พาเที่ยวคาเฟ่กลางป่า อ.แม่ขะจาน/เชียงราย ด้วยจักรยานคู่ใจ

  
   สวัสดีพี่ๆน้าๆทุกท่านนะครับ วันนี้ผมจะพาปั่นจักรยานเที่ยวชมธรรมชาติ ไปคาเฟ่ในป่ากันครับ ผมได้มีโอกาสมาปั่นจักรยานที่อำเภอแม่ขะจานตั้งแต่ที่มาเยี่ยมคุณพ่อ(ที่เกษียณแล้ว)เมื่อปีก่อน ก็ได้มีโอกาสปั่นตามเส้นทางหลักไปต่างอำเภอใกล้ๆหลายหน แต่มาเที่ยวนี้ได้ไปสำรวจเส้นทางไปน้ำตกขุนแจที่คาใจเมื่อต้นปีเพราะว่ามีทำถนนในหมู่บ้านยาวมากครับผมก็เลยไม่ได้ไปต่อ มาคราวนี้ถนนทำเสร็จแล้วเป็นพื้นลาดยางสลับคอนกรีตเรียบกริ๊บๆครับ ก็เลยได้โอกาสพาปั่นเข้าป่าชื่นชมธรรมชาติกัน โดยที่เส้นทางนี้ผมได้รับคำแนะนำจากน้าๆในกลุ่มแม่ขะจานไบค์ ผมต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ


รายละเอียดเส้นทาง
   จากแผนที่ เราจะเริ่มต้นและจบทริปกันที่บ่อน้ำพุร้อนทวีสินนะครับ (เพราะใกล้บ้านผมครับ อิอิ) โดยที่เราจะปั่นไปตามทางหลวงสายหลัก 118 ไปตัวอำเภอ แวะทานข้าวกันที่นั่นก่อนที่จะเลี้ยวเข้าหมู่บ้านขึ้นเนินไปอ่างเก็บน้ำดอยงู บ้านท่ายาว น้ำตกขุนแจ แล้วก็ดันเนิน...(น้าๆในกลุ่มว่ายังงี้ครับ) ไปบ้านห้วยทราย แวะคาเฟ่ที่เล็งไว้ ผ่านวัด 2 วัด กลับออกมาถนนใหญ่ตรงปากทางเข้าอุทยานขุนแจ แวะคาเฟ่ทางผ่าน แล้วก็กลับมาจุดสิ้นสุดของทริปนี้ครับ

เริ่มออกเดินทาง (บ่อน้ำร้อนทวีสิน - กม. 0)
   ผมมาถึงบ่อน้ำร้อนเวลา 06:45น.ครับ ที่มาเวลานี้ก็เพราะเป็นเวลาที่คำนวณไว้แล้วว่าพอไปถึงตัวอำเภอก็จะเจอพระที่เดินบิณฑบาตรพอดี ใช่ครับ ผมปั่นจักรยานทุกครั้งก็จะมีกล้วยบ้าง มะละกอบ้างมาใส่บาตรด้วยเสมอครับ เส้นทางจากบ่อน้ำร้อนเข้าไปตัวอำเภอราวๆ 12 กม. มีเนินเล็กน้อยครับแต่ภาพรวมเป็นทางลาดลงยาวๆ ปั่นสบายครับ

แวะทานข้าวที่ตัวอำเภอ (จุดร้านอาหาร - กม. 11.5)
   หลังจากมาถึงร้านอาหารช่วงเวลา 07:10น. ก็ได้เวลาใส่บาตรแล้วก็ทานข้าวเช้ากันครับ กองทัพต้องเดินด้วยท้องจริงมั้ยครับ? ระยะทางทริปนี้ก็พอสมควรอยู่สำหรับมือใหม่อย่างเราก็ขอหาอะไรใส่ท้องไว้ก่อน ที่ร้านมีอินทผาลัมตากแห้งขายผมก็เลยซื้อติดกระเป๋าไว้เผื่อฉุกเฉินด้วย 1 ซองครับ


ดันเนินไปน้ำตกขุนแจ (จุดน้ำตก - กม. 26.43)
   หลังจากทานข้าวกันแล้ว เราก็เลี้ยวซ้ายเข้าหมู่บ้าน มีดันเนินเล็กๆ 2-3 เนินพอเหงื่อซึมๆ ผ่านไปราวๆ 3-4 กม.เราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำดอยงูครับ เราสามารถปั่นไปบนสันเขื่อนขึ้นไปบริเวณวัดพระธาตุแม่เจดีย์และวังมัจฉาได้จากตรงนี้ด้วยนะครับ ผมเคยไปให้อาหารปลาที่วังมัจฉาบ่อยๆไว้วันหลังจะพาไปครับ

  
   จากอ่างเก็บน้ำดอยงูมาอีกซักหน่อย ผ่านหมู่บ้านท่ายาวที่อยู่กลางป่ากลางเขา ร่มรื่น มีเสียงน้ำไหลตลอดเวลา สดชื่นมากครับ รถก็น้อยมากปั่นมาราวๆ 10 กว่ากม.มีรถผ่านไม่ถึง 10 คัน จู่ๆพี่การ์มินที่ใช้นำทางก็เตือนว่า...ได้เวลาดันเนินแล้วนะ! หืม มี 1/4 อ่อ...มี 4 เนินเหรอก็ไม่ว่าอะไร 2-3% นิดเดียว พอเข้าหมู่บ้านมาผมสอบถามทางกับชาวบ้านก็ทราบว่าน้ำตกอยู่ไม่ไกลแล้ว มีข้ามสะพานหลายสะพาน น้ำใสกว่าเมื่อปลายเดือนก่อนมากครับ ตะกอนมีน้อยลงเพราะฝนไม่ตกมา 4 วันแล้ว รู้สึกดีมาก ปั่นซักพักก็ถึงน้ำตกขุนแจผมก็ลงจูงจักรยานไปที่สำนักงานก่อนเลย พอคุยกับเจ้าหน้าที่แล้วได้ความว่า น้ำตกยังไม่เปิดนะครับเพราะฝนยังมีอยู่บ้าง(แถวนี้อาจจะยังตกอยู่) มีต้นไม้ล้มขวางทาง ต้องรอเคลียร์ก่อน ผมก็กะแวะแค่ถ่ายรูปเล็กๆน้อยๆก่อนเดินทางต่ออยู่แล้วก็เลยกดมาแค่รูปเดียว


หนทางสู่คาเฟ่ Rotator Cuff Coffee (จุด CAFE #1 - กม. 39.6)
   พอผ่านน้ำตกมา ผมก็เริ่มเอะใจ...เอ๊ะ เนิน 1/4 มันไม่จบซักทีนะ ก็มีขึ้นๆลงๆมาซักพักแหล่ะแต่สัญญาณโทรศัพท์มันหายไปตอนไหนไม่รู้ ฮาาา คงเป็นเพราะเข้าป่ามั้งก็เลย... ไม่เป็นไรฮะ เราลุยต่อ เพื่อคาเฟ่เป็นจุดหมายของเรา!! ระหว่างทางก็มีชาวบ้านขี่จักรยานยนต์ตามขึ้นมาบ้าง ลงสวนมาบ้าง 4-5 คัน ผมสังเกตมาซักพักแล้วตั้งแต่ไปเที่ยวน่านเมื่อต้นเดือนว่า ชาวบ้านเขาใช้ Honda Wave ดันเนินกันทั้งนั้น 110 บ้าง 125 บ้าง ไม่มีรุ่นอื่นยี่ห้ออื่นเลยครับ...ก็เก็บไว้เป็นข้อมูลละกันครับ ฮาาา พอมาถึงบ้านห้วยทราย เนิน...แรกก็สิ้นสุดลงครับ เฮ้ออ~ อีก 3.5 กม.ก็ถึงร้านแล้ว เราก็ไหลลลลงเนินมา มีชัน มีคดเคี้ยวให้เสียวแบบขนลุกบ้างแต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดีครับ และแล้วราวๆ 9 โมงกว่าๆเกือบสิบโมงเราก็มาถึงที่หมายซักที!!!

   
   อ่าวเฮ้ย!!!??? ร้านปิด!!!??? ผมยืนอึ้งอยู่พักนึงก็มีเสียงดังมาจากข้างหลัง "มาร้านกาแฟใช่มั้ยครับ? พี่เขาไปเชียงใหม่ครับ ไม่น่าจะกลับมาทันวันนี้ครับ เจื่อนเลยครับ เรามาที่นี่เพื่ออะไร ดันเนินมาร่วมๆ 30 กม.แต่ร้านปิด แต่ถึงร้านนี้จะปิด ร้านของชำในหมู่บ้านก็ยังเปิดนะ ผมก็เลยขอน้ำตาลสด 1 ขวด นม 1 กล่อง น้ำเปล่าอีก 2 เติมกลับเข้าไปในร่างเพราะยังมีเนิน 2-3-4 รออยู่ อินทผาลัมแห้งต้องมาแล้ว ณ จุดนี้ จัดไปก่อน 4 เมล็ดหวานแสบคอกันทีเดียว มีน้องเหมียวมากลิ้งโชว์พุงปลอบใจเรา 1 ตัวถ้วน ผมถามลุงๆที่ร้าน ศาลเจ้าแม่นางแก้วอยู่อีกไกลมั้ยครับ? "น่าจะอีก 30 กม.นะ" หืมมมม!!???? มีความสงสัยในคำตอบครับ แต่เช็ครูปเนิน #1 ด้านล่างก่อนได้ครับ

อันนี้พุง #1 นะครับ
  
เนิน #1 ของจริงครับ

หมู่บ้านเป็นระเบียบ สะอาดสะอ้านดีครับ

กลับสู่ทางหลวง 118 (จุดวัด #1 - กม. 44.5)
   หลังจากผ่านเนิน 1 มาได้ไม่ทันไร (ไหลมา 2 กม.พอให้หายเหนื่อยไปหน่อยนึงแต่ยังเจ็บใจที่ร้านปิดอยู่) เสียงเตือนเนินที่ 2 ก็ดังมากจากการ์มิน E840 คู่ใจของผมครับ ยังดีนะไม่ยาวเท่าเนินแรก แต่ปั่นๆไปก็เจอปัญหาคือ เฟืองหลังเฟืองใหญ่ 32 ฟันของผมมันดังแกรกๆ แล้วพอขึ้นช่วงที่ชัน...ชันชิ*หอย(มันไม่ใช่เนินแล้วเนี่ยยย) มันก็ตีกลับมาที่เฟืองรอง (30 ฟัน) แล้วก็ดังแกรกๆอยู่อย่างงั้น ผมก็เลยทำใจตบเกียร์ลงมาเฟืองรองสุดท้าย เอาแค่นี้ก็ได้ฟระ!! มาป่วนอะไรตอนนี้น้อ...


อุโบสถวัดห้วยคุณพระ (วัด #1)

    ผ่านหมู่บ้านไปก็เจอวัดห้วยคุณพระครับ เป็นวัดเล็กๆในหมู่บ้านกลางป่าเขาเลยครับ(หมู่บ้านอะไรไม่แน่ใจเหมือนกันครับ) หน้าบันของอุโบสถเป็นสีเขียวแปลกดีก็ขอถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกซักหน่อยครับ หมู่บ้านนี้เล็กครับแต่เนินตลอดแนวหมู่บ้านเลยสำหรับขาอ่อนอย่างผมก็เอาเรื่องอยู่ หลังจากนี้ไปได้ไม่ถึง 2 กม. ผมก็เจอของแข็งเป็นเนิน(?)พับผ้าความชัน 10+% ราวๆ 1 กิโลเมตร ด้วยเฟือง 34/30 ผมไปต่อได้แค่ 2 พับครับ หัวใจยังไหวแต่ขามันไม่ไหว ก็ต้องลง "จูง" จนได้ รู้สึกถึงขีดจำกัดของตัวเองก็คราวนี้แหล่ะที่คิดว่าจะไปปั่นที่ดอยอินทนนท์อาจจะต้องพับโครงการไปก่อน จูงประมาณ 15 เมตรพอพ้นส่วนที่ชันๆไป ผมก็เริ่มคิด "จะกลับทางเดิม...ก็ไม่น่าจะไหวละ" ยังดีที่เนิน 3-4 มันไม่ยาวมาก ก็ต้องสู้กันต่อไป

เนิน #3 และวัดขุนลาว (จุดวัด #2 - กม. 48.6)

   
    จบเนินที่ 3 ก็จะเข้าสู่หมู่บ้านขุนลาวครับเป็นหมู่บ้านที่ใหญ่อยู่เหมือนกัน ที่นี่ทำให้ผมนึกถึงสะกาดที่น่านขึ้นมา แต่จะครึ้มต้นไม้แล้วก็ไม่ใหญ่เท่าครับ มี Home Stay ที่ดูสวยแล้วก็ค่อนข้างใหม่ ผมแวะถ่ายรูปที่วัดขุนลาวหลายแชะเลยแต่พอจะกระโดดขึ้นอานจักรยานเพื่อปั่นต่อ ตะคริวก็กินน่องซ้ายของผมแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเลยครับ ทำเอามึนอยู่หลายนาที มีเด็กเดินเข้ามาถามว่า พี่เป็นอะไรมั้ย? ผมบอกว่าไม่เป็นไรแล้วก็ขอบคุณน้องเขาไป พออาการตะคริวดีขึ้นแล้วผมก็ปั่นเข้าหมู่บ้านไป โชคดีเป็นทางลงตลอดทาง ลงมาซักพักนึงก็เจอร้านขายของชำ ผมรีบจอดแล้วถามหาเกลือแร่ก่อนเลย ได้คุยกับคุณยายเจ้าของร้านเป็นคนที่อัธยาศัยดีครับ เล่าเรื่องหมู่บ้านให้ฟังหลายอย่าง ทั้งเรื่องที่สามีคุณยายเคยเป็นพ่อหลวงมา 30 กว่าปี เป็นหมู่บ้านที่สงบไม่มีเหตุการณ์เลวร้ายเลย ช่วงโควิดต่างคนต่างก็ช่วยเหลือกันดี ถนนใหญ่ห่างจากตรงนี้ไปอีก 6 กิโลเท่านั้น มีเนินอีกมั้ยครับ? (ใจจริงก็รู้ว่ามีเนินที่ 4) พี่ผู้ชายที่อยู่แถวนั้นก็บอกว่า "มี" ...แต่น้อยแล้ว "ชิลๆ" คุยจบผมก็ถือโอกาสลา

อุโบสถวัดขุนลาวครับ

สายธารขุนแจ, กาแฟขุนลาว (จุด CAFE #2 - กม. 52.9)
   เนินที่ 4 นี่เป็นเนินที่สั้นแล้วก็ชันน้อยที่สุดใน 4 ช่วง(ที่การ์มินแบ่งมา) แต่ด้วยความที่ผมเป็นตะคริวมาผมก็ไม่อยากเสี่ยงให้มันกลับมาอีก แน่นอนว่าชันแค่ไหนก็ใช้เฟืองเบาสุดที่จะเบาได้ครับ ณ จุดนี้ ถ้าให้พูดตรงๆมันก็ไม่ชิลเท่าไหร่นะเพราะมีความชัน 2 หลักอยู่เป็นช่วงสั้นๆ จนแล้วจนรอดผมก็กลับออกมาทางหลวง 118 จนได้อีกราวๆ 12 กิโลก็ถึงปลายทางครับ ปั่นออกมาไม่ถึง 1 กิโลเมตร ก็เจอคาเฟ่ริมลำธารหน้าอุทยานแห่งชาติ ขุนแจ (CAFE #2) ด้วยความที่ผิดหวังจากร้านปิดก็ขอแวะซักหน่อยครับ เป็นร้านกาแฟเล็กๆติดริมน้ำคล้ายๆกับร้าน "หลงป่า" ที่น่านเลยครับแต่เล็กกว่า(ถ้าใครเคยไปน่าจะนึกออกครับ) เครื่องดื่มที่ร้าน 49 บาททุกอย่างเลยแต่ไม่มี camping นะครับ ที่ร้านบอกว่าถ้าอยากกางเต๊นท์ให้ติดต่ออุทยานฝั่งตรงข้ามได้เลย จะมีลานให้ตั้งเต็นท์ได้ครับ

ร้านบรรยากาศดีครับแต่อาจจะอยู่ริมถนนไปหน่อย

   ทางต่อจากนี้เป็นทางลาดลงยาวๆ ฟรีขาได้ มีความเร็วแตะ 60kph บ้างแต่ก็ควบคุมได้ ไม่คดเคี้ยวมาก มีทำถนนบางช่วงบริวณตลาดมูเซอสุดท้ายผมก็มาถึงบ่อน้ำร้อนที่เป็นจุดเริ่มต้นได้ราวๆ 11:30น. ครับ การเดินทางพาเที่ยวคาเฟ่กลางป่าของผมก็ขอจบลงแต่เพียงเท่านี้ครับ เป็นการเดินทางที่รู้สึกว่าอาจจะได้กลับไปอีกครั้งครับ ข้องใจกับร้านที่ปิดมากครับ ฮาาาา แต่จะไปอีกวันไหนก็ค่อยว่ากันอีกที ขอนวดแก้ตะคริวให้หายดีก่อนครับแล้วเจอกันใหม่ครับ ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ สวัสดีครับ


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่