สรุปความรู้จากการฟังสัมมนา Orientation VI by KimEng
1. การลงทุนแบบ VI เป็นการลงทุนในกิจการ
ระยะยาว เพื่อต้องการทำเงินจากธุรกิจในตลาดหุ้น (ดังนั้นคุณต้องมี Passion สนใจในกิจการที่จะลงทุนให้มากที่สุด ทั้งก่อนลงทุน หลังลงทุน ต้องติดตามให้บ่อย แต่ไม่ใช่ตลอดเวลา เพราะการลงทุนแบบ VI ไม่ต้องจ้องหน้าจอ ทำให้คุณมีเวลาที่จะไปทำอย่างอื่นได้มากมาย)
2. กำลังใจของ VI เกิดจากความอดทนและรอคอยได้ เพราะมีโอกาสที่จะขาดทุนถึง 50% (Worst case) ในสถานการณ์ที่จำเป็น(สิ่งสำคัญคือเราต้องดูว่าที่ขาดทุนเกิดจากอะไร !?? ความผันผวนของตลาดหุ้น หรือเป็นที่ตัวกิจการ ) "การลงทุนมีความเสี่ยง ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ ควรศึกษาให้ดีก่อนการลงทุน"
3. ติดตามข่าวสารธุรกิจ ช่างสังเกตุ เพื่อดูพัฒนาการของธุรกิจนั้นๆที่คุณสนใจเปรียบเทียบกับคู่แข่งในตลาด หรือความเสี่ยงเพื่อจัดการกับความเสี่ยง ทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อค้นหา "หุ้นคุณภาพดี ราคาเหมาะสม"
4. ความเชื่อผิดๆ ที่อาจทำให้ติดกับดักของนักลงทุนแบบ VI
- กิจการดี แต่ราคาแพงมากก็ยังลงทุนได้ (ความเสี่ยงก็สูงตาม)
- ซื้อมาแล้วถือยาว ไม่ขาย (ปกตินักลงทุน VI เมื่อถือไปนานๆจนแพงมากก็ต้องขาย)
- เชื่อว่าจ่ายปันผลสูง (ซื้อเพราะคิดว่าหุ้นจ่ายปันผลสูง แต่ไม่ได้ดูสาเหตุของการจ่ายปันผลสูงว่ามาจากอะไร บางทีกิจการนั้นๆอาจจะกู้มาจ่ายปันผลให้คุณก็ได้ หรือราคาหุ้นแพงมากไปแล้ว เลยวัฏจักรขาขึ้นของกิจการแล้ว อนาคตก็มีสิทธิ์จ่ายปันผลน้อยลงได้)
- โลภเมื่อคนอื่นกลัว (คิดว่าราคาที่ลงจากการขายน่าซื้อ แต่ไม่ได้ติดตามกิจการและคาดการณ์การเติบโตในอนาคต อันนี้มีทั้งโอกาสรุ่งและร่วง)
- ซื้อแล้วคงไม่ต้องติดตาม (หลังจากตัดสินใจลงทุนในกิจการนั้นๆแล้ว อย่างน้อยก็ควรติดตามกิจการนั้นๆบ้าง เช่น ข่าวที่เกี่ยวข้อง, ผลประกอบการรายไตรมาส, หมายเหตุประกอบงบการเงิน)
5. ข้อมูลพื้นฐานที่ควรรู้ของกิจการหลักๆมาจากงบการเงิน ได้แก่ Income statement, Balance sheet, Cash flow statement (รายละเอียดแต่ละพาร์ทรอติดตามกระทู้ต่อๆไปหรือในเพจได้นะคะ)
6. บริษัทแบบไหนเหมาะที่จะลงทุนระยะยาว (เพราะนักลงทุนแบบ VI ต้องมองภาพใหญ่และไกล ซึ่งอาศัยจินตนาการ+ความรู้)
- มีการแข่งขันยั่งยืน (มีกลยุทธ์ในการลงทุนที่ใครก็เลียนแบบได้ยาก เช่น โค้กใครทำรสชาดก็ไม่เหมือนโค้กแท้ๆ หรือ feeling มันไม่ได้ต้องเป็นกระป๋องสีแดงนี้เท่านั้น) แต่บางครั้งการเป็นเจ้าแรกก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเจ้าเดียวนะคะ
- ผู้บริหารมีธรรมาภิบาล มีจริยธรรม
- ธุรกิจง่ายต่อการทำความเข้าใจ
- อุตสาหกรรมมีการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไป
- นักลงทุนเข้าถึงได้
7. คำถามสำคัญที่ควรหมั่นถามตัวเองเสมอเมื่อเป็นนักลงทุนแบบ VI
- Worst case และ Best case ของธุรกิจนี้เป็นยังไง
- มีหุ้นตัวอื่นที่ดีกว่านี้อีกไหม
- เราสามารถประเมินกำไรในอนาคตได้แม่นยำแค่ไหน
- หุ้นมีสภาพคล่องพอหรือไม่ และจะซื้อกี่ % ของพอร์ท
8. เริ่มลงทุนแรกๆ ต้องหมั่นหาความรู้มากๆ เพราะการลงทุนเป็นเรื่องที่ต้องมองระยะยาว พยายามมองหุ้นเป็นธุรกิจไม่ใช่การมองราคาที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา อ่านหนังสือให้ถูกเล่ม เพื่อให้ได้ความรู้มากขึ้นให้นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ได้
ข้อแตกต่างของ VI กับ Technical คือ VI เป็นการลงทุนในกิจการระยะยาว ดังนั้นข้อมูลสำคัญจะเกี่ยวข้องกับธุรกิจ ส่วนTechnical จะเป็นการดูสถิติราคา volume และเครื่องมือ การลงทุนทั้งสองแบบต้องสั่งสมความรู้เช่นกัน แต่ต่างกันคนละแบบ ดังนั้นตัดสินใจ แล้วเดินหน้าในการลงทุนตามแบบฉบับที่คุณสนใจคะ
ทั้งหมดนี้เป็นแค่ข้อสรุปส่วนตัวบุคคล ของเด็กหญิงต้องรอด!คะ ถ้ามีอะไรผิดพลาดยินดีรับฟังและแก้ไข เพราะหนูน้อยคนนี้เพิ่งก้าวขาเข้ามาในตลาดหุ้น
https://www.facebook.com/tongrodst
ถ้าอยากเป็น VI ต้องรู้อะไรบ้าง(เบื้องต้น) by ต้องรอด!(จากตลาดหุ้น)
1. การลงทุนแบบ VI เป็นการลงทุนในกิจการ ระยะยาว เพื่อต้องการทำเงินจากธุรกิจในตลาดหุ้น (ดังนั้นคุณต้องมี Passion สนใจในกิจการที่จะลงทุนให้มากที่สุด ทั้งก่อนลงทุน หลังลงทุน ต้องติดตามให้บ่อย แต่ไม่ใช่ตลอดเวลา เพราะการลงทุนแบบ VI ไม่ต้องจ้องหน้าจอ ทำให้คุณมีเวลาที่จะไปทำอย่างอื่นได้มากมาย)
2. กำลังใจของ VI เกิดจากความอดทนและรอคอยได้ เพราะมีโอกาสที่จะขาดทุนถึง 50% (Worst case) ในสถานการณ์ที่จำเป็น(สิ่งสำคัญคือเราต้องดูว่าที่ขาดทุนเกิดจากอะไร !?? ความผันผวนของตลาดหุ้น หรือเป็นที่ตัวกิจการ ) "การลงทุนมีความเสี่ยง ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ ควรศึกษาให้ดีก่อนการลงทุน"
3. ติดตามข่าวสารธุรกิจ ช่างสังเกตุ เพื่อดูพัฒนาการของธุรกิจนั้นๆที่คุณสนใจเปรียบเทียบกับคู่แข่งในตลาด หรือความเสี่ยงเพื่อจัดการกับความเสี่ยง ทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อค้นหา "หุ้นคุณภาพดี ราคาเหมาะสม"
4. ความเชื่อผิดๆ ที่อาจทำให้ติดกับดักของนักลงทุนแบบ VI
- กิจการดี แต่ราคาแพงมากก็ยังลงทุนได้ (ความเสี่ยงก็สูงตาม)
- ซื้อมาแล้วถือยาว ไม่ขาย (ปกตินักลงทุน VI เมื่อถือไปนานๆจนแพงมากก็ต้องขาย)
- เชื่อว่าจ่ายปันผลสูง (ซื้อเพราะคิดว่าหุ้นจ่ายปันผลสูง แต่ไม่ได้ดูสาเหตุของการจ่ายปันผลสูงว่ามาจากอะไร บางทีกิจการนั้นๆอาจจะกู้มาจ่ายปันผลให้คุณก็ได้ หรือราคาหุ้นแพงมากไปแล้ว เลยวัฏจักรขาขึ้นของกิจการแล้ว อนาคตก็มีสิทธิ์จ่ายปันผลน้อยลงได้)
- โลภเมื่อคนอื่นกลัว (คิดว่าราคาที่ลงจากการขายน่าซื้อ แต่ไม่ได้ติดตามกิจการและคาดการณ์การเติบโตในอนาคต อันนี้มีทั้งโอกาสรุ่งและร่วง)
- ซื้อแล้วคงไม่ต้องติดตาม (หลังจากตัดสินใจลงทุนในกิจการนั้นๆแล้ว อย่างน้อยก็ควรติดตามกิจการนั้นๆบ้าง เช่น ข่าวที่เกี่ยวข้อง, ผลประกอบการรายไตรมาส, หมายเหตุประกอบงบการเงิน)
5. ข้อมูลพื้นฐานที่ควรรู้ของกิจการหลักๆมาจากงบการเงิน ได้แก่ Income statement, Balance sheet, Cash flow statement (รายละเอียดแต่ละพาร์ทรอติดตามกระทู้ต่อๆไปหรือในเพจได้นะคะ)
6. บริษัทแบบไหนเหมาะที่จะลงทุนระยะยาว (เพราะนักลงทุนแบบ VI ต้องมองภาพใหญ่และไกล ซึ่งอาศัยจินตนาการ+ความรู้)
- มีการแข่งขันยั่งยืน (มีกลยุทธ์ในการลงทุนที่ใครก็เลียนแบบได้ยาก เช่น โค้กใครทำรสชาดก็ไม่เหมือนโค้กแท้ๆ หรือ feeling มันไม่ได้ต้องเป็นกระป๋องสีแดงนี้เท่านั้น) แต่บางครั้งการเป็นเจ้าแรกก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเจ้าเดียวนะคะ
- ผู้บริหารมีธรรมาภิบาล มีจริยธรรม
- ธุรกิจง่ายต่อการทำความเข้าใจ
- อุตสาหกรรมมีการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไป
- นักลงทุนเข้าถึงได้
7. คำถามสำคัญที่ควรหมั่นถามตัวเองเสมอเมื่อเป็นนักลงทุนแบบ VI
- Worst case และ Best case ของธุรกิจนี้เป็นยังไง
- มีหุ้นตัวอื่นที่ดีกว่านี้อีกไหม
- เราสามารถประเมินกำไรในอนาคตได้แม่นยำแค่ไหน
- หุ้นมีสภาพคล่องพอหรือไม่ และจะซื้อกี่ % ของพอร์ท
8. เริ่มลงทุนแรกๆ ต้องหมั่นหาความรู้มากๆ เพราะการลงทุนเป็นเรื่องที่ต้องมองระยะยาว พยายามมองหุ้นเป็นธุรกิจไม่ใช่การมองราคาที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา อ่านหนังสือให้ถูกเล่ม เพื่อให้ได้ความรู้มากขึ้นให้นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ได้
ข้อแตกต่างของ VI กับ Technical คือ VI เป็นการลงทุนในกิจการระยะยาว ดังนั้นข้อมูลสำคัญจะเกี่ยวข้องกับธุรกิจ ส่วนTechnical จะเป็นการดูสถิติราคา volume และเครื่องมือ การลงทุนทั้งสองแบบต้องสั่งสมความรู้เช่นกัน แต่ต่างกันคนละแบบ ดังนั้นตัดสินใจ แล้วเดินหน้าในการลงทุนตามแบบฉบับที่คุณสนใจคะ
ทั้งหมดนี้เป็นแค่ข้อสรุปส่วนตัวบุคคล ของเด็กหญิงต้องรอด!คะ ถ้ามีอะไรผิดพลาดยินดีรับฟังและแก้ไข เพราะหนูน้อยคนนี้เพิ่งก้าวขาเข้ามาในตลาดหุ้น https://www.facebook.com/tongrodst