Audax 200 นครปฐม ฤดูกาล 2024 - ปฐมบท

ปฐมบท
Audax ในแบบเรา นครปฐม 200 ฤดูกาล 2024
  
   นี่เป็นครั้งแรกของเราสำหรับการปั่นจักรยานทางไกล รายการ Audax Randonnurs Thailand (Audax) ระยะทาง 200 กิโลเมตร โดยต้องปั่นให้จบภายในกำหนดเวลา 13 ชั่วโมง 30 นาที

   ซ้อมไกลสุดแค่ 100 โล

   อยากท่องเที่ยวไปกลับจักรยานที่รักและได้ชาเลนจ์ตัวเองไปด้วยว่าจะทำสำเร็จหรือไม่

   ใจที่ไม่ยอมแพ้เท่านั้น จึงสามารถนำพาเราไปสู่จุดหมายปลายทางให้สำเร็จได้

   การปั่นจักรยานคือการได้ปลดปล่อยความเป็นอิสระ เมื่อปั่นจักรยาน ข้าพเจ้ารู้สึกฟรี







  มาถึงนครปฐมก่อนเริ่มรายการหนึ่งวัน เข้าพักที่โรงแรมสยาม ซึ่งถือว่าราคาประหยัดและเหมาะสมดีมาก เนื่องจากเค้าให้นำจักรยานไปเก็บไว้ในห้องได้ จึงช่วยให้ขจัดปัญหาเรื่องการประกอบจักรยานในช่วงเช้า หรือการจอดจักรยานแล้วต้องกังวลว่าจะหายไปได้มาก

   เมื่อได้ที่พักแล้วก็ อยากจะปั่นจักรยานไปทดสอบเส้นทางเล็กน้อย แต่ พอปั่นมาเจอร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นห้วยพลู จึงต้องขอแวะชิมสักหน่อย ซึ่งก็ไม่ผิดหวังแต่ประการใด ถือว่าอร่อยมาก น้ำซุปก็กลมกล่อมมาก
   จากนั้น นอนนวดตัว หลับสบายใจ 🤣😆😖

   จากการซ้อมที่ผ่านมา
   ระยะที่ทำได้ไกลสุดคือ 100 กิโลเมตร 6 ชั่วโมงกว่ากว่า (เวลานี้รวมถึงการพักระหว่างทางแล้วด้วย)
   จึงประเมินตัวเอง ว่า เราสามารถวิ่งจนจบการแข่งขันได้ ด้วยระยะทางและเวลาที่ซ้อมมานั้น เมื่อคำนวณแล้วยังมีเวลาเหลืออยู่พอสมควร
   ตัวแปรสำคัญของการวิ่งจบในครั้งนี้ และการจบแบบคาบเส้นด้วย เนื่องจากการซ้อมนั้นเราวิ่งในเส้นทางที่เรารู้อยู่แล้ว จึงสามารถทำเวลาได้ดี แต่กับเส้นทางจริง นั้น เราไม่เคยสัมผัสมันหรือรับรู้มันมาก่อน นอกจากจะดูแผนที่ที่บอกไว้เท่านั้น ความต่างกัน จึงอยู่ตรงนี้ด้วย เนื่องจากเราต้องเสียเวลาในการตรวจสอบแผนที่ให้ถูกต้องชัดเจนเพื่อไม่ให้หลงทางและเสียเวลา หรือหากจะเสียเวลาก็ให้น้อยที่สุด
   ตัวแปรที่สำคัญอีกประการก็คือ สภาพอากาศในวันที่ปั่นจริงนั้น หลังเที่ยงไปแล้วสภาพอากาศร้อนโหดมากมาก อากาศร้อนบั่นทอนกำลังในการปั่นของเราไปได้มากเหมือนกัน
   การวางแผนในการพักแต่ละจุด หรือการพักระหว่างปั่นอยู่บนจักรยานนั้น ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากเราใช้ร่างกาย เพื่อนำพาเราไปข้างหน้าตลอดเวลา ดังนั้น การซ้อมเพื่อให้ร่างกายคุ้นชินกับการปั่นในระยะทางไกล การฝึกพักในขณะปั่นอยู่บนจักรยาน หรือการหยุดพักเพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูได้อย่างดีที่สุดนั้น จะต้องวางแผนมาเป็นอย่างดี ที่สำคัญต้องไม่พักนานเกินไป






  7.00 ออกสตาร์ท ตรงเวลา เราอยู่เกือบท้ายขบวน ให้พี่ๆเขาไปกันก่อนเลย เราไม่รีบ ไปเรื่อยๆ ชิวชิว 😊😆🤣 รถซื้อแกง 😖

   วางแผนปั่นไปพักไป ตามที่เคยซ้อมมา และรู้สึกสบายและโอเคกับแผนนี้ เพราะร่างกายได้พัก แล้วกลับมาปั่นต่อได้อย่างสดชื่น >>> การพักนั้น คือ พักบนจักรยาน  ปั่นเบาเบา ยืนบนจักรยาน เหยียดยืดเส้นสาย กินขนมที่เตรียมมา (ต้องกิน เพื่อเติมพลังงานตลอดเวลา)
   CP 1️⃣  ✅ ผ่านไปได้อย่างสบาย สำหรับเราถือว่าทำเวลาได้ดี
   ก่อนถึง CP 2️⃣ อากาศเริ่มร้อนทุกที แม้ว่าจะยังเช้าอยู่ก็ตาม แต่ เราใช้โทรศัพท์เป็น GPS นำทาง มันร้อนมากจนเครื่องดับ 😱 ต้องจอด รอดูรถคันอื่นขี่ผ่านไป แล้วพยายามขี่ตามเขาไป แต่ก็ไม่ไหว พี่ๆเขาเร็วกันเหลือเกิน
    จากนั้นจึงหยิบแผนที่คิวชีท แบบกระดาษ 🗺️ ขึ้นมาดู ซึ่งค่อนข้างทุลักทุเล แต่เมื่อเริ่มเข้าใจก็ไม่ยาก ปั่นไปเรื่อยๆ แดดก็ร้อนขึ้นทุกที นี่ 10 โมงกว่าๆเอง

    จากนั้น เมื่อ โทรศัพท์กลับมาใช้งานได้แล้ว ก็หาอะไรบังเพื่อไม่ให้เกิดความร้อนโดยตรงจากแสงแดด แล้วใช้วิธีดูคิวชีส ประกอบกับการสั่นสะเทือนและเสียงเตือนจากแอพพลิเคชั่นนำทาง ได้ผลดีพอสมควร ทำให้วิ่งถึง CP 2️⃣ ✅ ได้อย่างไม่ยากเย็นแล้วก็ทำเวลาได้ดีพอสมควรด้วย

  




   เมื่อผ่าน CP2 แล้ว เราคิดว่าควรพักใหญ่ เพื่อเติมพลังให้เต็มที่ จึงนั่งสั่งก๋วยเตี๋ยวและข้าวเปล่ามากินอย่างพูนพูน จากนั้นต่อด้วย เจลเล่ กาแฟ คุ้กกี้ (จริงๆกินเยอะมากไปก็ไม่ดี) จุดนี้เราพักนาน และถือว่านานเกินไป >>> แต่ทางข้างหน้าก็ไม่มีเซเว่นแล้ว

     ระยะทางระหว่าง cp2 ไปถึง cp3 เป็นช่วงการปั่นที่ยาวที่สุดของวันนี้คือประมาณเกือบ 60 โล และเราปั่นในช่วงกลางวัน ที่แดดร้อนเปรี้ยงเปรี้ยงมากเลย มันบั่นทอนทั้งกำลังและจิตใจเป็นอย่างมาก เพราะมองไปก็มีแต่ความร้อนของแสงแดด และมีเพียงตัวเราคนเดียวเท่านั้นที่ปั่นจักรยานไป
   อากาศร้อนจัดมาก แม้กระทั่งลมที่ผ่านเข้ามาก็เป็นลมร้อน  จนต้องทำให้หยุดแวะเป็นระยะ เพื่อจอดพัก ดื่มน้ำ เติมน้ำ ทาวิก เพื่อให้ความเย็น และทาวาสลีน เพื่อป้องกันการเสียดสีและรักษาก้นไว้ให้ดี 😵🫨🙂‍↕️
   ระหว่างทาง ที่ปั่นผ่านมา มีจุดพักร้านค้าอยู่หลายร้าน ได้พบเห็นผู้ประสบภัย เช่นเดียวกันอยู่หลายที่ 😆😆😆
   กม ที่ 133 จำแม่นเลย เป็นครั้งแรกสำหรับการขี่จักรยานจนตะคริวขึ้น มันโคตรทรมานเลย ตอนแรกกัดฟันว่าจะปั่นต่อ แต่มันไม่ไหวจริงๆต้องจอดข้างทาง ซึ่งตอนนั้น ก็มีเราอยู่คนเดียวซะด้วย โชคดีที่ยังมีน้ำแข็งเหลืออยู่นิดหน่อยที่ก้นแก้ว ซึ่งเพิ่งซื้อมากินระหว่างทาง ทำให้สามารถใช้น้ำแข็งช่วยบรรเทาอาการไปได้
   อาการท้อแท้ มีเกิดขึ้น แต่ไม่ได้ถอดใจ ดูจากระยะทางแล้ว เราคิดว่า น่าจะปั่นต่อไปถึง cp 3 ได้ แต่ต้องเริ่มปั่นโดยเร็ว จะพักนานไม่ได้ เพราะ กลัวจะไม่ทันเข้า cp 3 ตามเวลา
    เมื่อเริ่มกลับมาปั่นอีกครั้ง สักพักตะคริวก็ถามหาอีก แต่จำได้ว่า ถ้าเราเป็นตะคิวจะต้องกัดฟันปั่นอย่างเร็วเร็ว ไปสักพักนึง ตะคริวก็จะหายไป แต่มันก็ทรมานมากเช่นกันในช่วงเวลานั้น

     มาถึงจนได้ CP 3️⃣ ✅ เกือบหลงทางและเสียเวลาแล้ว โชคดีได้ชาวบ้านที่เลี้ยงแพะในบริเวณนั้น บอกว่าไปผิดทางให้ตรงไปก่อนแล้วไปเลี้ยวข้างหน้า ก็ทำให้กลับมาอยู่ในเส้นทางได้ เพราะหากเราหลงทางไปไกลมากทั้งอาการทรมานจากตะคริว และระยะทางที่ต้องปั่นกลับมาอาจทำให้เราเข้าไม่ทันเวลา CP 3 ได้
   เมื่อถึง CP 3 จัดถั่วเขียวต้มน้ำตาล ที่เขาว่าขึ้นชื่อกันหนักหนาไปสองถ้วย แล้วถอดร่างเลย รองเท้าไปทางหมวก ผ้าบั๊ปไปทาง ถุงมือไปทาง นั่งหมดพลัง เพราะโดนแสงแดดดูดเยอะไปนั่นเอง
    เมื่อเข้า cp3 ได้ก็รู้สึกว่าปลดปล่อย เพราะจากระยะทางอีก 50 โล กับเวลาที่เหลือเหลืออยู่ประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง จากผลการซ้อมที่ผ่านมา คิดว่าปั่นได้อย่างสบาย และมั่นใจด้วยว่าปั่นจบแน่ๆ (แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ ถ้ามีข้อผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย)

   



    เมื่อออกจาก cp3 แสงแดดก็เริ่มเบาบางลงไปมากแล้ว (ห้าโมงเย็น) ทำให้รู้สึกว่าปั่นสบายมากขึ้น แต่ก็ยังคงต่อสู้กับเวลาและอาการตะคริวกินอยู่เช่นเคย

   มาถึงจุด control เพื่อถ่ายรูปกับประตูน้ำไว้เป็นหลักฐาน ก็มืดมืดเสียแล้ว โดยถึงในเวลา 19:04 น. ก่อนปิดจุดนี้ 10 นาที

   เหลือ ระยะทางอีก 18 กิโล กับเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่ากว่า คิดว่าอย่างไรก็ทัน (ถ้าไม่มีอุบัติเหตุหรือมีอะไรผิดพลาด)
   การขี่ในตอนมืดเราต้องใส่เสื้อสะท้อนแสงและเปิดไฟหน้าและไฟหลังไว้ด้วย ความมืดทำให้การปั่นจักรยานลดประสิทธิภาพลง เนื่องจากทัศนวิสัยเราจะแคบลง และอาการตะคริว ยังคงมีขึ้นอยู่ เป็นระยะ บางช่วงเราต้องหยุดรอไฟแดงข้ามแยกด้วย ทำให้ตะคริวเกิดขึ้นในช่วงนั้น เราก็ต้องข่มใจบีบนวดกันไปและกั้นใจเพื่อที่จะปั่นจักรยานด้วยความเร็วแรง เพื่อฆ่าตะคริวให้มันออกไปจากร่างกายของเรา
    เมื่อเข้าใกล้ทางตัวเมืองแล้วซัดแหลกเลยทีนี้ เพราะมาคำนวณเวลาแล้วเหลือเวลาอีกไม่มาก กับระยะทาง5 กิโล
    มีเกือบชนกับรถที่พยายามจะเลี้ยวตัดเลนมา แต่เราก็วัดใจเลยว่า เราตรง ตรง ตรง แหวกไปเลย 😖😵🫨

    🏁✅✔️❇️🔼 20.15 น. ถึงจุดหมายปลายทาง 😇
     🥹😭🤗 ดีใจสุด ๆ เราทำได้ ✌️
       จริงๆ ก็มั่นใจอยู่นะ ว่าเราทำได้ เพียงแต่มันเฉียดมากอยู่เหมือนกัน เสียวๆ จากอาการตะคิวด้วย สงสัยนอนน้อยไปเพราะตื่นเต้น
     เก็บประสบการณ์ที่ดีนี้ไว้ หาจุดบกพร่อง และไปแก้ไข สนามหน้าให้เวลาดีกว่าเดิม 🤣🤣🤣
     นึกว่าจะเข็ด 👉👆🤙☝️ มองหาสนามอื่นต่อแล้วอะ 😆😆😆
   
    



แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่