ภิกษุทั้งหลาย ! ทายกผู้ให้โภชนะ ชื่อว่าย่อม
ให้ฐานะ ๔ ประการ แก่ปฏิคาหก (ผู้รับทาน, ผู้รับของถวาย).
๔ ประการ เป็นอย่างไรเล่า ? คือ :-
ให้อายุ วรรณะ สุขะ พละ
ครั้นให้อายุแล้ว ย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งอายุ
อันเป็นทิพย์หรือเป็นของมนุษย์ ครั้นให้วรรณะแล้ว ...
ครั้นให้สุขะแล้ว ... ครั้นให้พละแล้ว ย่อมเป็นผู้มีส่วน
แห่งพละอันเป็นทิพย์หรือเป็นของมนุษย์
ภิกษุทั้งหลาย ! ทายกผู้ให้โภชนะ ชื่อว่าย่อม
ให้ฐานะ ๔ ประการนี้ แก่ปฏิคาหก.
ผู้ใดย่อมให้โภชนะ ตามกาลอันควร โดยเคารพ
แก่ปฏิคาหกผู้สำรวมแล้ว ผู้บริโภคโภชนะที่ผู้อื่นให้เป็นอยู่
ผู้นั้นชื่อว่า ย่อมให้ฐานะ ๔ ประการ คือ อายุ วรรณะ
สุขะและพละ นรชนผู้มีปกติให้อายุ วรรณะ สุขะ พละ
ย่อมเป็นผู้มีอายุยืน มีบริวาร มียศ ในที่ที่ตนเกิดแล้ว.
ผู้ให้โภชนะ
ให้ฐานะ ๔ ประการ แก่ปฏิคาหก (ผู้รับทาน, ผู้รับของถวาย).
๔ ประการ เป็นอย่างไรเล่า ? คือ :-
ให้อายุ วรรณะ สุขะ พละ
ครั้นให้อายุแล้ว ย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งอายุ
อันเป็นทิพย์หรือเป็นของมนุษย์ ครั้นให้วรรณะแล้ว ...
ครั้นให้สุขะแล้ว ... ครั้นให้พละแล้ว ย่อมเป็นผู้มีส่วน
แห่งพละอันเป็นทิพย์หรือเป็นของมนุษย์
ภิกษุทั้งหลาย ! ทายกผู้ให้โภชนะ ชื่อว่าย่อม
ให้ฐานะ ๔ ประการนี้ แก่ปฏิคาหก.
ผู้ใดย่อมให้โภชนะ ตามกาลอันควร โดยเคารพ
แก่ปฏิคาหกผู้สำรวมแล้ว ผู้บริโภคโภชนะที่ผู้อื่นให้เป็นอยู่
ผู้นั้นชื่อว่า ย่อมให้ฐานะ ๔ ประการ คือ อายุ วรรณะ
สุขะและพละ นรชนผู้มีปกติให้อายุ วรรณะ สุขะ พละ
ย่อมเป็นผู้มีอายุยืน มีบริวาร มียศ ในที่ที่ตนเกิดแล้ว.