เห็นหลายๆประสบการณ์ที่เล่ามา ผมก็ขอมาเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจ สำหรับใครๆที่ต้องการลดน้ำหนักนะครับ ผมเองอ้วนมาเกือบ 30 กว่าปี ก็ถึงเวลาสักทีที่จะทำเพื่อตัวเองบ้าง สลัดความอ้วนทิ้งไป สลัดโรคต่างๆที่กำลังจะวิ่งเข้ามา ให้มันตามไม่ทันด้วยการลดน้ำหนัก วิธีของผมอาจจะแตกต่างออกไปจากหลายๆคน แต่อยากให้คนที่อ่านลองนำไปปรับใช้ดูนะครับ อยากเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่กำลังจะลดน้ำหนักทุกคน แต่การลดน้ำหนักต้องใช้ ใจล้วนๆ อดทน สุดๆ จริงๆนะครับ ใจต้องสู้
ผมแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมชื่อน๊อต ครับ ผมทำงานแล้ว อาชีพโปรแกรมเมอร์ #อาชีพชวนอ้วนเลยใช่มั้ยครับ อายุก็ 30+ ล่ะ สูง 171 ก่อนลดน้ำหนัก นำหนักอยู่ที่ 116 กิโล นะวันที่ 16 เมษายน 2556 ครับ ทำไมอยากลดความอ้วน
1. อยากเทห์ อยากสมาร์ท อยากให้มีบุคลิกภาพที่ดี อาชีพของผม เป็นวิทยากรบ้าง รู้สึกตัวเองว่า เวลาออกไปยืนหน้าเวที มันไม่เฟี้ยวเงาะเลย
2. หนีจากโรคต่างๆ ผมไม่ได้เป็นเบาหวาน เป็นคนไม่มีคอเรทโตรอลสูง แต่เป็นความดัน เหนื่อยง่าย อยากให้พวกนี้หายไป
3. เบื่อกับการหาเสื้อผ้าที่ต้องใช้ size พิเศษและราคาแพงกว่าคนธรรมดาเค้าใส่กัน ก่อนลดผมใส่กางเกงทั้งเอว 46 #ใหญ่ใช่มั้ย
เอาเป็นว่า ผมจะเอารูปก่อนที่จะลดน้ำหนักให้ดูกันก่อนเลยนะครับ ว่าที่ผมอ้วนนี่มันอ้วนเท่าไหร่ 116 เยอะมากเลยทีเดียว
เห็นรูปมั้ยครับ ขอบอกเลยอ้วนมาก บุคลิคเสียถึงขั้นไม่ไหวจะเคลียร์ มีแต่คนบอกให้ลด แต่ยังคงมีความสุขกับการกินอยู่ แต่แล้วอยู่ดีๆก็เกิดตั้งใจขึ้นมาว่า เอาวะอยากผอม ต้องผอม หาแรงบันดาลใจมากมายทั้งในพันทิพ และอีกหนึ่งคนสำคัญเลยคือ จอห์น วินญู เพราะได้เข้าไปดูรายการ Good Shape Save Cost ก็เลยเห้ย อยากทำบ้าง นั่งดูมา 10 ตอน ก็เลยรวมพลังทุกอย่าง ทั้งใจ ทั้งกำลังใจจากรอบข้าง ก็เลยเริ่มทันที ก่อนเริ่มก็ไปหาอุปกรณ์ที่สร้างกำใจพร้อมกับลดกำลังใจไปพร้อมๆกัน ก็คือ เครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอล มาไว้ในห้อง และโหลด App ในการจดบันทึกน้ำหนักครับ เสียเงินก็ยอมครับงานนี้
หลังจากดูรายการของ จอห์น มาแล้วก็เลยเริ่มหาสูตรในการควบคุมน้ำหนักเลย ก็เลยได้สูตรจากสมเด็จพระเทพครับ สูตรที่หลายๆคนก็คงทราบว่า โหดจริง ต้องใจล้วนๆ ต้องไม่วอกแวก ต้องไม่กินอะไรมากไปกว่าคำบอกกล่าวจากกระดาษในเดียว
ผมกินแบบนี้มา 3 อาทิตย์ครับ น้ำหนักลดพรวดไปเลย 10 กว่าโลเลยครับ เรียกว่าอดทนมาก นอกเหนือจากเมนูคือน้ำเปล่าเย็นๆ เท่านั้น ไม่ได้ออกกำลังกายเลย กลัววูบ จนมาในวันหนึ่งก็เลยมาเจอหนังสือเล่มนึงครับ
ได้ซื้อมาอ่านแล้วเกิดกลัวขึ้นมาทันที กลัวว่าจะโยโย่ครับ การควบคุมอาหารแบบนี้เรียกว่าการจำกัดแคลอรี่ หากทำนานๆ การเผาผลาญพลังงานจะเกิดอาการจำศีล แล้วถ้ากินเกินน้ำหนักมันจะเด้งขึ้น ก็เลยเลิกกินตามสูตร หันมากินนับแคล ค่อยๆเพิ่มจากเดิมให้มากขึ้นทีละนิด แต่ก็งด ของ มัน ทอด กระทิ ขนม ของหวาน น้ำอัดลม เหมือนเดิม
หลังจากนั้นค่อยเริ่มหาความรู้โภชนาการอาหารมากขึ้นๆ ควบคุมการกินไปเรื่อยๆ ไม่ให้เกินจำนวนแคลที่กำหนด ครับ จนมา 2 เดือน น้ำหนักลดลงไปได้ เกือบ 20 โล
ซึ่งหลังจากนั้น การควบคุมการกินเริ่มลดลงยากล่ะ หลังจากนั้นเลยหันมาออกกำลังกายครับ จากการหาข้อมูลอีก เริ่มกินมากขึ้นให้มีแรงพอออกกำลังกาย วิ่งรอบหมู่บ้าน
ค่อยๆเพิ่มจาก 1 กิโลเมตร จนไปถึง 3 กิโลเมตรครับ ต้องบอกว่า วิ่งหน้าฝนลำบากมาก ผมวิ่งทุกวัน กลับบ้านเร็วก็วิ่งเร็วหน่อย กลับมืดสัก 2 ทุ่ม ก็วิ่งครับ ใช้ App Nike เป็นตัวจับทั้งเวลาและระยะทาง วิ่งจนรองเท้าวิ่งพัง มีบางวันฝนก็ตก ผมก็วิ่งในบ้านครับ วิ่งไปวิ่งมาในพื่นที่แคบๆ ก็ใช้ App Nike นับระยะเหมือนเดิม แต่พอตกบ่อยๆเข้า ผมก็เลยตัดสินใจเข้า fitness ครับ ยอมเสียเงิน เพื่อเข้าไปออกกำลังกาย วิ่ง และ เล่นเวท
ผมจำได้ว่า ตอนที่เข้าไปฟิสเนทวันแรก ได้ประเมินร่างกายตัวเอง น้ำหนักตอนนั้นผม 86 กิโลครับ การที่ได้เข้าฟิสเนทผมได้ความรู้จากที่ปรึกษาหลายอย่างมาก ทั้งเรื่องการกิน การออกกำลังกาย รวมถึงวิธีออกกำลังกาย ตอนผมเข้าไปผมได้โปรแกรมลดน้ำหนักที่ทางฟิสเนทจัดให้ จนได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นการสร้างกล้ามเนื้อแทน ผมบอกเลยว่า ผมเข้าทุกวัน วิ่งวันละ 7-10 กิโลบนลู่วิ่งทุกวัน เล่นเวทตามโปรแกรม เล่นจนทางที่ปรึกษาต้องมาเบรคให้ผมพักบ้าง เล่นจนบาดเจ็บบ้างก็มี เล่นจนคนในฟิสเนทรู้จักและเข้ามาคุยกับผมเกือบทุกคน เป็นที่สนใจของทุกคนเพราะเค้าเห็นผมตั้งแต่ตัวยังใหญ่น้ำหนัก 86 กิโล จนเหลือตัวนิดเดียว
เล่นแบบนี้จนร่างกายผมก็เริ่มดีขึ้นมาก ผอมลงจากการออกกำลังกายชัดเจนเลย ครับ ผมทำแบบนี้อยู่หลายเดือนครับ จากน้ำหนัก 86 จนเหลือ 72 เลยครับ จนผมได้บรรลุเป้าหมายครับ (รูปด่านล่างถ่ายตอนใส่กางเกงยีนด้วยเอามาลบกับน้ำหนักเสื้อผ้าจะเหลือ 72 กว่าๆครับ)
ประสบความสำเร็จครับ และนี่คือรูปถ่ายปัจจุบันครับ
ผมใช้เวลาอยู่ 4-6 เดือน ลดมาร่วมๆ 40 กิโลกรัม จากคนเคยใส่กางเกงเอว 46 ตอนนี้ผมใส่ 34 ครับ เสื้อผ้าโล๊ะใหม่หมด เสื้อที่เคยต้องใส่ไซส์พิเศษพวก XXL ตอนนี้ผมใส่ M ครับ และ L ในบางยี่ห้อ ผมรู้สึกดีมาก ร่ายการดี บุคลิคดี และที่สำคัญทำอะไรมั่นใจมากขึ้นครับ แต่เพื่อนจำไม่ได้เลยครับ ไปงานแต่งเพื่อน เพื่อนก็จำไม่ได้ ญาติบางคนก็จำไม่ได้ หลายคนเห็นก็ตกใจเลยทีเดียวครับ
ผมลดน้ำหนักแบบลองผิดลองถูกมา แต่ทุกวันนี้ก็มีสูตรตายตัวแล้วครับ สำหรับผมนะ ในการควบคุมน้ำหนักในแต่ละวัน คือ คำนวน BMR หรือค่าเผาผลาญ แล้วกินให้น้อยกว่า 500-600 แคลครับ (เช่นผมเผาผลาญ 2600 กิโลแคลต่อวัน ผมก็กินให้น่อยกว่าเดิม คือ 2600-600 เป็น 2000 กิโลแคลต่อวัน หรือน้อยกว่า ทุกวันนี้ผมก็กินไม่เกิน 1500 ต่อวัน) เป้าหมายต่อไปคือผมจะเอา 6pack ครับ เพราะลดน้ำหนักมานี่ยังไม่เฟิร์มสักเท่าไหร่ ยังมีคงส่วนเกินอยู่บ้างครับ
ผมก็ขอให้ทุกคนที่กำลังลดน้ำหนักอยู่ ขอให้สู้ๆนะครับ "ผมทำได้ คุณก็ทำได้" มันไม่ยากครับ ใช้ความอดทน อดทนต่อสิ่งเล้าต่างๆ อดทนต่อความอยากที่มีมากกว่าความหิว แล้วคุณจะทำได้แน่นอนครับ แบบที่ผมทำได้
https://www.facebook.com/kno1s facebook ของผมครับ เข้าไปพูดคุยสอบถามวิธีการลดน้ำหนักได้นะครับ ยินดีให้คำปรึกษาทุกคนเลย
จากเคยน้ำหนัก 116 กิโล เหลือ 72 กิโล ภายใน 4-6 เดือน !! ผมทำได้ พวกคุณก็ทำได้ !!!
ผมแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมชื่อน๊อต ครับ ผมทำงานแล้ว อาชีพโปรแกรมเมอร์ #อาชีพชวนอ้วนเลยใช่มั้ยครับ อายุก็ 30+ ล่ะ สูง 171 ก่อนลดน้ำหนัก นำหนักอยู่ที่ 116 กิโล นะวันที่ 16 เมษายน 2556 ครับ ทำไมอยากลดความอ้วน
1. อยากเทห์ อยากสมาร์ท อยากให้มีบุคลิกภาพที่ดี อาชีพของผม เป็นวิทยากรบ้าง รู้สึกตัวเองว่า เวลาออกไปยืนหน้าเวที มันไม่เฟี้ยวเงาะเลย
2. หนีจากโรคต่างๆ ผมไม่ได้เป็นเบาหวาน เป็นคนไม่มีคอเรทโตรอลสูง แต่เป็นความดัน เหนื่อยง่าย อยากให้พวกนี้หายไป
3. เบื่อกับการหาเสื้อผ้าที่ต้องใช้ size พิเศษและราคาแพงกว่าคนธรรมดาเค้าใส่กัน ก่อนลดผมใส่กางเกงทั้งเอว 46 #ใหญ่ใช่มั้ย
เอาเป็นว่า ผมจะเอารูปก่อนที่จะลดน้ำหนักให้ดูกันก่อนเลยนะครับ ว่าที่ผมอ้วนนี่มันอ้วนเท่าไหร่ 116 เยอะมากเลยทีเดียว
เห็นรูปมั้ยครับ ขอบอกเลยอ้วนมาก บุคลิคเสียถึงขั้นไม่ไหวจะเคลียร์ มีแต่คนบอกให้ลด แต่ยังคงมีความสุขกับการกินอยู่ แต่แล้วอยู่ดีๆก็เกิดตั้งใจขึ้นมาว่า เอาวะอยากผอม ต้องผอม หาแรงบันดาลใจมากมายทั้งในพันทิพ และอีกหนึ่งคนสำคัญเลยคือ จอห์น วินญู เพราะได้เข้าไปดูรายการ Good Shape Save Cost ก็เลยเห้ย อยากทำบ้าง นั่งดูมา 10 ตอน ก็เลยรวมพลังทุกอย่าง ทั้งใจ ทั้งกำลังใจจากรอบข้าง ก็เลยเริ่มทันที ก่อนเริ่มก็ไปหาอุปกรณ์ที่สร้างกำใจพร้อมกับลดกำลังใจไปพร้อมๆกัน ก็คือ เครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอล มาไว้ในห้อง และโหลด App ในการจดบันทึกน้ำหนักครับ เสียเงินก็ยอมครับงานนี้
หลังจากดูรายการของ จอห์น มาแล้วก็เลยเริ่มหาสูตรในการควบคุมน้ำหนักเลย ก็เลยได้สูตรจากสมเด็จพระเทพครับ สูตรที่หลายๆคนก็คงทราบว่า โหดจริง ต้องใจล้วนๆ ต้องไม่วอกแวก ต้องไม่กินอะไรมากไปกว่าคำบอกกล่าวจากกระดาษในเดียว
ผมกินแบบนี้มา 3 อาทิตย์ครับ น้ำหนักลดพรวดไปเลย 10 กว่าโลเลยครับ เรียกว่าอดทนมาก นอกเหนือจากเมนูคือน้ำเปล่าเย็นๆ เท่านั้น ไม่ได้ออกกำลังกายเลย กลัววูบ จนมาในวันหนึ่งก็เลยมาเจอหนังสือเล่มนึงครับ
ได้ซื้อมาอ่านแล้วเกิดกลัวขึ้นมาทันที กลัวว่าจะโยโย่ครับ การควบคุมอาหารแบบนี้เรียกว่าการจำกัดแคลอรี่ หากทำนานๆ การเผาผลาญพลังงานจะเกิดอาการจำศีล แล้วถ้ากินเกินน้ำหนักมันจะเด้งขึ้น ก็เลยเลิกกินตามสูตร หันมากินนับแคล ค่อยๆเพิ่มจากเดิมให้มากขึ้นทีละนิด แต่ก็งด ของ มัน ทอด กระทิ ขนม ของหวาน น้ำอัดลม เหมือนเดิม
หลังจากนั้นค่อยเริ่มหาความรู้โภชนาการอาหารมากขึ้นๆ ควบคุมการกินไปเรื่อยๆ ไม่ให้เกินจำนวนแคลที่กำหนด ครับ จนมา 2 เดือน น้ำหนักลดลงไปได้ เกือบ 20 โล
ซึ่งหลังจากนั้น การควบคุมการกินเริ่มลดลงยากล่ะ หลังจากนั้นเลยหันมาออกกำลังกายครับ จากการหาข้อมูลอีก เริ่มกินมากขึ้นให้มีแรงพอออกกำลังกาย วิ่งรอบหมู่บ้าน
ค่อยๆเพิ่มจาก 1 กิโลเมตร จนไปถึง 3 กิโลเมตรครับ ต้องบอกว่า วิ่งหน้าฝนลำบากมาก ผมวิ่งทุกวัน กลับบ้านเร็วก็วิ่งเร็วหน่อย กลับมืดสัก 2 ทุ่ม ก็วิ่งครับ ใช้ App Nike เป็นตัวจับทั้งเวลาและระยะทาง วิ่งจนรองเท้าวิ่งพัง มีบางวันฝนก็ตก ผมก็วิ่งในบ้านครับ วิ่งไปวิ่งมาในพื่นที่แคบๆ ก็ใช้ App Nike นับระยะเหมือนเดิม แต่พอตกบ่อยๆเข้า ผมก็เลยตัดสินใจเข้า fitness ครับ ยอมเสียเงิน เพื่อเข้าไปออกกำลังกาย วิ่ง และ เล่นเวท
ผมจำได้ว่า ตอนที่เข้าไปฟิสเนทวันแรก ได้ประเมินร่างกายตัวเอง น้ำหนักตอนนั้นผม 86 กิโลครับ การที่ได้เข้าฟิสเนทผมได้ความรู้จากที่ปรึกษาหลายอย่างมาก ทั้งเรื่องการกิน การออกกำลังกาย รวมถึงวิธีออกกำลังกาย ตอนผมเข้าไปผมได้โปรแกรมลดน้ำหนักที่ทางฟิสเนทจัดให้ จนได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นการสร้างกล้ามเนื้อแทน ผมบอกเลยว่า ผมเข้าทุกวัน วิ่งวันละ 7-10 กิโลบนลู่วิ่งทุกวัน เล่นเวทตามโปรแกรม เล่นจนทางที่ปรึกษาต้องมาเบรคให้ผมพักบ้าง เล่นจนบาดเจ็บบ้างก็มี เล่นจนคนในฟิสเนทรู้จักและเข้ามาคุยกับผมเกือบทุกคน เป็นที่สนใจของทุกคนเพราะเค้าเห็นผมตั้งแต่ตัวยังใหญ่น้ำหนัก 86 กิโล จนเหลือตัวนิดเดียว
เล่นแบบนี้จนร่างกายผมก็เริ่มดีขึ้นมาก ผอมลงจากการออกกำลังกายชัดเจนเลย ครับ ผมทำแบบนี้อยู่หลายเดือนครับ จากน้ำหนัก 86 จนเหลือ 72 เลยครับ จนผมได้บรรลุเป้าหมายครับ (รูปด่านล่างถ่ายตอนใส่กางเกงยีนด้วยเอามาลบกับน้ำหนักเสื้อผ้าจะเหลือ 72 กว่าๆครับ)
ประสบความสำเร็จครับ และนี่คือรูปถ่ายปัจจุบันครับ
ผมใช้เวลาอยู่ 4-6 เดือน ลดมาร่วมๆ 40 กิโลกรัม จากคนเคยใส่กางเกงเอว 46 ตอนนี้ผมใส่ 34 ครับ เสื้อผ้าโล๊ะใหม่หมด เสื้อที่เคยต้องใส่ไซส์พิเศษพวก XXL ตอนนี้ผมใส่ M ครับ และ L ในบางยี่ห้อ ผมรู้สึกดีมาก ร่ายการดี บุคลิคดี และที่สำคัญทำอะไรมั่นใจมากขึ้นครับ แต่เพื่อนจำไม่ได้เลยครับ ไปงานแต่งเพื่อน เพื่อนก็จำไม่ได้ ญาติบางคนก็จำไม่ได้ หลายคนเห็นก็ตกใจเลยทีเดียวครับ
ผมลดน้ำหนักแบบลองผิดลองถูกมา แต่ทุกวันนี้ก็มีสูตรตายตัวแล้วครับ สำหรับผมนะ ในการควบคุมน้ำหนักในแต่ละวัน คือ คำนวน BMR หรือค่าเผาผลาญ แล้วกินให้น้อยกว่า 500-600 แคลครับ (เช่นผมเผาผลาญ 2600 กิโลแคลต่อวัน ผมก็กินให้น่อยกว่าเดิม คือ 2600-600 เป็น 2000 กิโลแคลต่อวัน หรือน้อยกว่า ทุกวันนี้ผมก็กินไม่เกิน 1500 ต่อวัน) เป้าหมายต่อไปคือผมจะเอา 6pack ครับ เพราะลดน้ำหนักมานี่ยังไม่เฟิร์มสักเท่าไหร่ ยังมีคงส่วนเกินอยู่บ้างครับ
ผมก็ขอให้ทุกคนที่กำลังลดน้ำหนักอยู่ ขอให้สู้ๆนะครับ "ผมทำได้ คุณก็ทำได้" มันไม่ยากครับ ใช้ความอดทน อดทนต่อสิ่งเล้าต่างๆ อดทนต่อความอยากที่มีมากกว่าความหิว แล้วคุณจะทำได้แน่นอนครับ แบบที่ผมทำได้
https://www.facebook.com/kno1s facebook ของผมครับ เข้าไปพูดคุยสอบถามวิธีการลดน้ำหนักได้นะครับ ยินดีให้คำปรึกษาทุกคนเลย