จุดเริ่มต้นคือ ผมเริ่มอยากดูแลตัวเองบ้าง เริ่มไม่อยากแก่ แต่จะให้กินวิตามินที่ขายตามท้องตลาด ผมก็กินนะ แต่คิดว่ายังไม่พอ เราคงต้องปรับในเรื่องของอาหารด้วย เพราะนิสัยการกินอาหารผมแย่มาก กินแต่แป้ง และน้ำตาล ขาดผัก และผลไม้ ผมจึงเริ่มมองหาเครื่องปั่นน้ำผัก และผลไม้เพื่อสุขภาพ ในช่วงของการ research ดูว่า จะซื้อแบบไหนดี ตัวเลือกมีหลากหลายแบบครับ คือ
1.เครื่องปั่นปกติ ปั่นน้ำกินทั้งกากใยของผัก และผลไม้
2. เครื่องปั่นน้ำผลไม้ แบบแยกกาก และความเร็วรอบปั่นสูง (ชื่อยาวเว่อร์มาก)
3. เครื่องปั่นน้ำผลไม้ แบบแยกกาก และความเร็วรอบต่ำ เค้าว่ากันว่า คงความสด และเอนไซม์ในผักผลไม้ได้ดีที่สุด
สุดท้าย ผมตัดสินใจเลือก เครื่องปั่นปกติที่ปั่นกินทั้งกากใยดีกว่าครับ เพราะคิดว่า 1. กากใยสำคัญต่อการขับถ่าย และอาจจะลดการดูดซึมพวกน้ำตาลในผัก และผลไม้ได้บ้าง 2.ราคาถูกกว่า ยังไม่แน่ใจกับตัวเองว่าจะซื้อเครื่องแพงๆ แล้วจะทำกินได้กี่วัน สุดท้ายแล้วผมจึงตัดสินใจซื้อเจ้า Philips Blender Daily Collection
เจ้าเครื่องปั่น Philips หน้าตาสวยงามครับ ขนาดกำลังกินสำหรับทำกินคนเดียว เพราะมีขนาดโถปั่นแค่ 0.6 ลิตรเอง และใช้กระติกที่แถมมาแทนโถปั่นแบบปกติได้เลย ดูน่าจะสะดวกเอามากๆ
ไม่รีรอครับ ซื้อมาปุ๊ป กลับมาคอนโดผมทำเครื่องดื่มปั่นทันที
สูตรเครื่องดื่มปั่นของผม คิดเองครับ มี celery มะเขือเทศ และแอปเปิ้ล และน้ำครึ่งกระติก หวังว่าคงพอกินได้นะ
ขณะปั่น เครื่องปั่นได้แรงมากครับ และปั่นละเอียดดี แต่ไม่เนียนขนาดเป็น smoothie นะครับ
สุดท้ายแล้วผมก็ได้เครื่องดื่มน้ำผักผลไม้ของผมแล้ว บอกตามตรงครับ แหลกแทบไม่ได้เลย มิหร่อยอย่างแรง ไม่โทษเครื่องปั่น โทษสูตรผมเอง 555
ข้อดี
1. เครื่องปั่นมีขนาดเล็ก เหมาะสำหรับการปั่นกินคนเดียว
2. มีความแรงในการปั่นได้ดีครับ
ข้อเสีย
1. แม้ว่าจะเอาขวดพลาสติกมาปั่นแทนโถได้เลย ดูเหมือนจะสะดวก แต่ก็ไม่มากครับ
2. การใช้ขวดพลาสติกปั่นแทนโถปั่น จะทำให้มีคราบน้ำปั่นติดข้างขวด ทำให้ดูไม่น่ากินครับ
บทสรุปของคนไม่กินผักและผลไม้
1. ถ้าจะกินผลไม้ กินสดๆ ดีกว่าครับ ได้เส้นใย และรสชาตอร่อยกว่า
2. ถ้าจะกินน้ำผัก ความเห็นส่วนตัวคิดว่า ซื้อแบบแยกกากดีกว่า เพราะที่คนเราไม่ชอบผัก ก็เพราะมันมีกาก
การปั่นน้ำผักแบบไม่ได้แยกกากออกไป สุดท้ายมันก็ยังรู้สึกแขยงๆ ครับ กลืนไม่ค่อยจะลงเลย ตอนนี้คิดว่า
ผมคงต้องไปต่อครับ ใครมีเครื่องปั่นแบบแยกกากความเร็วต่ำ แนะนำกันมาได้นะครับ หรือใครอยากขาย
มือสองสภาพดี หลังไมค์กันได้
[CR] เครื่องปั่นน้ำผลไม้ Philips Daily Collection เพื่อสุขภาพ
1.เครื่องปั่นปกติ ปั่นน้ำกินทั้งกากใยของผัก และผลไม้
2. เครื่องปั่นน้ำผลไม้ แบบแยกกาก และความเร็วรอบปั่นสูง (ชื่อยาวเว่อร์มาก)
3. เครื่องปั่นน้ำผลไม้ แบบแยกกาก และความเร็วรอบต่ำ เค้าว่ากันว่า คงความสด และเอนไซม์ในผักผลไม้ได้ดีที่สุด
สุดท้าย ผมตัดสินใจเลือก เครื่องปั่นปกติที่ปั่นกินทั้งกากใยดีกว่าครับ เพราะคิดว่า 1. กากใยสำคัญต่อการขับถ่าย และอาจจะลดการดูดซึมพวกน้ำตาลในผัก และผลไม้ได้บ้าง 2.ราคาถูกกว่า ยังไม่แน่ใจกับตัวเองว่าจะซื้อเครื่องแพงๆ แล้วจะทำกินได้กี่วัน สุดท้ายแล้วผมจึงตัดสินใจซื้อเจ้า Philips Blender Daily Collection
เจ้าเครื่องปั่น Philips หน้าตาสวยงามครับ ขนาดกำลังกินสำหรับทำกินคนเดียว เพราะมีขนาดโถปั่นแค่ 0.6 ลิตรเอง และใช้กระติกที่แถมมาแทนโถปั่นแบบปกติได้เลย ดูน่าจะสะดวกเอามากๆ
ไม่รีรอครับ ซื้อมาปุ๊ป กลับมาคอนโดผมทำเครื่องดื่มปั่นทันที
สูตรเครื่องดื่มปั่นของผม คิดเองครับ มี celery มะเขือเทศ และแอปเปิ้ล และน้ำครึ่งกระติก หวังว่าคงพอกินได้นะ
ขณะปั่น เครื่องปั่นได้แรงมากครับ และปั่นละเอียดดี แต่ไม่เนียนขนาดเป็น smoothie นะครับ
สุดท้ายแล้วผมก็ได้เครื่องดื่มน้ำผักผลไม้ของผมแล้ว บอกตามตรงครับ แหลกแทบไม่ได้เลย มิหร่อยอย่างแรง ไม่โทษเครื่องปั่น โทษสูตรผมเอง 555
ข้อดี
1. เครื่องปั่นมีขนาดเล็ก เหมาะสำหรับการปั่นกินคนเดียว
2. มีความแรงในการปั่นได้ดีครับ
ข้อเสีย
1. แม้ว่าจะเอาขวดพลาสติกมาปั่นแทนโถได้เลย ดูเหมือนจะสะดวก แต่ก็ไม่มากครับ
2. การใช้ขวดพลาสติกปั่นแทนโถปั่น จะทำให้มีคราบน้ำปั่นติดข้างขวด ทำให้ดูไม่น่ากินครับ
บทสรุปของคนไม่กินผักและผลไม้
1. ถ้าจะกินผลไม้ กินสดๆ ดีกว่าครับ ได้เส้นใย และรสชาตอร่อยกว่า
2. ถ้าจะกินน้ำผัก ความเห็นส่วนตัวคิดว่า ซื้อแบบแยกกากดีกว่า เพราะที่คนเราไม่ชอบผัก ก็เพราะมันมีกาก
การปั่นน้ำผักแบบไม่ได้แยกกากออกไป สุดท้ายมันก็ยังรู้สึกแขยงๆ ครับ กลืนไม่ค่อยจะลงเลย ตอนนี้คิดว่า
ผมคงต้องไปต่อครับ ใครมีเครื่องปั่นแบบแยกกากความเร็วต่ำ แนะนำกันมาได้นะครับ หรือใครอยากขาย
มือสองสภาพดี หลังไมค์กันได้