เหมือนเป็นความรู้ใหม่เลยว่ากินเนื้อแพะแล้วแก้หนาวได้ เช้านี้แบ่งแกงที่ทำไปให้เพื่อนได้กินด้วยกัน
เพื่อนบอกว่าโชคดีมาก ก่อนเข้าหนาวได้กินแกงเนื้อแพะ เขาบอกว่าหนาวหนึ่งควรได้กินแกงแพะสัก
หนึ่งครั้ง จะช่วยแก้หนาวได้ตลอดฤดู เขาว่ามางี้ก็ว่าต่อไปงั้นแหละ จริงไม่จริงโปรดใช้วิจารณญาน
เกือบเดือนที่ผ่านมามีคนมาเกี่ยวหญ้าที่ข้างบ้าน ก็เลยทักทายถามเขาว่าเกี่ยวไปทำไมเหรอ เขาบอก
เอาไปให้แพะกิน เขาเลี้ยงแพะขายแต่ถ้ามีคนสั่งที่พอทำเขาก็ทำ จึงถือโอกาสสั่งว่าทำเมื่อไหร่ให้เอา
มาส่งให้ด้วย
สั่งจนลืมไปเลย จนเมื่อวันก่อนมีเด็กเอาเนื้อแพะมาส่งให้ บอกว่า 2 ก.ก. พร้อมบอกราคา 400 บาท
เอาออกมาล้างน้ำ เป็นเนื้อส่วนต่าง ๆ อย่างละนิดละหน่อยคละกันไป แต่รู้สึกว่าจะหนักไปทางเนื้อติดกระดูก
เนื้อแบบนี้แหละถ้านำไปแกงกะหรี่เด็ดนักเชียวแหละ เคยกินเนื้อแพะมาหลายครั้ง แต่ละครั้งไม่เหมือนกัน
ชวนให้ติดใจก็มี ชวนให้เข็ดก็เยอะ ไอ้ที่ชวนเข็ดเป็นเพราะกลิ่นมันรุนแรงมาก ซึ่งว่ากันว่าเกี่ยวกับคนทำ
ว่าทำเป็นหรือไม่เป็น
เจ้านี้ไม่มีกลิ่นเลยแม่แต่นิดเดียว เหมือนเขาจะเป็นมืออาชีพมาก ๆ แต่เพื่อความชัวร์ จัดการเทเหล้าดองยา
(พอดีที่บ้านไม่มีเหล้าขาว) กันไว้ก่อนอีกที เทราดหมักไว้เลย
กะแกงกะหรี่ครับ เป็นแบบที่เคยเห็นเขาทำที่เขาเรียก
แขก น้ำพริกสำเร็จมาเพิ่มหอมแขกอย่างเยอะ
งานนี้กะเผ็ด ร้อม หอม ฉุนเต็มที่เลยครับ มะสะหล่าใช้เป็นแบบพี่น้องมุสลิมครับ เสริมด้วย โป๊ยกั๊ก อบเชย
ใบและดอกกระวาน ขมิ้นผง เกลือป่น น้ำพริกที่ข้นด้วยหอมแดงเป็นหลัก
น้ำมันพืชค่อนข้างเยอะ เทลงไป
ทั้งหมดคลุกเคล้าให้เข้ากัน ตั้งไฟอ่อนผัดรวน จนเนื้อหดตัว น้ำแห้งแตกมันไป 1 ยก
เสร็จแล้วเติมน้ำเคี่ยวไฟอ่อน อย่างใจเย็นให้เปือยเต็มที่
เปื่อยได้ที่ น้ำแห้งข้นขลุกขลิก ปิดท้ายรายการด้วยแข็งแก่ทุบชิ้นเล็ก ๆ ช่วยเสริมความหอม
สำเร็จรูปในหม้อ สีสันเหมือนไม่สวย ไม่น่ากิน
แต่พอมาอยู่ในถ้วย ประกอบกับกลิ่นที่หอมหวนยวนยั่วน้ำลาย ชวนให้อยากชิมมากเลยครับ
ยิ่งมาเจอกับอาจาด เปรี้ยว ๆ หวาน ๆ แก้เลี่ยน สามารถรับได้ทั้งขนมปัง ข้าวเจ้า ข้าวนึ่ง
ตามสะดวกหรือถนัดเลยครับ
จากการพิสูจน์ด้วยตนเอง ขอบอกว่ามันฟินสุด ๆ เลยครับ
สวัสดีครับ
แกงกะหรี่แพะ หอมหวนชวนกิน
เพื่อนบอกว่าโชคดีมาก ก่อนเข้าหนาวได้กินแกงเนื้อแพะ เขาบอกว่าหนาวหนึ่งควรได้กินแกงแพะสัก
หนึ่งครั้ง จะช่วยแก้หนาวได้ตลอดฤดู เขาว่ามางี้ก็ว่าต่อไปงั้นแหละ จริงไม่จริงโปรดใช้วิจารณญาน
เกือบเดือนที่ผ่านมามีคนมาเกี่ยวหญ้าที่ข้างบ้าน ก็เลยทักทายถามเขาว่าเกี่ยวไปทำไมเหรอ เขาบอก
เอาไปให้แพะกิน เขาเลี้ยงแพะขายแต่ถ้ามีคนสั่งที่พอทำเขาก็ทำ จึงถือโอกาสสั่งว่าทำเมื่อไหร่ให้เอา
มาส่งให้ด้วย
สั่งจนลืมไปเลย จนเมื่อวันก่อนมีเด็กเอาเนื้อแพะมาส่งให้ บอกว่า 2 ก.ก. พร้อมบอกราคา 400 บาท
เอาออกมาล้างน้ำ เป็นเนื้อส่วนต่าง ๆ อย่างละนิดละหน่อยคละกันไป แต่รู้สึกว่าจะหนักไปทางเนื้อติดกระดูก
เนื้อแบบนี้แหละถ้านำไปแกงกะหรี่เด็ดนักเชียวแหละ เคยกินเนื้อแพะมาหลายครั้ง แต่ละครั้งไม่เหมือนกัน
ชวนให้ติดใจก็มี ชวนให้เข็ดก็เยอะ ไอ้ที่ชวนเข็ดเป็นเพราะกลิ่นมันรุนแรงมาก ซึ่งว่ากันว่าเกี่ยวกับคนทำ
ว่าทำเป็นหรือไม่เป็น
เจ้านี้ไม่มีกลิ่นเลยแม่แต่นิดเดียว เหมือนเขาจะเป็นมืออาชีพมาก ๆ แต่เพื่อความชัวร์ จัดการเทเหล้าดองยา
(พอดีที่บ้านไม่มีเหล้าขาว) กันไว้ก่อนอีกที เทราดหมักไว้เลย
กะแกงกะหรี่ครับ เป็นแบบที่เคยเห็นเขาทำที่เขาเรียกแขก น้ำพริกสำเร็จมาเพิ่มหอมแขกอย่างเยอะ
งานนี้กะเผ็ด ร้อม หอม ฉุนเต็มที่เลยครับ มะสะหล่าใช้เป็นแบบพี่น้องมุสลิมครับ เสริมด้วย โป๊ยกั๊ก อบเชย
ใบและดอกกระวาน ขมิ้นผง เกลือป่น น้ำพริกที่ข้นด้วยหอมแดงเป็นหลัก
น้ำมันพืชค่อนข้างเยอะ เทลงไป
ทั้งหมดคลุกเคล้าให้เข้ากัน ตั้งไฟอ่อนผัดรวน จนเนื้อหดตัว น้ำแห้งแตกมันไป 1 ยก
เสร็จแล้วเติมน้ำเคี่ยวไฟอ่อน อย่างใจเย็นให้เปือยเต็มที่
เปื่อยได้ที่ น้ำแห้งข้นขลุกขลิก ปิดท้ายรายการด้วยแข็งแก่ทุบชิ้นเล็ก ๆ ช่วยเสริมความหอม
สำเร็จรูปในหม้อ สีสันเหมือนไม่สวย ไม่น่ากิน
แต่พอมาอยู่ในถ้วย ประกอบกับกลิ่นที่หอมหวนยวนยั่วน้ำลาย ชวนให้อยากชิมมากเลยครับ
ยิ่งมาเจอกับอาจาด เปรี้ยว ๆ หวาน ๆ แก้เลี่ยน สามารถรับได้ทั้งขนมปัง ข้าวเจ้า ข้าวนึ่ง
ตามสะดวกหรือถนัดเลยครับ
จากการพิสูจน์ด้วยตนเอง ขอบอกว่ามันฟินสุด ๆ เลยครับ
สวัสดีครับ