สวัสดีค่ะชาวพันทิปทุกท่าน อาจยาวหน่อยนะคะ ระบาย+สอบถามค่ะ
ดิฉันเคยแต่อ่านเรื่องของหลายๆท่านมาตลอดในพันทิปแต่ไม่เคยตั้งกระทู้เลย
หากผิดพลาดประการใด ดิฉันขอโทษด้วยนะคะ
เรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องจริง ไม่มีการแต่งขึ้นมาใดๆ อยากทราบว่าคนแบบนี้มีจริงหรือ?
ดิฉันเปิดบริษัทผลิตเครื่องสำอาง อย่างถูกต้องตามกฎหมาย อยู่ที่ภาคเหนือ
เป็นเพียงบริษัทเล็กๆไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย มีพนักงานสิบกว่าคน
เมื่อ5-6เดือนที่แล้วฉันคุยกับแฟนว่า ฉันไปกรุงเทพทุกเดือน และมีแผนจะไปดูตลาด ต่างประเทศบ่อยด้วย
จึงอยากมีผู้จัดการบริษัทดูแลงานให้หน่อย (แฟนก็ไม่สามารถช่วยดูได้เนื่องจากเขามีสิ่งจำเป็นที่ต้องทำขณะนั้น)
จึงรับสมัครผู้จัดการ เพื่อจะมาช่วยงานของฉันบางส่วน
และมีสมัคร5ท่าน แต่เราเลือกผู้ชายคนหนึ่งซึ่งที่เราจะเล่าตามหัวเรื่องค่ะ
ประวัติเขาจบคล้ายๆผู้ช่วยเภสัชแต่ไม่ใช่ผู้ช่วยเภสัช อละเห็นเขาทำงานที่เก่ามา13ปี ที่ทำงานเก่าเขาขอไม่เอ่ยถึงนะคะ เขาบอกว่าอยู่แถว
นนทบุรี หมู่บ้านลานทอง (แต่ก่อนเราอยู่กรุงเทพ เรียนที่นนทบุรีแถวนั้นเรารู้ทุกที่ว่าเป็นยังไง)
เริ่มเรื่องนะคะ
ผู้ชายคนนั้น แทนชื่อว่าคุณ C แล้วกันนะคะ เขาก็มาทำงานปกติ อายุ48 ทำงานดี พูดจาน่าเชื่อถือมาก (ใครไม่รู้จักจะเชื่อทุกอย่างที่เขาพูดแน่นอนค่ะ)
เราก็ไว้ใจให้ดูแลหลายๆอย่าง แต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้ดูทุกอย่างทั้งหมด และมีช่วงหนึ่งฉันไม่สบายบ่อยๆจึงนอนอยู่บ้านบ้าง ให้เขาช่วยดูแลพนักงาน ดูแลงานให้ และมีลูกค้าท่านหนึ่งเข้ามาสนใจให้ลอกเลียนแบบครีมของที่อื่น เราก็ให้ผู้จัดการคนนั้นดูแลให้หน่อยเพราะเราไม่สบาย (เป็นรายแรกที่เราลองให้เขาดูแล ส่วนมากเราจะรับและดูแลเกือบทุกรายค่ะ) และแล้วเขาก็ไปทำสัญญากันเองโดยที่ฉันไม่รู้เรื่องสัญญาเลย กลับมาบริษัทเขาเซ็นกันไปแล้วทั้งหมด ฉันก็อึ้งนิดๆ สัญญาดิฉันไม่รู้เรื่องเลย แต่ก็คิดว่าคงไม่มีปัฐหาอะไรเลยตามผู้จัดการคนนั้นไป /(ขอตัดบทลูกค้าไปนะคะเพราะเกิดปัญหาจริงๆมีเรื่องกันจริงๆที่บ้านให้เอาเรื่องลูกค้าเราอยากให้จบๆจึงไม่เอาเรื่องอะไร) แต่ที่เราไล่ผู้จัดการออกคือ เขาทำแทนเราทุกอย่างเหมือนเขาเป็นเจ้าของบริษัท ทำโดยไม่แจ้งฉันไม่แจ้งใครเลย และนินทาเรื่องในบริษัท ประวัติเจ้าของกิจการให้ลูกค้าฟัง เพราะวันที่ลูกค้ามาด่าฉันในวันนั้นเราไม่เถียงเสียงดังเหมือนเขาเพราะอยากรู้ว่าเขาจะพูดอะไรบ้าง ลูกค้าพูดทุกอย่างเช่นประวัติเราและแฟนจบอะไรที่ไหนยังไง เราถึงบ้างอ้อ เพราะประวัติเราไม่มีในอินเทอร์เน็ตและไม่มีใครรู้ลึกนอกจากพี่สาวเรากับแฟน และอีกคนคือผู้จัดการเพราะเขาเคยทำแผนธุรกิจให้เรา ถึงรู้ว่าผู้จัดการไปเล่าให้ลูกค้าฟัง ทั้งเรื่องในบริษัทต่างๆนาๆ และหลายๆเรื่องที่เราแอบดูแอบเก็บพฤติกรรมมาตลอด
ขอย้อนไปขณะทำงานนะคะ เราชอบนั่งและอยู่กับพนักงานด้านล่าง อยู่เฉยๆเขาก็ชอบเล่าเรื่องครอบครัวเขาให้ฟัง บางทีก็เล่าเรื่องบริษัทเก่าที่ทำงานให้ฟัง
เช่น
ผู้จัดการ: ลูกคนโตพี่นะ หล่อ จบนิติศาสตร์ กำลังสอบได้เป็นผู้ช่วยผู้พิพากษา เรียนเก่งโน้นนี่นั้น
ฉันกับพนักงานอีกท่าน : อ่อเก่งเน๊อะ ดีจังเลย พลอยชื่อนชมไปกับเขา
ความจริง : ลูกยังเรียนไม่จบ เรียนอยู่คณะนิติ ที่มหาลัยชื่อดังใน ภาคเหนือ ซิ่วมาจากคณะวิศวะกรรม (เราไปให้คนสืบมาค่ะ)
ผู้จัดการ: วันนี้พี่จะรีบกลับก่อนนะ พี่รีบไปรับลูกที่มงฟอต รถจะติดมากเลย ลูกพี่โทรมาตามแล้ว
เราและพนักงานอีกคน: ยิ้มและก็ยินดีกับเขา บ้านคงรวย เรียนที่ดีๆทั้งนั้นลูกๆเขา เก่งเน๊อะ
ความจริง : ลูกคนเล็กเรียนโรงเรียนวชิราลัย
(จะบอกความจริงก็ได้นะ เราก็ไม่เคยว่าใคร ใครดีเราก็ยินดีด้วย ใครลำบากอันไหนช่วยได้ก็ช่วยตลอด)
ที่สุดของเรื่องมโนเขาคือ มาสมัครงานบอกว่าทำงานที่เก่ามา13ปี ออกเพราะเจ้าของกิจการตาย เลยเลิกกิจการ
ผู้จัดการ: 1.ตอนพี่อยู่ที่เก่านะเขามีรถประจำตำแหน่งให้พี่ด้วยนะ แคมรี่
(น้าดิฉันเป็นผู้บริหารบริษัทน้ำมันต่างชาติเงินเดือน1.5แสนยังไม่มีรถประจำตำแหน่งให้เลยค่ะ)
2. ก่อนเจ้าของเก่า คุณ V ก่อนจะตายนะเขาเซ็นเช็คให้พี่4แสน ให้ฟรีๆนะไม่รวมเงินล่วงเวลา
3. เจ้าของบริษัทเก่าพี่นะ คุณ V เขาจะให้เงิน2-4ล้านไว้ให้พี่บริหารงานให้เขา สิ้นเดือนมาก็จ่ายเงินให้พนักงาน ส่วนที่เหลือถ้าพี่บริหารดีก็ได้ไป
(ดีนะที่ฉันยังไม่ไว้ใจให้เงินก้อนไว้บริหารงานบริษัทให้)
4.นี่ก็โน๊ตบุ๊คคุณ V เจ้าของบริษัทเก่าพี่ซื้อให้นะ
5.พี่ไม่ทำงานก็ได้ นอนอยู่ที่บ้านก็ได้ แต่เบื่อเลยมาหางานทำ
6.วางแผนให้เราตีตลาดน้ำยาทำความสะอาดในโรงพยาบาลและสถานที่ต่างๆ
(เพื่อผลประโยชน์ของเขาเอง)
เรา: ก็ยินดีกับเขาทุกเรื่อง เพราะเขาพูดน่านับถือมาก
พนักงานอีกท่าน: ก็ยินดีกับเขาทุกเรื่อง
พนักงานฝ่านผลิต: ก็ยินดีกับเขาทุกเรื่องและเชื่อในสิ่งที่เขาพูดทุกอย่าง
ความจริง คือ : บริษัทที่เขาอ้างมาชื่อนั่น ไม่มีอยู่จริง แต่เป็นห้างหุ้นส่วน แต่ไม่ได้อยู่นนทบุรี อยู่ที่เชียงใหม่ คือบ้านเขาเอง ทำเกี่ยวกับยาล้างจาน ซักล้าง
ทำความสะอาดต่างๆ และคาดว่าปิดตัวลงเมื่อปีที่แล้ว เบอร์โทรในพื้นที่มีแต่โทรไม่ติดซักเบอร์
เจ้าของคุณ V ที่เขาอ้างถึงบ่อยๆ ไม่มีตัวตนจริง เขามโนพูดขึ้นให้ตัวเองดูดี และอยากให้เราให้เงินเป็นก้อนให้เขาจัดการธุรกิจให้
คงอยากได้รถประจำตำแหน่งมั้งค่ะ
ผู้จัดการ: ชอบโพสเรื่องการเมืองทุกชั่วโมง ชั่วโมงละ1-3โพส
เรา: ก็เข้าไปดูบ้าง แต่เขาไม่ทราบว่าเราไปดู แต่เราก็ไม่ได้ว่าอะไร เป็นเรื่องส่วนตัวเขา ช่างเขาเถอะ
แต่นับวันทำไมคำพูดที่เขาโพสกับอยู่กับเรา มันคนละคนกันนะ
พนักงานบางท่าน: แจ้งว่าเราไม่ชอบให้เล่นเฟสบุ๊คเวลาทำงาน
เรา: ก็เล่นได้นะ แต่เวลาทำงานก็ทำงาน ว่างก็เล่นได้
ผู้จัดการ: อีกวัน บล็อคเฟสเรา2เมลล์ แต่เรายังเห็นเขาเพราะมีหลานเฟสเนื่องจากขายของ เขาเปิดให้ทุกคนเห็นได้
เรา: เคยไล่ดูภาพเขา เจออย่างหนึ่งคือ ถ่ายภาพเครื่องผลิตและครีมเราไปลงเฟสเขาโดยเขียนให้ดูเหมือนว่าเป็นธุรกิจเขาเอง เราก็อึ้งไปนิดๆ แต่ไม่ว่า อะไร ช่างเขาเถอะถ้าเขาทำแบบนั้นแล้วมีความสุข
เราจึงตัดสินใจให้ออกไปเพราะคิดว่าเขาไม่สามารถดูแลกิจการให้เราได้แน่นอน
และเราก็ไม่พูดถึงเขาอีกเลยจนมาวันหนึ่งเราย้ายสถานที่ออฟฟิต เขาก็ตามมาเปิดดูที่ออฟฟิตเก่าเรา
และเราขับรถผ่านพอดี จึงกลับรถมาดู แต่กลับมาไม่ทัน จึงสอบถามร้านข้างๆ เขาบอกเลขทะเบียนรถ และบอกว่าคนที่เคยทำงานกับเรามาเปิดหน้าร้าน
ไม่เข้าใจว่าเขาจะมาทำตามหรือมาเช่าที่เก่าเราทำไม ที่อื่นเยอะแยะไม่ไปเช่า
เราอยากถามว่า
ผู้ชายคนนี้ เขาเป็นคนสองบุคคลิกหรือป่าวคะ?
ผู้ชายคนนี้ เขาเป็น โรคโกหกตัวเอง (Pathological Liar) หรือป่าวคะ?
ผู้ชายคนนี้ เขาทำไมชอบมโน สร้างเรื่องให้คนอื่นเชื่อถือเขาโดยไม่มีความจริงเลย?
ผู้ชายคนนี้จะไปหลอกคนอื่นอีกใหมนะ หลอกพวกเราในบริษัทไปได้แล้วสิบกว่าคน?
ผู้ชายคนนี้ เขาเป็นโรคประสาทหลอนจากอดีตหรือป่าวคะ?
#ขอแท็กหน่อยนะคะ ถ้ารบกวนขอโทษด้วยนะคะ เพิ่งตั้งกระทู้ครั้งแรกค่ะ
อยากสอบถามว่า ผู้ชายคนหนึ่งเขามโนภาพทุกอย่าง โดยไม่มีความจริง เขาเป็นประสาทใหมคะ?
ดิฉันเคยแต่อ่านเรื่องของหลายๆท่านมาตลอดในพันทิปแต่ไม่เคยตั้งกระทู้เลย
หากผิดพลาดประการใด ดิฉันขอโทษด้วยนะคะ
เรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องจริง ไม่มีการแต่งขึ้นมาใดๆ อยากทราบว่าคนแบบนี้มีจริงหรือ?
ดิฉันเปิดบริษัทผลิตเครื่องสำอาง อย่างถูกต้องตามกฎหมาย อยู่ที่ภาคเหนือ
เป็นเพียงบริษัทเล็กๆไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย มีพนักงานสิบกว่าคน
เมื่อ5-6เดือนที่แล้วฉันคุยกับแฟนว่า ฉันไปกรุงเทพทุกเดือน และมีแผนจะไปดูตลาด ต่างประเทศบ่อยด้วย
จึงอยากมีผู้จัดการบริษัทดูแลงานให้หน่อย (แฟนก็ไม่สามารถช่วยดูได้เนื่องจากเขามีสิ่งจำเป็นที่ต้องทำขณะนั้น)
จึงรับสมัครผู้จัดการ เพื่อจะมาช่วยงานของฉันบางส่วน
และมีสมัคร5ท่าน แต่เราเลือกผู้ชายคนหนึ่งซึ่งที่เราจะเล่าตามหัวเรื่องค่ะ
ประวัติเขาจบคล้ายๆผู้ช่วยเภสัชแต่ไม่ใช่ผู้ช่วยเภสัช อละเห็นเขาทำงานที่เก่ามา13ปี ที่ทำงานเก่าเขาขอไม่เอ่ยถึงนะคะ เขาบอกว่าอยู่แถว
นนทบุรี หมู่บ้านลานทอง (แต่ก่อนเราอยู่กรุงเทพ เรียนที่นนทบุรีแถวนั้นเรารู้ทุกที่ว่าเป็นยังไง)
เริ่มเรื่องนะคะ
ผู้ชายคนนั้น แทนชื่อว่าคุณ C แล้วกันนะคะ เขาก็มาทำงานปกติ อายุ48 ทำงานดี พูดจาน่าเชื่อถือมาก (ใครไม่รู้จักจะเชื่อทุกอย่างที่เขาพูดแน่นอนค่ะ)
เราก็ไว้ใจให้ดูแลหลายๆอย่าง แต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้ดูทุกอย่างทั้งหมด และมีช่วงหนึ่งฉันไม่สบายบ่อยๆจึงนอนอยู่บ้านบ้าง ให้เขาช่วยดูแลพนักงาน ดูแลงานให้ และมีลูกค้าท่านหนึ่งเข้ามาสนใจให้ลอกเลียนแบบครีมของที่อื่น เราก็ให้ผู้จัดการคนนั้นดูแลให้หน่อยเพราะเราไม่สบาย (เป็นรายแรกที่เราลองให้เขาดูแล ส่วนมากเราจะรับและดูแลเกือบทุกรายค่ะ) และแล้วเขาก็ไปทำสัญญากันเองโดยที่ฉันไม่รู้เรื่องสัญญาเลย กลับมาบริษัทเขาเซ็นกันไปแล้วทั้งหมด ฉันก็อึ้งนิดๆ สัญญาดิฉันไม่รู้เรื่องเลย แต่ก็คิดว่าคงไม่มีปัฐหาอะไรเลยตามผู้จัดการคนนั้นไป /(ขอตัดบทลูกค้าไปนะคะเพราะเกิดปัญหาจริงๆมีเรื่องกันจริงๆที่บ้านให้เอาเรื่องลูกค้าเราอยากให้จบๆจึงไม่เอาเรื่องอะไร) แต่ที่เราไล่ผู้จัดการออกคือ เขาทำแทนเราทุกอย่างเหมือนเขาเป็นเจ้าของบริษัท ทำโดยไม่แจ้งฉันไม่แจ้งใครเลย และนินทาเรื่องในบริษัท ประวัติเจ้าของกิจการให้ลูกค้าฟัง เพราะวันที่ลูกค้ามาด่าฉันในวันนั้นเราไม่เถียงเสียงดังเหมือนเขาเพราะอยากรู้ว่าเขาจะพูดอะไรบ้าง ลูกค้าพูดทุกอย่างเช่นประวัติเราและแฟนจบอะไรที่ไหนยังไง เราถึงบ้างอ้อ เพราะประวัติเราไม่มีในอินเทอร์เน็ตและไม่มีใครรู้ลึกนอกจากพี่สาวเรากับแฟน และอีกคนคือผู้จัดการเพราะเขาเคยทำแผนธุรกิจให้เรา ถึงรู้ว่าผู้จัดการไปเล่าให้ลูกค้าฟัง ทั้งเรื่องในบริษัทต่างๆนาๆ และหลายๆเรื่องที่เราแอบดูแอบเก็บพฤติกรรมมาตลอด
ขอย้อนไปขณะทำงานนะคะ เราชอบนั่งและอยู่กับพนักงานด้านล่าง อยู่เฉยๆเขาก็ชอบเล่าเรื่องครอบครัวเขาให้ฟัง บางทีก็เล่าเรื่องบริษัทเก่าที่ทำงานให้ฟัง
เช่น
ผู้จัดการ: ลูกคนโตพี่นะ หล่อ จบนิติศาสตร์ กำลังสอบได้เป็นผู้ช่วยผู้พิพากษา เรียนเก่งโน้นนี่นั้น
ฉันกับพนักงานอีกท่าน : อ่อเก่งเน๊อะ ดีจังเลย พลอยชื่อนชมไปกับเขา
ความจริง : ลูกยังเรียนไม่จบ เรียนอยู่คณะนิติ ที่มหาลัยชื่อดังใน ภาคเหนือ ซิ่วมาจากคณะวิศวะกรรม (เราไปให้คนสืบมาค่ะ)
ผู้จัดการ: วันนี้พี่จะรีบกลับก่อนนะ พี่รีบไปรับลูกที่มงฟอต รถจะติดมากเลย ลูกพี่โทรมาตามแล้ว
เราและพนักงานอีกคน: ยิ้มและก็ยินดีกับเขา บ้านคงรวย เรียนที่ดีๆทั้งนั้นลูกๆเขา เก่งเน๊อะ
ความจริง : ลูกคนเล็กเรียนโรงเรียนวชิราลัย
(จะบอกความจริงก็ได้นะ เราก็ไม่เคยว่าใคร ใครดีเราก็ยินดีด้วย ใครลำบากอันไหนช่วยได้ก็ช่วยตลอด)
ที่สุดของเรื่องมโนเขาคือ มาสมัครงานบอกว่าทำงานที่เก่ามา13ปี ออกเพราะเจ้าของกิจการตาย เลยเลิกกิจการ
ผู้จัดการ: 1.ตอนพี่อยู่ที่เก่านะเขามีรถประจำตำแหน่งให้พี่ด้วยนะ แคมรี่
(น้าดิฉันเป็นผู้บริหารบริษัทน้ำมันต่างชาติเงินเดือน1.5แสนยังไม่มีรถประจำตำแหน่งให้เลยค่ะ)
2. ก่อนเจ้าของเก่า คุณ V ก่อนจะตายนะเขาเซ็นเช็คให้พี่4แสน ให้ฟรีๆนะไม่รวมเงินล่วงเวลา
3. เจ้าของบริษัทเก่าพี่นะ คุณ V เขาจะให้เงิน2-4ล้านไว้ให้พี่บริหารงานให้เขา สิ้นเดือนมาก็จ่ายเงินให้พนักงาน ส่วนที่เหลือถ้าพี่บริหารดีก็ได้ไป
(ดีนะที่ฉันยังไม่ไว้ใจให้เงินก้อนไว้บริหารงานบริษัทให้)
4.นี่ก็โน๊ตบุ๊คคุณ V เจ้าของบริษัทเก่าพี่ซื้อให้นะ
5.พี่ไม่ทำงานก็ได้ นอนอยู่ที่บ้านก็ได้ แต่เบื่อเลยมาหางานทำ
6.วางแผนให้เราตีตลาดน้ำยาทำความสะอาดในโรงพยาบาลและสถานที่ต่างๆ
(เพื่อผลประโยชน์ของเขาเอง)
เรา: ก็ยินดีกับเขาทุกเรื่อง เพราะเขาพูดน่านับถือมาก
พนักงานอีกท่าน: ก็ยินดีกับเขาทุกเรื่อง
พนักงานฝ่านผลิต: ก็ยินดีกับเขาทุกเรื่องและเชื่อในสิ่งที่เขาพูดทุกอย่าง
ความจริง คือ : บริษัทที่เขาอ้างมาชื่อนั่น ไม่มีอยู่จริง แต่เป็นห้างหุ้นส่วน แต่ไม่ได้อยู่นนทบุรี อยู่ที่เชียงใหม่ คือบ้านเขาเอง ทำเกี่ยวกับยาล้างจาน ซักล้าง
ทำความสะอาดต่างๆ และคาดว่าปิดตัวลงเมื่อปีที่แล้ว เบอร์โทรในพื้นที่มีแต่โทรไม่ติดซักเบอร์
เจ้าของคุณ V ที่เขาอ้างถึงบ่อยๆ ไม่มีตัวตนจริง เขามโนพูดขึ้นให้ตัวเองดูดี และอยากให้เราให้เงินเป็นก้อนให้เขาจัดการธุรกิจให้
คงอยากได้รถประจำตำแหน่งมั้งค่ะ
ผู้จัดการ: ชอบโพสเรื่องการเมืองทุกชั่วโมง ชั่วโมงละ1-3โพส
เรา: ก็เข้าไปดูบ้าง แต่เขาไม่ทราบว่าเราไปดู แต่เราก็ไม่ได้ว่าอะไร เป็นเรื่องส่วนตัวเขา ช่างเขาเถอะ
แต่นับวันทำไมคำพูดที่เขาโพสกับอยู่กับเรา มันคนละคนกันนะ
พนักงานบางท่าน: แจ้งว่าเราไม่ชอบให้เล่นเฟสบุ๊คเวลาทำงาน
เรา: ก็เล่นได้นะ แต่เวลาทำงานก็ทำงาน ว่างก็เล่นได้
ผู้จัดการ: อีกวัน บล็อคเฟสเรา2เมลล์ แต่เรายังเห็นเขาเพราะมีหลานเฟสเนื่องจากขายของ เขาเปิดให้ทุกคนเห็นได้
เรา: เคยไล่ดูภาพเขา เจออย่างหนึ่งคือ ถ่ายภาพเครื่องผลิตและครีมเราไปลงเฟสเขาโดยเขียนให้ดูเหมือนว่าเป็นธุรกิจเขาเอง เราก็อึ้งไปนิดๆ แต่ไม่ว่า อะไร ช่างเขาเถอะถ้าเขาทำแบบนั้นแล้วมีความสุข
เราจึงตัดสินใจให้ออกไปเพราะคิดว่าเขาไม่สามารถดูแลกิจการให้เราได้แน่นอน
และเราก็ไม่พูดถึงเขาอีกเลยจนมาวันหนึ่งเราย้ายสถานที่ออฟฟิต เขาก็ตามมาเปิดดูที่ออฟฟิตเก่าเรา
และเราขับรถผ่านพอดี จึงกลับรถมาดู แต่กลับมาไม่ทัน จึงสอบถามร้านข้างๆ เขาบอกเลขทะเบียนรถ และบอกว่าคนที่เคยทำงานกับเรามาเปิดหน้าร้าน
ไม่เข้าใจว่าเขาจะมาทำตามหรือมาเช่าที่เก่าเราทำไม ที่อื่นเยอะแยะไม่ไปเช่า
เราอยากถามว่า
ผู้ชายคนนี้ เขาเป็นคนสองบุคคลิกหรือป่าวคะ?
ผู้ชายคนนี้ เขาเป็น โรคโกหกตัวเอง (Pathological Liar) หรือป่าวคะ?
ผู้ชายคนนี้ เขาทำไมชอบมโน สร้างเรื่องให้คนอื่นเชื่อถือเขาโดยไม่มีความจริงเลย?
ผู้ชายคนนี้จะไปหลอกคนอื่นอีกใหมนะ หลอกพวกเราในบริษัทไปได้แล้วสิบกว่าคน?
ผู้ชายคนนี้ เขาเป็นโรคประสาทหลอนจากอดีตหรือป่าวคะ?
#ขอแท็กหน่อยนะคะ ถ้ารบกวนขอโทษด้วยนะคะ เพิ่งตั้งกระทู้ครั้งแรกค่ะ