เปิดกรุหนังสือเก่า
ชุด ทหารรับจ้างเดนตาย
ตอน ล่องแจ้งสมรภูมินรก (๑๐)
ล่องแจ้ง สมรภูมินรก ตอนที่ 10
กองพันทหารรับจ้างที่ 616 ได้ดัดแปลงภูมิประเทศและเสริมสร้างป้อมสนามขนานใหญ่ ต้นหญ้าที่อยู่ขึ้นหนาทึบบริเวณรั้วลวดหนามถุกกลุ่มทหารรับจ้างจุดไฟเผาเตียนโล่งไปหมด ทั้งนี้เพื่อป้องกันข้าศึกแอบเข้ามาขุดรูซุกซ่อน “เกาะ” ฐานปฏิบัติการของฝ่ายเรา ผบ.พันได้วางแผนตั้งรับข้าศึกด้วยการตั้งฐานปฏิบัติการเป็นสัดส่วนอยู่บนยอดเนินทั้งสาม โดยจัดให้กองร้อยที่ 3 ตั้งอยู่ที่หัวเนินแรกที่มีรูปร่างคล้ายกับหัวช้างพร้อมกับมีหน้าที่คุ้มกัน บก.พันและหมวดอาวุธหนัก ใช้ชื่อ “แพ็ด” ตามรหัสว่า “ชาร์ลี-ชาร์ลี”
ส่วนยอดกลางที่สูงที่สุดของเนินสกายไลน์วันที่อยู่ถัดออกไปประมาน 480 เมตร ให้เป็นหน้าที่ของกองร้อยที่ 2 ที่เพิ่งเคลื่อนย้ายมาจาก ชาร์ลี-จูเลียต เนื่องจากมีพื้นที่แคบ ไม่เหมาะที่จะให้ “ชอปเปอร์” ส่งกำลังบำรุงได้ จึงใช้ “แพ็ด” ร่วมกับ บก.พัน
สำหรับปีกซ้ายสุดที่เป็นเนินลาดลงไปยังบริเวณหมู่บ้าน 50 หลัง ซึ่งมองเห็นลิอบๆอยู่เบื้องล่างนั้น กองร้อยที่ 1 ถูกจัดให้รับหน้าที่สกัดกั้นข้าศึกที่อาจจะทะลักมาจากสนามบินซำทอง ใช้รหัส ชาร์ลี-กอล์ฟ เป็นชื่อชอปเปอร์แพด
จากการประสานงานกับกองพัน 604 ซึ่งตั้งฐานปฏิบัติการตั้งแต่ทางแยกขึ้นเนินสกายไลน์ทู ไปจนกระทั่งถึงชาร์ลี-บราโว่ และต้องหยุดชะงักสะดุดอยู่เพียงแค่นั้น เพราะบริเวณต่อจากนั้นไปเป็นยอดเนินที่สูงที่สุดของสกายไลน์ทู ซึ่งบัดนี้ ถึงแม้ว่า B-52 จะโจมตีทิ้งระเบิดจนข้าศึกล้มตายเกือบหมดทั้งกองพันก็ตาม ปรากฏว่าข้าศึกที่รอดจากอำนาจการระเบิดได้กลับเข้ามายึดฐานปฏิบัติการเอาไว้อีก บางครั้งจะมองเห็นสัญญาณไฟโต้ตอบกันในเวลากลางคืนอย่างถนัดชัดเจน
พอตกถึงเวลากลางวัน ฝูงบินทิ้งระเบิดจากวังเวียงไม่ว่าจะเป็น F-105 หรือเจ้า T-28 ก็แห่กันมาเทกระจาดเข้าใส่เป้าหมายเหล่านั้นเป็นพัลวัล
เหมือนกับกองทัพปิศาจจริงๆครับ มิไยที่พวกเราจะโหมทิ้งระเบิดขนาดไหนก็ตามที พอตกตอนกลางคืนก็ยังมีแสงไฟโต้ตอบกันตามปกติอีก ทำให้ บก.ล่องแจ้งไม่กล้าที่จะตัดสินใจส่งกำลังทหารขึ้นยึดพื้นที่เหล่านั้นกลับคืนมา ก็เลยต้องตั้งฐานปฏิบัติการกันชนอยู่ห่างกันเพียงหนึ่งกิโลเมตรเท่านั้นเอง
จากบริเวณทางแยกจะมีถนนสร้างตามไหล่เขา ตัดขึ้นมายังฐานของกองพันของผม และพื้นที่เหล่านี้ ถ้าจะเปรียบก็เสมือนหนึ่งเป็นส่วนหน้าสุดที่กองพันของผมจะต้องวางแผนป้องกันเป็นพิเศษจริงๆ
กองสิงห์ต้องตัดสินใจแบ่งกำลังพลจากกองร้อยที่สองอีกสองหมวด ลงไปสร้างฐานปฏิบัติการในบริเวณดังกล่าว พร้อมด้วยอาวุธหนักแบบ ค.60 สองกระบอกที่ตั้งทิศทางการยิงไปยังเส้นทาง “ซำทอง-ล่องแจ้ง” ซึ่งทอดตัวเองคดเคี้ยวไปตามไหล่เขา และปลายสุดของมันตัดตรงเข้ามาสดุดอยู่ในบริเวณทางแยกเบื้องหน้าพอดิบพอดี
หลังจากทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อยตามแผนยุทธวิธีแล้ว กองสิงห์ก็ร้องขอปืนใหญ่จากฐานแคนเดิ้ล ยิงถล่มภูมิประเทศบริเวณรอบๆฐานและที่ที่ซึ่งสงสัยว่าพวกข้าศึกจะซ่อนพรางอยู่ เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงเต็ม
“คราวนี้พวกเราจะได้นอนตาหลับกันบ้างล่ะ บอกตรงๆครับ คุณบิ๊กแมน ไอ้ถ้ำใหญ่ที่มีน้ำตกถ้ำนั้น ผมคิดว่าจะต้องเป็นที่รวมพลของพวกมันอย่างแน่ๆ แต่มันเรื่องอะไรที่ผมจะส่งคนของผมออกไปกวาดล้างพวกมัน...ลักษณะภูมิประเทศที่เป็น “ซอง” แบบนั้น กว่าเด็กของผมจะบุกเข้าไปถึงปากถ้ำ ก็เห็นจะเหลือรอดชีวิตเพียง 2-3 คนเท่านั้น ผมคิดว่าต่อให้สามกองพันก็ยังทำอะไรพวกมันไม่ได้”
กองสิงห์เอ่ยขึ้นมาในขณะที่นั่งตรวจการณ์ บริเวณปากถ้ำน้ำตกด้วยกล้องสนามอยู่บนแนวกระสอบทรายที่วางซ้อนกันเป็นแนวยาวคดเคี้ยวไปตามร่องสนามเพลาะ
“ผมรายงานไปทางเบาน์เดอร์-คอนโทรล ตั้งหลายครั้ง เขาก็ยังไม่เห็นจัดการอะไรให้เราซักที ผมเคยถามด้วยตนเอง มันกลับตอกหน้าผมเสียหน้าชาว่า “ยูมีหน้าที่เป็นล่าม ก็ทำหน้าที่ของยูไปก็แล้วกัน ยุทธวิธีเป็นหน้าที่ของเบาน์เดอร์...เข้าใจ๋” ผมโมโหก็เลยตะคอกมันกลับไปว่า “ยูจะปล่อยให้ข้าศึกมันรวบรวมกำลังอยู่ในที่อับกระสุน โดยฝ่ายเรานั่งงอมืองอเท้า นั่งกระดิกขามองดูเฉยๆ ก็เอาซีวะ สบายดีเสียอีก ไอ้เรื่องที่จะให้กำลังพลของอั๊วลงไปกวาดล้างโดยไม่ทิ้งระเบิดให้พวกอั๊วก่อน เห็นจะยากว่ะ พรรคพวก”
กองสิงห์หัวเราะพร้อมกับกล่าวต่อไปอีก
“ผมไม่อยากบอกกับพวกมันหรอกครับ ไอ้นอร์แมนมันเอาแต่ได้ของมันฝ่ายเดียว มันสั่งให้พวกเราบุกขยี้ข้าศึกโดยไม่คำนึงถึงผลเสียเปรียบได้เปรียบของภูมิประเทศ ถ้าพวกเราโชคดียึดฐานของข้าศึกได้ แสดงว่าแผนยุทธวิธีของนอร์แมนได้ผล เจ้านายของมันก็จะต้องเพิ่มเงินเดือนให้มันเท่านั้น แล้วทางเราจะมีอะไรดีขึ้นมาบ้าง นอกจากยอดความสูญเสียจะเพิ่มเป็นเงาตามตัวเท่านั้น นี่ขนาดยังไม่ประทะกับข้าศึก ทหารของผมก็ตายไป 16 คนแล้ว ไอ้นอร์แมนมันพูดว่ายังไงอีกครับ”
“ไอ้นอร์แมนมันตอบเสียงอ่อนลงว่า ไอ้ถ้ำใหญ่ถ้ำนั้น มันเห็นแล้ว ต่อให้เอา B-52 ทิ้งปูพรม พวกข้าศึกก็นั่งกระดิกเท้าฟังเสียงระเบิดสบายไปเท่านั้นเอง มันเป็นภูเขาหินทั้งลูกที่กองพันทหารแม้วที่ 222 และ 226 เคยเข้าไปหลบซ่อนอยู่ได้ท้งสองกองพัน แล้วยังเหลือพื้นที่พอที่จะเก็บสัมภาระและอาวุธยุทโธปกรณ์ได้อีกพะเรอเกวียน ยูไม่ต้องตกใจหรอก ทางเบาน์เดอร์กำลังรอกำลังพลจากทหารลาวที่ฝึกการรบอยู่ที่สุวรรณเขต ซึ่งขณะนี้เตรียมตัวจะเคลื่อนย้ายมาถึงล่องแจ้งภายในวันสองวันนี้ ไอจะให้กองพันทหารลาวดังกล่าวเป็นส่วนหน้า โจมตีขุมกำลังของข้าศึกในบริเวณถ้ำใหญ่ แล้วกองพัน 604 และ กองพันยูเข้าเป็นส่วนหนุน ยูพอใจไหม?”
“ถ้าเป็นอย่างที่นอร์แมนมัน “ยาหอม” ก็ดีซิครับ ผมพอจะเดาแผนของนอร์แมนออกอย่างทะลุปรุโปร่ง กองพันทหารลาว 5 กองพันที่กำลังฝึกอยู่ที่สุวรรณเขตเป็นกองพันเด็กหนุ่มที่ไม่เคยผ่านการรบมาก่อนเลย แน่นอนเหลือเกิน เด็กหนุ่มพวกนี้จะต้องฮึกเหิมอยากจะจับอาวุธยิงกราดให้ชุ่มมืออยู่ทุกขณะ นอร์แมนจะต้องส่งทหารลาวดังกล่าวขึ้นบุกสกายไลน์ทู เพื่อยึดฐานปฏิบัติการของเรากลับคืนมาให้ได้ คอยดูสิครับ เลือดจะต้องท่วมเนินสกายไลน์อีกครั้ง กองพันทหารลาวจะต้องพบกับการสูญเสียอย่างชนิดครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว”
กองสิงห์กล่าวขึ้นมา พร้อมกับห้อยกล้องสนามเอาใว้ที่บริเวณหน้าอก ต่อจากนั้นก็ลุกขึ้นชวนผมเดินกลับเข้ามายังศูนย์วิทยุของ บก.พัน เพื่อรับฟังข่าวคราวการเคลื่อนไหวของกองพันทหารรับจ้างอื่นๆต่อไป
“ทหารของใครครับที่เดินอยู่บริเวณท้ายสนามบิน มีกำลังพลประมาน 150 คน พร้อมด้วยอาวุธประจำกาย ขอให้ทาง บก.ล่องแจ้งช่วยตรวจสอบให้ด้วยครับ”
พนักงานวิทยุของกองพัน 604 ซึ่งตั้งฐานอยู่บนเนินบริเวณท้ายสนามบินตรวจการณ์พบกลุ่มทหารจึงรีบรายงานให้ทาง บก.ล่องแจ้งทราบโดยด่วน
ทาง บก.ล่องแจ้งยังมิได้สอบถามไปยังทาง ทชล. (ทหารชาติลาว) บรรดาทารรับจ้าง บก.พันส่วนหลังของกองพันต่างๆที่ทราบข่าวจากวิทยุที่ดักฟังการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ก็บังเกิดความอลเวงและตื่นตระหนก มิหนำซ้ำยังมีมนุษย์ตาแหกที่วิ่งหนีมาจากบริเวณตลาดล่องแจ้งพร้อมกับตะโกนเสียงหลงว่า
“ทหารแกวลงมาที่สนามบินแล้วโว้ย พวกมันกำลังบุกมาที่ บก.ล่องแจ้ง ตัวใครตัวมันโว้ย”
คราวนี้ก็ถึงวาระตัวใครตัวมันอีกครั้ง กลุ่มทหารรับจ้าง ไม่ว่าเจ้านายและลูกแถว ต่างก็คว้าเป้สนามขึ้นสะพายหลัง เผ่นตาลีตาเหลือกห้อแน่บไปยังบริเวณหลังที่ประทับกันเป็นพัลวัล
ยิ่งมีเสียงปืนกลรัวเป็นประทัดแตก ดังติดต่อกันเป็นระยะเข้าอีกแล้วด้วย ก็ยิ่งทำให้สถานะการณ์ดังกล่าวทวีความตึงเครียดขึ้นทุกขณะ
ทหารปืนใหญ่ที่แตกมาจากทุ่งไหหินกลุ่มหนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่ยิง ค. 4.2 ณ บก.ส่วนหลัง แทนที่จะบรรจุลูกกระสุนเตรียมต่อสู้ กลับใช้ C4 อัดแน่นลงไปในลำกล้อง ล่ามสายชนวนระเบิดปืนจนกระทั่งปากกระบอกขาดกระจุยเหมือนโดนขวานจาม ต่อจากนั้นก็ติดตามกลุ่มทหารรับจ้างกองพันต่างๆ ซึ่งขณะนี้เกาะขบวนเดินลัดเลาะไปตามถนนบนไหล่เขา มุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่ตัดตรงไปยังเมืองนาซูที่อยู่ห่างออกไปเกือบสี่สิบกิโลเมตร
หลังจากสอบถามกันเป็นโกลาหลอยู่ชั่วครู่ ทชล.ก็ตอบกลับมาว่า ทหารดังกล่าวเป็นกลุ่มทหารจากกองพันสุวรรณเขตที่ได้รับคำสั่งจาก พอ. โซราย่าให้กวาดล้างบริเวณท้ายสนามบิน และเนื่องจากเป็นเวลากระทันหัน จึงมิได้แจ้งให้ทาง บก.ล่องแจ้งทราบ...
กว่าจะรู้เรื่องกัน ก็เล่นเอาอลเวงไปทั้งล่องแจ้ง นอกจากนั้นก็ยังมี บก.ส่วนหลังของกองพันต่างๆเอาของส่วนตัวของทหารรับจ้างที่ฝากใส่ถุงทะเลเอาไว้ นำมารวมกันแล้วราดด้วยน้ำมันเบนซินเผาจนเกลี้ยงไปหมด เรื่องทั้งเรื่องมันก็ต้องหาทางจำหน่าย เพื่อเบิกทดแทนให้แก่ทหารเหล่านั้นอีกครั้ง
ผมโดนเรียกตัวลงมาช่วยราชการชั่วคราวอยู่ที่ “เบาน์เดอร์-คอนโทรล” ปล่อยให้ “เม้าส์แทร็ป” เฝ้าโยงอยู่กับกองสิงห์แต่เพียงลำพังบนฐาน “ชาร์ลี-ชาร์ลี”
ในที่สุดกำหนดการเคลื่อนย้ายของกองพันทหารลาวทั้ง 5 กองพันจากสุวรรณเขตมายังล่องแจ้งก็ได้มาถึง
ซี.ไอ.เอ. ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดให้เครื่องบินลำเลียงขนาดยักษ์ “C-123” (ไอ้หมู) เสี่ยงลงสนามบินล่องแจ้ง เพราะไม่มีวิธีการอื่นที่ดีกว่านี้อีกแล้ว บก.ล่องแจ้งต้องการใช้เวลาในการขนส่งให้เร็วที่สุด เท่าที่จะเร็วได้เพราะหมายกำหนดการในการเข้าตีเนินสกายไลน์-ทู ของกองพันทหารเหล่านี้ พร้อมที่จะปฏิบัติบัติการภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากการขนส่งได้เสร็จสิ้นลง
สนามบินล่องแจ้งถูกเคลียร์อย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้ง
พอถึงเวลา 9.00 น. “ไอ้หมู” ตัวแรกก็กางฐานล้อลดเพดานบินลงสู่รันเวย์ พอแตะพื้นเท่านั้นเอง...
เสียง “ตุ้ง…วี้ด...กรั้ม” ก็ดังขึ้นอย่างสนั่นหวั่นไหว พร้อมกับมีควันไฟสีขาวกระเด็นแวบขึ้นมา ณ บริเวณขอบรันเวย์ด้านนอก
อา...ข้าศึกใช้ ปรส.75 ยิงเครื่องบินลำเลียงเข้าให้แล้ว
“ไอ้หมู” เบรคอากาศ แล้วแท็กซี่เครื่องหลบเข้าไปในช่องเขาบริเวณสนามบิน ซึ่งเป็นบริเวณเดียวที่มีภูมิประเทศ “อับกระสุน” พร้อมกับเปิดประตูด้านท้ายออกอย่างรวดเร็ว
กลุ่มทหารลาวทะลักกันลงมาเหมือนกับสายน้ำ ต่างคนต่างแต่งกันลงจากเครื่องบิน แล้ววิ่งไปหลบ “ลูกยาว” ของข้าศึกที่จ้องจะเล่นงานเครื่องบินลำเลียงอยู่ทุกขณะ
บก.ล่องแจ้งสั่งการให้ฐานปืนใหญ่ “แคนเดิ้ล” ยิงถล่มขึ้นไป ณ บริเวณที่ตั้งปืนของข้าศึกบนยอดเนิน “ชาร์ลี-แทงโก้” ในทันทีทันใด
ในขณะที่ปืนใหญ่กำลังสลุตกระสุนอยู่นั้น “ไอ้หมู” ได้โอกาสก็เร่งเครื่องยนต์เต็มที่พาเครื่อง “ไดร๊ฟ” ขึ้นสู่ท้องฟ้าเลี้ยวขวามุ่งหน้าไปยังสุวรรณเขตเพื่อขนย้ายกองพันทหารลาวต่อไป
“บอกเบาน์เดอร์ด้วยครับ เวลาผมยิงปืนใหญ่อย่าเพิ่งปล่อย “ไอ้หมู” เกิดโดนกระสุนของฝ่ายเราตก ใครจะรับผิดชอบครับ”
“ซีโร่” ศูนย์บังคับการยิงปืนใหญ่ต่อว่า “เบาน์เดอร์” ทางโทรศัพท์สนาม
“ผมบอกนักบินแล้วครับ นักบินเขาขอเสี่ยงเอง โดยจะใช้เวลาวิ่งบนรันเวย์ให้นานที่สุด กะว่าพอถึงหัวสนามบินก็จะไดร๊ฟเครื่องขึ้นไปเลย นักบินเขากะแล้วครับ ว่าระยะนั้นปลอดภัยจากวิถีกระสุนของปืนใหญ่ฝ่ายเราแน่ๆ”
“โอเคครับ ถ้าเขาจะเสี่ยงพวกเขาก็รับผิดชอบตัวของเขาเองก็แล้วกัน ผมมีหน้าที่ยิงคุ้มกัน อันตรายนอกเหนือจากนี้ ผมไม่ขอรับรู้ด้วย ถ้าจะเล่นพิเรนกันแบบนี้ก็ได้ ผมจะยิงแบบ “โซนสวิป” ให้อร่อยเหาะไปเลย”
พนักงานวิทยุจาก “ซีโร่” ส่งข่าวมาอีกครั้ง
คงจะเนื่องจากอำนาจการยิงที่รุนแรงของปืนใหญ่ฝ่ายเรา ทำให้ข้าศึกต้องลาก ปรส.75 ของมันลงไปหลบอยู่ในบังเกอร์ใต้ดิน และยิ่งไปกว่านั้น T-28 สามเครื่องที่บินตรงมาจากนาซู ก็ได้มาบินวนเวียนจ้องจะเล่นงาน จนข้าศึกต้องมุดหัวหลบซ่อนอยู่ภายในบังเกอร์ไม่กล้าโผล่ขึ้นมาเล่นงานฝ่ายเราอีก จนกระทั่งการขนย้ายทหารลาวทั้ง 5 กองพันได้เสร็จสิ้นลงภายในเย็นนั้น
ซี.ไอ.เอ. ได้กำหนดให้กองพันทหารลาวผู้กระหายเลือดทั้ง 4 กองพัน “เข้าตี” เนินสกายไลน์-ทู ในวันรุ่งขึ้น โดยมอบหมายให้กองพันแรก เข้าตี ทางด้าน ชาร์ลี-บราโว่ และอีกสองกองพันอ้อมขึ้นไปทางด้านทิศใต้บริเวณ ชาร์ลี-จูเลียต ให้เริ่มเข้าตีพร้อมๆกันในเวลา 07.00 น.
ส่วนอีกกองพันที่เหลือ พ.อ. โซราย่า มือขวาของท่านนายพลวังเปา ได้สั่งให้เคลื่อนย้ายไปตั้งฐานปฏิบัติการในบริเวณ “หมู่บ้านลาวรวมเผ่า” เพื่อป้องกันข้าศึกเล็ดลอดมายังเมืองล่องแจ้งจากด้านท้ายสนามบิน
ตามภารกิจที่ได้วางแผนกันเ
ล่องแจ้งสมรภูมินรก (๑๐) ๑๘ พ.ย.๕๗
ชุด ทหารรับจ้างเดนตาย
ตอน ล่องแจ้งสมรภูมินรก (๑๐)
ล่องแจ้ง สมรภูมินรก ตอนที่ 10
กองพันทหารรับจ้างที่ 616 ได้ดัดแปลงภูมิประเทศและเสริมสร้างป้อมสนามขนานใหญ่ ต้นหญ้าที่อยู่ขึ้นหนาทึบบริเวณรั้วลวดหนามถุกกลุ่มทหารรับจ้างจุดไฟเผาเตียนโล่งไปหมด ทั้งนี้เพื่อป้องกันข้าศึกแอบเข้ามาขุดรูซุกซ่อน “เกาะ” ฐานปฏิบัติการของฝ่ายเรา ผบ.พันได้วางแผนตั้งรับข้าศึกด้วยการตั้งฐานปฏิบัติการเป็นสัดส่วนอยู่บนยอดเนินทั้งสาม โดยจัดให้กองร้อยที่ 3 ตั้งอยู่ที่หัวเนินแรกที่มีรูปร่างคล้ายกับหัวช้างพร้อมกับมีหน้าที่คุ้มกัน บก.พันและหมวดอาวุธหนัก ใช้ชื่อ “แพ็ด” ตามรหัสว่า “ชาร์ลี-ชาร์ลี”
ส่วนยอดกลางที่สูงที่สุดของเนินสกายไลน์วันที่อยู่ถัดออกไปประมาน 480 เมตร ให้เป็นหน้าที่ของกองร้อยที่ 2 ที่เพิ่งเคลื่อนย้ายมาจาก ชาร์ลี-จูเลียต เนื่องจากมีพื้นที่แคบ ไม่เหมาะที่จะให้ “ชอปเปอร์” ส่งกำลังบำรุงได้ จึงใช้ “แพ็ด” ร่วมกับ บก.พัน
สำหรับปีกซ้ายสุดที่เป็นเนินลาดลงไปยังบริเวณหมู่บ้าน 50 หลัง ซึ่งมองเห็นลิอบๆอยู่เบื้องล่างนั้น กองร้อยที่ 1 ถูกจัดให้รับหน้าที่สกัดกั้นข้าศึกที่อาจจะทะลักมาจากสนามบินซำทอง ใช้รหัส ชาร์ลี-กอล์ฟ เป็นชื่อชอปเปอร์แพด
จากการประสานงานกับกองพัน 604 ซึ่งตั้งฐานปฏิบัติการตั้งแต่ทางแยกขึ้นเนินสกายไลน์ทู ไปจนกระทั่งถึงชาร์ลี-บราโว่ และต้องหยุดชะงักสะดุดอยู่เพียงแค่นั้น เพราะบริเวณต่อจากนั้นไปเป็นยอดเนินที่สูงที่สุดของสกายไลน์ทู ซึ่งบัดนี้ ถึงแม้ว่า B-52 จะโจมตีทิ้งระเบิดจนข้าศึกล้มตายเกือบหมดทั้งกองพันก็ตาม ปรากฏว่าข้าศึกที่รอดจากอำนาจการระเบิดได้กลับเข้ามายึดฐานปฏิบัติการเอาไว้อีก บางครั้งจะมองเห็นสัญญาณไฟโต้ตอบกันในเวลากลางคืนอย่างถนัดชัดเจน
พอตกถึงเวลากลางวัน ฝูงบินทิ้งระเบิดจากวังเวียงไม่ว่าจะเป็น F-105 หรือเจ้า T-28 ก็แห่กันมาเทกระจาดเข้าใส่เป้าหมายเหล่านั้นเป็นพัลวัล
เหมือนกับกองทัพปิศาจจริงๆครับ มิไยที่พวกเราจะโหมทิ้งระเบิดขนาดไหนก็ตามที พอตกตอนกลางคืนก็ยังมีแสงไฟโต้ตอบกันตามปกติอีก ทำให้ บก.ล่องแจ้งไม่กล้าที่จะตัดสินใจส่งกำลังทหารขึ้นยึดพื้นที่เหล่านั้นกลับคืนมา ก็เลยต้องตั้งฐานปฏิบัติการกันชนอยู่ห่างกันเพียงหนึ่งกิโลเมตรเท่านั้นเอง
จากบริเวณทางแยกจะมีถนนสร้างตามไหล่เขา ตัดขึ้นมายังฐานของกองพันของผม และพื้นที่เหล่านี้ ถ้าจะเปรียบก็เสมือนหนึ่งเป็นส่วนหน้าสุดที่กองพันของผมจะต้องวางแผนป้องกันเป็นพิเศษจริงๆ
กองสิงห์ต้องตัดสินใจแบ่งกำลังพลจากกองร้อยที่สองอีกสองหมวด ลงไปสร้างฐานปฏิบัติการในบริเวณดังกล่าว พร้อมด้วยอาวุธหนักแบบ ค.60 สองกระบอกที่ตั้งทิศทางการยิงไปยังเส้นทาง “ซำทอง-ล่องแจ้ง” ซึ่งทอดตัวเองคดเคี้ยวไปตามไหล่เขา และปลายสุดของมันตัดตรงเข้ามาสดุดอยู่ในบริเวณทางแยกเบื้องหน้าพอดิบพอดี
หลังจากทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อยตามแผนยุทธวิธีแล้ว กองสิงห์ก็ร้องขอปืนใหญ่จากฐานแคนเดิ้ล ยิงถล่มภูมิประเทศบริเวณรอบๆฐานและที่ที่ซึ่งสงสัยว่าพวกข้าศึกจะซ่อนพรางอยู่ เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงเต็ม
“คราวนี้พวกเราจะได้นอนตาหลับกันบ้างล่ะ บอกตรงๆครับ คุณบิ๊กแมน ไอ้ถ้ำใหญ่ที่มีน้ำตกถ้ำนั้น ผมคิดว่าจะต้องเป็นที่รวมพลของพวกมันอย่างแน่ๆ แต่มันเรื่องอะไรที่ผมจะส่งคนของผมออกไปกวาดล้างพวกมัน...ลักษณะภูมิประเทศที่เป็น “ซอง” แบบนั้น กว่าเด็กของผมจะบุกเข้าไปถึงปากถ้ำ ก็เห็นจะเหลือรอดชีวิตเพียง 2-3 คนเท่านั้น ผมคิดว่าต่อให้สามกองพันก็ยังทำอะไรพวกมันไม่ได้”
กองสิงห์เอ่ยขึ้นมาในขณะที่นั่งตรวจการณ์ บริเวณปากถ้ำน้ำตกด้วยกล้องสนามอยู่บนแนวกระสอบทรายที่วางซ้อนกันเป็นแนวยาวคดเคี้ยวไปตามร่องสนามเพลาะ
“ผมรายงานไปทางเบาน์เดอร์-คอนโทรล ตั้งหลายครั้ง เขาก็ยังไม่เห็นจัดการอะไรให้เราซักที ผมเคยถามด้วยตนเอง มันกลับตอกหน้าผมเสียหน้าชาว่า “ยูมีหน้าที่เป็นล่าม ก็ทำหน้าที่ของยูไปก็แล้วกัน ยุทธวิธีเป็นหน้าที่ของเบาน์เดอร์...เข้าใจ๋” ผมโมโหก็เลยตะคอกมันกลับไปว่า “ยูจะปล่อยให้ข้าศึกมันรวบรวมกำลังอยู่ในที่อับกระสุน โดยฝ่ายเรานั่งงอมืองอเท้า นั่งกระดิกขามองดูเฉยๆ ก็เอาซีวะ สบายดีเสียอีก ไอ้เรื่องที่จะให้กำลังพลของอั๊วลงไปกวาดล้างโดยไม่ทิ้งระเบิดให้พวกอั๊วก่อน เห็นจะยากว่ะ พรรคพวก”
กองสิงห์หัวเราะพร้อมกับกล่าวต่อไปอีก
“ผมไม่อยากบอกกับพวกมันหรอกครับ ไอ้นอร์แมนมันเอาแต่ได้ของมันฝ่ายเดียว มันสั่งให้พวกเราบุกขยี้ข้าศึกโดยไม่คำนึงถึงผลเสียเปรียบได้เปรียบของภูมิประเทศ ถ้าพวกเราโชคดียึดฐานของข้าศึกได้ แสดงว่าแผนยุทธวิธีของนอร์แมนได้ผล เจ้านายของมันก็จะต้องเพิ่มเงินเดือนให้มันเท่านั้น แล้วทางเราจะมีอะไรดีขึ้นมาบ้าง นอกจากยอดความสูญเสียจะเพิ่มเป็นเงาตามตัวเท่านั้น นี่ขนาดยังไม่ประทะกับข้าศึก ทหารของผมก็ตายไป 16 คนแล้ว ไอ้นอร์แมนมันพูดว่ายังไงอีกครับ”
“ไอ้นอร์แมนมันตอบเสียงอ่อนลงว่า ไอ้ถ้ำใหญ่ถ้ำนั้น มันเห็นแล้ว ต่อให้เอา B-52 ทิ้งปูพรม พวกข้าศึกก็นั่งกระดิกเท้าฟังเสียงระเบิดสบายไปเท่านั้นเอง มันเป็นภูเขาหินทั้งลูกที่กองพันทหารแม้วที่ 222 และ 226 เคยเข้าไปหลบซ่อนอยู่ได้ท้งสองกองพัน แล้วยังเหลือพื้นที่พอที่จะเก็บสัมภาระและอาวุธยุทโธปกรณ์ได้อีกพะเรอเกวียน ยูไม่ต้องตกใจหรอก ทางเบาน์เดอร์กำลังรอกำลังพลจากทหารลาวที่ฝึกการรบอยู่ที่สุวรรณเขต ซึ่งขณะนี้เตรียมตัวจะเคลื่อนย้ายมาถึงล่องแจ้งภายในวันสองวันนี้ ไอจะให้กองพันทหารลาวดังกล่าวเป็นส่วนหน้า โจมตีขุมกำลังของข้าศึกในบริเวณถ้ำใหญ่ แล้วกองพัน 604 และ กองพันยูเข้าเป็นส่วนหนุน ยูพอใจไหม?”
“ถ้าเป็นอย่างที่นอร์แมนมัน “ยาหอม” ก็ดีซิครับ ผมพอจะเดาแผนของนอร์แมนออกอย่างทะลุปรุโปร่ง กองพันทหารลาว 5 กองพันที่กำลังฝึกอยู่ที่สุวรรณเขตเป็นกองพันเด็กหนุ่มที่ไม่เคยผ่านการรบมาก่อนเลย แน่นอนเหลือเกิน เด็กหนุ่มพวกนี้จะต้องฮึกเหิมอยากจะจับอาวุธยิงกราดให้ชุ่มมืออยู่ทุกขณะ นอร์แมนจะต้องส่งทหารลาวดังกล่าวขึ้นบุกสกายไลน์ทู เพื่อยึดฐานปฏิบัติการของเรากลับคืนมาให้ได้ คอยดูสิครับ เลือดจะต้องท่วมเนินสกายไลน์อีกครั้ง กองพันทหารลาวจะต้องพบกับการสูญเสียอย่างชนิดครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว”
กองสิงห์กล่าวขึ้นมา พร้อมกับห้อยกล้องสนามเอาใว้ที่บริเวณหน้าอก ต่อจากนั้นก็ลุกขึ้นชวนผมเดินกลับเข้ามายังศูนย์วิทยุของ บก.พัน เพื่อรับฟังข่าวคราวการเคลื่อนไหวของกองพันทหารรับจ้างอื่นๆต่อไป
“ทหารของใครครับที่เดินอยู่บริเวณท้ายสนามบิน มีกำลังพลประมาน 150 คน พร้อมด้วยอาวุธประจำกาย ขอให้ทาง บก.ล่องแจ้งช่วยตรวจสอบให้ด้วยครับ”
พนักงานวิทยุของกองพัน 604 ซึ่งตั้งฐานอยู่บนเนินบริเวณท้ายสนามบินตรวจการณ์พบกลุ่มทหารจึงรีบรายงานให้ทาง บก.ล่องแจ้งทราบโดยด่วน
ทาง บก.ล่องแจ้งยังมิได้สอบถามไปยังทาง ทชล. (ทหารชาติลาว) บรรดาทารรับจ้าง บก.พันส่วนหลังของกองพันต่างๆที่ทราบข่าวจากวิทยุที่ดักฟังการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ก็บังเกิดความอลเวงและตื่นตระหนก มิหนำซ้ำยังมีมนุษย์ตาแหกที่วิ่งหนีมาจากบริเวณตลาดล่องแจ้งพร้อมกับตะโกนเสียงหลงว่า
“ทหารแกวลงมาที่สนามบินแล้วโว้ย พวกมันกำลังบุกมาที่ บก.ล่องแจ้ง ตัวใครตัวมันโว้ย”
คราวนี้ก็ถึงวาระตัวใครตัวมันอีกครั้ง กลุ่มทหารรับจ้าง ไม่ว่าเจ้านายและลูกแถว ต่างก็คว้าเป้สนามขึ้นสะพายหลัง เผ่นตาลีตาเหลือกห้อแน่บไปยังบริเวณหลังที่ประทับกันเป็นพัลวัล
ยิ่งมีเสียงปืนกลรัวเป็นประทัดแตก ดังติดต่อกันเป็นระยะเข้าอีกแล้วด้วย ก็ยิ่งทำให้สถานะการณ์ดังกล่าวทวีความตึงเครียดขึ้นทุกขณะ
ทหารปืนใหญ่ที่แตกมาจากทุ่งไหหินกลุ่มหนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่ยิง ค. 4.2 ณ บก.ส่วนหลัง แทนที่จะบรรจุลูกกระสุนเตรียมต่อสู้ กลับใช้ C4 อัดแน่นลงไปในลำกล้อง ล่ามสายชนวนระเบิดปืนจนกระทั่งปากกระบอกขาดกระจุยเหมือนโดนขวานจาม ต่อจากนั้นก็ติดตามกลุ่มทหารรับจ้างกองพันต่างๆ ซึ่งขณะนี้เกาะขบวนเดินลัดเลาะไปตามถนนบนไหล่เขา มุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่ตัดตรงไปยังเมืองนาซูที่อยู่ห่างออกไปเกือบสี่สิบกิโลเมตร
หลังจากสอบถามกันเป็นโกลาหลอยู่ชั่วครู่ ทชล.ก็ตอบกลับมาว่า ทหารดังกล่าวเป็นกลุ่มทหารจากกองพันสุวรรณเขตที่ได้รับคำสั่งจาก พอ. โซราย่าให้กวาดล้างบริเวณท้ายสนามบิน และเนื่องจากเป็นเวลากระทันหัน จึงมิได้แจ้งให้ทาง บก.ล่องแจ้งทราบ...
กว่าจะรู้เรื่องกัน ก็เล่นเอาอลเวงไปทั้งล่องแจ้ง นอกจากนั้นก็ยังมี บก.ส่วนหลังของกองพันต่างๆเอาของส่วนตัวของทหารรับจ้างที่ฝากใส่ถุงทะเลเอาไว้ นำมารวมกันแล้วราดด้วยน้ำมันเบนซินเผาจนเกลี้ยงไปหมด เรื่องทั้งเรื่องมันก็ต้องหาทางจำหน่าย เพื่อเบิกทดแทนให้แก่ทหารเหล่านั้นอีกครั้ง
ผมโดนเรียกตัวลงมาช่วยราชการชั่วคราวอยู่ที่ “เบาน์เดอร์-คอนโทรล” ปล่อยให้ “เม้าส์แทร็ป” เฝ้าโยงอยู่กับกองสิงห์แต่เพียงลำพังบนฐาน “ชาร์ลี-ชาร์ลี”
ในที่สุดกำหนดการเคลื่อนย้ายของกองพันทหารลาวทั้ง 5 กองพันจากสุวรรณเขตมายังล่องแจ้งก็ได้มาถึง
ซี.ไอ.เอ. ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดให้เครื่องบินลำเลียงขนาดยักษ์ “C-123” (ไอ้หมู) เสี่ยงลงสนามบินล่องแจ้ง เพราะไม่มีวิธีการอื่นที่ดีกว่านี้อีกแล้ว บก.ล่องแจ้งต้องการใช้เวลาในการขนส่งให้เร็วที่สุด เท่าที่จะเร็วได้เพราะหมายกำหนดการในการเข้าตีเนินสกายไลน์-ทู ของกองพันทหารเหล่านี้ พร้อมที่จะปฏิบัติบัติการภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากการขนส่งได้เสร็จสิ้นลง
สนามบินล่องแจ้งถูกเคลียร์อย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้ง
พอถึงเวลา 9.00 น. “ไอ้หมู” ตัวแรกก็กางฐานล้อลดเพดานบินลงสู่รันเวย์ พอแตะพื้นเท่านั้นเอง...
เสียง “ตุ้ง…วี้ด...กรั้ม” ก็ดังขึ้นอย่างสนั่นหวั่นไหว พร้อมกับมีควันไฟสีขาวกระเด็นแวบขึ้นมา ณ บริเวณขอบรันเวย์ด้านนอก
อา...ข้าศึกใช้ ปรส.75 ยิงเครื่องบินลำเลียงเข้าให้แล้ว
“ไอ้หมู” เบรคอากาศ แล้วแท็กซี่เครื่องหลบเข้าไปในช่องเขาบริเวณสนามบิน ซึ่งเป็นบริเวณเดียวที่มีภูมิประเทศ “อับกระสุน” พร้อมกับเปิดประตูด้านท้ายออกอย่างรวดเร็ว
กลุ่มทหารลาวทะลักกันลงมาเหมือนกับสายน้ำ ต่างคนต่างแต่งกันลงจากเครื่องบิน แล้ววิ่งไปหลบ “ลูกยาว” ของข้าศึกที่จ้องจะเล่นงานเครื่องบินลำเลียงอยู่ทุกขณะ
บก.ล่องแจ้งสั่งการให้ฐานปืนใหญ่ “แคนเดิ้ล” ยิงถล่มขึ้นไป ณ บริเวณที่ตั้งปืนของข้าศึกบนยอดเนิน “ชาร์ลี-แทงโก้” ในทันทีทันใด
ในขณะที่ปืนใหญ่กำลังสลุตกระสุนอยู่นั้น “ไอ้หมู” ได้โอกาสก็เร่งเครื่องยนต์เต็มที่พาเครื่อง “ไดร๊ฟ” ขึ้นสู่ท้องฟ้าเลี้ยวขวามุ่งหน้าไปยังสุวรรณเขตเพื่อขนย้ายกองพันทหารลาวต่อไป
“บอกเบาน์เดอร์ด้วยครับ เวลาผมยิงปืนใหญ่อย่าเพิ่งปล่อย “ไอ้หมู” เกิดโดนกระสุนของฝ่ายเราตก ใครจะรับผิดชอบครับ”
“ซีโร่” ศูนย์บังคับการยิงปืนใหญ่ต่อว่า “เบาน์เดอร์” ทางโทรศัพท์สนาม
“ผมบอกนักบินแล้วครับ นักบินเขาขอเสี่ยงเอง โดยจะใช้เวลาวิ่งบนรันเวย์ให้นานที่สุด กะว่าพอถึงหัวสนามบินก็จะไดร๊ฟเครื่องขึ้นไปเลย นักบินเขากะแล้วครับ ว่าระยะนั้นปลอดภัยจากวิถีกระสุนของปืนใหญ่ฝ่ายเราแน่ๆ”
“โอเคครับ ถ้าเขาจะเสี่ยงพวกเขาก็รับผิดชอบตัวของเขาเองก็แล้วกัน ผมมีหน้าที่ยิงคุ้มกัน อันตรายนอกเหนือจากนี้ ผมไม่ขอรับรู้ด้วย ถ้าจะเล่นพิเรนกันแบบนี้ก็ได้ ผมจะยิงแบบ “โซนสวิป” ให้อร่อยเหาะไปเลย”
พนักงานวิทยุจาก “ซีโร่” ส่งข่าวมาอีกครั้ง
คงจะเนื่องจากอำนาจการยิงที่รุนแรงของปืนใหญ่ฝ่ายเรา ทำให้ข้าศึกต้องลาก ปรส.75 ของมันลงไปหลบอยู่ในบังเกอร์ใต้ดิน และยิ่งไปกว่านั้น T-28 สามเครื่องที่บินตรงมาจากนาซู ก็ได้มาบินวนเวียนจ้องจะเล่นงาน จนข้าศึกต้องมุดหัวหลบซ่อนอยู่ภายในบังเกอร์ไม่กล้าโผล่ขึ้นมาเล่นงานฝ่ายเราอีก จนกระทั่งการขนย้ายทหารลาวทั้ง 5 กองพันได้เสร็จสิ้นลงภายในเย็นนั้น
ซี.ไอ.เอ. ได้กำหนดให้กองพันทหารลาวผู้กระหายเลือดทั้ง 4 กองพัน “เข้าตี” เนินสกายไลน์-ทู ในวันรุ่งขึ้น โดยมอบหมายให้กองพันแรก เข้าตี ทางด้าน ชาร์ลี-บราโว่ และอีกสองกองพันอ้อมขึ้นไปทางด้านทิศใต้บริเวณ ชาร์ลี-จูเลียต ให้เริ่มเข้าตีพร้อมๆกันในเวลา 07.00 น.
ส่วนอีกกองพันที่เหลือ พ.อ. โซราย่า มือขวาของท่านนายพลวังเปา ได้สั่งให้เคลื่อนย้ายไปตั้งฐานปฏิบัติการในบริเวณ “หมู่บ้านลาวรวมเผ่า” เพื่อป้องกันข้าศึกเล็ดลอดมายังเมืองล่องแจ้งจากด้านท้ายสนามบิน
ตามภารกิจที่ได้วางแผนกันเ