนา มีในพุทธวัจน อยู่ใน กาลสูตร สรุปเนื้อความที่ตรัสประพันธ์ไว้ ว่า เมื่อรู้จักการให้ทานตามกาลในพระอริยเจ้าเเล้ว ชนเหล่าใด ย่อมอนุโมทนาหรือช่วยเหลือ ทักขิณาทาน(ผู้ที่สมควรรับทาน ตั้งเเต่พระโสดาบัน) ย่อมมีส่วนบุญ


กาลทาน

๓๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กาลทาน ๕ ประการนี้ ๕ ประการ เป็นไฉน คือ ทายกย่อมให้ทานแก่ผู้มาสู่ถิ่นของตน ๑ ทายกย่อมให้ทานแก่ ผู้เตรียมจะไป ๑ ทายกย่อมให้ทานในสมัยข้าวแพง ๑ ทายกย่อมให้ข้าวใหม่ แก่ผู้มีศีล ๑ ทายกย่อมให้ผลไม้ใหม่แก่ผู้มีศีล ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย กาลทาน ๕ ประการนี้แล ฯ                          
 ผู้มีปัญญา รู้ความประสงค์ ปราศจากความตระหนี่ ย่อมให้ทานในกาลที่ควรให้ เพราะผู้ให้ทานตามกาลในพระอริยเจ้าทั้งหลาย ผู้ปฏิบัติซื่อตรง ผู้มีใจคงที่ เป็นผู้มีใจผ่องใสทักขิณาทานจึงจะมีผลไพบูลย์ ชนเหล่าใดย่อมอนุโมทนา                           หรือช่วยเหลือในทักขิณาทานนั้น ทักขิณาทานนั้นย่อมไม่มี ผลบกพร่อง เพราะการอนุโมทนาหรือการช่วยเหลือนั้น                           แม้พวกที่อนุโมทนาหรือช่วยเหลือ ย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งบุญ                           เพราะฉะนั้น ผู้มีจิตไม่ท้อถอยจึงควรให้ทานในเขตที่มีผล มาก บุญทั้งหลายย่อมเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลายในปรโลก ฯ


เรื่องที่2 การ ทิกษิณาอุทิส อันเกิดจาก ทักษิณาทาน
การอุทิศทาน มีตรัสบอกเป็นพุทธวัจน ในสูตรเรื่องทิศทั่ง6 ให้อุทิสเเก่พ่อเเม่ที่เสียแล้ว สูตรเทวดาเข้ายึดพื้นที่ตรัสเป็นคาถา ผู้ที่เคารพ อุทิศทานเเก่ท่านก่น เทวดาย่อมเคารพตอบเหมือน ลูกเกิดจากอกมารดา
สูตรที่ท้าวเวสสุวรรณบอกอุบาสิกาว่า การต้อนรับ คือการอุทิศทักษิณาทานให้ฉันด้วย
เรื่องของ พลีกรรม5


ตัวอย่างการทักษิณาอุทิศ
เห็นมีเเค่2 พระสูตร ที่มีใน พุทธวจน ที่ไม่ใช่คำเเต่งใหม่ ขอเลือกตามอุบาสิกาที่เป็นอนาคามีแล้วกัน
เมื่อให้ทานด้วยมือของตนเสร็จ ให้ตั้งจิตอธิษฐาน หรือกล่าวออกว่า  ผลบุญในทานนี้ เป็นไปเพื่อความสุขเเก่(ใสชื่อลงไป)..เถิด เท่านี้พอ เสร็จแล้ว ไม่ต้องตั้งนโม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่