ปกติแล้วเราจะเป็นผู้อ่านมากกว่า ผู้ตอบ หรือผู้เล่าเรื่องค่ะ เราเป็นคนค่อนข้างเก็บทุกอย่างไว้กับตัวเองมากกว่าระบายออกมาให้คนใกล้ชิดฟัง โดยเฉพาะคนในครอบครัวเพราะกลัว พ่อ หรือพี่ๆ น้องๆ ไม่สบายใจค่ะ เราแต่งงานมาได้ 2 ปีแล้วค่ะ ตอนนี้ลูกชายอายุ 11 เดือนแล้ว (เราอายุ 32 ค่ะ ส่วนแฟนอายุ 39 ค่ะ) แฟนเราเขาเป็นคนที่อยู่คนเดียวมาตั้งแต่เด็กๆค่ะ เพราะพ่อ แม่ เขาเสียชีวิตตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 15 เลย เขาใช้ชีวิตอยู่กับย่าค่ะ สักราวๆ ม.ปลาย ย่าของเขาเสียเขาก็ใช้ชีวิตคนเดียวส่งเสียตัวเองเรียนจนจบปริญญา ค่ะ ปัจจุบันเขาก็มีหน้าที่การงานที่ดี มีบ้าน เรากับเขาเจอกันตอนอายุมากด้วยกันทั้งคู่แล้วค่ะ ช่วงแรกก็ต้องปรับตัวกันพอสมควรค่ะ เพราะเขาใช้ชีวิตหนุ่มโสดตัวคนเดียวมานานมาก แตกต่างจากเราที่มีญาติพี่ น้อง เยอะ มีนัดรวมญาติ สังสรรค์ ตามประเพณี แต่เขาเป็นคนสันโดษค่ะ ไม่ชอบรวมญาติ ไม่ชอบไปค้างที่อื่น แม้แต่บ้านพ่อตา เราก็มีน้อยใจบ้างค่ะ เวลาไปไหนทำอะไร เขาไม่ให้ความร่วมมือ เขาจะเป็นคนหวงเพื่อนเขาค่ะ คือ ไม่ต้องการให้เราไปรู้จัก หรือสนิทชิดเชื้อ กับเพื่อนเขาค่ะ อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ เขาหวงเพื่อน แคร์เพื่อน ตัวเราเองเคยถึงขนาดแอบขโมยเบอร์โทรศัพท์เพื่อนเขามาเก็บไว้ เพราะบางทีเขาทำงานกลับบ้านดึกๆ จนเกือบถึงสว่างก็มี ถ้าเขาเป็นอะไรไปก็ไม่รู้จะไปตามหาที่ไหนค่ะ มันเป็นความน้อยใจอัดอั้นตันใจของเราที่เก็บสะสมมานาน สะสมมาเรื่อยๆ เราขอแบ่งเป็นเหตุการณ์ๆ นะค่ะ
- วันแต่งงาน เขาไม่เชิญเพื่อนๆ ที่ทำงานเขามาเลยสักคน มีเพื่อนที่สนิทกับเขามาแค่ 3 คน คือเพื่อนที่ไปเป็นเถ้าแก่สู่ขอเรากับพ่อ ค่ะ นอกนั้นจะเป็นญาติฝั่งเราทั้งหมด เขาให้เหตุผลว่างานมันเล็กแต่งๆไปก่อน เดี๋ยวมีเงินค่อยจัดใหม่ จัดดีๆตามโรงแรม เราทำพิธีที่ ร.พ.สงฆ์ และมาจัดเลี้ยงที่ร้านอาหารในช่วงบ่าย (เพราะตอนนั้นเราท้องได้ 4 เดือน ค่ะ เลยจัดงานเอาแบบเรียบง่าย) ในใจเราตอนนั้น เราคิดว่างานจะเล็ก ใหญ่ ไม่สำคัญ สำคัญที่เราสงสารพ่อค่ะ เราเหลือพ่อแค่คนเดียว เอาจริงๆถ้าไม่มีพ่อ งานแต่งงานสำหรับเรามันไม่จำเป็นเลยค่ะ อยากให้เขาให้เกียรติพ่อเรา แต่ทำเหมือนแอบจัดงานแต่งงานกลัวคนที่ทำงานรู้ และวันนั้นเขาได้ขอร้องเพื่อนๆเขา ว่าอย่าถ่ายรูป หรือเอารูปไปลง FB เราได้แต่คิดว่าไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เขาคงยังไม่พร้อมจริงๆ เขาอยู่คนเดียวมานาน เลยยังดูสับสนกับการมีครอบครัว
- ช่วงตั้งท้องจนคลอด เขาก็เอาใจใส่เราดีค่ะหาของมีประโยชน์มาให้กิน บำรุง พูดคุยกับลูก แต่ถ้าวันไหนหมอนัดตรวจ เขาจะไม่ว่างมาไม่ได้ แม้แต่วันที่ อัลตร้าซาวน์ดูเพศลูกเขาก็ไม่มาค่ะ เราได้แต่เอาผลไปให้เขาดูทุกครั้ง วันที่หมอนัดเจาะเลือดเราเพราะความเสี่ยงเรื่องเบาหวาน (หมอนัดวันเสาร์) หมอนัดตั้งแต่ 8 โมงเช้า เจาะทั้งหมด 4 เข็ม สลับกับการดื่มน้ำตาล กว่าจะเสร็จปาเข้าไป เกือบ 4 โมงเย็น เขาก็ไม่มาค่ะ แต่โทรมาถามเอาตอนบ่ายๆว่าเสร็จรึยังเขาจะออกมารับ ซึ่งผิดกับคุณแม่ คนอื่นที่เขามีสามีคอยดูแลตลอดอยู่เป็นเพื่อนตลอด ตอนนั้นรู้สึกเสียใจน้อยใจค่ะ แต่ก็เก็บไว้ ไม่เป็นไรบอกตัวเองว่าไม่เป็นไร (อีกแล้ว)
- หลังคลอด จนปัจจุบัน เขาก็เป็นคนที่รักลูกมากค่ะ อะไรที่บรรดาเพื่อนๆที่ออฟฟิศแนะนำให้ซื้อให้ลูก ซื้อตามเขาหมดค่ะ ทั้งที่บางอย่างเราบอกว่าไม่จำเป็นราคามันสูงเกินไป เขาก็จะไม่ฟัง แต่ถ้าอันไหนที่เราจะซื้อให้ลูกบ้างเขาก็จะมองว่าซื้อไม่คิดไม่ปรึกษา แพงเกินไป อย่างเตียงของลูก ราคา 8 พันเตียงเด็กซึ่งเรามองว่ามันใช้ได้จนลูกอายุ 2 ขวบ หลังจากนั้นจะขายเป็นมือสองก็ได้ เขาก็จะคอยบ่นๆๆๆ เราตลอดเรื่องเตียง ทั้งๆที่เราเอาเงินของเราซื้อเอง ไม่ได้ขอเงินเขามาซื้อ ถ้าอันไหนที่เขาจะซื้อเขาจะมีเหตุผลหมดค่ะ ว่าดีอย่างไง แต่ถ้าเขาเริ่มไม่ชอบเขาก็จะยกเหตุผลมาหักล้างว่มันไม่มีประโยชน์ ไม่ดี ทั้งๆ ทีมันเป็นของชิ้นเดียวกัน
- ฉันจะไม่ทน มาถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ทุกอย่างที่เก็บสะสมพรั่งพรูออกมา จนเกือบบ้านแตกแยกไปคนละทาง ก็เรื่องเตียงนอนลูกแหละค่ะ มีอยู่วันนึง หลังเขากลับมาจากทำงาน ก็เขามาดูลูกนอนตามปกติ แต่ครั้งนี้เขามาฉอเลาะกับเราค่ะ ว่าลูกไม่ยอมนอนเตียงเลยเพราะติดแม่ พอดีเพื่อนเขากำลังจะคลอดลูกเพื่อนเขาจะขอซื้อเตียงต่อ พยายามหว่านล้อมเราให้ขายให้ได้เลยเราก็ปฎิเสธนะ เพราะลูกชายชอบเล่นที่เตียงเขาเขาใช่เกาะขอบหัดเดินหรือนอนกลิ้งเล่น เขาพยายามหว่านล้อมเราจนเราสงสัย เราเลยรอจังหวะวันไหนเขาพาลูกออกไปเดินเล่น ค้นหาความจริง สรุปเขาได้ออกปากตกลงกับเพือนไปก่อนแล้ว ก่อนจะมาบอกเรา (เราแอบอ่านไลน์เขา) เราบอกตัวเองไม่เป็นไร เขารับปากเพื่อนไปแล้วเพื่อรักษาคำพูดเขา เลยตัดใจถอดเตียงออกเอง แล้วบอกเขาว่าวันเสาร์ที่ 11 ให้เพื่อนเขามาเอาไป แต่ในใจก็สงสารลูกนะ กลัวเขาใจหาย ที่ของๆที่เขาเคยเล่นเคยใช้หายไป แต่อีกใจก็รู้ว่าสามีเป็นคนแคร์เพื่อนมาก และเขาคะยั้นคะยอเราขนาดนั้น เพื่อนเขาคงอยากได้มากจริงๆ
- วันจับพิรุธมาถึง วันเสาร์ที่ผ่านมาเพื่อนเขามาเอาเตียงไปค่ะ เราก็พูดคุยกับเพื่อนเขาแนะนำเรื่องของใช้ลูก ของเด็กแรกเกิด จนสักพักเขาก็ขอตัวกลับ เราก็พาลูกขึ้นไปงีบ ก็ให้เขาออกไปส่งเพื่อนเขาหน้าบ้าน พอเขาเข้ามาเราก็พูดแหย่เขาเอาค่าเตียงลูกมาเลยนะ เราจะได้ไปซื้อเตียงใหม่ให้ลูกซื้อเผื่อโตเลยทีเดียวเอามาสมทบเก็บไว้ เขาก็บอกเพื่อนเขาขอผ่อนสองเดือนสิ้นเดือนถึงจะให้ ตอนพูดเขาก้ไม่กล้าสบตา พอดีน้องตื่นเขาก็พาน้องออกไปเดินเล่น เราเอาอีกแล้วเขาทำตัวน่าสงสัย เราแอบอ่านไลน์เขาอีกแล้วอ่านย้อนขึ้นไปเรื่อยๆ ได้คำตอบค่ะ เขายกให้เพื่อนเขาเลย ออกปากยกให้เฉยๆ เพื่อนเขาไม่ได้ขอซื้อค่ะ และไอ้ที่บอกว่าขอผ่อนสองเดือน คือตัวเขาเองแหละจะผ่อนให้เพื่อนเอาเงินเดือนของเขาเองแหละมาผ่อนเรา บอกตรงๆวินาทีนั้น นี้มันเกินกว่าจะรับได้แล้วนะ คุณโกหกฉันเป็นฉากๆ เป็นขั้นเป็นตอน หักหาญน้ำใจลูกเมีย เพื่อเอาใจเพื่อน มันเกินจะรับ พอเราบอกเขาว่ารู้ความจริงหมดแล้ว เขาก็ยังไม่ยอมรับ จนเราบอกว่าอ่านไลน์พี่แล้วรู้แล้ว กลับหันมาโกรธเราที่เราไปยุ่งกับโทรศัพท์เขา เราผิดตรงนี้เรายอมรับ แต่เพราะเวลาเราถามอะไรเขา เขาไม่เคยบอกความจริงอะไรเลย ดูมีความลับมากมายตลอดเวลา เราเสียใจนะ ที่เขามาโกหกหลอกเราเพื่อเอาใจเพื่อน เราบอกเขาว่ามันเหมือนเราถูกปล้นเหมือนพี่เอามีดมาจี้แล้วเอาเงินเราไป เขาก็รู้ว่าเราหวงของๆลูก และลูกก็ยังใช้อยู่ เพียงเพราะเขาไม่อยากเสียหน้ากับเพื่อน อยากให้เพื่อนมองเขาดี เขาเลยโกหกเรา เราเลยเก็บข้าวของไปอยู่บ้านพ่อ พาลูกไปด้วย เขาก็ไม่แคร์นะ เขาว่าเรางี่เง่ากับเรื่องแค่นี้ มันเป็นเรื่องแค่นี้สำหรับเขา แต่สำหรับเรามันคือการถูกหักหลังถูกหลอก เพียงเพื่อเขาอยากให้เพื่อนเขามีความสุข แต่เราจะรู้สึกยังไงเขากับไม่สนใจเลย เรากลายเป็นคนเห็นแก่ตัว ไม่รู้จักแบ่งปัน ในสายตาเขา กลายเป็นคนจุ้นจ้าน คิดเล้กคิดน้อย เราเป็นแบบนั้นเหรอ
เมื่อสามีอยากเอาใจเพื่อน ยอมหักหาญน้ำใจเมียและลูก
- วันแต่งงาน เขาไม่เชิญเพื่อนๆ ที่ทำงานเขามาเลยสักคน มีเพื่อนที่สนิทกับเขามาแค่ 3 คน คือเพื่อนที่ไปเป็นเถ้าแก่สู่ขอเรากับพ่อ ค่ะ นอกนั้นจะเป็นญาติฝั่งเราทั้งหมด เขาให้เหตุผลว่างานมันเล็กแต่งๆไปก่อน เดี๋ยวมีเงินค่อยจัดใหม่ จัดดีๆตามโรงแรม เราทำพิธีที่ ร.พ.สงฆ์ และมาจัดเลี้ยงที่ร้านอาหารในช่วงบ่าย (เพราะตอนนั้นเราท้องได้ 4 เดือน ค่ะ เลยจัดงานเอาแบบเรียบง่าย) ในใจเราตอนนั้น เราคิดว่างานจะเล็ก ใหญ่ ไม่สำคัญ สำคัญที่เราสงสารพ่อค่ะ เราเหลือพ่อแค่คนเดียว เอาจริงๆถ้าไม่มีพ่อ งานแต่งงานสำหรับเรามันไม่จำเป็นเลยค่ะ อยากให้เขาให้เกียรติพ่อเรา แต่ทำเหมือนแอบจัดงานแต่งงานกลัวคนที่ทำงานรู้ และวันนั้นเขาได้ขอร้องเพื่อนๆเขา ว่าอย่าถ่ายรูป หรือเอารูปไปลง FB เราได้แต่คิดว่าไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เขาคงยังไม่พร้อมจริงๆ เขาอยู่คนเดียวมานาน เลยยังดูสับสนกับการมีครอบครัว
- ช่วงตั้งท้องจนคลอด เขาก็เอาใจใส่เราดีค่ะหาของมีประโยชน์มาให้กิน บำรุง พูดคุยกับลูก แต่ถ้าวันไหนหมอนัดตรวจ เขาจะไม่ว่างมาไม่ได้ แม้แต่วันที่ อัลตร้าซาวน์ดูเพศลูกเขาก็ไม่มาค่ะ เราได้แต่เอาผลไปให้เขาดูทุกครั้ง วันที่หมอนัดเจาะเลือดเราเพราะความเสี่ยงเรื่องเบาหวาน (หมอนัดวันเสาร์) หมอนัดตั้งแต่ 8 โมงเช้า เจาะทั้งหมด 4 เข็ม สลับกับการดื่มน้ำตาล กว่าจะเสร็จปาเข้าไป เกือบ 4 โมงเย็น เขาก็ไม่มาค่ะ แต่โทรมาถามเอาตอนบ่ายๆว่าเสร็จรึยังเขาจะออกมารับ ซึ่งผิดกับคุณแม่ คนอื่นที่เขามีสามีคอยดูแลตลอดอยู่เป็นเพื่อนตลอด ตอนนั้นรู้สึกเสียใจน้อยใจค่ะ แต่ก็เก็บไว้ ไม่เป็นไรบอกตัวเองว่าไม่เป็นไร (อีกแล้ว)
- หลังคลอด จนปัจจุบัน เขาก็เป็นคนที่รักลูกมากค่ะ อะไรที่บรรดาเพื่อนๆที่ออฟฟิศแนะนำให้ซื้อให้ลูก ซื้อตามเขาหมดค่ะ ทั้งที่บางอย่างเราบอกว่าไม่จำเป็นราคามันสูงเกินไป เขาก็จะไม่ฟัง แต่ถ้าอันไหนที่เราจะซื้อให้ลูกบ้างเขาก็จะมองว่าซื้อไม่คิดไม่ปรึกษา แพงเกินไป อย่างเตียงของลูก ราคา 8 พันเตียงเด็กซึ่งเรามองว่ามันใช้ได้จนลูกอายุ 2 ขวบ หลังจากนั้นจะขายเป็นมือสองก็ได้ เขาก็จะคอยบ่นๆๆๆ เราตลอดเรื่องเตียง ทั้งๆที่เราเอาเงินของเราซื้อเอง ไม่ได้ขอเงินเขามาซื้อ ถ้าอันไหนที่เขาจะซื้อเขาจะมีเหตุผลหมดค่ะ ว่าดีอย่างไง แต่ถ้าเขาเริ่มไม่ชอบเขาก็จะยกเหตุผลมาหักล้างว่มันไม่มีประโยชน์ ไม่ดี ทั้งๆ ทีมันเป็นของชิ้นเดียวกัน
- ฉันจะไม่ทน มาถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ทุกอย่างที่เก็บสะสมพรั่งพรูออกมา จนเกือบบ้านแตกแยกไปคนละทาง ก็เรื่องเตียงนอนลูกแหละค่ะ มีอยู่วันนึง หลังเขากลับมาจากทำงาน ก็เขามาดูลูกนอนตามปกติ แต่ครั้งนี้เขามาฉอเลาะกับเราค่ะ ว่าลูกไม่ยอมนอนเตียงเลยเพราะติดแม่ พอดีเพื่อนเขากำลังจะคลอดลูกเพื่อนเขาจะขอซื้อเตียงต่อ พยายามหว่านล้อมเราให้ขายให้ได้เลยเราก็ปฎิเสธนะ เพราะลูกชายชอบเล่นที่เตียงเขาเขาใช่เกาะขอบหัดเดินหรือนอนกลิ้งเล่น เขาพยายามหว่านล้อมเราจนเราสงสัย เราเลยรอจังหวะวันไหนเขาพาลูกออกไปเดินเล่น ค้นหาความจริง สรุปเขาได้ออกปากตกลงกับเพือนไปก่อนแล้ว ก่อนจะมาบอกเรา (เราแอบอ่านไลน์เขา) เราบอกตัวเองไม่เป็นไร เขารับปากเพื่อนไปแล้วเพื่อรักษาคำพูดเขา เลยตัดใจถอดเตียงออกเอง แล้วบอกเขาว่าวันเสาร์ที่ 11 ให้เพื่อนเขามาเอาไป แต่ในใจก็สงสารลูกนะ กลัวเขาใจหาย ที่ของๆที่เขาเคยเล่นเคยใช้หายไป แต่อีกใจก็รู้ว่าสามีเป็นคนแคร์เพื่อนมาก และเขาคะยั้นคะยอเราขนาดนั้น เพื่อนเขาคงอยากได้มากจริงๆ
- วันจับพิรุธมาถึง วันเสาร์ที่ผ่านมาเพื่อนเขามาเอาเตียงไปค่ะ เราก็พูดคุยกับเพื่อนเขาแนะนำเรื่องของใช้ลูก ของเด็กแรกเกิด จนสักพักเขาก็ขอตัวกลับ เราก็พาลูกขึ้นไปงีบ ก็ให้เขาออกไปส่งเพื่อนเขาหน้าบ้าน พอเขาเข้ามาเราก็พูดแหย่เขาเอาค่าเตียงลูกมาเลยนะ เราจะได้ไปซื้อเตียงใหม่ให้ลูกซื้อเผื่อโตเลยทีเดียวเอามาสมทบเก็บไว้ เขาก็บอกเพื่อนเขาขอผ่อนสองเดือนสิ้นเดือนถึงจะให้ ตอนพูดเขาก้ไม่กล้าสบตา พอดีน้องตื่นเขาก็พาน้องออกไปเดินเล่น เราเอาอีกแล้วเขาทำตัวน่าสงสัย เราแอบอ่านไลน์เขาอีกแล้วอ่านย้อนขึ้นไปเรื่อยๆ ได้คำตอบค่ะ เขายกให้เพื่อนเขาเลย ออกปากยกให้เฉยๆ เพื่อนเขาไม่ได้ขอซื้อค่ะ และไอ้ที่บอกว่าขอผ่อนสองเดือน คือตัวเขาเองแหละจะผ่อนให้เพื่อนเอาเงินเดือนของเขาเองแหละมาผ่อนเรา บอกตรงๆวินาทีนั้น นี้มันเกินกว่าจะรับได้แล้วนะ คุณโกหกฉันเป็นฉากๆ เป็นขั้นเป็นตอน หักหาญน้ำใจลูกเมีย เพื่อเอาใจเพื่อน มันเกินจะรับ พอเราบอกเขาว่ารู้ความจริงหมดแล้ว เขาก็ยังไม่ยอมรับ จนเราบอกว่าอ่านไลน์พี่แล้วรู้แล้ว กลับหันมาโกรธเราที่เราไปยุ่งกับโทรศัพท์เขา เราผิดตรงนี้เรายอมรับ แต่เพราะเวลาเราถามอะไรเขา เขาไม่เคยบอกความจริงอะไรเลย ดูมีความลับมากมายตลอดเวลา เราเสียใจนะ ที่เขามาโกหกหลอกเราเพื่อเอาใจเพื่อน เราบอกเขาว่ามันเหมือนเราถูกปล้นเหมือนพี่เอามีดมาจี้แล้วเอาเงินเราไป เขาก็รู้ว่าเราหวงของๆลูก และลูกก็ยังใช้อยู่ เพียงเพราะเขาไม่อยากเสียหน้ากับเพื่อน อยากให้เพื่อนมองเขาดี เขาเลยโกหกเรา เราเลยเก็บข้าวของไปอยู่บ้านพ่อ พาลูกไปด้วย เขาก็ไม่แคร์นะ เขาว่าเรางี่เง่ากับเรื่องแค่นี้ มันเป็นเรื่องแค่นี้สำหรับเขา แต่สำหรับเรามันคือการถูกหักหลังถูกหลอก เพียงเพื่อเขาอยากให้เพื่อนเขามีความสุข แต่เราจะรู้สึกยังไงเขากับไม่สนใจเลย เรากลายเป็นคนเห็นแก่ตัว ไม่รู้จักแบ่งปัน ในสายตาเขา กลายเป็นคนจุ้นจ้าน คิดเล้กคิดน้อย เราเป็นแบบนั้นเหรอ