เปิดกรุหนังสือเก่า
ชุด ทหารรับจ้างเดนตาย
ตอน ล่องแจ้งสมรภูมินรก (๔)
สยุมภู ทศพล
ผมอาบน้ำขัดสีฉวีวรรณเป็นครั้งแรกในรอบครึ่งเดือน ท่ามกลางความแปลกประหลาดใจของบรรดาเพื่อนฝูงที่เคยเห็นผมเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับน้ำฝนเมืองลาวมาก่อน ล่องแจ้งใช่ว่าจะขาดแคลนน้ำนะครับ ภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยภูเขาสูง น้ำฝนที่ไหลบ่าลงมาจากร่องน้ำ บนภูเขาทั้งสี่ด้านทำให้ปริมาณน้ำที่ใช้ในเมืองล่องแจ้ง มีอย่างเหลือเฟือ
แต่ไอ้ความหนาว ที่หนาวอย่างเจ็บปวดกระดุกนี่ซีครับ มันเป็นอุปสรรคในการอาบน้ำอย่างมากทีเดียว ปรอทที่กองบัญชาการไม่เคยพ้นเลขสามขึ้นไปสักวัน
ที่พักของผมปลูกเป็นโรงสีขาวซีดๆสองชั้น ชั้นล่างเป็นคลังอุปกรณ์ทุกชนิด ที่จำเป็นสำหรับทหารรับจ้าง ไม่ว่าจะเป็นรองเท้า ผ้าห่ม เครื่องแบบ รวมไปจนกระทั่งมีดพกแบบโบวี่ และผ้ากันฝนแบบ ?ปันโจ?
สิ่งของเหล่านี้ จะมีโควต้าแจกให้กองพันทหารรับจ้างกองพันต่างๆปีละสองครั้ง แต่ก็กรณีฐานบัญชาการแตกก็สามารถที่จะจำหน่ายสิ่งของเหล่านั้นให้หายได้ และแน่นอนเหลือเกิน เมื่อสูยหายก้ต้องเบิกทดแทนกันวันยังค่ำ
อันนี้แหละครับ ที่เป็นช่องโหว่ให้เกิดคอร์รัปชั่นกันอย่างหน้าด้านที่สุด ผมปากหมาให้ฟังเสียเลย
ตามปกติกองพันทหารรับจ้าง จะมีกำลังพลประมาน 400-500 คน แบ่งออกเป็น หนึ่งหมวด บก.พัน หนึ่งหมวดอาวุธหนัก และอีกสามกองร้อย แทบทุกคนได้รับอาวุธ M-16 เป็นอาวุธประจำกาย นอกจากอาวุธหนักเหล่านั้น ก็จะได้รับแจกปืนพก .45 แทน
กองพันทหารรับจ้างกองพันหนึ่งๆ ฝรั่งมีโควต้าปืนพก .45 ให้ถึง 20 กระบอก และปืนพกเหล่านี้ ฝรั่งมันจ่ายให้ตั้งแต่อยู่ในประเทศไทย ตอนที่ฝึกอยู่ค่ายกาญจนบุรีทีเดียว
ตัว ผบ.พันเองจะเป็นผู้พิจารณาว่า จะจ่ายปืนพกเหล่านี้ให้กับใครบ้าง
พอบางคนได้รับแจกปืนพกเรียบร้อยแล้ว ไม่เอาข้ามฝั่งลาวหรอกครับ เก็บซ่อนไว้อย่างเงียบเชียบ ณ บ้านพักนั่นเอง
คราวนี้ พอข้ามมาฝั่งลาว ก็รอจังหวะและโอกาส ตอนข้าสึกมันเข้าตีฐานปฏิบัติการฝ่ายเรา และเกิดบังเอิญมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริงๆ พอเหตุการณ์สงบ กองพันทหารรับจ้างก็รายงานการสูญเสียอาวุธเลยทีเดียว
ตอนนี้ท่านผู้อ่าน จะพอเดาออกไหมครับว่า กองพันทหารรับจ้างเหล่านั้นจะจำหน่ายอาวุธอะไรก่อน
ก็ปืนพก .45 สิครับ ห้อยอยู่ที่ซองหนังอย่างดี แถมติดกับเข็มขัดสนามอย่างแน่นหนา ทำไมถึงแจ้งหายทั้งหมดกองพันมิทราบ แต่นี่ก็เป็นทางหากิน ที่ฝรั่งมันเปิดช่องว่างเอาไว้ ทั้งๆที่พวกมันรู้ทั้งรู้ แต่ก็พูดไม่ออกครับ
แต่กองพันทหารรับจ้างส่วนหลังนี่สิครับ หน้าด้านเหลือทน ตามปกติกองพันทหารรับจ้างเมื่อไปถึงเมืองล่องแจ้ง ก่อนขึ้นสู่แนวรบ จะต้องแบ่งกำลังออกหนึ่งส่วน ทิ้งเอาไว้ ณ เมืองล่องแจ้ง เรียกว่า บก.ส่วนหลัง
พวกส่วนหลังเหล่านี้จะมีหน้าที่เกี่ยวกับการส่งกำลังบำรุงทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นอาหาร กระสุนหรือแม้แต่กระทั่งจดหมายหรือพัสดุภัณท์ที่ส่งมาจากเมืองไทย จริงอยู่ถึงแม้งานจะหนัก แต่การเสี่ยงตายมีน้อยกว่ากันอย่างเทียบไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ทหารรับจ้างแทบทุกคนอยากจะอยู่ส่วนหลังกันทั้งนั้น
คราวนี้พอ บก.ส่วนหน้ารายงานการสูญเสียของปืนพกมายังส่วนหลัง พวก บก.ส่วนหลังก็จัดแจงเพิ่มยอดการสูญเสียของปืนพกเพิ่มเข้าไปด้วย ต่อจากนั้นก็นำเสนอ บก.ล่องแจ้ง เพื่อขอเบิกปืนพกมาทดแทนต่อไป
หน้าด้านไหมล่ะครับ อยู่ส่วนหลังแท้ๆ ปืนพกเกิดหายไปพร้อมกับพวกบนแนวเสียนี่ อย่างว่านั่นแหละครับ ?เสือพรานเขาไม่ว่ากันหรอก? ทีใครทีมัน เงินพ่อเงินแม่ของเราเมื่อไหร่ มันของไอ้กันทั้งนั้น เรื่องทั้งเรื่อง ปืนพก .45 ก้เลยระบาดที่อุดร ในราคากระบอกละ 1,000 บาทเท่านั้น
ตามปกติ ฝอ.4 ซึ่งมยศทางทหารเพียงนายร้อยโทคือผู้มีอำนาจเด็ดขาดในการบังคับบัญชากอง บก.ส่วนหลัง มีสิทธิ์ที่จะดึงทหารรับจ้างคนใดคนหนึ่ง ลงมาทำงานที่ส่วนหลังได้ หรือแม้กระทั่งหน่วงเหนี่ยวพวกเจ็บป่วยที่ถูกเส้นเอาไว้นานๆก็ยังได้
แล้วอย่างนี้ ทหารรับจ้างที่จะ ?อู้รบ? ก็ต้องยอมซูฮกอย่างช่วยไม่ได้ ใครมีส้นดี, เส้นแข็ง เจอะเจ้านายเก่าๆ ที่มีอำนาจวาสนาในกองบัญชาการล่องแจ้งก็เลยทำหนังสือขอตัวขาดจากกองพันทหารรับจ้างไปเลยก็มี
ฝอ.4 บางคนก็โลภมาก เห็นทหารรับจ้างบ้านนอกที่แขวน ?พระ? ดีๆ มีราคาสูงๆก็ขอเอาดื้อๆ พร้อมกับตั้งสิ่งแลกเปลี่ยนเอาใว้ว่า จะช่วยเหลือให้ทำงานอยู่ บก.ส่วนหลัง
ไอ้ความกลัวนี่แหละครับ ก็จำยอมถอดพระที่เคารพบูชาให้เขาไปอย่างจำใจ
ผมร่วมรบสงครามในประเทศลาวมาหลายปี จากทหารรับจ้างธรรมดา จนกระทั่งกลายมาเป็นล่าม เคยคลุกคลีกับพวกนี้มาอย่างใกล้ชิด เคยเห็นความทุกข์ยากในขณะที่กองพันขาดอาหาร หรือการเคลื่อนย้ายกองพันเข้าตีข้าสึกท่ามกลางพายุฝน ด้วยเสื้อผ้าเพียงชุดเดียวที่แห้งแล้วแห้งอีก ทหารรับจ้างบางคนทนไม่ไหวหรอกครับ บางครั้งเดินวันหนึ่งๆเกือบ 20 กม. ไหนจะต้องปีนภูเขาที่สูงชัน ไหนจะต้องลงหุบเขาที่อุดมไปด้วยตัวทากที่ดูดเลือดได้อย่างเจ็บแสบที่สุด
ไอ้ความยากลำบากเหล่านี้เอง ทำให้ทหารรับจ้างทุกคนพาลหาเหตุลงมา ?อู้รบ? ยังบก.ส่วนหลังเป็นอาจิณ
สาเหตุที่จะลงมาได้อย่างแน่นอนที่สุดก็คือ อ้างว่าเจ็บโน่นเจ็บนี่ แหกตาหมอประจำกองร้อยให้เซ็นต์ชื่อรับรองให้ ทหารเหล่านั้นก็สามารถนั่งชอปเปอร์ลงมาป่วยที่โรงพยาบาลล่องแจ้งได้อย่างสบาย
พูดถึงโรงพยาบาล ผมมีเรื่องขำแยะทีเดียวครับ ปกติหมอโรงยาบาลล่องแจ้ง จะเป็นผู้มีอำนาจเด็ดขาดแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้นเรียกว่าจะอนุมัติให้ใครไปป่วยอุดรก็ได้ ถ้าสมเหตุสมผลจริงๆ
หมอใหญ่ที่ผมกำลังจะเขียนถึงในขณะนี้ ชื่อเสียงของท่านเลื่องลือไปทั่ววงการทหารรับจ้างในสมรภูมิลาว อย่าเพิ่งเดานะครับว่า หมอใหญ่ผู้นี้ เป็นผู้ที่มีความเก่งกล้าในการรักษาอย่างยอดเยี่ยม ผิดถนัดครับ ความบ้าๆบอๆ และความเป็นคนตรงของคุณหมอ ?ชลกร? ต่างหากล่ะครับ ที่ทำให้คุณหมอผู้นี้โด่งดังอยู่ในกองบัญชาการเสือพราน
คราวแรก ผมยังไม่รู้จักกับหมอชลกรหรอกครับ แต่แล้วในวันหนึ่ง ในขณะที่หมอนอนคุยกับพนักงานวิทยุ ที่บังเอิญเปิดเครื่องแสตนบายด์ทิ้งเอาไว้ ก็ได้ยินหมอประจำกองร้อยของกองพัน 604 ส่งวิทยุขอชอปเปอร์ขึ้นไปรับทหารที่ใด้รับอุบัติเหตุจากปืนที่หน้าท้องจนเครื่องเพศห้อยร่องแร่ง ลำไส้ไหญ่ไหลลงมากองที่พื้น แต่ทหารคนนี้ก็ทนทายาทไม่ยอมสิ้นใจเอาง่ายๆ
ขณะนั้นเป็นเวลาประมาน 21.30 น. ชอปเปอร์ก็หมดเวลาทำงาน บินกลับอุดรจนหมดสิ้น ทาง บก.ล่องแจ้งไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร ก็พอดีพระเอกของเรื่องนี้ก็ขี่ม้าขาวเข้ามาช่วยได้ทันเวลาพอดี
?นั่นหมอประจำกองร้อยพุดใช่ไหม นี่อั๊วชลกรหมอใหญ่?
เสียงหมอชลกรส่งวิทยุขึ้นไปบนแนว พร้อมกับถามอาการของผู้บาดเจ็บด้วยน้ำเสียงที่เอาจริงเอาจัง
?ใช่ครับ อาการของคนเจ็บหนักมาก อาจจะรอด ถ้าได้รับการรักษาพยาบาลทันท่วงที?
เสียงหมอประจำกองร้อยส่งข่าวลงมา
?แล้วลื้อพยาบาลขั้นแรกกับคนเจ็บอย่างไร ไหนลองอธิบายให้อั๊วฟังซิ?
คุณหมอชลกรย้อนถามขึ้นไปอีก
?ผมฉีดมอร์ฟีนให้คนเจ็บ 1 เข็มแล้วครับ พร้อมกับเอาไส้ยัดกลับเข้าไว้ที่เดิม?
?เฮ้ย ลื้อจะบ้าหรือยังไงวะ รีบเอาไส้ออกมาอย่างเดิม พยายามเอาน้ำราดไว้ อย่าให้ไส้แห้งเป็นอันขาด?
เกิดมาผมก็เพิ่งเคยได้ยินการรักษาคนเจ็บทางวิทยุกันในวันนี้เองแหละครับ ต่อจากนั้นคุณหมอชลกรก็เอ็ดตะโรดุด่าพลพยาบาลประจำกองร้อยของกองพัน 604 ไปตามเรื่องตามราว เวลาผ่านไป 2-3 นาที คุณหมอชลากรย้อนถามขึ้นไปอีก
?เรียบร้อยแล้วใช่ไหม? พยาบาล ลื้อทำตามคำสั่งของอั๊วแล้วใช่ไหม? คนไข้อาการดีขึ้นหรือยัง??
?ครับ เรียบร้อยแล้วครับ ผมทำตามคำสั่งของคุณหมอทุกประการ คนไข้-เรียบร้อยแล้วครับ?
?อะไรว่ะ เรียบร้อย ลื้อหมายความว่าอย่างไร?
หมอชลกรตะโกนสวนขึ้นไปด้วยความโมโห
?คนไข้ตายเรียบร้อยแล้วครับ ขาดใจตอนผมเอาไส้ออกมานั่นแหละ?
เสียงพยาบาลตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงพอๆกัน
มีเสียงหัวเราะเกรียวกราวออกมาจากลำโพงวิทยุพร้อมกับมีเสียงตะโกนขึ้นมาลอยๆว่า
?ไอ้หมอเฮงซวย?
เล่นเอาทั้งผมและเพื่อนๆที่นอนฟัง ?มวยตู้? หัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง
ยังครับ ยังไม่หมด พฤติการณ์บ้าๆบอๆ ของหมอชลกรยังมีอีกมากมาย ท่านผู้อ่านลองมาดูวิธีตรวจร่างกายของหมอชลกรดูบ้างสิครับ
ผมบังเอิญต้องมีธุระจะต้องขึ้นไปขอยา ?เตตร้า? จากหมอชลกร ทั้งๆที่รู้กิตติศัพท์เป็นอย่างดี ผมก็จำเป็นต้องไปเพราะ ?เครื่องเยี่ยว? ของผม กำลังขัดลำกล้องเข้าทุกที ขืนปล่อยไว้ ?คุณสนอง? รับประทานผมอย่างแน่ๆ ก็เห็นทหารรับจ้าง 4-5 คนยืนถอดเสื้อเป็นแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่ง คุณหมอชลกรเอาเครื่องตรวจแบบหูฟังขึ้นไปสวมเอาไว้ที่หูทั้งสองข้าง ใช้มือขวาหยิบปลายหูฟังขึ้นจิ้มลงบนหน้าอกทหารรับจ้างคนแรก จิ้มไม่จิ้มเปล่า แถมแหกปากร้องเพลงมาร์ชทหารอากาศคลอไปด้วยอย่างมีความสุข
มือที่ถือหูฟังก็จิ้มหน้าอกอย่างมีจังหวะจะโคน ผมไม่กล้าขึ้นไปบนโรงพยาบาลหรอกครับ นั่งหัวเราะน้ำหูน้ำตาไหลกับเพื่อนๆอยู่ที่บันไดนั่นเอง
พอเพลง ?วันนี้เราอยู่ดูโลกกันให้โสภิณ? ของคุณหมอชลกรจบลง คุณหมอก็ยกเท้าขึ้นเตะก้นคนป่วยคนละที แจกยาคนละ2 ? 3 ชุด บอกว่าเป็นยาแก้ขี้เกียจ พร้อมกับไล่ลงจากโรงพยาบาลทันที
นี่แหละครับคืออาวุธลับของ บก.ล่องแจ้ง นักรบรับจ้างจะหาโอกาสให้หมอชลกรเซ็นซื่ออนุมัติให้ไปป่วยที่อุดรเห็นจะหายากเต็มที
แต่ก็มีอยู่จังหวะหนึ่งเหมือนกันครับ ที่หมอชลกรยอมเซ็นต์ให้ไปอุดรโดยไม่ยอมตรวจร่าง ก็อีตอนที่ข้าศึกยิงปืนใหญ่หรือจรวดเข้าใส่เมืองล่องแจ้งสิครับ คุณหมอชลกรจะกระโจนเข้าไปนั่งปลุกพระอยู่ในหลุมหลบภัย คราวนี้พวกทหารรับจ้างนกรู้ทั้งหลายก็ถือใบรับรองแพทย์วิ่งตามก้นคุณหมอเป็นทิวแถว สำเร็จครับ คุณหมอรีบเซ็นต์ให้อย่างง่ายดายทีเดียว
ผมปล่อยก๊ากออกมาคนเดียว ขณะที่นั่งอยู่บนรถจิ๊ปที่พลขับชาวแม้วกำลังพยายามมุ่งหน้าไปตลาดล่องแจ้ง ?ไอ้หน้าลิง? พลขับหันมามองหน้าผมอย่างแปลกใจ พร้อมกับเอ่ยถามขึ้นว่า
?นายภาษาขำอีหยังครับ หัวอยู่ได้แต่ผู้เดียว? (ล่ามขำอะไรหรือครับ หัวเราะอยู่เพียงคนเดียว)
?อั๊วนั่งคิดเพลินถึงหมอชลกรว่ะ เลยอดขำไม่ได้ ลื้อรู้จักหมอชลกรหรือเปล่าวะ ไอ้ลิง?
ผมย้อนถามเจ้าพลขับชาวแม้วไปอีก
?ทำไมบ่ฮู้จัก บักหมอบ้า ผมเป็นแผล ไปขอยา มันจะเอามีดตัดผมท่าเดียว?
ผมเลยได้หัวเราะอีกก๊ากใหญ่ในคำพุดแบบตรงไปตรงมา ของเจ้าพลขับแม้ว ที่บ้าๆบอๆพอๆกับคุณหมอชลกร
เกือบจะถึงเวลาที่ผมนัดหมายกับเจ้าสไปร๊ทแล้วครับ แต่ผมเห็นว่ายังมีเวลาเหลือเฟือก็เลยแวะไปที่ตลาด หาซื้อน้ำหอมฝรั่งเศษยี่ห้อ ?โตป๊าส? ที่บัวคำสั่งนักสั่งหนาว่าจะมาเยี่ยมครั้งต่อไปช่วยซื้อมาฝากให้เธอด้วย
ในขณะที่ผมกำลังสาละวนเลือกซื้อ น้ำหอมยี่ห้อ ?โตป๊าส? อยู่นั่นเอง ประสาทหูได้ยินเสียงวี้ดๆ จึงหันกลับไปมองดูบริเวณสนามบิน มีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวตรงบริเวณหัวสนามบินพร้อมๆกับควันสีขาวลอยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ในขณะที่ควันยังไม่ทันจาง ก็มีเสียงวี้ดยาวแทรกขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ผมพุ่งพรวดเดียวหมอบติดกับพื้นดิน โดยไม่คำนึงว่าชุดเอี่ยมอ่องของผมจะเป็นเช่นไร
เสียงระเบิดดังแน่นกว่าครั้งแรก ผมยังเดาไม่ออกว่าจะเป็นลูกปืนใหญ่หรือจรวดกันแน่ แต่ที่แน่ๆตำบลกระสุนตกของมันใกล้คลังแสงที่บริเวณสนามบินเข้ามาทุกที
?นายภาษา สนามบินโดนโจมตีแล้วครับ กลับ บก.เถอะครับ?
พลขับชาวแม้วละล่ำละลักพร้อมกับฉุดไม้ฉุดมือจะให้ผมขึ้นไปบนรถจิ๊ปให้จงได้
ผมก็เลยตัดสินใจกระโดดขึ้นรถจิ๊ป แต่ไม่ลืมที่จะคว้าเอาห่อน้ำหอมขึ้นไปด้วย รถจิ๊ปของผมพุ่งปราดออกมานอกถนนใหญ่บริเวณทางเข้าสนามบินก็บังเอิญมองเห็นเจ้าสไปร้ทวิ่งกระเร่อกระร่าอยู่ในกลุ่มคนงานที่กำลังเตรียมตัวจะกลับอุดรในเย็นวันนั้นด้วย ?เฮ้ย จอดรับเพื่อนอั๊วหน่อย?
ผมตะโกนแข่งกับเสียงระเบิดที่กำลังคำรามกึกก้อง ทันใจดีเหลือเกินครับ เจ้าพลขับแม้วกระแทกเบรคเต็มที่ ล้อทั้งสี่ของจิ๊ปเล็กครูดไปกับพื้นถนน
ผมหันหลังกลับไปดู เห็นเจ้าสไปร๊ทกำลังใช้ฝีเท้าน้องๆ นักกีฬาโอลิมปิคห้อกวดรถผมจนตัวโก่ง ก็เลยถอยหลังกลับไปรับ พามุ่งหน้าเข้าไป บก.ล่องแจ้งอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากขณะนั้น เป็นเวลาประมาน 17.00 น. บรรดาคนงาน A.C.S. และเจ้าหน้าที่ต่างๆ ที่ทำงานอยู่ที่ล่องแจ้ง ต่างก็กำลังเตรียมตัวจะกลับอุดรโดยเครื่องบินลำเลียงของแอร์อเมริกา
ล่องแจ้งสมรภูมินรก (๔) ๑๒ พ.ย.๕๗
ชุด ทหารรับจ้างเดนตาย
ตอน ล่องแจ้งสมรภูมินรก (๔)
สยุมภู ทศพล
ผมอาบน้ำขัดสีฉวีวรรณเป็นครั้งแรกในรอบครึ่งเดือน ท่ามกลางความแปลกประหลาดใจของบรรดาเพื่อนฝูงที่เคยเห็นผมเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับน้ำฝนเมืองลาวมาก่อน ล่องแจ้งใช่ว่าจะขาดแคลนน้ำนะครับ ภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยภูเขาสูง น้ำฝนที่ไหลบ่าลงมาจากร่องน้ำ บนภูเขาทั้งสี่ด้านทำให้ปริมาณน้ำที่ใช้ในเมืองล่องแจ้ง มีอย่างเหลือเฟือ
แต่ไอ้ความหนาว ที่หนาวอย่างเจ็บปวดกระดุกนี่ซีครับ มันเป็นอุปสรรคในการอาบน้ำอย่างมากทีเดียว ปรอทที่กองบัญชาการไม่เคยพ้นเลขสามขึ้นไปสักวัน
ที่พักของผมปลูกเป็นโรงสีขาวซีดๆสองชั้น ชั้นล่างเป็นคลังอุปกรณ์ทุกชนิด ที่จำเป็นสำหรับทหารรับจ้าง ไม่ว่าจะเป็นรองเท้า ผ้าห่ม เครื่องแบบ รวมไปจนกระทั่งมีดพกแบบโบวี่ และผ้ากันฝนแบบ ?ปันโจ?
สิ่งของเหล่านี้ จะมีโควต้าแจกให้กองพันทหารรับจ้างกองพันต่างๆปีละสองครั้ง แต่ก็กรณีฐานบัญชาการแตกก็สามารถที่จะจำหน่ายสิ่งของเหล่านั้นให้หายได้ และแน่นอนเหลือเกิน เมื่อสูยหายก้ต้องเบิกทดแทนกันวันยังค่ำ
อันนี้แหละครับ ที่เป็นช่องโหว่ให้เกิดคอร์รัปชั่นกันอย่างหน้าด้านที่สุด ผมปากหมาให้ฟังเสียเลย
ตามปกติกองพันทหารรับจ้าง จะมีกำลังพลประมาน 400-500 คน แบ่งออกเป็น หนึ่งหมวด บก.พัน หนึ่งหมวดอาวุธหนัก และอีกสามกองร้อย แทบทุกคนได้รับอาวุธ M-16 เป็นอาวุธประจำกาย นอกจากอาวุธหนักเหล่านั้น ก็จะได้รับแจกปืนพก .45 แทน
กองพันทหารรับจ้างกองพันหนึ่งๆ ฝรั่งมีโควต้าปืนพก .45 ให้ถึง 20 กระบอก และปืนพกเหล่านี้ ฝรั่งมันจ่ายให้ตั้งแต่อยู่ในประเทศไทย ตอนที่ฝึกอยู่ค่ายกาญจนบุรีทีเดียว
ตัว ผบ.พันเองจะเป็นผู้พิจารณาว่า จะจ่ายปืนพกเหล่านี้ให้กับใครบ้าง
พอบางคนได้รับแจกปืนพกเรียบร้อยแล้ว ไม่เอาข้ามฝั่งลาวหรอกครับ เก็บซ่อนไว้อย่างเงียบเชียบ ณ บ้านพักนั่นเอง
คราวนี้ พอข้ามมาฝั่งลาว ก็รอจังหวะและโอกาส ตอนข้าสึกมันเข้าตีฐานปฏิบัติการฝ่ายเรา และเกิดบังเอิญมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริงๆ พอเหตุการณ์สงบ กองพันทหารรับจ้างก็รายงานการสูญเสียอาวุธเลยทีเดียว
ตอนนี้ท่านผู้อ่าน จะพอเดาออกไหมครับว่า กองพันทหารรับจ้างเหล่านั้นจะจำหน่ายอาวุธอะไรก่อน
ก็ปืนพก .45 สิครับ ห้อยอยู่ที่ซองหนังอย่างดี แถมติดกับเข็มขัดสนามอย่างแน่นหนา ทำไมถึงแจ้งหายทั้งหมดกองพันมิทราบ แต่นี่ก็เป็นทางหากิน ที่ฝรั่งมันเปิดช่องว่างเอาไว้ ทั้งๆที่พวกมันรู้ทั้งรู้ แต่ก็พูดไม่ออกครับ
แต่กองพันทหารรับจ้างส่วนหลังนี่สิครับ หน้าด้านเหลือทน ตามปกติกองพันทหารรับจ้างเมื่อไปถึงเมืองล่องแจ้ง ก่อนขึ้นสู่แนวรบ จะต้องแบ่งกำลังออกหนึ่งส่วน ทิ้งเอาไว้ ณ เมืองล่องแจ้ง เรียกว่า บก.ส่วนหลัง
พวกส่วนหลังเหล่านี้จะมีหน้าที่เกี่ยวกับการส่งกำลังบำรุงทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นอาหาร กระสุนหรือแม้แต่กระทั่งจดหมายหรือพัสดุภัณท์ที่ส่งมาจากเมืองไทย จริงอยู่ถึงแม้งานจะหนัก แต่การเสี่ยงตายมีน้อยกว่ากันอย่างเทียบไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ทหารรับจ้างแทบทุกคนอยากจะอยู่ส่วนหลังกันทั้งนั้น
คราวนี้พอ บก.ส่วนหน้ารายงานการสูญเสียของปืนพกมายังส่วนหลัง พวก บก.ส่วนหลังก็จัดแจงเพิ่มยอดการสูญเสียของปืนพกเพิ่มเข้าไปด้วย ต่อจากนั้นก็นำเสนอ บก.ล่องแจ้ง เพื่อขอเบิกปืนพกมาทดแทนต่อไป
หน้าด้านไหมล่ะครับ อยู่ส่วนหลังแท้ๆ ปืนพกเกิดหายไปพร้อมกับพวกบนแนวเสียนี่ อย่างว่านั่นแหละครับ ?เสือพรานเขาไม่ว่ากันหรอก? ทีใครทีมัน เงินพ่อเงินแม่ของเราเมื่อไหร่ มันของไอ้กันทั้งนั้น เรื่องทั้งเรื่อง ปืนพก .45 ก้เลยระบาดที่อุดร ในราคากระบอกละ 1,000 บาทเท่านั้น
ตามปกติ ฝอ.4 ซึ่งมยศทางทหารเพียงนายร้อยโทคือผู้มีอำนาจเด็ดขาดในการบังคับบัญชากอง บก.ส่วนหลัง มีสิทธิ์ที่จะดึงทหารรับจ้างคนใดคนหนึ่ง ลงมาทำงานที่ส่วนหลังได้ หรือแม้กระทั่งหน่วงเหนี่ยวพวกเจ็บป่วยที่ถูกเส้นเอาไว้นานๆก็ยังได้
แล้วอย่างนี้ ทหารรับจ้างที่จะ ?อู้รบ? ก็ต้องยอมซูฮกอย่างช่วยไม่ได้ ใครมีส้นดี, เส้นแข็ง เจอะเจ้านายเก่าๆ ที่มีอำนาจวาสนาในกองบัญชาการล่องแจ้งก็เลยทำหนังสือขอตัวขาดจากกองพันทหารรับจ้างไปเลยก็มี
ฝอ.4 บางคนก็โลภมาก เห็นทหารรับจ้างบ้านนอกที่แขวน ?พระ? ดีๆ มีราคาสูงๆก็ขอเอาดื้อๆ พร้อมกับตั้งสิ่งแลกเปลี่ยนเอาใว้ว่า จะช่วยเหลือให้ทำงานอยู่ บก.ส่วนหลัง
ไอ้ความกลัวนี่แหละครับ ก็จำยอมถอดพระที่เคารพบูชาให้เขาไปอย่างจำใจ
ผมร่วมรบสงครามในประเทศลาวมาหลายปี จากทหารรับจ้างธรรมดา จนกระทั่งกลายมาเป็นล่าม เคยคลุกคลีกับพวกนี้มาอย่างใกล้ชิด เคยเห็นความทุกข์ยากในขณะที่กองพันขาดอาหาร หรือการเคลื่อนย้ายกองพันเข้าตีข้าสึกท่ามกลางพายุฝน ด้วยเสื้อผ้าเพียงชุดเดียวที่แห้งแล้วแห้งอีก ทหารรับจ้างบางคนทนไม่ไหวหรอกครับ บางครั้งเดินวันหนึ่งๆเกือบ 20 กม. ไหนจะต้องปีนภูเขาที่สูงชัน ไหนจะต้องลงหุบเขาที่อุดมไปด้วยตัวทากที่ดูดเลือดได้อย่างเจ็บแสบที่สุด
ไอ้ความยากลำบากเหล่านี้เอง ทำให้ทหารรับจ้างทุกคนพาลหาเหตุลงมา ?อู้รบ? ยังบก.ส่วนหลังเป็นอาจิณ
สาเหตุที่จะลงมาได้อย่างแน่นอนที่สุดก็คือ อ้างว่าเจ็บโน่นเจ็บนี่ แหกตาหมอประจำกองร้อยให้เซ็นต์ชื่อรับรองให้ ทหารเหล่านั้นก็สามารถนั่งชอปเปอร์ลงมาป่วยที่โรงพยาบาลล่องแจ้งได้อย่างสบาย
พูดถึงโรงพยาบาล ผมมีเรื่องขำแยะทีเดียวครับ ปกติหมอโรงยาบาลล่องแจ้ง จะเป็นผู้มีอำนาจเด็ดขาดแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้นเรียกว่าจะอนุมัติให้ใครไปป่วยอุดรก็ได้ ถ้าสมเหตุสมผลจริงๆ
หมอใหญ่ที่ผมกำลังจะเขียนถึงในขณะนี้ ชื่อเสียงของท่านเลื่องลือไปทั่ววงการทหารรับจ้างในสมรภูมิลาว อย่าเพิ่งเดานะครับว่า หมอใหญ่ผู้นี้ เป็นผู้ที่มีความเก่งกล้าในการรักษาอย่างยอดเยี่ยม ผิดถนัดครับ ความบ้าๆบอๆ และความเป็นคนตรงของคุณหมอ ?ชลกร? ต่างหากล่ะครับ ที่ทำให้คุณหมอผู้นี้โด่งดังอยู่ในกองบัญชาการเสือพราน
คราวแรก ผมยังไม่รู้จักกับหมอชลกรหรอกครับ แต่แล้วในวันหนึ่ง ในขณะที่หมอนอนคุยกับพนักงานวิทยุ ที่บังเอิญเปิดเครื่องแสตนบายด์ทิ้งเอาไว้ ก็ได้ยินหมอประจำกองร้อยของกองพัน 604 ส่งวิทยุขอชอปเปอร์ขึ้นไปรับทหารที่ใด้รับอุบัติเหตุจากปืนที่หน้าท้องจนเครื่องเพศห้อยร่องแร่ง ลำไส้ไหญ่ไหลลงมากองที่พื้น แต่ทหารคนนี้ก็ทนทายาทไม่ยอมสิ้นใจเอาง่ายๆ
ขณะนั้นเป็นเวลาประมาน 21.30 น. ชอปเปอร์ก็หมดเวลาทำงาน บินกลับอุดรจนหมดสิ้น ทาง บก.ล่องแจ้งไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร ก็พอดีพระเอกของเรื่องนี้ก็ขี่ม้าขาวเข้ามาช่วยได้ทันเวลาพอดี
?นั่นหมอประจำกองร้อยพุดใช่ไหม นี่อั๊วชลกรหมอใหญ่?
เสียงหมอชลกรส่งวิทยุขึ้นไปบนแนว พร้อมกับถามอาการของผู้บาดเจ็บด้วยน้ำเสียงที่เอาจริงเอาจัง
?ใช่ครับ อาการของคนเจ็บหนักมาก อาจจะรอด ถ้าได้รับการรักษาพยาบาลทันท่วงที?
เสียงหมอประจำกองร้อยส่งข่าวลงมา
?แล้วลื้อพยาบาลขั้นแรกกับคนเจ็บอย่างไร ไหนลองอธิบายให้อั๊วฟังซิ?
คุณหมอชลกรย้อนถามขึ้นไปอีก
?ผมฉีดมอร์ฟีนให้คนเจ็บ 1 เข็มแล้วครับ พร้อมกับเอาไส้ยัดกลับเข้าไว้ที่เดิม?
?เฮ้ย ลื้อจะบ้าหรือยังไงวะ รีบเอาไส้ออกมาอย่างเดิม พยายามเอาน้ำราดไว้ อย่าให้ไส้แห้งเป็นอันขาด?
เกิดมาผมก็เพิ่งเคยได้ยินการรักษาคนเจ็บทางวิทยุกันในวันนี้เองแหละครับ ต่อจากนั้นคุณหมอชลกรก็เอ็ดตะโรดุด่าพลพยาบาลประจำกองร้อยของกองพัน 604 ไปตามเรื่องตามราว เวลาผ่านไป 2-3 นาที คุณหมอชลากรย้อนถามขึ้นไปอีก
?เรียบร้อยแล้วใช่ไหม? พยาบาล ลื้อทำตามคำสั่งของอั๊วแล้วใช่ไหม? คนไข้อาการดีขึ้นหรือยัง??
?ครับ เรียบร้อยแล้วครับ ผมทำตามคำสั่งของคุณหมอทุกประการ คนไข้-เรียบร้อยแล้วครับ?
?อะไรว่ะ เรียบร้อย ลื้อหมายความว่าอย่างไร?
หมอชลกรตะโกนสวนขึ้นไปด้วยความโมโห
?คนไข้ตายเรียบร้อยแล้วครับ ขาดใจตอนผมเอาไส้ออกมานั่นแหละ?
เสียงพยาบาลตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงพอๆกัน
มีเสียงหัวเราะเกรียวกราวออกมาจากลำโพงวิทยุพร้อมกับมีเสียงตะโกนขึ้นมาลอยๆว่า
?ไอ้หมอเฮงซวย?
เล่นเอาทั้งผมและเพื่อนๆที่นอนฟัง ?มวยตู้? หัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง
ยังครับ ยังไม่หมด พฤติการณ์บ้าๆบอๆ ของหมอชลกรยังมีอีกมากมาย ท่านผู้อ่านลองมาดูวิธีตรวจร่างกายของหมอชลกรดูบ้างสิครับ
ผมบังเอิญต้องมีธุระจะต้องขึ้นไปขอยา ?เตตร้า? จากหมอชลกร ทั้งๆที่รู้กิตติศัพท์เป็นอย่างดี ผมก็จำเป็นต้องไปเพราะ ?เครื่องเยี่ยว? ของผม กำลังขัดลำกล้องเข้าทุกที ขืนปล่อยไว้ ?คุณสนอง? รับประทานผมอย่างแน่ๆ ก็เห็นทหารรับจ้าง 4-5 คนยืนถอดเสื้อเป็นแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่ง คุณหมอชลกรเอาเครื่องตรวจแบบหูฟังขึ้นไปสวมเอาไว้ที่หูทั้งสองข้าง ใช้มือขวาหยิบปลายหูฟังขึ้นจิ้มลงบนหน้าอกทหารรับจ้างคนแรก จิ้มไม่จิ้มเปล่า แถมแหกปากร้องเพลงมาร์ชทหารอากาศคลอไปด้วยอย่างมีความสุข
มือที่ถือหูฟังก็จิ้มหน้าอกอย่างมีจังหวะจะโคน ผมไม่กล้าขึ้นไปบนโรงพยาบาลหรอกครับ นั่งหัวเราะน้ำหูน้ำตาไหลกับเพื่อนๆอยู่ที่บันไดนั่นเอง
พอเพลง ?วันนี้เราอยู่ดูโลกกันให้โสภิณ? ของคุณหมอชลกรจบลง คุณหมอก็ยกเท้าขึ้นเตะก้นคนป่วยคนละที แจกยาคนละ2 ? 3 ชุด บอกว่าเป็นยาแก้ขี้เกียจ พร้อมกับไล่ลงจากโรงพยาบาลทันที
นี่แหละครับคืออาวุธลับของ บก.ล่องแจ้ง นักรบรับจ้างจะหาโอกาสให้หมอชลกรเซ็นซื่ออนุมัติให้ไปป่วยที่อุดรเห็นจะหายากเต็มที
แต่ก็มีอยู่จังหวะหนึ่งเหมือนกันครับ ที่หมอชลกรยอมเซ็นต์ให้ไปอุดรโดยไม่ยอมตรวจร่าง ก็อีตอนที่ข้าศึกยิงปืนใหญ่หรือจรวดเข้าใส่เมืองล่องแจ้งสิครับ คุณหมอชลกรจะกระโจนเข้าไปนั่งปลุกพระอยู่ในหลุมหลบภัย คราวนี้พวกทหารรับจ้างนกรู้ทั้งหลายก็ถือใบรับรองแพทย์วิ่งตามก้นคุณหมอเป็นทิวแถว สำเร็จครับ คุณหมอรีบเซ็นต์ให้อย่างง่ายดายทีเดียว
ผมปล่อยก๊ากออกมาคนเดียว ขณะที่นั่งอยู่บนรถจิ๊ปที่พลขับชาวแม้วกำลังพยายามมุ่งหน้าไปตลาดล่องแจ้ง ?ไอ้หน้าลิง? พลขับหันมามองหน้าผมอย่างแปลกใจ พร้อมกับเอ่ยถามขึ้นว่า
?นายภาษาขำอีหยังครับ หัวอยู่ได้แต่ผู้เดียว? (ล่ามขำอะไรหรือครับ หัวเราะอยู่เพียงคนเดียว)
?อั๊วนั่งคิดเพลินถึงหมอชลกรว่ะ เลยอดขำไม่ได้ ลื้อรู้จักหมอชลกรหรือเปล่าวะ ไอ้ลิง?
ผมย้อนถามเจ้าพลขับชาวแม้วไปอีก
?ทำไมบ่ฮู้จัก บักหมอบ้า ผมเป็นแผล ไปขอยา มันจะเอามีดตัดผมท่าเดียว?
ผมเลยได้หัวเราะอีกก๊ากใหญ่ในคำพุดแบบตรงไปตรงมา ของเจ้าพลขับแม้ว ที่บ้าๆบอๆพอๆกับคุณหมอชลกร
เกือบจะถึงเวลาที่ผมนัดหมายกับเจ้าสไปร๊ทแล้วครับ แต่ผมเห็นว่ายังมีเวลาเหลือเฟือก็เลยแวะไปที่ตลาด หาซื้อน้ำหอมฝรั่งเศษยี่ห้อ ?โตป๊าส? ที่บัวคำสั่งนักสั่งหนาว่าจะมาเยี่ยมครั้งต่อไปช่วยซื้อมาฝากให้เธอด้วย
ในขณะที่ผมกำลังสาละวนเลือกซื้อ น้ำหอมยี่ห้อ ?โตป๊าส? อยู่นั่นเอง ประสาทหูได้ยินเสียงวี้ดๆ จึงหันกลับไปมองดูบริเวณสนามบิน มีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวตรงบริเวณหัวสนามบินพร้อมๆกับควันสีขาวลอยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ในขณะที่ควันยังไม่ทันจาง ก็มีเสียงวี้ดยาวแทรกขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ผมพุ่งพรวดเดียวหมอบติดกับพื้นดิน โดยไม่คำนึงว่าชุดเอี่ยมอ่องของผมจะเป็นเช่นไร
เสียงระเบิดดังแน่นกว่าครั้งแรก ผมยังเดาไม่ออกว่าจะเป็นลูกปืนใหญ่หรือจรวดกันแน่ แต่ที่แน่ๆตำบลกระสุนตกของมันใกล้คลังแสงที่บริเวณสนามบินเข้ามาทุกที
?นายภาษา สนามบินโดนโจมตีแล้วครับ กลับ บก.เถอะครับ?
พลขับชาวแม้วละล่ำละลักพร้อมกับฉุดไม้ฉุดมือจะให้ผมขึ้นไปบนรถจิ๊ปให้จงได้
ผมก็เลยตัดสินใจกระโดดขึ้นรถจิ๊ป แต่ไม่ลืมที่จะคว้าเอาห่อน้ำหอมขึ้นไปด้วย รถจิ๊ปของผมพุ่งปราดออกมานอกถนนใหญ่บริเวณทางเข้าสนามบินก็บังเอิญมองเห็นเจ้าสไปร้ทวิ่งกระเร่อกระร่าอยู่ในกลุ่มคนงานที่กำลังเตรียมตัวจะกลับอุดรในเย็นวันนั้นด้วย ?เฮ้ย จอดรับเพื่อนอั๊วหน่อย?
ผมตะโกนแข่งกับเสียงระเบิดที่กำลังคำรามกึกก้อง ทันใจดีเหลือเกินครับ เจ้าพลขับแม้วกระแทกเบรคเต็มที่ ล้อทั้งสี่ของจิ๊ปเล็กครูดไปกับพื้นถนน
ผมหันหลังกลับไปดู เห็นเจ้าสไปร๊ทกำลังใช้ฝีเท้าน้องๆ นักกีฬาโอลิมปิคห้อกวดรถผมจนตัวโก่ง ก็เลยถอยหลังกลับไปรับ พามุ่งหน้าเข้าไป บก.ล่องแจ้งอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากขณะนั้น เป็นเวลาประมาน 17.00 น. บรรดาคนงาน A.C.S. และเจ้าหน้าที่ต่างๆ ที่ทำงานอยู่ที่ล่องแจ้ง ต่างก็กำลังเตรียมตัวจะกลับอุดรโดยเครื่องบินลำเลียงของแอร์อเมริกา