สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก + กำลังจะเป็นแม่คน (ณ ตอนนี้แม่คนเต็มตัวแล้ว) ให้ฟังกันค่ะ
จริงๆอยู่ในพันทิปมานานแต่เป็นเพียงแค่ผู้อ่านที่ดีมาตลอดเท่านั้นค่ะ
เมื่อกลางปีที่แล้วตัวเราเองตรวจเจอว่าตั้งครรภ์ (เราแต่งงานและจดทะเบียนสมรสแล้วค่ะ) ส่วนตัวไม่ค่อยดีใจเท่าที่ควรนักด้วยวัย 20 ปลายๆ +อยากทำงานเก็บเงินและอยากใช้ชีวิตสามี-ภรรยาซักพักก่อนแต่พ่อของลูกเขาดีใจอยากมีมากๆ ตอนนั้นเราสองคนมีตังค์เก็บอยู่นิดหน่อยจึงตกลงกันว่าต้องเก็บอย่างน้อยเดือนละ10K++จนกว่าจะคลอด + ไม่ได้ทำงาน 3 เดือนเราและลูกคงไม่ลำบาก (เรามีค่าบัตรเครดิตที่ต้องจ่ายเดือนละ 10K ยังไม่รวมค่าอื่นๆ) ชีวิตดำเนินมาเรื่อยๆ ทุกๆสิ้นเดือนเราและสามีต่างโอนตังค์ไปเก็บในบัญชีสามี (เป็นบัญชีทไม่ได้ใช้ ไม่มีแแอพ มีแค่สมุด ใช้บัญชีสามีเพราะคิดน้อยไปและไว้ใจมาก) จนกระทั่งมาช่วงท้อง6-7 เดือน เราถามเรื่องสมุดบัญชีขอดู statement เพราะเราจำไม่ได้ว่าเงินเก็บของเราทั้งสองมีจำนวนเท่าไหร่ ช่วงนั้นสามีบ่ายเบี่ยง บอกว่าสมุดบัญชีอยู่ที่ทำงานบ้างขี้เกียจไปเอาบ้างเราก็ไม่เอะใจเลยาักนิด ยังไว้ใจและปล่อยผ่านมาตลอด เลยมาจนท้อง7.5เดือน เราอยากดูหน้าลูกมากๆอยากรู้ว่าเขาโตแค่ไหน (เราฝาก รพ.รัฐเพื่อลดค่าใช้จ่ายค่ะ) ซึ่งส่วนใหญ่เราสองคนจะหาวันหยุดที่ตรงกันยากหรือตรงกันแต่คลินิคนั้นปิดทำการ อัลตร้าซาวด์ 4 มิติน่าประมาณ 3,000บาทค่ะ เลยบอกสามีว่าขอเอาตังค์เก็บมาจ่ายก่อนถึงสิ้นเดือนแล้วเราก็ค่อยโอนในส่วนนี้คืน คำตอบคือสามีบ่ายเบี่ยงบและใช้เหตุผลเดิมว่าสมุดบัญชีอยู่ที่ทำงานและเป็นวันหยุดไม่อยากเข้าไป กลัว รปภ. ไม่ให้เข้า ตอนนั้นเราเอะใจและโมโหจึงถามสามีว่าหรือเธอเอาเงินไปใช้หมดแล้วไม่ยอมบอกสามีปฏิเสธทันที เรายังยืนยันจะไปเอาสมุดบัญชีมาดูและไปพร้อมๆกันให้มันจบๆ คะยั้นคะยอจนยอมปริปากพูดว่าเงินไม่มีแล้ว สามีเราเอาไปใช้หมด คะนั้นคะยอให้เอา statement มากางพบยอดที่ใช้ไปทั้งหมด 100K++ เหลือติดบัญชีไว้แค่ 10K ) เราเข่าอ่อน น้ำตาไหลพูดไม่ออก ไม่รู้จะพูดคำไหน ไม่รู้จะด่าคำว่าอะไร เวรกรรมอะไรของเรากับลูก ทั้งที่วันนี้มีความหวังตื่นเต้น ตั้งใจจะไปแอบดูหน้าลูกหัวใจคนเป็นแม่รอคอยวันจะได้เจอหน้าลูก สามีพูดแค่คำว่าขอโทษรู้สึกผิดและรู้สึกมาตลอด สรุปวันนั้นไม่ได้ไปดูลูกและเราขอให้เขาหย่า เรายอมรับตรงนี้ไม่ได้ เราแทบช็อค ทำไมเขาช่างใจร้าย ใจดำทำกับเราและลูกขนาดนี้ เราอดทนเก็บตังค์ แบกรับภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ด้วยตัวเอง เรามีส่งให้ทางบ้าน 5K-6K ทุกเดือน จ่ายค่าน้ำไฟ และค่าขนมหลาน1คนต่างหาก เราเป็นลูกคนโตซัพพอร์ตน้อง2คนบ้างด้วยค่ะ และค่ายา ค่าหาหมอ ฝากครรภ์ทุกๆเดือน เราเป็นคนจ่ายเองเพราะเห็นว่าสามีเงินเดือนน้อยกว่าเลยแบกรับภาระตรงนี้ไว้ เราใช้ตังค์คนละกระเป๋าและไม่เคยยุ่งตังค์ของกันและกันทุกบาททุกสตางค์ที่เราส่งให้ที่บ้านเป็นเงินเราเองค่ะ ส่วนสามีไม่ได้ให้ที่บ้านมีภาระแค่บัตรเครดิตตัวเอง เรานอนร้องไห้ สงสารตัวเอง สงสารลูก รู้สึกเหมือนเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัวลูกจะคลอดวันนี้วันพรุ่งอยู่แล้วแต่ไม่มีเงินจะจ่ายค่าคลอด เครียดจนลูกไม่ดิ้น กินข้าวไม่ได้ ....
1เดือนถัดมาอายุครรภ์35weeksเรามีภาวะคลอดก่อนกำหนดต้องแอดมิท รพ . ด่วนหมอแจ้งว่าปากมดลูกเปิด2ซม. แต่หมอฉีดยาระงับคลอดและสั่งให้หยุดทำงานรอดูอาการ เราผู้เป็นแม่ยิ่งเครียดหนักเกิดลูกคลอดขึ้นมาจะทำยังไง ไม่มีตังค์จ่ายค่าหมอแน่ๆ แม่เราก็เครียดตามไปด้วย แม่เราเครียดจนช็อคนอนแอดมิทที่ รพ. ไปอีกคนเพราะสงสารเราค่ะ ออกจาก รพ. หมอไม่ให้เดินทางแต่เรารั้น เราอยากกลับบ้าน ตัดสินใจกลับบ้าน ตจว เพื่อรอคลอดอย่างน้อยก็มีคนดูแล และอยู่ใกล้คนแก่คนเฒ่าด้วยค่ะ ...
ตอนนี้ลูกน้อยเราอายุ3เดือนแล้วค่ะตั้งแต่เกิดเรื่องเรายืนด้วยลำแข้งตัวเองตลอด(อีกแล้ว)มีสามีส่งตังค์ให้บ้างแต่สุดท้ายเขาก็มาขอคืนเพราไม่พอใช้ค่ะ ตังค์ส่วนนั้นที่เขาให้เราแทบไม่ได้แตะเพราะรู้อยู่แล้วว่าเขาเอาตัวเองไม่รอด เขาเป็นที่พึ่งให้เราไม่ได้ คิดอยู่เสมอถ้าวันไหนเราไม่ไหวขอเอนไปพึ่งเขาคือเขาเซแน่ๆค่ะ เราเลี้ยงลูกอยู่บ้านเหนื่อยมากๆ เราแบกครอบครัวเราไม่พอ เรายังต้องแบกคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อขอลูก เป็นหัวหน้าครอบครัว จนตอนนี้เรากำลังจะกลับไปทำงานแล้วค่ะ เราเหนื่อย เราท้อ คิดวนไปมาเรื่องเงิน เวรกรรมอะไรของเราทุกวันนี้พูดถึงทีไรยังโมโหตลอดค่ะ เราด่าเขาไปเยอะเชาก็ไแต่นิ่งพูดแค่คำว่าขอโทษ เขาไม่มี หามาคืไม่ได้ มีทางเียวคือเขาตายแค่นั้น ...
เราอยากหลุดพ้น แต่ยังรัก เรายังใหโอกาส แต่จนวั้นนี้ก็ยังไมาเห็นอะไรเปลี่ยนแปลงมากนักเราไปแน่ๆค่ะ คนเป็นสามีเป็นพ่อของลูกแทนที่จะะเป็นที่พึ่งให้ลูกเมียกลับกลายเป็นเรา เราผู้เลี้ยงลูกที่บ้าน ไม่มีเงินเดือนเป็นเสาหลักให้กับเขา พาร์ทนี้ขอเล่าจบตรงนี้จริงๆรายละเอียดมันเยอะมากเราย่อและกระชับเรื่องแล้วค่ะอาจจะเป็นคนเล่าไม่ค่อยเก่ง เรื่องราวที่เจอความรู้สึกที่ผิดหวังมันมากมายกว่าจะเรียบเรียงเขียนเป็นตัวหนังสือ อีกพาร์ทจะแชร์ในส่วนของรีแอคชั่นของฝั่งครอบครัวสามีตอนรู้เรื่อง เป็นสาเหตุว่าทำไมเราถึงเสียใจมากมายเพิ่มเข้าไปอีก ...
ฉัน...ผู้แบกรับทุกสิ่ง แม้คนที่เป็นสามียังไม่สามารถพึ่งพาได้ 😔
จริงๆอยู่ในพันทิปมานานแต่เป็นเพียงแค่ผู้อ่านที่ดีมาตลอดเท่านั้นค่ะ
เมื่อกลางปีที่แล้วตัวเราเองตรวจเจอว่าตั้งครรภ์ (เราแต่งงานและจดทะเบียนสมรสแล้วค่ะ) ส่วนตัวไม่ค่อยดีใจเท่าที่ควรนักด้วยวัย 20 ปลายๆ +อยากทำงานเก็บเงินและอยากใช้ชีวิตสามี-ภรรยาซักพักก่อนแต่พ่อของลูกเขาดีใจอยากมีมากๆ ตอนนั้นเราสองคนมีตังค์เก็บอยู่นิดหน่อยจึงตกลงกันว่าต้องเก็บอย่างน้อยเดือนละ10K++จนกว่าจะคลอด + ไม่ได้ทำงาน 3 เดือนเราและลูกคงไม่ลำบาก (เรามีค่าบัตรเครดิตที่ต้องจ่ายเดือนละ 10K ยังไม่รวมค่าอื่นๆ) ชีวิตดำเนินมาเรื่อยๆ ทุกๆสิ้นเดือนเราและสามีต่างโอนตังค์ไปเก็บในบัญชีสามี (เป็นบัญชีทไม่ได้ใช้ ไม่มีแแอพ มีแค่สมุด ใช้บัญชีสามีเพราะคิดน้อยไปและไว้ใจมาก) จนกระทั่งมาช่วงท้อง6-7 เดือน เราถามเรื่องสมุดบัญชีขอดู statement เพราะเราจำไม่ได้ว่าเงินเก็บของเราทั้งสองมีจำนวนเท่าไหร่ ช่วงนั้นสามีบ่ายเบี่ยง บอกว่าสมุดบัญชีอยู่ที่ทำงานบ้างขี้เกียจไปเอาบ้างเราก็ไม่เอะใจเลยาักนิด ยังไว้ใจและปล่อยผ่านมาตลอด เลยมาจนท้อง7.5เดือน เราอยากดูหน้าลูกมากๆอยากรู้ว่าเขาโตแค่ไหน (เราฝาก รพ.รัฐเพื่อลดค่าใช้จ่ายค่ะ) ซึ่งส่วนใหญ่เราสองคนจะหาวันหยุดที่ตรงกันยากหรือตรงกันแต่คลินิคนั้นปิดทำการ อัลตร้าซาวด์ 4 มิติน่าประมาณ 3,000บาทค่ะ เลยบอกสามีว่าขอเอาตังค์เก็บมาจ่ายก่อนถึงสิ้นเดือนแล้วเราก็ค่อยโอนในส่วนนี้คืน คำตอบคือสามีบ่ายเบี่ยงบและใช้เหตุผลเดิมว่าสมุดบัญชีอยู่ที่ทำงานและเป็นวันหยุดไม่อยากเข้าไป กลัว รปภ. ไม่ให้เข้า ตอนนั้นเราเอะใจและโมโหจึงถามสามีว่าหรือเธอเอาเงินไปใช้หมดแล้วไม่ยอมบอกสามีปฏิเสธทันที เรายังยืนยันจะไปเอาสมุดบัญชีมาดูและไปพร้อมๆกันให้มันจบๆ คะยั้นคะยอจนยอมปริปากพูดว่าเงินไม่มีแล้ว สามีเราเอาไปใช้หมด คะนั้นคะยอให้เอา statement มากางพบยอดที่ใช้ไปทั้งหมด 100K++ เหลือติดบัญชีไว้แค่ 10K ) เราเข่าอ่อน น้ำตาไหลพูดไม่ออก ไม่รู้จะพูดคำไหน ไม่รู้จะด่าคำว่าอะไร เวรกรรมอะไรของเรากับลูก ทั้งที่วันนี้มีความหวังตื่นเต้น ตั้งใจจะไปแอบดูหน้าลูกหัวใจคนเป็นแม่รอคอยวันจะได้เจอหน้าลูก สามีพูดแค่คำว่าขอโทษรู้สึกผิดและรู้สึกมาตลอด สรุปวันนั้นไม่ได้ไปดูลูกและเราขอให้เขาหย่า เรายอมรับตรงนี้ไม่ได้ เราแทบช็อค ทำไมเขาช่างใจร้าย ใจดำทำกับเราและลูกขนาดนี้ เราอดทนเก็บตังค์ แบกรับภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ด้วยตัวเอง เรามีส่งให้ทางบ้าน 5K-6K ทุกเดือน จ่ายค่าน้ำไฟ และค่าขนมหลาน1คนต่างหาก เราเป็นลูกคนโตซัพพอร์ตน้อง2คนบ้างด้วยค่ะ และค่ายา ค่าหาหมอ ฝากครรภ์ทุกๆเดือน เราเป็นคนจ่ายเองเพราะเห็นว่าสามีเงินเดือนน้อยกว่าเลยแบกรับภาระตรงนี้ไว้ เราใช้ตังค์คนละกระเป๋าและไม่เคยยุ่งตังค์ของกันและกันทุกบาททุกสตางค์ที่เราส่งให้ที่บ้านเป็นเงินเราเองค่ะ ส่วนสามีไม่ได้ให้ที่บ้านมีภาระแค่บัตรเครดิตตัวเอง เรานอนร้องไห้ สงสารตัวเอง สงสารลูก รู้สึกเหมือนเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัวลูกจะคลอดวันนี้วันพรุ่งอยู่แล้วแต่ไม่มีเงินจะจ่ายค่าคลอด เครียดจนลูกไม่ดิ้น กินข้าวไม่ได้ ....
1เดือนถัดมาอายุครรภ์35weeksเรามีภาวะคลอดก่อนกำหนดต้องแอดมิท รพ . ด่วนหมอแจ้งว่าปากมดลูกเปิด2ซม. แต่หมอฉีดยาระงับคลอดและสั่งให้หยุดทำงานรอดูอาการ เราผู้เป็นแม่ยิ่งเครียดหนักเกิดลูกคลอดขึ้นมาจะทำยังไง ไม่มีตังค์จ่ายค่าหมอแน่ๆ แม่เราก็เครียดตามไปด้วย แม่เราเครียดจนช็อคนอนแอดมิทที่ รพ. ไปอีกคนเพราะสงสารเราค่ะ ออกจาก รพ. หมอไม่ให้เดินทางแต่เรารั้น เราอยากกลับบ้าน ตัดสินใจกลับบ้าน ตจว เพื่อรอคลอดอย่างน้อยก็มีคนดูแล และอยู่ใกล้คนแก่คนเฒ่าด้วยค่ะ ...
ตอนนี้ลูกน้อยเราอายุ3เดือนแล้วค่ะตั้งแต่เกิดเรื่องเรายืนด้วยลำแข้งตัวเองตลอด(อีกแล้ว)มีสามีส่งตังค์ให้บ้างแต่สุดท้ายเขาก็มาขอคืนเพราไม่พอใช้ค่ะ ตังค์ส่วนนั้นที่เขาให้เราแทบไม่ได้แตะเพราะรู้อยู่แล้วว่าเขาเอาตัวเองไม่รอด เขาเป็นที่พึ่งให้เราไม่ได้ คิดอยู่เสมอถ้าวันไหนเราไม่ไหวขอเอนไปพึ่งเขาคือเขาเซแน่ๆค่ะ เราเลี้ยงลูกอยู่บ้านเหนื่อยมากๆ เราแบกครอบครัวเราไม่พอ เรายังต้องแบกคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อขอลูก เป็นหัวหน้าครอบครัว จนตอนนี้เรากำลังจะกลับไปทำงานแล้วค่ะ เราเหนื่อย เราท้อ คิดวนไปมาเรื่องเงิน เวรกรรมอะไรของเราทุกวันนี้พูดถึงทีไรยังโมโหตลอดค่ะ เราด่าเขาไปเยอะเชาก็ไแต่นิ่งพูดแค่คำว่าขอโทษ เขาไม่มี หามาคืไม่ได้ มีทางเียวคือเขาตายแค่นั้น ...
เราอยากหลุดพ้น แต่ยังรัก เรายังใหโอกาส แต่จนวั้นนี้ก็ยังไมาเห็นอะไรเปลี่ยนแปลงมากนักเราไปแน่ๆค่ะ คนเป็นสามีเป็นพ่อของลูกแทนที่จะะเป็นที่พึ่งให้ลูกเมียกลับกลายเป็นเรา เราผู้เลี้ยงลูกที่บ้าน ไม่มีเงินเดือนเป็นเสาหลักให้กับเขา พาร์ทนี้ขอเล่าจบตรงนี้จริงๆรายละเอียดมันเยอะมากเราย่อและกระชับเรื่องแล้วค่ะอาจจะเป็นคนเล่าไม่ค่อยเก่ง เรื่องราวที่เจอความรู้สึกที่ผิดหวังมันมากมายกว่าจะเรียบเรียงเขียนเป็นตัวหนังสือ อีกพาร์ทจะแชร์ในส่วนของรีแอคชั่นของฝั่งครอบครัวสามีตอนรู้เรื่อง เป็นสาเหตุว่าทำไมเราถึงเสียใจมากมายเพิ่มเข้าไปอีก ...