วันนก่อนมีอาการปวดหัวมาก เนื่องจาก ย้ายออฟฟิส มานั่งร่วมงาน กับเพื่อนร่วมงาน อีกสองสามคน
ปกติเราเป็นคนไม่ค่อยคุยเท่าไหร่ แต่ ต้องนั่งทำงานร่วม กับคนช่างพูดช่างคุย ช่างเจรจา กัน เป็น ชั่วโมงๆ
ปรากฏ ว่าเราเป็นไมเกรน
วันนั้น กลับบ้านไปมีอาการ ปวดหัวกลับไปด้วย ถึงบ้านก็พักผ่อน เปิดที่วีดู สารคดี
หลังจากนั้นก็อาบน้ำ
ช่วงนั้น จิต แว๊บไปคิด ถึง เพื่อนร่วมงานที่ คุยกัน เมื่ออตอนกลางวัน ช่วงที่จิต วิ่งไปที่สัญญา มันเกิด อาการปวดหัวจี๊ดขึ้นมาทันที
จึงพยายามกลับมาอยู่ที่ลมหายใจ โดยหายใจลึกๆ ก็พอทุเลา อาการปวดหัวลงไปได้
พอมาตอนเช้า ได้เวลาไปทำงาน อาการปวดหัว ก็มาเยือนอีกแล้วค่ะ
โอว พระเจ้า มีอาการปวดหัวจี๊ด ๆ ปวดไปถึงคอ นั่ง ทำงาน ไป เอามือ บีบ หัวตัวเองไป เอานิ้วกดที่คอ บ้าง ไรบ้าง
อาการเข้าขั้นโคม่า มีอาการ ตาพล่า คลื่นไส้ คล้ายจะอาเจียน
จับภาพพระไม่อยู่เลย ทันใดนั้น เราก็ พิจารณาปล่อยวาง เพื่อนร่วมงาน โดย ไม่ได้มีจิต โกรธเคืองพวกเขา แม้แต่ อย่างใด
หากเขาทำให้เราขุ่นเคืองไปบ้าง เราก็พร้อมจะให้อภัย เพราะเขาก็ เหมือน กับ ญาติพี่น้องของเรา ถ้าวันไหนเราป่วยเพื่อนเรานี่แหละที่จะทำงานแทนเรา เราจะไม่มีอะไรติดค้างกับเขาอีก
เมื่อ พิจารณา เพือน ร่วม งาน แล้ว ก็ กลับ มา พิจารณา อาการ ทุกขเวทนาที่กำลังเกิดขึ้น
เห็นว่ามันเป็นแค่สภาวะ นึง ที่เกิดขึ้น กับ กายเท่านั้น ช่วง ที่ พิจารณา ก็นั่งทำงานอย่าง สงบ และ ปกติ
บางขณะจิต บอกว่า ให้ หายากินเถอะ เดี๋ยว เส้นเลือดในสมองแตก
แต่จิตนี้พร้อมยอมตาย ก็บอกว่า อยากตายก็ ตายเลย ละกัน ฉันยอมตาย
ตายแล้ว จะได้ จบๆกัน
ก็ พิจารณา แค่นี้เพียง เท่านั้น แล้วเราก็ นั่งทำงาน อย่าง ปกติ
มีเรื่องเล่า ปล่อยวางไมเกรน
ปกติเราเป็นคนไม่ค่อยคุยเท่าไหร่ แต่ ต้องนั่งทำงานร่วม กับคนช่างพูดช่างคุย ช่างเจรจา กัน เป็น ชั่วโมงๆ
ปรากฏ ว่าเราเป็นไมเกรน
วันนั้น กลับบ้านไปมีอาการ ปวดหัวกลับไปด้วย ถึงบ้านก็พักผ่อน เปิดที่วีดู สารคดี
หลังจากนั้นก็อาบน้ำ
ช่วงนั้น จิต แว๊บไปคิด ถึง เพื่อนร่วมงานที่ คุยกัน เมื่ออตอนกลางวัน ช่วงที่จิต วิ่งไปที่สัญญา มันเกิด อาการปวดหัวจี๊ดขึ้นมาทันที
จึงพยายามกลับมาอยู่ที่ลมหายใจ โดยหายใจลึกๆ ก็พอทุเลา อาการปวดหัวลงไปได้
พอมาตอนเช้า ได้เวลาไปทำงาน อาการปวดหัว ก็มาเยือนอีกแล้วค่ะ
โอว พระเจ้า มีอาการปวดหัวจี๊ด ๆ ปวดไปถึงคอ นั่ง ทำงาน ไป เอามือ บีบ หัวตัวเองไป เอานิ้วกดที่คอ บ้าง ไรบ้าง
อาการเข้าขั้นโคม่า มีอาการ ตาพล่า คลื่นไส้ คล้ายจะอาเจียน
จับภาพพระไม่อยู่เลย ทันใดนั้น เราก็ พิจารณาปล่อยวาง เพื่อนร่วมงาน โดย ไม่ได้มีจิต โกรธเคืองพวกเขา แม้แต่ อย่างใด
หากเขาทำให้เราขุ่นเคืองไปบ้าง เราก็พร้อมจะให้อภัย เพราะเขาก็ เหมือน กับ ญาติพี่น้องของเรา ถ้าวันไหนเราป่วยเพื่อนเรานี่แหละที่จะทำงานแทนเรา เราจะไม่มีอะไรติดค้างกับเขาอีก
เมื่อ พิจารณา เพือน ร่วม งาน แล้ว ก็ กลับ มา พิจารณา อาการ ทุกขเวทนาที่กำลังเกิดขึ้น
เห็นว่ามันเป็นแค่สภาวะ นึง ที่เกิดขึ้น กับ กายเท่านั้น ช่วง ที่ พิจารณา ก็นั่งทำงานอย่าง สงบ และ ปกติ
บางขณะจิต บอกว่า ให้ หายากินเถอะ เดี๋ยว เส้นเลือดในสมองแตก
แต่จิตนี้พร้อมยอมตาย ก็บอกว่า อยากตายก็ ตายเลย ละกัน ฉันยอมตาย
ตายแล้ว จะได้ จบๆกัน
ก็ พิจารณา แค่นี้เพียง เท่านั้น แล้วเราก็ นั่งทำงาน อย่าง ปกติ