- - เกริ่นหน่อย เริ่มเข้าวงการ - -
ผมเริ่มปั่น Audax ได้ประมาณ 2 ปี เริ่มจากปั่นวน ๆ แถวบ้านวันละ 20-30 กิโล แล้วก็อยากลองหากิจกรรมปั่นจักรยานดู ก็ไปสะดุดกับ่คำว่า Audax ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ก็เลยลองติดตามกลุ่ม หาข้อมูลดู มันคือการปั่นจักรยานทางไกลให้ทันเวลา แต่ระหว่างทางต้องพึ่งพาตนเอง ซึ่งฟังดูไม่ง่ายเลย ผมจำได้ ณ วันแรกที่ตัดสินใจเข้าวงการ Audax ผมได้ตั้งเป้าไว้เลยว่า ถ้าคิดจะปั่น "ต้องเอาตัวเองให้รอด ต้องผ่านมันไปได้ด้วยตัวเอง" ซึ่งทุกสนามที่ลง เพื่อน ๆ พี่ ๆ นักปั่นเขาจะช่วยเหลือกันดีมาก บางคนปั่นเร็วมาก แต่พอรู้ว่าเราใหม่ พี่เขาก็ปั่นรอ ปั่นลากให้ ซึ่งสนามแรกที่ผมลงปั่นคือ 200 นครปฐม ผมก็ประทับใจเลย ผมกังวลไปหมดเพราะไปคนเดียว ปั่นครั้งแรกด้วย ระหว่างปั่น ผมได้รู้จักพี่โอ้ พี่เขาปั่นความเร็วใกล้ ๆ กับผม พอคุยไปคุยมา ก็เลยปั่นไปด้วยกัน พี่เขาใจดีลากให้ จนระยะ 120km ผมเริ่มไม่ไหว พี่เขาก็พยายามเชียร์อัพ ลากผมไปจนถึง 150km ผมบอกว่าผมพอแล้วกะจะไม่เอาแล้ว แต่พี่เขาบอกไม่รีบ นอนรออยู่ใน CP พักไป 30 นาที ผมก็ใจสู้ปั่นต่อ จนระยะ 170 ผมไม่ไหวจริง ๆ เลยบอกพี่เขาไปว่า พี่ไปก่อนได้เลยผมไม่ไหว พี่เขาก็จะรอนะ แต่ผมบอกว่าผมไม่ไหวจริง ๆ อาจ DNF พี่เขาก็เลยขอไปต่อซึ่งปั่นเร็วมาก ๆ (มารู้ว่า พี่เขาไม่ได้พกเสื้อสะท้อน หรือไฟมาด้วย เพราะพี่เขากะว่าปั่นจบก่อนมืดแน่นอน ซึ้งใจมาก) ซึ่งผมก็ปั่นต่อไปได้อีกนิด ระยะ 180 ผมก็ขอถอนตัว DNF ไม่จบสนามแรกครับ
การ DNF ไม่ได้น่ากลัว ก็โทรหาผู้จัด เด๋วเขาก็จัดการให้ เขาพร้อมดูแล เสียค่าบริการนิดหน่อย แต่ทุกการ DNF ให้รู้ว่าเราพลาดอะไร ทุกการสมัครลงปั่นผมไม่คิดว่าผมต้องปั่นจบ ผมคิดแค่ ปั่นสนุก ปั่นปลอดภัย ก็พอ วันไหนปั่นไม่สนุก รู้สึกไม่ปลอดภัย ก็กลับบ้านครับ DNF ดีกว่า
ซึ่งผมกลับมาก็ทำการบ้าน เราพลาดอะไร หลัก ๆ ก็คงเป็นเรื่องของการคุมความเร็ว แรก ๆ เราสด เราก็ปั่นเร็ว 25-30 พอหมดก็ปั่นไม่ไหว ความล้า ตะคริวก็เล่นงาน เติมไม่ทันอีก "ไม่ปั่นตามความเร็วตัวเอง" ผมพลาดตรงนี้แหละ
สนาม 2 ผมปั่น 200 อยุธยา เตรียมความพร้อม ปั่นคนเดียว รอบนี้ปั่นตามความเร็วตัวเอง ไม่เร่งไม่รีบ ค่อย ๆ ไป แต่ผมก็มีปัญหาว่ายางรั่วบ่อยมาก สนามนี้ยางผมรั่วไป 4 รอบ เตรียมยางในไป 2 เส้น พร้อมอุปกรณ์การปะ ปรากฏว่า ปะไม่อยู่ ยางที่เปลี่ยนก็ดันรั่วจุ๊บไปเส้นนึง สรุปว่า ยางในหมด โดนอาถรรพ์ แน่ ๆ เพราะปั่นได้แค่ 180 กิโล อีกแล้ว DNF เช่นเคย กลับมาก็ทำการบ้าน รอบนี้ปั่นได้ดี ถ้ายางไม่รั่วจบแน่
ซึ่งหลังจากนี้สนาม 200 ผมก็จบทุกสนามที่ลงปั่น
- - เริ่มเพิ่มความท้าทาย - -
จากความมั่นใจ สนาม 200 ผ่านมาหลายสนาม ก็เริ่มลง 300 ซึ่งสนามแรกที่ลงคือ 300 ป่าสัก สนามปีนเขาครั้งแรก หนักหนาสาหัสมากไม่เคยปีนเขา ซึ่งสนามนี้ก็ได้มิตรภาพอีกแล้ว ระยะ 140 ผมเจอพี่ 2 ท่าน พี่นพ พี่หนุ่ม แผนที่เขารวน จอดอยู่ ก็เลยปั่นมาด้วยกัน พี่เขาก็ลากให้อีกแล้ว จนระยะ 180 อาถรรพ์อีกแล้ว ตะคริวขึ้น พี่เขาก็ปั่นรอ แต่ด้วยประสบการณ์ DNF เลยให้พี่เขาไปก่อนเลย พี่เขาไม่ยอมไปเลยบอกตรง ๆ ผมปั่นตามไม่ไหวแล้ว ถ้าพี่อยู่ผมก็เกรงใจ กดดัน พี่เขาถึงไปต่อ สุดยอดนับถือน้ำใจ อีกจุดคือมืดละ ผมปั่นตามพี่ช้าง ปรากฏว่า ผมตกหลุม มองทางไม่เห็น ตีลังกา ยางในระเบิดเลย พี่เขาก็ช่วยยืนส่องไฟ จนผมเปลี่ยนยางเสร็จ ขอบคุณครับ ก็ปั่นแบบเจ็บ ๆ ต่อไปจนจบได้ กะว่าไม่เอาแล้ว 300 มันโหดกว่า 200 เยอะ คงพอแค่นี้
- - เริ่มตั้งเป้าหมาย - -
ช่วงปลายปี ก็เริ่มเห็นในกลุ่มพูดถึง SR มันคืออะไร งง ก็เลยหาข้อมูลดู อ้อ มันคือ เหรียญพิเศษ ที่ใน ฤดูกาลนั้น ๆ คุณต้องจบ 200 300 400 600 คุณถึงมีสิทธิ แล้วปีถัดไปก็เริ่มกันใหม่สะสมไม่ได้ เอ้ย จุดประกาย เอาน่าครั้งหนึ่งในชีวิต ขอ SR สักครั้งนะ มันเท่มาก เอาเหรียญทั้งปีมาจัดเป็นเซท และผมผ่าน 200 300 มาแล้ว ซะด้วย
ปีนั้นเหลือ 2 สนาม ที่ผมพอจะลงได้ 400 ท่าจีน กับ 600 เจ้าพระยา ก็เลยลง 400 ท่าจีน และเช่นเคย DNF ที่ระยะ 204 จบกัน SR เพราะไม่เหลือสนาม 400 แล้ว ก็เลยปั่นแค่ 200 เหมือนเดิม จนหมด Season
สนามนี้ทำการบ้าน ผมพลาดเรื่องอากาศร้อนมากของกาญจนบุรี HR ทะลุ Zone ยาว ๆ เลยหมด
- - ฤดูใหม่ เริ่มใหม่ - -
จากปีก่อน ผมเริ่มช้าไปทำให้พลาดหลายสนาม
เริ่ม Season ใหม่ ผมตั้งเป้าปีนี้ขอ SR ผมเก็บ 300 อู่ทองก่อน วันเสาร์ และปั่นอีกวัน 200 ท่าฉลอมในวันอาทิตย์ (ประเมินร่างกายตัวเองว่าไหวไหม ซึ่งทำให้รู้จักกับ อ.แผน ) และก็ตามฝึกซ้อมขา 200 ท่าจีน อัมพวา จนสนามยากสำหรับผม สนามเขา 400 พุสวรรค์ สนามนี้ อ.แผน พี่โอ้ ก็ลงปั่นด้วย พอมีกำลังใจ เพราะไม่เคยปั่นข้ามคืน ถือว่าโชคดีที่ มีบัดดี้ คอยแนะนำ และวางแผน ซึ่งสนามนี้หลัง 300km ร่างกายผมไม่ไหว ไต่เขาจนหมดแรง อากาศร้อน ทำให้ ทานอะไรไม่ได้เลย น้ำยังดื่มไม่ได้ นอนก็ไม่พอ ก็มี อ.แผน คอยประคองให้กำลังใจกันไป จน 10km สุดท้ายผมหมดจริง ๆ เลยให้ อ. ไปก่อน ผมค่อย ๆ ปั่นไปช้า ๆ มีจุดนึง 8 โมงเช้าละ ผมเห็นรถขายน้ำ เลยขอซื้อชาดำเย็นถุงนึงมาดื่ม เพราะหิวน้ำมาก ทานอะไรไม่ได้ตั้งแต่ตี 3 พอจิบ ๆ ไป เอ้ยก็พอทานได้ พอได้น้ำตามแรงก็เริ่มมา แต่ปั่นไปได้สักพัก มองหาต้นไม้ใหญ่ อ๊วกครับ ออกมาหมดเลย ชาดำเย็นล้วน ๆ แถมดันไปอ๊วกข้างทางซึ่งมีร้านค้าอยู่ตรงข้าม มีพี่มอเตอร์ไซค์เห็นตะโกน เฮ้ย พี่เขาอ๊วกเป็นเลือด เท่านั้นแหละ เรื่องใหญ่เลย ออกมาทั้งร้านค้าเลย ผมต้องบอกว่า ชาดำเย็น ครับ ไม่ใช่เลือด 555 แต่ก็ปั่นต่อจนจบได้ ยัง งง ตัวเองว่า จบได้ไง
- - เตรียมตัวสำหรับ 600 - -
วางแผนจะจบ 600 นครปฐม แต่ด้วยไม่เคยปั่นไกลขนาดนี้ ไต่ 1700 วางแผนไม่ถูก กลัวไปแล้วพลาด ผมเลยลง 600 พัทยา-ตราด ไต่ 4000 ไปชิมดูก่อน เพื่อประเมิน ซึ่งได้ดั่งใจมาก โหดสุด ๆ ฝนตกเพราะพายุเข้า แถมสนามไต่ยาว ๆ เลย 230 km ก่อนถึงทางราบ ผมดูแล้วไม่จบแน่ เพราะฝนตกตัวเย็นไปหมด แต่ขอให้จบ Stage ภูเขาก็ยังดี ซึ่งก็ทำได้ตามเป้า จบทางเขาสู่ทางราบ ไต่รวม 2000 แล้วก็ DNF
สนามนี้ผมได้อะไรเยอะมาก จากปั่นสนามเขาไม่ค่อยเก่ง เจอสนามนี้ไป ปั่นพอไหวกันเลย เล่นไต่ขึ้น ลง 230 km ก็ต้องเก่งขึ้นบ้างแหละ ไหนจะตากฝนอีก (เรียกว่าพายุฝนดีกว่า) ทำให้มีความพร้อมมากกับสนามที่หวัง
- - SR 2024 - -
Audax 600 นครปฐม-อุทัยธานี สนามนี้ ข้อมูลบอกว่า เจอฝนแน่ แต่เราไม่กลัว พายุก็เจอมาแล้ว ฝนตกแป๊บเดียวก็หยุด ไม่น่ากลัว ไต่ 1700 สบายมาก เพราะไต่ 2000 มาแล้ว ติดอย่างเดียว สนามกลางคืน ออกตัว 1 ทุ่ม
วันปั่น ผมนอนเลยตั้งแต่เช้า ไม่ยอมตื่น มันก็นอนไม่หลับหรอกแต่ก็ฝืนนอน ๆ ไป ตื่นมา 4 โมงเย็น นอนตุนไว้ก่อนเลย พอออกตัว ก็พยายามปั่นตามความเร็วเรา แรก ๆ ก็มีกลุ่ม สักพักกลุ่มหาย แต่เราก็พร้อม เพราะประเมินแรงตัวเอง วางแผนพักไว้แล้ว แต่ไมล์เจ้ากรรม ดันรวน แผนที่ไม่แสดง หลงทางสิ พอปั่นกลับมาทางเดิม เจอกลุ่มพี่นาดาล ก็เลยปั่นไปด้วยกัน ความเร็วใกล้ ๆ กัน พี่เขารู้เส้นทาง ก็เลยไปด้วยกันตลอดในช่วง 300 แรก ได้พี่เขาช่วยนำ จนถึง Dropbag ผมนอนได้แค่ 1 ชั่วโมง (ตอนแรกวางแผนนอน 5 ชั่วโมง) เพราะอากาศร้อน นอนไม่กลับ เลยออกปั่นต่อตอนเที่ยง พี่เขารอเพื่อน ๆ เขา ผมเลยออกก่อน ทีนี้ก็ฉายเดี่ยวตลอดทาง กับครึ่งหลัง แต่เราประเมินตัวเองมาแล้ว แถมเวลาเหลือ ๆ เพราะไม่ได้นอน ก็ค่อย ๆ ปั่นไป จนเหลือ 100km สุดท้าย ลมต้านหนักมากเล่นเอาแรงหมดเกลี้ยงเลย ประกอบกับ ง่วงนอน เบลอไปหมดแล้ว แต่ก็หยุดไม่ได้ ปั่นด้วยความเร็ว 10-13 ช้าสุด ๆ ไหนจะโดนหมาไล่อีก เอาขาผมไปเลยหนีไม่ไหวครับ เป็น 100km ที่ทรมานมาก แต่ความพยายามก็เป็นผล ผมจบตี 5 สำเร็จครับ โคตรดีใจ
* * * ครบระยะ SR 200 300 400 600
* * *
- - การเตรียมตัวสำหรับนักปั่น จากประสบการณ์ผม - -
- ไฟหน้า ผมแนะนำแบบ USB ความสว่าง ระดับ 400 ลูเมน ขึ้นไป เพราะมันสามารถเสียบ PowerBank แล้วชาร์จไปด้วยได้ จะทำให้เราปั่นทั้งคืนได้อย่างสบายใจ หากปั่นสนามเขา ผมแนะนำ พกไฟไป 2 อัน เปิดพร้อมกัน เพราะความสว่างอันเดียวมันทำให้เห็นวิสัยทรรศไม่ค่อยมากสำหรับสนามเขาที่อันตรายและใช้ความเร็ว ช่วงไหนดูอันตรายมืดมาก ๆ การมีไฟ 2 ดวงมันช่วยได้เยอะมาก ๆ ช่วงไหนพอมองเห็นก็เปิดดวงเดียวเซฟแบต
- ไฟท้าย ผมแนะนำ แบบใส่ถ่าน ผมใช้ของ Cateye ผมซื้ออันแพง 1 อัน อันถูก 1 อัน ช่องใส่ไฟมันชนิดเดียวกัน หากมีอะไรพลาด ไฟเสีย เราจะได้ถอดเปลี่ยนได้เลย แต่เท่าที่ปั่นมา 1 คืน ถ่าน AA ก้อนเดียวเอาอยู่เลย ใช้โหลด Rapid กระพริบรัว ๆ เหลือ ๆ เปิด 18.00 - 09.00 ไม่ดับ เปลี่ยนวันละก้อนเพื่อความสบายใจ
- Power Bank ผมใช้ 2 หมื่นแอม์ เสียบไฟหน้ากับไมล์ไว้ตลอด 300 km เอาอยู่เหลือ ๆ แต่ถ้าปั่นไกลกว่านั้น จะพกอีกก้อน 2 หมื่นแอม์ไปเปลี่ยนที่ Drop Bag เลย อย่าคิดว่าจะไปชาร์จที่ Drop Bag หรือจุดพัก เพราะเราอาจไม่ได้นอน ใช้ประโยชน์จาก Drop Bag พกไปให้เยอะที่สุด ไม่ได้แบกเองนี่นา ผมเอากระเป๋าเดินทางไป Drop โดนแซวตลอด
- อุปกรณ์กันฝน เสื้อกันฝน มีได้ก็ดี เพราะปั่นตากฝนนาน ๆ มันหนาว ไม่กันฝนกันลมก็ยังดี และระวังอุปกรณ์โดนฝนนาน ๆ มันรวน ผมจะใช้ ถุงพลาสติกใสคลุมไมล์ สายชาร์จผมจะพันเทปเอาไว้ ไม่ให้โดนฝน Power Bank ก็จะใส่ถุงพลาสติกไว้
- ยางใน ผมแนะนำเอาไปเปลี่ยนสะดวกกว่า ถ้าปะไม่เก่ง เพราะผมก็ปะไม่เก่ง เปลี่ยนเลยง่ายกว่า การพกของผม 200 พก 1 เส้น 300 400 600 ผมพก 3 เส้น และเอาไปเผื่อที่จุด Drob อีก 2 เส้น ถ้าไม่ซวยจริง ๆ ไม่น่าหมดนะ ที่พกไปเยอะ ๆ เหมือนเครื่องราง ไม่รั่ว วันไหนพกน้อย เรียบร้อย ลุ้นทั้งเส้นทาง
- สูบลม ผมใช้แบบไฟฟ้า อันใหญ่ หนักเกือบครึ่งกิโล แต่ยอมพกไปด้วย เพราะเวลาปั่นมาไกล ๆ เหนื่อย ๆ ให้มาสูบลมกระบอกเล็ก ๆ 100 psi มันไม่ไหวจริง ๆ
- เทปรองขอบล้อ อันนี้ใครไม่พก ผมพกครับ มันก็ไม่ได้หนักอะไร แต่มันสบายใจ เพราะถ้าเจอรั่วเพราะซี่ลวดตำ เราเอาตัวรอดได้สบายเลย สวมเทปไปต่อได้เลย ไม่ต้องกังวลมันจะทิ่มอีกไหม
- อุปกรณ์งัดยาง อย่าลืมเด๋ดขาด
- Drop Bag แนะนำให้เอาหมอนใส่กระเป๋าไปด้วย น้ำมันหยอดโซ่ ถุงเท้า ชุดเปลี่ยน รองเท้าแตะ พกเหลือดีกว่าขาด พก ๆ ไปเหอะครับ
ขอให้ปั่นปลอดภัย ประสบความสำเร็จตามตั้งใจ Watt เพิ่มทวีคูณ
แชร์ประสบการณ์ Audax เก็บ SR แรกในชีวิต
ผมเริ่มปั่น Audax ได้ประมาณ 2 ปี เริ่มจากปั่นวน ๆ แถวบ้านวันละ 20-30 กิโล แล้วก็อยากลองหากิจกรรมปั่นจักรยานดู ก็ไปสะดุดกับ่คำว่า Audax ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ก็เลยลองติดตามกลุ่ม หาข้อมูลดู มันคือการปั่นจักรยานทางไกลให้ทันเวลา แต่ระหว่างทางต้องพึ่งพาตนเอง ซึ่งฟังดูไม่ง่ายเลย ผมจำได้ ณ วันแรกที่ตัดสินใจเข้าวงการ Audax ผมได้ตั้งเป้าไว้เลยว่า ถ้าคิดจะปั่น "ต้องเอาตัวเองให้รอด ต้องผ่านมันไปได้ด้วยตัวเอง" ซึ่งทุกสนามที่ลง เพื่อน ๆ พี่ ๆ นักปั่นเขาจะช่วยเหลือกันดีมาก บางคนปั่นเร็วมาก แต่พอรู้ว่าเราใหม่ พี่เขาก็ปั่นรอ ปั่นลากให้ ซึ่งสนามแรกที่ผมลงปั่นคือ 200 นครปฐม ผมก็ประทับใจเลย ผมกังวลไปหมดเพราะไปคนเดียว ปั่นครั้งแรกด้วย ระหว่างปั่น ผมได้รู้จักพี่โอ้ พี่เขาปั่นความเร็วใกล้ ๆ กับผม พอคุยไปคุยมา ก็เลยปั่นไปด้วยกัน พี่เขาใจดีลากให้ จนระยะ 120km ผมเริ่มไม่ไหว พี่เขาก็พยายามเชียร์อัพ ลากผมไปจนถึง 150km ผมบอกว่าผมพอแล้วกะจะไม่เอาแล้ว แต่พี่เขาบอกไม่รีบ นอนรออยู่ใน CP พักไป 30 นาที ผมก็ใจสู้ปั่นต่อ จนระยะ 170 ผมไม่ไหวจริง ๆ เลยบอกพี่เขาไปว่า พี่ไปก่อนได้เลยผมไม่ไหว พี่เขาก็จะรอนะ แต่ผมบอกว่าผมไม่ไหวจริง ๆ อาจ DNF พี่เขาก็เลยขอไปต่อซึ่งปั่นเร็วมาก ๆ (มารู้ว่า พี่เขาไม่ได้พกเสื้อสะท้อน หรือไฟมาด้วย เพราะพี่เขากะว่าปั่นจบก่อนมืดแน่นอน ซึ้งใจมาก) ซึ่งผมก็ปั่นต่อไปได้อีกนิด ระยะ 180 ผมก็ขอถอนตัว DNF ไม่จบสนามแรกครับ
การ DNF ไม่ได้น่ากลัว ก็โทรหาผู้จัด เด๋วเขาก็จัดการให้ เขาพร้อมดูแล เสียค่าบริการนิดหน่อย แต่ทุกการ DNF ให้รู้ว่าเราพลาดอะไร ทุกการสมัครลงปั่นผมไม่คิดว่าผมต้องปั่นจบ ผมคิดแค่ ปั่นสนุก ปั่นปลอดภัย ก็พอ วันไหนปั่นไม่สนุก รู้สึกไม่ปลอดภัย ก็กลับบ้านครับ DNF ดีกว่า
ซึ่งผมกลับมาก็ทำการบ้าน เราพลาดอะไร หลัก ๆ ก็คงเป็นเรื่องของการคุมความเร็ว แรก ๆ เราสด เราก็ปั่นเร็ว 25-30 พอหมดก็ปั่นไม่ไหว ความล้า ตะคริวก็เล่นงาน เติมไม่ทันอีก "ไม่ปั่นตามความเร็วตัวเอง" ผมพลาดตรงนี้แหละ
สนาม 2 ผมปั่น 200 อยุธยา เตรียมความพร้อม ปั่นคนเดียว รอบนี้ปั่นตามความเร็วตัวเอง ไม่เร่งไม่รีบ ค่อย ๆ ไป แต่ผมก็มีปัญหาว่ายางรั่วบ่อยมาก สนามนี้ยางผมรั่วไป 4 รอบ เตรียมยางในไป 2 เส้น พร้อมอุปกรณ์การปะ ปรากฏว่า ปะไม่อยู่ ยางที่เปลี่ยนก็ดันรั่วจุ๊บไปเส้นนึง สรุปว่า ยางในหมด โดนอาถรรพ์ แน่ ๆ เพราะปั่นได้แค่ 180 กิโล อีกแล้ว DNF เช่นเคย กลับมาก็ทำการบ้าน รอบนี้ปั่นได้ดี ถ้ายางไม่รั่วจบแน่
ซึ่งหลังจากนี้สนาม 200 ผมก็จบทุกสนามที่ลงปั่น
- - เริ่มเพิ่มความท้าทาย - -
จากความมั่นใจ สนาม 200 ผ่านมาหลายสนาม ก็เริ่มลง 300 ซึ่งสนามแรกที่ลงคือ 300 ป่าสัก สนามปีนเขาครั้งแรก หนักหนาสาหัสมากไม่เคยปีนเขา ซึ่งสนามนี้ก็ได้มิตรภาพอีกแล้ว ระยะ 140 ผมเจอพี่ 2 ท่าน พี่นพ พี่หนุ่ม แผนที่เขารวน จอดอยู่ ก็เลยปั่นมาด้วยกัน พี่เขาก็ลากให้อีกแล้ว จนระยะ 180 อาถรรพ์อีกแล้ว ตะคริวขึ้น พี่เขาก็ปั่นรอ แต่ด้วยประสบการณ์ DNF เลยให้พี่เขาไปก่อนเลย พี่เขาไม่ยอมไปเลยบอกตรง ๆ ผมปั่นตามไม่ไหวแล้ว ถ้าพี่อยู่ผมก็เกรงใจ กดดัน พี่เขาถึงไปต่อ สุดยอดนับถือน้ำใจ อีกจุดคือมืดละ ผมปั่นตามพี่ช้าง ปรากฏว่า ผมตกหลุม มองทางไม่เห็น ตีลังกา ยางในระเบิดเลย พี่เขาก็ช่วยยืนส่องไฟ จนผมเปลี่ยนยางเสร็จ ขอบคุณครับ ก็ปั่นแบบเจ็บ ๆ ต่อไปจนจบได้ กะว่าไม่เอาแล้ว 300 มันโหดกว่า 200 เยอะ คงพอแค่นี้
- - เริ่มตั้งเป้าหมาย - -
ช่วงปลายปี ก็เริ่มเห็นในกลุ่มพูดถึง SR มันคืออะไร งง ก็เลยหาข้อมูลดู อ้อ มันคือ เหรียญพิเศษ ที่ใน ฤดูกาลนั้น ๆ คุณต้องจบ 200 300 400 600 คุณถึงมีสิทธิ แล้วปีถัดไปก็เริ่มกันใหม่สะสมไม่ได้ เอ้ย จุดประกาย เอาน่าครั้งหนึ่งในชีวิต ขอ SR สักครั้งนะ มันเท่มาก เอาเหรียญทั้งปีมาจัดเป็นเซท และผมผ่าน 200 300 มาแล้ว ซะด้วย
ปีนั้นเหลือ 2 สนาม ที่ผมพอจะลงได้ 400 ท่าจีน กับ 600 เจ้าพระยา ก็เลยลง 400 ท่าจีน และเช่นเคย DNF ที่ระยะ 204 จบกัน SR เพราะไม่เหลือสนาม 400 แล้ว ก็เลยปั่นแค่ 200 เหมือนเดิม จนหมด Season
สนามนี้ทำการบ้าน ผมพลาดเรื่องอากาศร้อนมากของกาญจนบุรี HR ทะลุ Zone ยาว ๆ เลยหมด
- - ฤดูใหม่ เริ่มใหม่ - -
จากปีก่อน ผมเริ่มช้าไปทำให้พลาดหลายสนาม
เริ่ม Season ใหม่ ผมตั้งเป้าปีนี้ขอ SR ผมเก็บ 300 อู่ทองก่อน วันเสาร์ และปั่นอีกวัน 200 ท่าฉลอมในวันอาทิตย์ (ประเมินร่างกายตัวเองว่าไหวไหม ซึ่งทำให้รู้จักกับ อ.แผน ) และก็ตามฝึกซ้อมขา 200 ท่าจีน อัมพวา จนสนามยากสำหรับผม สนามเขา 400 พุสวรรค์ สนามนี้ อ.แผน พี่โอ้ ก็ลงปั่นด้วย พอมีกำลังใจ เพราะไม่เคยปั่นข้ามคืน ถือว่าโชคดีที่ มีบัดดี้ คอยแนะนำ และวางแผน ซึ่งสนามนี้หลัง 300km ร่างกายผมไม่ไหว ไต่เขาจนหมดแรง อากาศร้อน ทำให้ ทานอะไรไม่ได้เลย น้ำยังดื่มไม่ได้ นอนก็ไม่พอ ก็มี อ.แผน คอยประคองให้กำลังใจกันไป จน 10km สุดท้ายผมหมดจริง ๆ เลยให้ อ. ไปก่อน ผมค่อย ๆ ปั่นไปช้า ๆ มีจุดนึง 8 โมงเช้าละ ผมเห็นรถขายน้ำ เลยขอซื้อชาดำเย็นถุงนึงมาดื่ม เพราะหิวน้ำมาก ทานอะไรไม่ได้ตั้งแต่ตี 3 พอจิบ ๆ ไป เอ้ยก็พอทานได้ พอได้น้ำตามแรงก็เริ่มมา แต่ปั่นไปได้สักพัก มองหาต้นไม้ใหญ่ อ๊วกครับ ออกมาหมดเลย ชาดำเย็นล้วน ๆ แถมดันไปอ๊วกข้างทางซึ่งมีร้านค้าอยู่ตรงข้าม มีพี่มอเตอร์ไซค์เห็นตะโกน เฮ้ย พี่เขาอ๊วกเป็นเลือด เท่านั้นแหละ เรื่องใหญ่เลย ออกมาทั้งร้านค้าเลย ผมต้องบอกว่า ชาดำเย็น ครับ ไม่ใช่เลือด 555 แต่ก็ปั่นต่อจนจบได้ ยัง งง ตัวเองว่า จบได้ไง
- - เตรียมตัวสำหรับ 600 - -
วางแผนจะจบ 600 นครปฐม แต่ด้วยไม่เคยปั่นไกลขนาดนี้ ไต่ 1700 วางแผนไม่ถูก กลัวไปแล้วพลาด ผมเลยลง 600 พัทยา-ตราด ไต่ 4000 ไปชิมดูก่อน เพื่อประเมิน ซึ่งได้ดั่งใจมาก โหดสุด ๆ ฝนตกเพราะพายุเข้า แถมสนามไต่ยาว ๆ เลย 230 km ก่อนถึงทางราบ ผมดูแล้วไม่จบแน่ เพราะฝนตกตัวเย็นไปหมด แต่ขอให้จบ Stage ภูเขาก็ยังดี ซึ่งก็ทำได้ตามเป้า จบทางเขาสู่ทางราบ ไต่รวม 2000 แล้วก็ DNF
สนามนี้ผมได้อะไรเยอะมาก จากปั่นสนามเขาไม่ค่อยเก่ง เจอสนามนี้ไป ปั่นพอไหวกันเลย เล่นไต่ขึ้น ลง 230 km ก็ต้องเก่งขึ้นบ้างแหละ ไหนจะตากฝนอีก (เรียกว่าพายุฝนดีกว่า) ทำให้มีความพร้อมมากกับสนามที่หวัง
- - SR 2024 - -
Audax 600 นครปฐม-อุทัยธานี สนามนี้ ข้อมูลบอกว่า เจอฝนแน่ แต่เราไม่กลัว พายุก็เจอมาแล้ว ฝนตกแป๊บเดียวก็หยุด ไม่น่ากลัว ไต่ 1700 สบายมาก เพราะไต่ 2000 มาแล้ว ติดอย่างเดียว สนามกลางคืน ออกตัว 1 ทุ่ม
วันปั่น ผมนอนเลยตั้งแต่เช้า ไม่ยอมตื่น มันก็นอนไม่หลับหรอกแต่ก็ฝืนนอน ๆ ไป ตื่นมา 4 โมงเย็น นอนตุนไว้ก่อนเลย พอออกตัว ก็พยายามปั่นตามความเร็วเรา แรก ๆ ก็มีกลุ่ม สักพักกลุ่มหาย แต่เราก็พร้อม เพราะประเมินแรงตัวเอง วางแผนพักไว้แล้ว แต่ไมล์เจ้ากรรม ดันรวน แผนที่ไม่แสดง หลงทางสิ พอปั่นกลับมาทางเดิม เจอกลุ่มพี่นาดาล ก็เลยปั่นไปด้วยกัน ความเร็วใกล้ ๆ กัน พี่เขารู้เส้นทาง ก็เลยไปด้วยกันตลอดในช่วง 300 แรก ได้พี่เขาช่วยนำ จนถึง Dropbag ผมนอนได้แค่ 1 ชั่วโมง (ตอนแรกวางแผนนอน 5 ชั่วโมง) เพราะอากาศร้อน นอนไม่กลับ เลยออกปั่นต่อตอนเที่ยง พี่เขารอเพื่อน ๆ เขา ผมเลยออกก่อน ทีนี้ก็ฉายเดี่ยวตลอดทาง กับครึ่งหลัง แต่เราประเมินตัวเองมาแล้ว แถมเวลาเหลือ ๆ เพราะไม่ได้นอน ก็ค่อย ๆ ปั่นไป จนเหลือ 100km สุดท้าย ลมต้านหนักมากเล่นเอาแรงหมดเกลี้ยงเลย ประกอบกับ ง่วงนอน เบลอไปหมดแล้ว แต่ก็หยุดไม่ได้ ปั่นด้วยความเร็ว 10-13 ช้าสุด ๆ ไหนจะโดนหมาไล่อีก เอาขาผมไปเลยหนีไม่ไหวครับ เป็น 100km ที่ทรมานมาก แต่ความพยายามก็เป็นผล ผมจบตี 5 สำเร็จครับ โคตรดีใจ
* * * ครบระยะ SR 200 300 400 600 * * *
- - การเตรียมตัวสำหรับนักปั่น จากประสบการณ์ผม - -
- ไฟหน้า ผมแนะนำแบบ USB ความสว่าง ระดับ 400 ลูเมน ขึ้นไป เพราะมันสามารถเสียบ PowerBank แล้วชาร์จไปด้วยได้ จะทำให้เราปั่นทั้งคืนได้อย่างสบายใจ หากปั่นสนามเขา ผมแนะนำ พกไฟไป 2 อัน เปิดพร้อมกัน เพราะความสว่างอันเดียวมันทำให้เห็นวิสัยทรรศไม่ค่อยมากสำหรับสนามเขาที่อันตรายและใช้ความเร็ว ช่วงไหนดูอันตรายมืดมาก ๆ การมีไฟ 2 ดวงมันช่วยได้เยอะมาก ๆ ช่วงไหนพอมองเห็นก็เปิดดวงเดียวเซฟแบต
- ไฟท้าย ผมแนะนำ แบบใส่ถ่าน ผมใช้ของ Cateye ผมซื้ออันแพง 1 อัน อันถูก 1 อัน ช่องใส่ไฟมันชนิดเดียวกัน หากมีอะไรพลาด ไฟเสีย เราจะได้ถอดเปลี่ยนได้เลย แต่เท่าที่ปั่นมา 1 คืน ถ่าน AA ก้อนเดียวเอาอยู่เลย ใช้โหลด Rapid กระพริบรัว ๆ เหลือ ๆ เปิด 18.00 - 09.00 ไม่ดับ เปลี่ยนวันละก้อนเพื่อความสบายใจ
- Power Bank ผมใช้ 2 หมื่นแอม์ เสียบไฟหน้ากับไมล์ไว้ตลอด 300 km เอาอยู่เหลือ ๆ แต่ถ้าปั่นไกลกว่านั้น จะพกอีกก้อน 2 หมื่นแอม์ไปเปลี่ยนที่ Drop Bag เลย อย่าคิดว่าจะไปชาร์จที่ Drop Bag หรือจุดพัก เพราะเราอาจไม่ได้นอน ใช้ประโยชน์จาก Drop Bag พกไปให้เยอะที่สุด ไม่ได้แบกเองนี่นา ผมเอากระเป๋าเดินทางไป Drop โดนแซวตลอด
- อุปกรณ์กันฝน เสื้อกันฝน มีได้ก็ดี เพราะปั่นตากฝนนาน ๆ มันหนาว ไม่กันฝนกันลมก็ยังดี และระวังอุปกรณ์โดนฝนนาน ๆ มันรวน ผมจะใช้ ถุงพลาสติกใสคลุมไมล์ สายชาร์จผมจะพันเทปเอาไว้ ไม่ให้โดนฝน Power Bank ก็จะใส่ถุงพลาสติกไว้
- ยางใน ผมแนะนำเอาไปเปลี่ยนสะดวกกว่า ถ้าปะไม่เก่ง เพราะผมก็ปะไม่เก่ง เปลี่ยนเลยง่ายกว่า การพกของผม 200 พก 1 เส้น 300 400 600 ผมพก 3 เส้น และเอาไปเผื่อที่จุด Drob อีก 2 เส้น ถ้าไม่ซวยจริง ๆ ไม่น่าหมดนะ ที่พกไปเยอะ ๆ เหมือนเครื่องราง ไม่รั่ว วันไหนพกน้อย เรียบร้อย ลุ้นทั้งเส้นทาง
- สูบลม ผมใช้แบบไฟฟ้า อันใหญ่ หนักเกือบครึ่งกิโล แต่ยอมพกไปด้วย เพราะเวลาปั่นมาไกล ๆ เหนื่อย ๆ ให้มาสูบลมกระบอกเล็ก ๆ 100 psi มันไม่ไหวจริง ๆ
- เทปรองขอบล้อ อันนี้ใครไม่พก ผมพกครับ มันก็ไม่ได้หนักอะไร แต่มันสบายใจ เพราะถ้าเจอรั่วเพราะซี่ลวดตำ เราเอาตัวรอดได้สบายเลย สวมเทปไปต่อได้เลย ไม่ต้องกังวลมันจะทิ่มอีกไหม
- อุปกรณ์งัดยาง อย่าลืมเด๋ดขาด
- Drop Bag แนะนำให้เอาหมอนใส่กระเป๋าไปด้วย น้ำมันหยอดโซ่ ถุงเท้า ชุดเปลี่ยน รองเท้าแตะ พกเหลือดีกว่าขาด พก ๆ ไปเหอะครับ
ขอให้ปั่นปลอดภัย ประสบความสำเร็จตามตั้งใจ Watt เพิ่มทวีคูณ