ตั้งแต่ขี่จักรยานมานี่ได้ยินมานานมากคำว่าล้อดีๆมันต้องเหวี่ยง ยอมกัดฟันเปลี่ยนล้อดีๆทั้งขอบสูงขอบต่ำมาตั้งหลายชุดไม่เคยได้สัมผัสความรู้สึกล้อเหวี่ยงเสียที แต่ถ้าล้อลื่นไหลกว่าเดิมนี่สัมผัสได้ตลอด
วันนี้ออกซ้อมเน้นคุมหัวใจระยะทาง,เวลานานๆ ปกติทางที่ผมซ้อมจะเป็นถนนไปกลับวนไปวนมาอยู่แบบนี้จะสัมผัสทิศทางลมได้ตลอดทาง ช่วงสายๆหน่อยลมเริ่มแรงขึ้นช่วงปั่นตามทิศทางลม เริ่มสัมผัสได้กับอาการล้อเหวี่ยง(ไสยศาสตร์มีจริง) คือออกแรงเท่าเดิม แต่ปั่นได้เบาแรงลง หัวใจเต้นเท่าเดิม แต่ความเร็วขึ้นไปถึง 30-35 แบบไม่ได้ออกแรงปั่นเลยแค่แตะๆบันไดไว้เท่านั้น ในใจคิดว่ามันส์ดีแฮะแบบนี้ปั่นเป็นร้อยโลก็ได้ จะบอกว่าลมส่งก็ไม่ใช่ลมไม่ได้แรงขนาดนั้นเพียงแต่ไม่มีลมต้านแค่นั้นเอง นั่งจับความรู้สึกคือพอออกแรงปั่นเท่าเดิมเพราะคุมหัวใจอยู่ แต่ล้อมันจะหมุนไปมากกว่าเดิมที่เคยออกแรง คือมันไหลไปได้มากขึ้น ก็เลยเหมือนกับล้อมันเหวี่ยงช่วย(หรือเปล่า) แต่พอกลับรถต้องปั่นสวนลม คราวนี้พยายามปั่นที่ความเร็ว 30 เท่าเดิม ทั้งมุดทั้งหมอบ ไม่เห็นมันจะเหวี่ยงลื่นไหลเหมือนเดิม คงเป็นเพราะมีแรงต้าน
สรุป(เอาเองว่า) ความรู้สึกว่าล้อเหวี่ยง น่าจะมาจากองค์ประกอบของล้อและชุดเกียร์และการออกแรงมากกว่าว่ารถมันเบาลื่นไหลจนออกแรงน้อยแต่รถเคลื่อนที่ไปได้เร็วกว่าปกติ เพราะทางเส้นนี้ผมเอารถเสือภูเขามาปั่นก็ไม่เห็นมันไหลเหวี่ยง เอารถพับเบาๆมาปั่นก็ไม่เห็นมันจะไหลเหวี่ยง พอหยุดปั่นรถมันก็ค่อยๆชะลอความเร็วลง แต่รถเสือหมอบพอหยุดปั่นแล้วรถมันยังไหลต่อไปได้อีกมากกว่า เติมแรงนิดเดียวมันก็ยังคงความเร็วไว้ได้เท่าเดิม
นี่รถผมครับผสมล้อแนวใหม่เพื่อความไหลเหวี่ยง หน้าอลูขอบต่ำหลังคาร์บอนขอบสูง ด้วยความขี้เกียจ ยางแบนไม่มีเวลาซ่อมจับล้อผสมกันมั่วซั่วยางเบรคก็ไม่เปลี่ยน เพราะตอนไปออกทริปแล้วยางแบนรถเซอร์วิสเขาก็จัดล้อสำรองมาให้แบบนี้ก็ขี่ไปแบบนี้(มีให้ใช้ก็บุญแล้ว) เลยติดใจว่ามันก็ขี่ได้ไม่เห็นเป็นไร จะน่าเกลียดแค่ไหนก็ช่างมัน 55
OO ล้อเหวี่ยง vs. ล้อไหล OO
วันนี้ออกซ้อมเน้นคุมหัวใจระยะทาง,เวลานานๆ ปกติทางที่ผมซ้อมจะเป็นถนนไปกลับวนไปวนมาอยู่แบบนี้จะสัมผัสทิศทางลมได้ตลอดทาง ช่วงสายๆหน่อยลมเริ่มแรงขึ้นช่วงปั่นตามทิศทางลม เริ่มสัมผัสได้กับอาการล้อเหวี่ยง(ไสยศาสตร์มีจริง) คือออกแรงเท่าเดิม แต่ปั่นได้เบาแรงลง หัวใจเต้นเท่าเดิม แต่ความเร็วขึ้นไปถึง 30-35 แบบไม่ได้ออกแรงปั่นเลยแค่แตะๆบันไดไว้เท่านั้น ในใจคิดว่ามันส์ดีแฮะแบบนี้ปั่นเป็นร้อยโลก็ได้ จะบอกว่าลมส่งก็ไม่ใช่ลมไม่ได้แรงขนาดนั้นเพียงแต่ไม่มีลมต้านแค่นั้นเอง นั่งจับความรู้สึกคือพอออกแรงปั่นเท่าเดิมเพราะคุมหัวใจอยู่ แต่ล้อมันจะหมุนไปมากกว่าเดิมที่เคยออกแรง คือมันไหลไปได้มากขึ้น ก็เลยเหมือนกับล้อมันเหวี่ยงช่วย(หรือเปล่า) แต่พอกลับรถต้องปั่นสวนลม คราวนี้พยายามปั่นที่ความเร็ว 30 เท่าเดิม ทั้งมุดทั้งหมอบ ไม่เห็นมันจะเหวี่ยงลื่นไหลเหมือนเดิม คงเป็นเพราะมีแรงต้าน
สรุป(เอาเองว่า) ความรู้สึกว่าล้อเหวี่ยง น่าจะมาจากองค์ประกอบของล้อและชุดเกียร์และการออกแรงมากกว่าว่ารถมันเบาลื่นไหลจนออกแรงน้อยแต่รถเคลื่อนที่ไปได้เร็วกว่าปกติ เพราะทางเส้นนี้ผมเอารถเสือภูเขามาปั่นก็ไม่เห็นมันไหลเหวี่ยง เอารถพับเบาๆมาปั่นก็ไม่เห็นมันจะไหลเหวี่ยง พอหยุดปั่นรถมันก็ค่อยๆชะลอความเร็วลง แต่รถเสือหมอบพอหยุดปั่นแล้วรถมันยังไหลต่อไปได้อีกมากกว่า เติมแรงนิดเดียวมันก็ยังคงความเร็วไว้ได้เท่าเดิม
นี่รถผมครับผสมล้อแนวใหม่เพื่อความไหลเหวี่ยง หน้าอลูขอบต่ำหลังคาร์บอนขอบสูง ด้วยความขี้เกียจ ยางแบนไม่มีเวลาซ่อมจับล้อผสมกันมั่วซั่วยางเบรคก็ไม่เปลี่ยน เพราะตอนไปออกทริปแล้วยางแบนรถเซอร์วิสเขาก็จัดล้อสำรองมาให้แบบนี้ก็ขี่ไปแบบนี้(มีให้ใช้ก็บุญแล้ว) เลยติดใจว่ามันก็ขี่ได้ไม่เห็นเป็นไร จะน่าเกลียดแค่ไหนก็ช่างมัน 55