ขอ share ประสบการณ์การปั่นจักรยาน 200 km. สำหรับขาอ่อนค่ะ พอดีพี่ กับน้องในกลุ่มที่ปั่นจักรยานด้วยกัน ชวนไประยอง เพราะว่ามีรายการปั่น audax ระยอง 200 km. ตอนแรกตั้งใจว่าแค่ไปศึกษาดูงาน แล้วปั่นเล่นๆ แถวนั้นรอ เพราะคิดว่ายังไงตัวเองก็ปั่น 200 km. ไม่รอดแน่ๆ (ระยะมากสุด ได้แค่ 100 km. และพึ่งเริ่มปั่นได้แค่ 3 เดือน ) แต่สุดท้ายก็อยากลอง ไหนๆ ก็มาแล้ว ไม่รอดค่อยโบกรถกลับ เพราะฉะนั้นการปั่นครั้งนี้ เลยไม่ได้ลงทะเบียน แค่อยากมาวัดใจตัวเองอย่างเดียวเลยค่ะ
1 อาทิตย์ก่อนปั่น ไม่ได้ซ้อมเลยค่ะ ทั้งฝนตกตอนเย็น ทั้งไปทำงานต่างจังหวัด ได้ซ้อมวันเดียว คือวันเสาร์ ปั่นเข้าเมืองระยอง ระยะทางไป - กลับประมาณ 40 km. พอถึงวันอาทิตย์ ในใจนี่ตื่นเต้นมากค่ะ (จะถึง 50 โลมั้ยว๊าา ถ้าไม่รอดจะโบกรถกลับยังไงว๊า) ในกลุ่มที่มาด้วยกัน จะมีผู้ชาย 3 คน เราเป็นหญิงเดียวที่มาด้วยค่ะ พอเริ่มปั่นก็เริ่มหลุดกลุ่มเลยค่ะ จาก 4 เหลือ 2 เพราะจอดช่วยพี่ที่ยางรั่ว (ได้แต่ยืนดู คนช่วยคือน้องค่ะ) ก่อนถึง CP1 พักไปประมาณ 3 ครั้ง พอเริ่มออกจาก CP1 คราวนี้เริ่มรู้ตัว ว่าไม่อยากเป็นภาระของกลุ่ม เพราะจะให้น้องมาเป็นหัวลากตลอดทาง น้องก็คงไม่ไหว และที่สำคัญเราปั่นแค่ av20 - 22 เอง ทำให้หลุดกลุ่มตั้งแต่ขึ้นสะพานประแสสิน พอลงจากสะพานได้ คราวนี้ล่ะ งานเครียด แล้วมันไปทางไหน ซ้าย หรือขวา เลยต้องถามชาวบ้านแถวนั้นเอาค่ะ พอปั่นคนเดียวความตั้งใจเริ่มมีมากขึ้น เพราะอยากจะไปถึง CP2 ให้ได้ก่อนบ่ายโมง ตลอดระยะทางที่ปั่นเวลาเจอทางแยก ก็ถามทางชาวบ้าน ไม่ก็ถามกลุ่มจักรยานที่จอดพักข้างทางตลอดเลยค่ะ (คือไม่ได้เตรียม cue sheet มาค่ะ) เพราะว่าไม่ได้ศึกษาเส้นทางมาก่อน ทำให้ปั่นหลงทางไปประมาณ 5 km. โชคดี มีมอเตอร์ไซค์ใจดี ขี่มาบอกว่าทางนี้ผิด ต้องกลับไปอีกทาง (ขอบคุณพี่มอเตอร์ไซค์มากๆนะคะ) ระหว่างที่ปั่นกลับมา ก็เจอคนปั่นหลงทางมาเหมือนกันค่ะ เลยมีเพื่อนปั่นกลับเข้าสู่เส้นทางเดิม เส้นทางที่จะไป CP2 โหดมากค่ะ ไหนจะตากฝน ไหนจะเจอเนินเขาพรึบเลย ตอนนั้นรวบรวมสมาธิ ใช้เกียร์ที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์ ทั้งยืนโยก แต่มาตายรังตอนขึ้นเนิน (ใกล้กับ CP2) เห็นเส้นทางแล้วถึงกับเข่าทรุด ขอนั่งทำใจแป๊ป พอดีในกลุ่มปั่นมาเจอพอดี เลยบอกให้นั่งพักก่อน แล้วค่อยขึ้น คือตอนนั้นพี่ในกลุ่มถามว่าจะไป CP2 แล้วกลับรถ service เลยมั้ย หรือจะไปต่อ ร่างกายบอกว่าชั้นเหนื่อย แต่ใจยังอยากต่ออีกสักนิด อย่างน้อยขอให้ได้สัก 150 km. ก็ยังดี เป็นไงเป็นกัน คราวนี้ก็เข็นเลยค่ะ เพราะปั่นขึ้นไม่ไหวจริงๆ เชื่อป่ะคะ พอถึงยอดเนินเขา นี่แบบเหมือนอยู่บนสวรรค์มากค่ะ เพราะเรากำลังจะได้พัก ด้วยการปล่อยฟรีลงจากเนินเขา ปั่นไปได้สักระยะก็แวะทานข้าวข้างทางกับในกลุ่ม เติมพลังให้กับ 100 km. ที่เหลือ ระหว่างทานข้าวฝนตกค่อนข้างแรง ทานข้าวเสร็จก็เริ่มออกเดินทาง คราวนี้ต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะถนนลื่นหลังจากฝนตก ไหนจะต้องปั่นหลบเศษแก้วข้างทาง ซึ่งอยู่ในเลนส์จักรยานเกือบจะตลอดทาง
ต่อไปก็เป็นเนินเขาจุดชมวิวนางพญาที่คงจำได้ขึ้นใจตลอดไป เพราะแค่แหงนหน้าไปมอง ก็ท้อแล้วค่ะ ขนาดรถยนต์ยังขึ้นไปแบบช้าๆ เพราะฉะนั้นไม่มีทางที่เราจะปั่นขึ้นได้แน่ๆ ก็ใช้วิธีเดิมค่ะ เข็นขึ้นกับน้อง 2 คน พอถึงจุดชมวิวที่สวยที่สุด ก็พักประมาณ 10 นาที แล้วก็ปั่นไปต่อค่ะ แต่ปั่นได้ระยะทางไม่เท่าไหร่น้องก็ยางรั่ว เลยได้พักข้างทางอีกแป๊ปนึง พอปั่นไปต่อ ก็เจอพี่ในกลุ่มยางรั่วอีก คราวนี้เลยขอปั่นไปก่อน เพราะคิดว่ายังไงเราปั่นช้า พี่เค้าคงตามมาทัน ก็ปั่นชมวิว ทิวทัศน์ ถามทางเค้าไปเรื่อยๆ จนไปเจอพี่ที่ปั่นด้วยกัน 2 คน เลยขอดูดติดตามกันหลงไปด้วยค่ะ พอใกล้ถึง CP3 แรงเริ่มกลับมา เพราะว่าแดดเริ่มหมด ตอนนี้ขาไม่ปวด ก้มมองดูไมล์ ตกใจ นี่มันเลย 150 km. ที่เราตั้งใจแล้วนี่ แต่แรงยังเหลือ คิดว่าอีก 50 km. ที่เหลือคงไม่ยาก ก็ตั้งหน้าตั้งตาปั่นกลับมาทางเดิมคือสะพานประแสสิน ขาปั่นกลับขึ้นสะพาน เป็นครั้งในของการปั่นจักรยานขึ้นสะพานแล้วไม่เหนื่อย ไม่ท้อ เพราะแรงยังมีเหลือ จนมาถึง CP3 ตอน 17.20 น. เลยโทรถามพี่ในกลุ่ม ว่าอยู่ไหนแล้ว ปรกฎว่ายางรั่วอีก เลยนั่งรอที่ CP3 กะว่าจะปั่นไป CP4 พร้อมกัน แต่ตอนนั้นท้องฟ้าเริ่มมืด ทางทีมงาน audax ก็เป็นห่วงที่จะปั่นกลับ เลยแนะนำให้เอาจักรยานขึ้นรถ service แต่ดูเลขไมล์จักรยานได้ 168 km. แล้ว อยากให้ครบ 200 เลยปฏิเสธไม่ขึ้นรถ service (ต้องขอบคุณพี่โอ๋ และทีมงาน audax ที่คอยเป็นห่วง อยู่รอจนพี่กับน้องในกลุ่มมาถึง แถมใจดีให้โรตีใส่ไข่มาทานด้วยค่ะ) จนเวลาประมาณ 6 โมงเย็น ในกลุ่มก็มาถึง เนื่องจากเวลาค่อนข้างเย็นมากแล้ว เลยปั่นกลับที่พัก ซึ่งที่พักอยู่ห่างจากจุด Finish ไม่เกิน 1 km. สรุปดูเลขไมล์จากที่ปั่นมาทั้งหมด รวมหลงทางด้วยก็ 210 km. แทบไม่อยากเชื่อ ว่าจะผ่าน 200 km. ได้ภายในวันเดียว ต่อไปจะฝึกซ้อมให้ดีขึ้นกว่านี้ แล้วจะกลับไปแก้ตัวลงทะเบียนกับ audax 200 km. ใหม่นะคะ ฝากเป็นกำลังใจให้ด้วยค่ะ
ใจง่าย ร่วมแจม audax ระยอง 200 โล
1 อาทิตย์ก่อนปั่น ไม่ได้ซ้อมเลยค่ะ ทั้งฝนตกตอนเย็น ทั้งไปทำงานต่างจังหวัด ได้ซ้อมวันเดียว คือวันเสาร์ ปั่นเข้าเมืองระยอง ระยะทางไป - กลับประมาณ 40 km. พอถึงวันอาทิตย์ ในใจนี่ตื่นเต้นมากค่ะ (จะถึง 50 โลมั้ยว๊าา ถ้าไม่รอดจะโบกรถกลับยังไงว๊า) ในกลุ่มที่มาด้วยกัน จะมีผู้ชาย 3 คน เราเป็นหญิงเดียวที่มาด้วยค่ะ พอเริ่มปั่นก็เริ่มหลุดกลุ่มเลยค่ะ จาก 4 เหลือ 2 เพราะจอดช่วยพี่ที่ยางรั่ว (ได้แต่ยืนดู คนช่วยคือน้องค่ะ) ก่อนถึง CP1 พักไปประมาณ 3 ครั้ง พอเริ่มออกจาก CP1 คราวนี้เริ่มรู้ตัว ว่าไม่อยากเป็นภาระของกลุ่ม เพราะจะให้น้องมาเป็นหัวลากตลอดทาง น้องก็คงไม่ไหว และที่สำคัญเราปั่นแค่ av20 - 22 เอง ทำให้หลุดกลุ่มตั้งแต่ขึ้นสะพานประแสสิน พอลงจากสะพานได้ คราวนี้ล่ะ งานเครียด แล้วมันไปทางไหน ซ้าย หรือขวา เลยต้องถามชาวบ้านแถวนั้นเอาค่ะ พอปั่นคนเดียวความตั้งใจเริ่มมีมากขึ้น เพราะอยากจะไปถึง CP2 ให้ได้ก่อนบ่ายโมง ตลอดระยะทางที่ปั่นเวลาเจอทางแยก ก็ถามทางชาวบ้าน ไม่ก็ถามกลุ่มจักรยานที่จอดพักข้างทางตลอดเลยค่ะ (คือไม่ได้เตรียม cue sheet มาค่ะ) เพราะว่าไม่ได้ศึกษาเส้นทางมาก่อน ทำให้ปั่นหลงทางไปประมาณ 5 km. โชคดี มีมอเตอร์ไซค์ใจดี ขี่มาบอกว่าทางนี้ผิด ต้องกลับไปอีกทาง (ขอบคุณพี่มอเตอร์ไซค์มากๆนะคะ) ระหว่างที่ปั่นกลับมา ก็เจอคนปั่นหลงทางมาเหมือนกันค่ะ เลยมีเพื่อนปั่นกลับเข้าสู่เส้นทางเดิม เส้นทางที่จะไป CP2 โหดมากค่ะ ไหนจะตากฝน ไหนจะเจอเนินเขาพรึบเลย ตอนนั้นรวบรวมสมาธิ ใช้เกียร์ที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์ ทั้งยืนโยก แต่มาตายรังตอนขึ้นเนิน (ใกล้กับ CP2) เห็นเส้นทางแล้วถึงกับเข่าทรุด ขอนั่งทำใจแป๊ป พอดีในกลุ่มปั่นมาเจอพอดี เลยบอกให้นั่งพักก่อน แล้วค่อยขึ้น คือตอนนั้นพี่ในกลุ่มถามว่าจะไป CP2 แล้วกลับรถ service เลยมั้ย หรือจะไปต่อ ร่างกายบอกว่าชั้นเหนื่อย แต่ใจยังอยากต่ออีกสักนิด อย่างน้อยขอให้ได้สัก 150 km. ก็ยังดี เป็นไงเป็นกัน คราวนี้ก็เข็นเลยค่ะ เพราะปั่นขึ้นไม่ไหวจริงๆ เชื่อป่ะคะ พอถึงยอดเนินเขา นี่แบบเหมือนอยู่บนสวรรค์มากค่ะ เพราะเรากำลังจะได้พัก ด้วยการปล่อยฟรีลงจากเนินเขา ปั่นไปได้สักระยะก็แวะทานข้าวข้างทางกับในกลุ่ม เติมพลังให้กับ 100 km. ที่เหลือ ระหว่างทานข้าวฝนตกค่อนข้างแรง ทานข้าวเสร็จก็เริ่มออกเดินทาง คราวนี้ต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะถนนลื่นหลังจากฝนตก ไหนจะต้องปั่นหลบเศษแก้วข้างทาง ซึ่งอยู่ในเลนส์จักรยานเกือบจะตลอดทาง
ต่อไปก็เป็นเนินเขาจุดชมวิวนางพญาที่คงจำได้ขึ้นใจตลอดไป เพราะแค่แหงนหน้าไปมอง ก็ท้อแล้วค่ะ ขนาดรถยนต์ยังขึ้นไปแบบช้าๆ เพราะฉะนั้นไม่มีทางที่เราจะปั่นขึ้นได้แน่ๆ ก็ใช้วิธีเดิมค่ะ เข็นขึ้นกับน้อง 2 คน พอถึงจุดชมวิวที่สวยที่สุด ก็พักประมาณ 10 นาที แล้วก็ปั่นไปต่อค่ะ แต่ปั่นได้ระยะทางไม่เท่าไหร่น้องก็ยางรั่ว เลยได้พักข้างทางอีกแป๊ปนึง พอปั่นไปต่อ ก็เจอพี่ในกลุ่มยางรั่วอีก คราวนี้เลยขอปั่นไปก่อน เพราะคิดว่ายังไงเราปั่นช้า พี่เค้าคงตามมาทัน ก็ปั่นชมวิว ทิวทัศน์ ถามทางเค้าไปเรื่อยๆ จนไปเจอพี่ที่ปั่นด้วยกัน 2 คน เลยขอดูดติดตามกันหลงไปด้วยค่ะ พอใกล้ถึง CP3 แรงเริ่มกลับมา เพราะว่าแดดเริ่มหมด ตอนนี้ขาไม่ปวด ก้มมองดูไมล์ ตกใจ นี่มันเลย 150 km. ที่เราตั้งใจแล้วนี่ แต่แรงยังเหลือ คิดว่าอีก 50 km. ที่เหลือคงไม่ยาก ก็ตั้งหน้าตั้งตาปั่นกลับมาทางเดิมคือสะพานประแสสิน ขาปั่นกลับขึ้นสะพาน เป็นครั้งในของการปั่นจักรยานขึ้นสะพานแล้วไม่เหนื่อย ไม่ท้อ เพราะแรงยังมีเหลือ จนมาถึง CP3 ตอน 17.20 น. เลยโทรถามพี่ในกลุ่ม ว่าอยู่ไหนแล้ว ปรกฎว่ายางรั่วอีก เลยนั่งรอที่ CP3 กะว่าจะปั่นไป CP4 พร้อมกัน แต่ตอนนั้นท้องฟ้าเริ่มมืด ทางทีมงาน audax ก็เป็นห่วงที่จะปั่นกลับ เลยแนะนำให้เอาจักรยานขึ้นรถ service แต่ดูเลขไมล์จักรยานได้ 168 km. แล้ว อยากให้ครบ 200 เลยปฏิเสธไม่ขึ้นรถ service (ต้องขอบคุณพี่โอ๋ และทีมงาน audax ที่คอยเป็นห่วง อยู่รอจนพี่กับน้องในกลุ่มมาถึง แถมใจดีให้โรตีใส่ไข่มาทานด้วยค่ะ) จนเวลาประมาณ 6 โมงเย็น ในกลุ่มก็มาถึง เนื่องจากเวลาค่อนข้างเย็นมากแล้ว เลยปั่นกลับที่พัก ซึ่งที่พักอยู่ห่างจากจุด Finish ไม่เกิน 1 km. สรุปดูเลขไมล์จากที่ปั่นมาทั้งหมด รวมหลงทางด้วยก็ 210 km. แทบไม่อยากเชื่อ ว่าจะผ่าน 200 km. ได้ภายในวันเดียว ต่อไปจะฝึกซ้อมให้ดีขึ้นกว่านี้ แล้วจะกลับไปแก้ตัวลงทะเบียนกับ audax 200 km. ใหม่นะคะ ฝากเป็นกำลังใจให้ด้วยค่ะ