มรดก(ร้าย)รัก
บทก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้บทนำ http://ppantip.com/topic/32438161
บทที่ 1 http://ppantip.com/topic/32465564
บทที่ 2 http://ppantip.com/topic/32473911
บทที่ 3 http://ppantip.com/topic/32483063
บทที่ 4 http://ppantip.com/topic/32487481
บทที่ 5 http://ppantip.com/topic/32491258
บทที่ 6 http://ppantip.com/topic/32503254
บทที่ 7 http://ppantip.com/topic/32511051
บทที่ 8 http://ppantip.com/topic/32522385
บทที่ 9 http://ppantip.com/topic/32535546
******************************************
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเช่นเคยครับ ขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับกำลังใจครับ
ริมแม่โขง ถูกใจ, Su_jeong ถูกใจ, Inverness ถูกใจ, วราภรณ์ pink ถูกใจ,
PuPaKae ถูกใจ, มานีโอลา ถูกใจ, ป้าทุยบ้านทุ่ง สยอง
*******************************************
มรดก(ร้าย)รัก
บทที่ 10
เมื่อถึงตอนเช้า ฤดีก็คิดตก ถึงวิธีการที่จะทำให้เวลาผ่านไปเร็วๆ แทนที่จะมานั่งซังกะตายอยู่เปล่าๆ
เพราะเธอยังมีชีวิต
และชีวิตก็จะต้องดำเนินต่อไป...
แม้ไม่อยากถอดชุดบู๊ตหนังกระโปรงหนัง กับเสื้อยืดฟิตๆ ของเจ้านายเก่าทิ้ง เพราะยังสะใจอยู่ไม่วาย เวลาเห็นปากของอนลเบะอย่างไม่ชอบใจ แต่ฤดีก็ตัดใจจากงานนั้นได้ไม่ยากเลย
เธอคิดว่า มีแต่พวกชอบทำร้ายตัวเองเท่านั้น ที่ยังจะไปเช็ดถูโต๊ะในร้านแย่ๆ นั่น ทั้งที่ไม่เหลือความจำเป็นที่ต้องไปทำ
แต่ที่ฤดียังไม่คิดจะละทิ้งก็คือ งานอาสาสมัครที่ศูนย์ชุมชนแออัด และที่ชมรมคนรักสัตว์เลี้ยงนั่น รวมทั้งงานออกแบบเครื่องประดับ...
เธอจะไม่ยอมเลิกทำมันแน่ๆ ต่อให้มีอนล เลิศไตรภพสักล้านคนสั่งให้เลิกก็ตาม
หญิงสาวรีบแต่งตัว สวมกางเกงแนบเนื้อสีดำ เสื้อตัวใหญ่คลุมเข่าสีดำ และรองเท้าผ้าใบ คล้องสร้อยคอทำเอง มันเป็นสร้อยสายยาว ถักสลับกันไปมาด้วยลูกปัดสีสดใสคั่นด้วยดอกไม้เงิน กับติดต่างหูกระพรวนจิ๋ว
นาฬิกาบอกเวลาเกือบเก้าโมงเช้า อนลคงออกไปข้างนอกแล้วในตอนนี้
ฤดีเอากระโปรงหนังน่าเกลียด รองเท้าบู๊ต และเสื้อยืด จากเก้าอี้ที่ถอดวางไว้เมื่อคืน ยัดลงในกระเป๋าผ้าใบขนาดใหญ่
ลูบหัวคุณโฉมเบาๆ ก่อนจะก้าวออกไปบนทางเดินหน้าห้อง และปิดประตูตามหลังอย่างระมัดระวัง
ในเพนท์เฮาส์หรือบ้านของอนลเงียบสงบ พรมสีขาวหนานุ่ม รองรับฝีเท้าของเธอเอา ไว้ขณะเดินลงบันได
แม่บ้านวัยชรากำลังทำความสะอาดห้องนั่งเล่น ฤดีกวาดสายตามองอีกครั้ง ทุกสิ่งสะอาดเนี้ยบจนเธอไม่กล้าแตะต้องสิ่งใดๆ เลยเชียวละ
“อุ้ย ตายจริง!”
ป้าหรีดอุทานพร้อมหัวเราะน้อยๆ
“คุณทำให้ป้าตกใจค่ะ คุณฤดี ที่จริงถ้าอยากได้อะไร ก็แค่กดกริ่งเรียกออกมา เดี๋ยวป้าก็...”
“หนูจะออกไปข้างนอกสักครู่น่ะค่ะ ป้าจะฝากซื้ออะไรไหมคะ”
แม่บ้านจ้องมองเธอ
“ป้าน่ะหรือคะ จะฝาก...”
“เช่นอะไรจากตลาดหรือซูเปอร์มาเก็ตไงคะ นม หรือไม่ก็ขนมปัง... อะไรทำนองนี้น่ะค่ะ”
“ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้อง ขอบคุณมาก แต่เอ้อ... คุณนลไม่ได้บอกว่าคุณจะ... คุณจะ...”
รอยยิ้มของฤดีเริ่มจางหายไป
“หนูไม่จำเป็นต้องรายงานใคร เวลาจะไปไหนมาไหนหรอกนะคะคุณป้า”
“เอ่อ ค่ะ ก็คงใช่ แต่ถ้าคุณนลโทร.มาแล้วถามถึงคุณ...”
“ป้าก็แค่บอกเขาว่า หนูออกไปข้างนอก”
“ค่ะ... แต่...”
“บ๊ายบายค่ะ คุณป้า”
ข้างนอกแดดอ่อน อากาศอบอุ่น จิตใจของฤดีพลอยเบิกบานขึ้น ในทุกย่างก้าวที่เดินไป แม้แต่การนั่งรถไฟฟ้าไปที่ซอยนานา ยังทำให้ยิ้มออกมาได้เลย
อิสรภาพ...
เธอคิดพร้อมกับยิ้มน้อยๆ มันคือสิ่งสุดวิเศษ
ร้านอาหารของนายพนมเงียบสงบในเวลาเช่นนี้ ฤดีเดินตรงไปที่ห้องทำงานเล็กๆ ด้านหลังและเคาะประตู
“เชิญ!”
เจ้าของร้านตะโกนออกมา
เมื่อฤดีก้าวเข้าไปในห้อง เขาก็เงยหน้าขึ้นจากโพยพนันฟุตบอล แล้วฟังอย่างไม่ค่อยใส่ใจ เมื่อเธอเริ่มอธิบายว่าขอลาออก
“จะออกเหรอ”
เขาเอ่ยขึ้น เอนหลังพิงเก้าอี้ เกาอกที่มีขนรุงรังดังแกรกๆ
“แล้วไงล่ะ”
“ฉันแค่อยากจะมาขอบคุณ ตอนที่รับเข้าทำงาน และ...”
“ไม่ต้องโยกโย้ให้เสียเวลา เธอจะลาออกทันที นั่นหมายความว่า เฮียจะไม่คืนเงินประกัน เข้าใจใช่มะ”
เขาหัวเราะ กับคำพูดที่ได้ประโยชน์กับตัวเอง แล้วขมวดคิ้วเมื่อฤดีวางกระโปรง รองเท้าบู๊ตและเสื้อยืดสีชมพูลงบนโต๊ะ
“...นั่น จะเอามาทำไมล่ะ”
“ก็สำหรับสาวๆ คนต่อไปไงคะ บอกว่าฉันยกให้ ไม่ต้องเสียตังค์ซื้อ แบบขูดเลือดซิบๆ อย่างที่ฉันโดนมาแล้ว”
ฤดียิ้มเยาะๆ
“เอาไอ้ชุดพวกนี้ให้เธอนะคะ อย่าไปรีดเลือดกับปูเลย บาปเปล่าๆ แล้วฝากอวยพรให้คนที่ได้รับชุดนี้ โชคดีเหมือนที่ฉันได้รับด้วยนะ”
เมื่อได้ออกมาอยู่บนถนนอีกครั้ง ฤดีก็แทบอยากจะเหยียดแขนออก แล้วหมุนตัวไปรอบๆ
การันต์เคยพยายามพูดให้เข้าใจว่า มันวิเศษแค่ไหนที่ได้รับมรดกก้อนนี้ แต่เธอมัวแต่โกรธแค้นอนลเสียจนไม่ยอมจะสนใจ
ตอนนี้นับเป็นครั้งแรก ที่ความจริงเริ่มซึมซับเข้ามา เธอโบกมือลาลูกค้าอารมณ์รุนแรง อาหารมันๆ เอียนๆ รวมทั้งเหม็นกลิ่นของเบียร์บูดๆ มาได้แล้ว
และ... ถ้านี้หมายถึงการต้องทนกับอนล สักสองสามเดือน... ก็แล้วจะเป็นไรไปล่ะ...
ก็เธอเคยทนมามากกว่านี้ ตอนที่อยู่กับลุงสฤษดิ์ และไอ้เฮียพนมนั่นน่ะ
ต่อให้นายหน้าบึ้ง นั่นพยายามเท่าไหร่ เขาก็ทำลายความสุขของเธอไม่ได้หรอก
ฤดีเดินทอดน่องไปบนถนนอย่างมีความสุข...
รู้สึกดีที่ได้กลับมายังที่ที่เธอใช้ชีวิตตั้งแต่เด็กจนอายุสิบสามปี
พ่อแม่ของเธอมีเงินไม่มากนัก สาวบาร์กับศิลปินต่างชาติไส้แห้ง ย่อมไม่มีทางจะร่ำรวยไปได้ แต่ตอนนั้น ชีวิตของเธอกลับสมบูรณ์ และมีความสุขดี
และมันกำลังจะเป็นเช่นนั้นอีกครั้ง...
ฤดีคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่การชดใช้กรรมจะยุติลง
เธอแวะที่บ้านชมรมคนรักสัตว์เลี้ยงและศูนย์ชุมชนแออัด เพื่อขอเพิ่มชั่วโมงอาสาสมัคร
และเพราะมันเป็นบ่ายที่แสนจะสวยงาม เธอจึงซื้ออาหารมื้อเที่ยงจากรถเข็น นั่งลงเคี้ยวไส้กรอกอีสาน หมูปิ้งและข้าวเหนียว กับจิบโค้กอยู่บนม้านั่ง ในอุทยานเบญจสิริ ฟังชายผมยาวหยิกหยองเกากีตาร์เก่าๆ ร้องเพลงรำพึงรำพัน ถึงความรักที่สมหวังและผิดหวัง
ท้ายที่สุด เมื่อยามบ่ายล่วงเลยไปจนใกล้เวลาเย็น เธอจึงวกกลับไปที่พักเก่า การันต์ออกไปข้างนอกแล้ว แต่มันก็ยังรู้สึกดีที่ได้กลับมา ในห้องเช่าเก่าโทรมที่คุ้นเคย
ฤดียัดกระดาษวาดภาพ กับเครื่องประดับที่ยังทำไม่เสร็จ ใส่ลงในกระเป๋าผ้าใบ นึกลังเลว่า จะเอาเครื่องมือกับลวดเงินม้วนเล็กๆ ไปด้วยดีหรือไม่ ก่อนที่จะจับมันยัดลงกระเป๋าเช่นกัน
ถึงจะต้องกลับไปต่อสู้ เพื่อจะหาโต๊ะสักตัวสำหรับทำงานประดิษฐ์ที่เธอรัก จากบรรดาชุดตกแต่งห้องที่เรียบกริบเช่นนั้น แต่การมีบางสิ่ง ที่เป็นของของเธออยู่ใกล้ตัว ก็อาจช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้หลังจากนั้น
ค่ำแล้ว... ตอนฤดีกลับมาถึงประตูหน้าอาคารอพาร์ตเม้นต์ของอนล...
เธอรีบสาวเท้าเร็วขึ้น...
ที่ผ่านมาทั้งวัน ช่างเป็นวันที่สวยงาม เธอไม่อยากให้มันสูญสลายไป เพราะการต้องเผชิญหน้ากับผู้ปกครองจอมเผด็จการ...
“คุณฤดี ใช่ไหมครับ”
คนถูกเรียกหันไปทางต้นเสียง คนเฝ้าประตู ไม่ใช่คนเดิมที่เธอเคยเห็นหน้าเมื่อคืน เขากำลังจ้องเขม็งมาที่เธอ กำลังยกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม
“ใช่ค่ะ”
เมื่อได้รับคำตอบ เขาระบายลมหายใจยาว ก่อนจะก็ยิ้มให้อย่างสุภาพ
“ดีจังที่คุณกลับมาแล้ว”
รอยยิ้มตอบของฤดีระคนไปด้วยความงุนงง
“คุณจะดีใจทำไมคะ...”
“เชิญ... เชิญเข้ามาเลยครับ”
อย่างกับจะมีทางเลือกอื่นงั้นแหละ... ฤดีคิด
รอยยิ้มของเธอจางหาย ขณะคุณยามพาเข้าไปในลิฟท์แล้วกดหมายเลขขึ้นสู่ชั้นเพนท์เฮ้าส์
อนลคงสั่งเอาไว้ เพราะเธอไม่มีคีย์การ์ด
แต่... เดาได้เลยละว่า เจ้าของห้องข้างบน จะรออยู่ด้วยท่าทางยังไง...
ฤดีเหลือบมองคุณยาม ยิ้มขอบคุณเขาอีกครั้งตอนประตูลิฟท์เลื่อนปิด จากนั้นก็หันมาจะกดกริ่งหน้าห้อง แต่ไม่ทันนิ้วจะแตะถึงปุ่ม ประตูก็เปิดออก เธอรู้ทันทีว่า จะพบกับอะไร
อนล อีตาบ้าอนล!
เขากำลังรออยู่ด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม ริมฝีปากเม้มแน่น เหมือนกับคนที่พยายามข่มอารมณ์อยู่เต็มที่
“คุณหายไปไหนมา”
ฤดีคิดว่ามีคำตอบตั้งเยอะแยะ แต่มันไม่จำเป็น เลือกที่จะตอบคำถามของเขา ด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”
เธอกล่าวคำอำลา แล้วทำท่าจะเดินผ่านหน้าไป แต่ยังก้าวไม่ทันพ้นหน้าเขา ก็ถูกมือของอนลยึดไหล่เอาไว้
“ผมถามคุณอยู่นะ!”
ท่าทางเขาเหมือนข่มขู่ พลางดึงตัวให้หันมาหา
“คุณไม่ได้ถาม คุณกำลังจะสอบสวนต่างหากล่ะ”
เธอสะบัดออกห่าง ตั้งท่าแบบที่พร้อมจะลุย
“เก็บน้ำเสียงแบบนั้น ไว้ใช้กับตัวเองเถอะ คุณมันจอมเผด็จการ”
พูดจบ ฤดีก็รีบสาวเท้าขึ้นชั้นบน เขาตามมาจับตัวไว้ได้อีกครั้งที่หน้าประตู
“คุณกล้าดียังไง ถึงหายตัวไปแบบนี้ ผมไม่ได้อนุญาตให้คุณ...”
“อนุญาตงั้นหรือ นี่ถ้าจะกะพริบตาสักหน ฉันต้องขออนุญาตคุณด้วยไหมล่ะ”
เธอหันขวับมาเผชิญหน้า ทำตาเขียวใส่ รู้สึกว่า วันเวลาอันแสนสวยงาม ถูกทำลายไปเรียบร้อยแล้ว
“แค่ฉันจะออกไปธุระที่ไหนต่อไหนเนี่ย ทำไมต้องขออนุญาต”
“เพราะคุณอยู่บ้านผม และ... เพราะผมยังเป็นผู้ปกครองของคุณ”
“คุณไม่มีอำนาจอะไรทั้งนั้น นอกจากแค่มีสิทธิ์กักเงินของฉันเอาไว้ ถ้าคุณคิดว่าจะสามารถ...”
ฤดีชะงักเมื่อเขาผลักเธอเข้ามาในห้อง ประตูปิดดังปังตามหลัง
“หายไปไหนมาทั้งวัน”
“ไม่ใช่กงการอะไรของคุณ”
“คุณไปที่ซอยนานามาใช่ไหม”
“ถ้าไปที่นั่นจริงๆ แล้วไงล่ะ ฉันไม่เห็นต้อง...”
“กลับไปที่ห้องเก่างั้นซีนะ...”
เขาเอ่ยอย่างเหยียดหยาม
“ใช่สินะ!... ผมก็น่าจะรู้”
(มีต่อ)
มรดก(ร้าย)รัก บทที่ 10
บทก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
******************************************
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเช่นเคยครับ ขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับกำลังใจครับ
ริมแม่โขง ถูกใจ, Su_jeong ถูกใจ, Inverness ถูกใจ, วราภรณ์ pink ถูกใจ,
PuPaKae ถูกใจ, มานีโอลา ถูกใจ, ป้าทุยบ้านทุ่ง สยอง
*******************************************
มรดก(ร้าย)รัก
บทที่ 10
เมื่อถึงตอนเช้า ฤดีก็คิดตก ถึงวิธีการที่จะทำให้เวลาผ่านไปเร็วๆ แทนที่จะมานั่งซังกะตายอยู่เปล่าๆ
เพราะเธอยังมีชีวิต
และชีวิตก็จะต้องดำเนินต่อไป...
แม้ไม่อยากถอดชุดบู๊ตหนังกระโปรงหนัง กับเสื้อยืดฟิตๆ ของเจ้านายเก่าทิ้ง เพราะยังสะใจอยู่ไม่วาย เวลาเห็นปากของอนลเบะอย่างไม่ชอบใจ แต่ฤดีก็ตัดใจจากงานนั้นได้ไม่ยากเลย
เธอคิดว่า มีแต่พวกชอบทำร้ายตัวเองเท่านั้น ที่ยังจะไปเช็ดถูโต๊ะในร้านแย่ๆ นั่น ทั้งที่ไม่เหลือความจำเป็นที่ต้องไปทำ
แต่ที่ฤดียังไม่คิดจะละทิ้งก็คือ งานอาสาสมัครที่ศูนย์ชุมชนแออัด และที่ชมรมคนรักสัตว์เลี้ยงนั่น รวมทั้งงานออกแบบเครื่องประดับ...
เธอจะไม่ยอมเลิกทำมันแน่ๆ ต่อให้มีอนล เลิศไตรภพสักล้านคนสั่งให้เลิกก็ตาม
หญิงสาวรีบแต่งตัว สวมกางเกงแนบเนื้อสีดำ เสื้อตัวใหญ่คลุมเข่าสีดำ และรองเท้าผ้าใบ คล้องสร้อยคอทำเอง มันเป็นสร้อยสายยาว ถักสลับกันไปมาด้วยลูกปัดสีสดใสคั่นด้วยดอกไม้เงิน กับติดต่างหูกระพรวนจิ๋ว
นาฬิกาบอกเวลาเกือบเก้าโมงเช้า อนลคงออกไปข้างนอกแล้วในตอนนี้
ฤดีเอากระโปรงหนังน่าเกลียด รองเท้าบู๊ต และเสื้อยืด จากเก้าอี้ที่ถอดวางไว้เมื่อคืน ยัดลงในกระเป๋าผ้าใบขนาดใหญ่
ลูบหัวคุณโฉมเบาๆ ก่อนจะก้าวออกไปบนทางเดินหน้าห้อง และปิดประตูตามหลังอย่างระมัดระวัง
ในเพนท์เฮาส์หรือบ้านของอนลเงียบสงบ พรมสีขาวหนานุ่ม รองรับฝีเท้าของเธอเอา ไว้ขณะเดินลงบันได
แม่บ้านวัยชรากำลังทำความสะอาดห้องนั่งเล่น ฤดีกวาดสายตามองอีกครั้ง ทุกสิ่งสะอาดเนี้ยบจนเธอไม่กล้าแตะต้องสิ่งใดๆ เลยเชียวละ
“อุ้ย ตายจริง!”
ป้าหรีดอุทานพร้อมหัวเราะน้อยๆ
“คุณทำให้ป้าตกใจค่ะ คุณฤดี ที่จริงถ้าอยากได้อะไร ก็แค่กดกริ่งเรียกออกมา เดี๋ยวป้าก็...”
“หนูจะออกไปข้างนอกสักครู่น่ะค่ะ ป้าจะฝากซื้ออะไรไหมคะ”
แม่บ้านจ้องมองเธอ
“ป้าน่ะหรือคะ จะฝาก...”
“เช่นอะไรจากตลาดหรือซูเปอร์มาเก็ตไงคะ นม หรือไม่ก็ขนมปัง... อะไรทำนองนี้น่ะค่ะ”
“ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้อง ขอบคุณมาก แต่เอ้อ... คุณนลไม่ได้บอกว่าคุณจะ... คุณจะ...”
รอยยิ้มของฤดีเริ่มจางหายไป
“หนูไม่จำเป็นต้องรายงานใคร เวลาจะไปไหนมาไหนหรอกนะคะคุณป้า”
“เอ่อ ค่ะ ก็คงใช่ แต่ถ้าคุณนลโทร.มาแล้วถามถึงคุณ...”
“ป้าก็แค่บอกเขาว่า หนูออกไปข้างนอก”
“ค่ะ... แต่...”
“บ๊ายบายค่ะ คุณป้า”
ข้างนอกแดดอ่อน อากาศอบอุ่น จิตใจของฤดีพลอยเบิกบานขึ้น ในทุกย่างก้าวที่เดินไป แม้แต่การนั่งรถไฟฟ้าไปที่ซอยนานา ยังทำให้ยิ้มออกมาได้เลย
อิสรภาพ...
เธอคิดพร้อมกับยิ้มน้อยๆ มันคือสิ่งสุดวิเศษ
ร้านอาหารของนายพนมเงียบสงบในเวลาเช่นนี้ ฤดีเดินตรงไปที่ห้องทำงานเล็กๆ ด้านหลังและเคาะประตู
“เชิญ!”
เจ้าของร้านตะโกนออกมา
เมื่อฤดีก้าวเข้าไปในห้อง เขาก็เงยหน้าขึ้นจากโพยพนันฟุตบอล แล้วฟังอย่างไม่ค่อยใส่ใจ เมื่อเธอเริ่มอธิบายว่าขอลาออก
“จะออกเหรอ”
เขาเอ่ยขึ้น เอนหลังพิงเก้าอี้ เกาอกที่มีขนรุงรังดังแกรกๆ
“แล้วไงล่ะ”
“ฉันแค่อยากจะมาขอบคุณ ตอนที่รับเข้าทำงาน และ...”
“ไม่ต้องโยกโย้ให้เสียเวลา เธอจะลาออกทันที นั่นหมายความว่า เฮียจะไม่คืนเงินประกัน เข้าใจใช่มะ”
เขาหัวเราะ กับคำพูดที่ได้ประโยชน์กับตัวเอง แล้วขมวดคิ้วเมื่อฤดีวางกระโปรง รองเท้าบู๊ตและเสื้อยืดสีชมพูลงบนโต๊ะ
“...นั่น จะเอามาทำไมล่ะ”
“ก็สำหรับสาวๆ คนต่อไปไงคะ บอกว่าฉันยกให้ ไม่ต้องเสียตังค์ซื้อ แบบขูดเลือดซิบๆ อย่างที่ฉันโดนมาแล้ว”
ฤดียิ้มเยาะๆ
“เอาไอ้ชุดพวกนี้ให้เธอนะคะ อย่าไปรีดเลือดกับปูเลย บาปเปล่าๆ แล้วฝากอวยพรให้คนที่ได้รับชุดนี้ โชคดีเหมือนที่ฉันได้รับด้วยนะ”
เมื่อได้ออกมาอยู่บนถนนอีกครั้ง ฤดีก็แทบอยากจะเหยียดแขนออก แล้วหมุนตัวไปรอบๆ
การันต์เคยพยายามพูดให้เข้าใจว่า มันวิเศษแค่ไหนที่ได้รับมรดกก้อนนี้ แต่เธอมัวแต่โกรธแค้นอนลเสียจนไม่ยอมจะสนใจ
ตอนนี้นับเป็นครั้งแรก ที่ความจริงเริ่มซึมซับเข้ามา เธอโบกมือลาลูกค้าอารมณ์รุนแรง อาหารมันๆ เอียนๆ รวมทั้งเหม็นกลิ่นของเบียร์บูดๆ มาได้แล้ว
และ... ถ้านี้หมายถึงการต้องทนกับอนล สักสองสามเดือน... ก็แล้วจะเป็นไรไปล่ะ...
ก็เธอเคยทนมามากกว่านี้ ตอนที่อยู่กับลุงสฤษดิ์ และไอ้เฮียพนมนั่นน่ะ
ต่อให้นายหน้าบึ้ง นั่นพยายามเท่าไหร่ เขาก็ทำลายความสุขของเธอไม่ได้หรอก
ฤดีเดินทอดน่องไปบนถนนอย่างมีความสุข...
รู้สึกดีที่ได้กลับมายังที่ที่เธอใช้ชีวิตตั้งแต่เด็กจนอายุสิบสามปี
พ่อแม่ของเธอมีเงินไม่มากนัก สาวบาร์กับศิลปินต่างชาติไส้แห้ง ย่อมไม่มีทางจะร่ำรวยไปได้ แต่ตอนนั้น ชีวิตของเธอกลับสมบูรณ์ และมีความสุขดี
และมันกำลังจะเป็นเช่นนั้นอีกครั้ง...
ฤดีคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่การชดใช้กรรมจะยุติลง
เธอแวะที่บ้านชมรมคนรักสัตว์เลี้ยงและศูนย์ชุมชนแออัด เพื่อขอเพิ่มชั่วโมงอาสาสมัคร
และเพราะมันเป็นบ่ายที่แสนจะสวยงาม เธอจึงซื้ออาหารมื้อเที่ยงจากรถเข็น นั่งลงเคี้ยวไส้กรอกอีสาน หมูปิ้งและข้าวเหนียว กับจิบโค้กอยู่บนม้านั่ง ในอุทยานเบญจสิริ ฟังชายผมยาวหยิกหยองเกากีตาร์เก่าๆ ร้องเพลงรำพึงรำพัน ถึงความรักที่สมหวังและผิดหวัง
ท้ายที่สุด เมื่อยามบ่ายล่วงเลยไปจนใกล้เวลาเย็น เธอจึงวกกลับไปที่พักเก่า การันต์ออกไปข้างนอกแล้ว แต่มันก็ยังรู้สึกดีที่ได้กลับมา ในห้องเช่าเก่าโทรมที่คุ้นเคย
ฤดียัดกระดาษวาดภาพ กับเครื่องประดับที่ยังทำไม่เสร็จ ใส่ลงในกระเป๋าผ้าใบ นึกลังเลว่า จะเอาเครื่องมือกับลวดเงินม้วนเล็กๆ ไปด้วยดีหรือไม่ ก่อนที่จะจับมันยัดลงกระเป๋าเช่นกัน
ถึงจะต้องกลับไปต่อสู้ เพื่อจะหาโต๊ะสักตัวสำหรับทำงานประดิษฐ์ที่เธอรัก จากบรรดาชุดตกแต่งห้องที่เรียบกริบเช่นนั้น แต่การมีบางสิ่ง ที่เป็นของของเธออยู่ใกล้ตัว ก็อาจช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้หลังจากนั้น
ค่ำแล้ว... ตอนฤดีกลับมาถึงประตูหน้าอาคารอพาร์ตเม้นต์ของอนล...
เธอรีบสาวเท้าเร็วขึ้น...
ที่ผ่านมาทั้งวัน ช่างเป็นวันที่สวยงาม เธอไม่อยากให้มันสูญสลายไป เพราะการต้องเผชิญหน้ากับผู้ปกครองจอมเผด็จการ...
“คุณฤดี ใช่ไหมครับ”
คนถูกเรียกหันไปทางต้นเสียง คนเฝ้าประตู ไม่ใช่คนเดิมที่เธอเคยเห็นหน้าเมื่อคืน เขากำลังจ้องเขม็งมาที่เธอ กำลังยกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม
“ใช่ค่ะ”
เมื่อได้รับคำตอบ เขาระบายลมหายใจยาว ก่อนจะก็ยิ้มให้อย่างสุภาพ
“ดีจังที่คุณกลับมาแล้ว”
รอยยิ้มตอบของฤดีระคนไปด้วยความงุนงง
“คุณจะดีใจทำไมคะ...”
“เชิญ... เชิญเข้ามาเลยครับ”
อย่างกับจะมีทางเลือกอื่นงั้นแหละ... ฤดีคิด
รอยยิ้มของเธอจางหาย ขณะคุณยามพาเข้าไปในลิฟท์แล้วกดหมายเลขขึ้นสู่ชั้นเพนท์เฮ้าส์
อนลคงสั่งเอาไว้ เพราะเธอไม่มีคีย์การ์ด
แต่... เดาได้เลยละว่า เจ้าของห้องข้างบน จะรออยู่ด้วยท่าทางยังไง...
ฤดีเหลือบมองคุณยาม ยิ้มขอบคุณเขาอีกครั้งตอนประตูลิฟท์เลื่อนปิด จากนั้นก็หันมาจะกดกริ่งหน้าห้อง แต่ไม่ทันนิ้วจะแตะถึงปุ่ม ประตูก็เปิดออก เธอรู้ทันทีว่า จะพบกับอะไร
อนล อีตาบ้าอนล!
เขากำลังรออยู่ด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม ริมฝีปากเม้มแน่น เหมือนกับคนที่พยายามข่มอารมณ์อยู่เต็มที่
“คุณหายไปไหนมา”
ฤดีคิดว่ามีคำตอบตั้งเยอะแยะ แต่มันไม่จำเป็น เลือกที่จะตอบคำถามของเขา ด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”
เธอกล่าวคำอำลา แล้วทำท่าจะเดินผ่านหน้าไป แต่ยังก้าวไม่ทันพ้นหน้าเขา ก็ถูกมือของอนลยึดไหล่เอาไว้
“ผมถามคุณอยู่นะ!”
ท่าทางเขาเหมือนข่มขู่ พลางดึงตัวให้หันมาหา
“คุณไม่ได้ถาม คุณกำลังจะสอบสวนต่างหากล่ะ”
เธอสะบัดออกห่าง ตั้งท่าแบบที่พร้อมจะลุย
“เก็บน้ำเสียงแบบนั้น ไว้ใช้กับตัวเองเถอะ คุณมันจอมเผด็จการ”
พูดจบ ฤดีก็รีบสาวเท้าขึ้นชั้นบน เขาตามมาจับตัวไว้ได้อีกครั้งที่หน้าประตู
“คุณกล้าดียังไง ถึงหายตัวไปแบบนี้ ผมไม่ได้อนุญาตให้คุณ...”
“อนุญาตงั้นหรือ นี่ถ้าจะกะพริบตาสักหน ฉันต้องขออนุญาตคุณด้วยไหมล่ะ”
เธอหันขวับมาเผชิญหน้า ทำตาเขียวใส่ รู้สึกว่า วันเวลาอันแสนสวยงาม ถูกทำลายไปเรียบร้อยแล้ว
“แค่ฉันจะออกไปธุระที่ไหนต่อไหนเนี่ย ทำไมต้องขออนุญาต”
“เพราะคุณอยู่บ้านผม และ... เพราะผมยังเป็นผู้ปกครองของคุณ”
“คุณไม่มีอำนาจอะไรทั้งนั้น นอกจากแค่มีสิทธิ์กักเงินของฉันเอาไว้ ถ้าคุณคิดว่าจะสามารถ...”
ฤดีชะงักเมื่อเขาผลักเธอเข้ามาในห้อง ประตูปิดดังปังตามหลัง
“หายไปไหนมาทั้งวัน”
“ไม่ใช่กงการอะไรของคุณ”
“คุณไปที่ซอยนานามาใช่ไหม”
“ถ้าไปที่นั่นจริงๆ แล้วไงล่ะ ฉันไม่เห็นต้อง...”
“กลับไปที่ห้องเก่างั้นซีนะ...”
เขาเอ่ยอย่างเหยียดหยาม
“ใช่สินะ!... ผมก็น่าจะรู้”
(มีต่อ)