http://abhidhamonline.org/aphi/p5/025.htm
บุคคลกับภูมิ
บุคคลที่ยังไม่เคยได้มัคคผลเลยเป็นผู้ที่ยังหนาด้วยกิเลสเรียกว่า
ปุถุชน บุคคล
ผู้ได้เจริญวิปัสสนาภาวนาจนบรรลุมัคคผลแล้ว เป็นผู้ที่ห่างไกลจากกิเลส เรียกว่า
อริยะ
ปุถุชนมีอยู่ ๔ บุคคล และอริยะมีอยู่ ๘ บุคคลรวมเป็น ๑๒ บุคคล ดังนี้
...
...
บุคคลใดเกิดได้ในภูมิไหน และบุคคลใดเกิดไม่ได้ในภูมิไหนนั้น มีดังนี้
ปุถุชน โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี(มัคค)
ไม่เกิดในสุทธาวาส ด้วยประการ ทั้งปวง
มีความหมายว่าปุถุชนทั้ง ๔ บุคคล กับโสดาปัตติมัคคบุคคล ๑ โสดาปัตติผล บุคคล ๑ สกทาคามิมัคคบุคคล ๑ สกทาคามิผลบุคคล ๑ และ อนาคามิมัคคบุคคล ๑ รวมเป็น ๙ บุคคลด้วยกัน ทั้ง ๙ บุคคลนี้ จะเกิดในสุทธาวาสภูมิทั้ง ๕ แม้แต่ ภูมิใดภูมิหนึ่งไม่ได้เลยเป็นอันขาด ด้วยประการทั้งปวง
ที่ว่าด้วยประการทั้งปวงนั้น หมายความว่า ไม่ว่าการเกิดนั้นจะเป็นด้วยอำนาจ ปฏิสนธิ หรือเกิดด้วยอำนาจแห่งภาวนา ก็เกิดไม่ได้ทั้ง ๒ ประการ
ทั้งนี้เพราะสุทธาวาสภูมิทั้ง ๕ เป็นที่เกิดโดย
เฉพาะของอนาคามิผลบุคคล ที่
ได้ปัญจมฌานด้วยนั้น
โดยอำนาจแห่งปฏิสนธิ และเป็นที่เกิดอรหัตตมัคคบุคคล อรหัตตผลบุคคล โดยอำนาจแห่งการเจริญภาวนาที่สุทธาวาสภูมินั้น
...
...
๑๒. อนาคามิผลบุคคล ๑ เกิดได้
(โดยอำนาจปฏิสนธิ) ดังนี้ คือ
อนาคามิผลบุคคลที่เป็นมนุษย์หรือเทวดา แม้ในชาติที่บำเพ็ญเพียรภาวนา ธรรมจนบรรลุเป็นอนาคามิผลบุคคลนั้น จะไม่ได้เจริญสมถภาวนาด้วย คือไม่ได้ทำ ฌานเลยก็ตาม แต่ก่อนที่จุติจิตจะเกิดคือในชวนมรณาสันนวิถี ฌานจิตที่ได้เคย บำเพ็ญมาแล้วแต่ชาติปางก่อนโน้นครั้งหลังที่สุดก็จะเกิดขึ้นก่อน แล้วจุติจิตจึงจะ เกิด เมื่อจุติแล้วก็ต้องปฏิสนธิเป็นพรหมชั้นนั้น ๆ กล่าวอย่างธรรมดาสามัญก็ว่า
พระอนาคามีที่เป็นมนุษย์หรือเทวดา เมื่อตายแล้วก็ไปเกิดเป็นพรหมแน่นอนไม่กลับ มาเกิดเป็นมนุษย์หรือเทวดาอีกเลย เ
พราะพระอนาคามีนั้นประหารกามราคะ และ พยาปาทะได้เด็ดขาดสิ้นเชิงแล้ว
...
---------------------------------------
-- พระอนาคามีผล ที่ีได้ฌาน4(หรือฌาน5(ปัญจมฌาน)) เท่านั้นที่เกิดในพรหมโลกชั้นสุทธาวาส และพระอนาคามีเกิดในพรหมโลกเท่านั้น
บุคคลกับภูมิ
บุคคลที่ยังไม่เคยได้มัคคผลเลยเป็นผู้ที่ยังหนาด้วยกิเลสเรียกว่า ปุถุชน บุคคล
ผู้ได้เจริญวิปัสสนาภาวนาจนบรรลุมัคคผลแล้ว เป็นผู้ที่ห่างไกลจากกิเลส เรียกว่า อริยะ
ปุถุชนมีอยู่ ๔ บุคคล และอริยะมีอยู่ ๘ บุคคลรวมเป็น ๑๒ บุคคล ดังนี้
...
...
บุคคลใดเกิดได้ในภูมิไหน และบุคคลใดเกิดไม่ได้ในภูมิไหนนั้น มีดังนี้
ปุถุชน โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี(มัคค)ไม่เกิดในสุทธาวาส ด้วยประการ ทั้งปวง
มีความหมายว่าปุถุชนทั้ง ๔ บุคคล กับโสดาปัตติมัคคบุคคล ๑ โสดาปัตติผล บุคคล ๑ สกทาคามิมัคคบุคคล ๑ สกทาคามิผลบุคคล ๑ และ อนาคามิมัคคบุคคล ๑ รวมเป็น ๙ บุคคลด้วยกัน ทั้ง ๙ บุคคลนี้ จะเกิดในสุทธาวาสภูมิทั้ง ๕ แม้แต่ ภูมิใดภูมิหนึ่งไม่ได้เลยเป็นอันขาด ด้วยประการทั้งปวง
ที่ว่าด้วยประการทั้งปวงนั้น หมายความว่า ไม่ว่าการเกิดนั้นจะเป็นด้วยอำนาจ ปฏิสนธิ หรือเกิดด้วยอำนาจแห่งภาวนา ก็เกิดไม่ได้ทั้ง ๒ ประการ
ทั้งนี้เพราะสุทธาวาสภูมิทั้ง ๕ เป็นที่เกิดโดยเฉพาะของอนาคามิผลบุคคล ที่ ได้ปัญจมฌานด้วยนั้นโดยอำนาจแห่งปฏิสนธิ และเป็นที่เกิดอรหัตตมัคคบุคคล อรหัตตผลบุคคล โดยอำนาจแห่งการเจริญภาวนาที่สุทธาวาสภูมินั้น
...
...
๑๒. อนาคามิผลบุคคล ๑ เกิดได้(โดยอำนาจปฏิสนธิ) ดังนี้ คือ
อนาคามิผลบุคคลที่เป็นมนุษย์หรือเทวดา แม้ในชาติที่บำเพ็ญเพียรภาวนา ธรรมจนบรรลุเป็นอนาคามิผลบุคคลนั้น จะไม่ได้เจริญสมถภาวนาด้วย คือไม่ได้ทำ ฌานเลยก็ตาม แต่ก่อนที่จุติจิตจะเกิดคือในชวนมรณาสันนวิถี ฌานจิตที่ได้เคย บำเพ็ญมาแล้วแต่ชาติปางก่อนโน้นครั้งหลังที่สุดก็จะเกิดขึ้นก่อน แล้วจุติจิตจึงจะ เกิด เมื่อจุติแล้วก็ต้องปฏิสนธิเป็นพรหมชั้นนั้น ๆ กล่าวอย่างธรรมดาสามัญก็ว่า พระอนาคามีที่เป็นมนุษย์หรือเทวดา เมื่อตายแล้วก็ไปเกิดเป็นพรหมแน่นอนไม่กลับ มาเกิดเป็นมนุษย์หรือเทวดาอีกเลย เพราะพระอนาคามีนั้นประหารกามราคะ และ พยาปาทะได้เด็ดขาดสิ้นเชิงแล้ว
...
---------------------------------------