ทันทีที่ประตูปิดลง อนลก็หันขวับไปหาทนายความชรา ความโกรธนั้นเห็นชัดว่า เขาแทบระงับเอาไว้ไม่ได้
“เดี๋ยวก่อนนะครับ คุณอนล คือว่า...”
ทนายความชราพยายามอธิบาย แต่อนลตัดบทเสียก่อน
“มันจะบ้าไปกันใหญ่นะคุณวิโรจน์ ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่เด็ก จะให้มาอยู่ในปกครองของผมได้ยังไงกัน อายุเธอตอนนี้ ก็ทำอะไรๆ ได้เหมือนผมนี่แหละ”
“แต่ว่า... ตามกฎหมายแล้ว...”
“บ้าฉิบ... อย่ามาอ้างตัวบทกฎหมายกับผม”
“หามิได้ครับ ผมแค่กำลังจะชี้ให้เห็นว่า ถ้าพูดกันอย่างตรงไปตรงมา คุณคือผู้จัดการกองมรดกในนามของการเป็นผู้ปกครอง ตามที่พินัยกรรมระบุ ซึ่งมันอยู่ภายใต้ขอบเขตของตัวบทกฎหมาย”
อนลเหลือบมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา
“อย่ามาเล่นสำนวนกับผม ประเด็นมันอยู่ตรงที่ ผมถูกทำให้เชื่อว่า ผมต้องรับผิดชอบเด็กคนหนึ่ง”
“แต่เราก็เห็นกันชัดๆ แล้วนะว่า ฤดี วงศาสราญ ต้องการที่ปรึกษาดีๆ สักคน คุณอนล เห็นเสื้อผ้าที่เธอสวมไหมล่ะ แล้วก็...ผู้ใหญ่ที่รู้จักผิดชอบชั่วดีที่ไหนกัน ที่จะแกล้งทำเป็นไม่สนใจในทรัพย์สมบัติมากมายขนาดนั้น ผมไม่เชื่อหรอกว่า เธอจะยอมสละสิทธิ์ แต่ถ้าเกิดไปปรึกษาคนผิด เรื่องราวมันจะเสียหายบานปลายใหญ่โต”
ชายชราทรุดตัวลงบนเก้าอี้ ท่าทางเหนื่อยล้ากับเรื่องนี้เต็มที
“ผมว่า แค่ให้เวลาเธอคิดอีกสักหน่อย เราต่างก็รู้ดีนี่ว่าสภาพอย่างเธอนั่น ต้องเรียกว่า ยิ่งกว่ากระหายที่จะได้เป็นเจ้าของทรัพย์สมบัติพวกนั้น”
“นั่นมันไม่ใช่ประเด็น คุณเข้าใจไหม ปั๊ดโธ่!...”
อนลถึงกับเท้ามือลงบนโต๊ะ โน้มตัวยื่นหน้าเข้าไปให้อีกฝ่ายได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำ
“มันไม่ตลกไปหน่อยหรือไงล่ะ ที่ต้องให้ผมเป็นผู้ปกครอง ผู้หญิงคนนั้นเลือกตั้งได้ตั้งหลายหนแล้ว ขับรถได้ แต่งงานได้ มีลูกได้ ทำหนังสือเดินทางและเดินทางไปไหนๆ ก็ได้ที่เธอพอใจ จะทำบ้าบออะไรก็ได้ที่อยากทำ...”
“ยกเว้น... ใช้เงินมรดกของเธอ”
นายวิโรจน์กล่าวสรุปเนิบๆ
“ซึ่งนี่ละ ที่คุณสฤษดิ์กับคุณเดชบดินทร์ ต้องขอบคุณการมองการณ์ไกลของผม”
“เออ! มันดีมากๆ เลยสินะ”
อนลยิ่งหัวเสียหนัก เมื่อเห็นว่า ชายชราทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนไปเสียแล้ว
“งั้น คุณก็หาคนอื่นมาเล่นบทปู่โสมเฝ้าทรัพย์นี้เองก็แล้วกัน ผมขอถอนตัว”
“แต่ผมได้ยื่นคำร้องต่อศาล ให้ยอมรับคุณในฐานะตัวแทนของคุณเดชบดินทร์ คุณพ่อของคุณแล้วนะครับ แน่นอนที่...”
“งั้นก็ยื่นถอนสิ หรือจะยื่นซ้ำไปใหม่ก็แล้วแต่คุณ เท่าที่ผมรู้ ถ้าผู้หญิงคนนั้นอยากจะได้เงินของลุงเธอไป...ทำอะไรๆ ก็ตาม มันก็เป็นหน้าที่ที่ผมจะต้อง เพียงแค่เซ็นเช็คให้ ซึ่งถ้าผมไม่เต็มใจทำ มันจะมีประโยชน์อะไร ถ้าเธอจะลงทุนเปิดเว็บโป๊โชว์ของดี ผมก็แค่จ่ายๆ เงินให้เธอ... ทำ...”
“นายสฤษดิ์ วงศาสราญ รับฤดีเข้ามาไว้ในบ้าน ตอนที่เธออายุใกล้จะสิบสาม คุณอนล”
ชายชราระบายลมหายใจยาวเหยียด
“คิดว่าตั้งแต่ตอนนั้นแล้วละ ที่เด็กหญิงหน้าตาสะสวยคนนั้น กลายเป็นเด็กใจแตก”
“คุณวิโรจน์ คุณฟังผมนะ ทั้งหมดนี่ถึงมันจะดราม่าขนาดไหน แต่มันไม่เกี่ยวอะไรกับผม...”
“แม่ของฤดีเป็นสาวบาร์สุขุมวิท หล่อนสวยมาก และ... ผมจะพูดยังไงดี... จัดจ้าน หล่อนเลี้ยงลูกให้โตขึ้นมาเหมือนหล่อน”
นายวิโรจน์ขยับตัวให้นั่งในท่าทางที่มั่นคงยิ่งขึ้น
“ฤดีกู่ไม่กลับแล้วตอนที่เข้ามาอยู่ในบ้านคุณสฤษดิ์ คุณอนลครับ เธอคงจะเหลวแหลกมาก่อน และยิ่งโตขึ้น เธอก็เลือกชีวิตแบบแม่ของเธอ และนั่นทำให้ลุงของเธอกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง”
“กังวลใจเป็นอย่างยิ่ง... งั้นหรือ...”
อนลค่อยๆ ทวนคำอย่างระมัดระวัง
“ใช่ครับ ทันทีที่...โตเป็นผู้ใหญ่ นิสัยแย่ๆ ก็แสดงออกมาทันที ประมาณสาวอินดี้ รักอิสระเสรี ฟรีไปซะทุกเรื่องราว...”
ทนายความชะงักไปนิดหนึ่ง
“ใจผมก็สงสารคุณสฤษดิ์เหมือนกัน และเห็นใจเขามากๆ ที่ต้องเลือกวิธีการจัดการแบบ... ที่คุณต้องพลอยมาลำบากใจไปด้วยอย่างนี้”
“พอเถอะ... ผมเข้าใจละ”
กล้ามเนื้อบนขากรรไกรของอนลเกร็งแน่น
“ลุงของเธอ กลัวเธอจะถูกผู้ชายปอกลอกสินะ”
คนถูกถามยกไหล่
“ก็ดูจากการดำเนินชีวิต จากการแต่งเนื้อแต่งตัว จากการที่เธออาศัยอยู่แถวย่าน ซอยนานา ต้นๆ ถนนสุขุมวิทนั่น แค่นั้นผมก็สยอง ที่จะคิดว่าชีวิตของเธอเป็นแบบไหน”
อนลขมวดคิ้ว พอนึกออกแล้วว่า ที่เขาอารมณ์เสียมากขึ้นเรื่อยๆ ก็เพราะทัศนคติแย่ๆ ของชายชราคนนี้นี่เอง
“เธอจะครบยี่สิบเอ็ดในอีก...เธอบอกว่าไงนะ ในอีกสามเดือนใช่ไหม คิดดูนะครับคุณอนล ต้องอาศัยปาฏิหาริย์เท่านั้นแล้วละ ที่จะทำให้เธอเกิดมีความรับผิดชอบขึ้นมาเมื่อถึงตอนนั้น”
ชายชราถอนหายใจ ราวกับว่าสงสารวิถีชีวิตของฤดีเสียเต็มประดา
“ผมว่าคุณพูดถูก”
“แน่นอนว่าต้องถูก และผมก็ไม่นึกอยากให้เกิดปาฏิหาริย์แบบนั้นซะด้วยสิ ก็ได้ครับ ผมจะยื่นเรื่องร้องขอ ให้หาคนอื่นมาทำหน้าที่แทนคุณ”
“ก็ดี”
อนลตกลงทันที เขารู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก
“ผมแน่ใจว่า ต้องมีคนอื่นที่ทำได้ อย่างเพื่อนของครอบครัว หรือ...”
“อ๋อ! ผมจะรับงานนี้แทนเองครับ”
ทนายความชราลุกขึ้นยืน ขยับอ้อมโต๊ะมาใกล้ชายหนุ่ม รอยยิ้มกระหยิ่มใจปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขา
“ที่จริงแล้ว...”
เขาเริ่มพูดอีกครั้งอย่างมีเลศนัย
“ทันทีที่ผมได้เห็นฤดีในวันนี้ ผมก็นึกอิจฉาคุณขึ้นมาทันทีเลยละ”
ดวงตาชายชราอนลหรี่ลง
“ไม่มีอะไรน่าอิจฉาสักนิด คุณวิโรจน์ ในฐานะผู้ปกครองของเธอ ผมคงได้แค่ติดต่อกับนางสาวฤดีนั่นอย่างผิวเผินที่สุด คุณก็รู้ดีนี่”
“แน่นอนครับ สำหรับคุณที่เลือกผู้หญิงสาวๆ สวยๆ เท่าไหร่ เมื่อไหร่ก็ได้”
ชายชราขยิบตาข้างหนึ่ง มันทำให้อนลคิดอีกครั้งว่า ผู้ชายคนนี้ช่างเหมือนสัตว์หน้าขนอะไรสักชนิด
“แต่ถ้าไม่ให้ต้องการเสียเวลาไปเปล่าๆ เราก็ให้เงื่อนไขเพิ่มเติมกับเธอได้...”
“ผิดแล้ว”
อนลกล่าวอย่างเย็นชา
“...มันจะต้องไม่มีเงื่อนไขอะไรอีก นอกเสียจากว่า คุณพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับคณะกรรมการจรรยาบรรณ และการเพิกใบประกอบวิชาชีพ”
พร้อมประโยคนั้น โดยไม่ได้ล่ำลาอะไรอีก อนลก็สาวเท้าออกจากสำนักงานแห่งนั้นทันที
(มีต่อ)
มรดก(ร้าย)รัก บทที่ 7
มรดก(ร้าย)รัก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่าน มรดก(ร้าย)รัก นะครับ
ขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับ ถูกใจ จากคุณ PuPakae , คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง , คุณ มาโซคิส และ คุณ Echolalia
ขอบคุณทุกความคิด ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาติดตามนะครับ
*******************************************
มรดก(ร้าย)รัก
บทที่ 7
ทันทีที่ประตูปิดลง อนลก็หันขวับไปหาทนายความชรา ความโกรธนั้นเห็นชัดว่า เขาแทบระงับเอาไว้ไม่ได้
“เดี๋ยวก่อนนะครับ คุณอนล คือว่า...”
ทนายความชราพยายามอธิบาย แต่อนลตัดบทเสียก่อน
“มันจะบ้าไปกันใหญ่นะคุณวิโรจน์ ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่เด็ก จะให้มาอยู่ในปกครองของผมได้ยังไงกัน อายุเธอตอนนี้ ก็ทำอะไรๆ ได้เหมือนผมนี่แหละ”
“แต่ว่า... ตามกฎหมายแล้ว...”
“บ้าฉิบ... อย่ามาอ้างตัวบทกฎหมายกับผม”
“หามิได้ครับ ผมแค่กำลังจะชี้ให้เห็นว่า ถ้าพูดกันอย่างตรงไปตรงมา คุณคือผู้จัดการกองมรดกในนามของการเป็นผู้ปกครอง ตามที่พินัยกรรมระบุ ซึ่งมันอยู่ภายใต้ขอบเขตของตัวบทกฎหมาย”
อนลเหลือบมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา
“อย่ามาเล่นสำนวนกับผม ประเด็นมันอยู่ตรงที่ ผมถูกทำให้เชื่อว่า ผมต้องรับผิดชอบเด็กคนหนึ่ง”
“แต่เราก็เห็นกันชัดๆ แล้วนะว่า ฤดี วงศาสราญ ต้องการที่ปรึกษาดีๆ สักคน คุณอนล เห็นเสื้อผ้าที่เธอสวมไหมล่ะ แล้วก็...ผู้ใหญ่ที่รู้จักผิดชอบชั่วดีที่ไหนกัน ที่จะแกล้งทำเป็นไม่สนใจในทรัพย์สมบัติมากมายขนาดนั้น ผมไม่เชื่อหรอกว่า เธอจะยอมสละสิทธิ์ แต่ถ้าเกิดไปปรึกษาคนผิด เรื่องราวมันจะเสียหายบานปลายใหญ่โต”
ชายชราทรุดตัวลงบนเก้าอี้ ท่าทางเหนื่อยล้ากับเรื่องนี้เต็มที
“ผมว่า แค่ให้เวลาเธอคิดอีกสักหน่อย เราต่างก็รู้ดีนี่ว่าสภาพอย่างเธอนั่น ต้องเรียกว่า ยิ่งกว่ากระหายที่จะได้เป็นเจ้าของทรัพย์สมบัติพวกนั้น”
“นั่นมันไม่ใช่ประเด็น คุณเข้าใจไหม ปั๊ดโธ่!...”
อนลถึงกับเท้ามือลงบนโต๊ะ โน้มตัวยื่นหน้าเข้าไปให้อีกฝ่ายได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำ
“มันไม่ตลกไปหน่อยหรือไงล่ะ ที่ต้องให้ผมเป็นผู้ปกครอง ผู้หญิงคนนั้นเลือกตั้งได้ตั้งหลายหนแล้ว ขับรถได้ แต่งงานได้ มีลูกได้ ทำหนังสือเดินทางและเดินทางไปไหนๆ ก็ได้ที่เธอพอใจ จะทำบ้าบออะไรก็ได้ที่อยากทำ...”
“ยกเว้น... ใช้เงินมรดกของเธอ”
นายวิโรจน์กล่าวสรุปเนิบๆ
“ซึ่งนี่ละ ที่คุณสฤษดิ์กับคุณเดชบดินทร์ ต้องขอบคุณการมองการณ์ไกลของผม”
“เออ! มันดีมากๆ เลยสินะ”
อนลยิ่งหัวเสียหนัก เมื่อเห็นว่า ชายชราทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนไปเสียแล้ว
“งั้น คุณก็หาคนอื่นมาเล่นบทปู่โสมเฝ้าทรัพย์นี้เองก็แล้วกัน ผมขอถอนตัว”
“แต่ผมได้ยื่นคำร้องต่อศาล ให้ยอมรับคุณในฐานะตัวแทนของคุณเดชบดินทร์ คุณพ่อของคุณแล้วนะครับ แน่นอนที่...”
“งั้นก็ยื่นถอนสิ หรือจะยื่นซ้ำไปใหม่ก็แล้วแต่คุณ เท่าที่ผมรู้ ถ้าผู้หญิงคนนั้นอยากจะได้เงินของลุงเธอไป...ทำอะไรๆ ก็ตาม มันก็เป็นหน้าที่ที่ผมจะต้อง เพียงแค่เซ็นเช็คให้ ซึ่งถ้าผมไม่เต็มใจทำ มันจะมีประโยชน์อะไร ถ้าเธอจะลงทุนเปิดเว็บโป๊โชว์ของดี ผมก็แค่จ่ายๆ เงินให้เธอ... ทำ...”
“นายสฤษดิ์ วงศาสราญ รับฤดีเข้ามาไว้ในบ้าน ตอนที่เธออายุใกล้จะสิบสาม คุณอนล”
ชายชราระบายลมหายใจยาวเหยียด
“คิดว่าตั้งแต่ตอนนั้นแล้วละ ที่เด็กหญิงหน้าตาสะสวยคนนั้น กลายเป็นเด็กใจแตก”
“คุณวิโรจน์ คุณฟังผมนะ ทั้งหมดนี่ถึงมันจะดราม่าขนาดไหน แต่มันไม่เกี่ยวอะไรกับผม...”
“แม่ของฤดีเป็นสาวบาร์สุขุมวิท หล่อนสวยมาก และ... ผมจะพูดยังไงดี... จัดจ้าน หล่อนเลี้ยงลูกให้โตขึ้นมาเหมือนหล่อน”
นายวิโรจน์ขยับตัวให้นั่งในท่าทางที่มั่นคงยิ่งขึ้น
“ฤดีกู่ไม่กลับแล้วตอนที่เข้ามาอยู่ในบ้านคุณสฤษดิ์ คุณอนลครับ เธอคงจะเหลวแหลกมาก่อน และยิ่งโตขึ้น เธอก็เลือกชีวิตแบบแม่ของเธอ และนั่นทำให้ลุงของเธอกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง”
“กังวลใจเป็นอย่างยิ่ง... งั้นหรือ...”
อนลค่อยๆ ทวนคำอย่างระมัดระวัง
“ใช่ครับ ทันทีที่...โตเป็นผู้ใหญ่ นิสัยแย่ๆ ก็แสดงออกมาทันที ประมาณสาวอินดี้ รักอิสระเสรี ฟรีไปซะทุกเรื่องราว...”
ทนายความชะงักไปนิดหนึ่ง
“ใจผมก็สงสารคุณสฤษดิ์เหมือนกัน และเห็นใจเขามากๆ ที่ต้องเลือกวิธีการจัดการแบบ... ที่คุณต้องพลอยมาลำบากใจไปด้วยอย่างนี้”
“พอเถอะ... ผมเข้าใจละ”
กล้ามเนื้อบนขากรรไกรของอนลเกร็งแน่น
“ลุงของเธอ กลัวเธอจะถูกผู้ชายปอกลอกสินะ”
คนถูกถามยกไหล่
“ก็ดูจากการดำเนินชีวิต จากการแต่งเนื้อแต่งตัว จากการที่เธออาศัยอยู่แถวย่าน ซอยนานา ต้นๆ ถนนสุขุมวิทนั่น แค่นั้นผมก็สยอง ที่จะคิดว่าชีวิตของเธอเป็นแบบไหน”
อนลขมวดคิ้ว พอนึกออกแล้วว่า ที่เขาอารมณ์เสียมากขึ้นเรื่อยๆ ก็เพราะทัศนคติแย่ๆ ของชายชราคนนี้นี่เอง
“เธอจะครบยี่สิบเอ็ดในอีก...เธอบอกว่าไงนะ ในอีกสามเดือนใช่ไหม คิดดูนะครับคุณอนล ต้องอาศัยปาฏิหาริย์เท่านั้นแล้วละ ที่จะทำให้เธอเกิดมีความรับผิดชอบขึ้นมาเมื่อถึงตอนนั้น”
ชายชราถอนหายใจ ราวกับว่าสงสารวิถีชีวิตของฤดีเสียเต็มประดา
“ผมว่าคุณพูดถูก”
“แน่นอนว่าต้องถูก และผมก็ไม่นึกอยากให้เกิดปาฏิหาริย์แบบนั้นซะด้วยสิ ก็ได้ครับ ผมจะยื่นเรื่องร้องขอ ให้หาคนอื่นมาทำหน้าที่แทนคุณ”
“ก็ดี”
อนลตกลงทันที เขารู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก
“ผมแน่ใจว่า ต้องมีคนอื่นที่ทำได้ อย่างเพื่อนของครอบครัว หรือ...”
“อ๋อ! ผมจะรับงานนี้แทนเองครับ”
ทนายความชราลุกขึ้นยืน ขยับอ้อมโต๊ะมาใกล้ชายหนุ่ม รอยยิ้มกระหยิ่มใจปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขา
“ที่จริงแล้ว...”
เขาเริ่มพูดอีกครั้งอย่างมีเลศนัย
“ทันทีที่ผมได้เห็นฤดีในวันนี้ ผมก็นึกอิจฉาคุณขึ้นมาทันทีเลยละ”
ดวงตาชายชราอนลหรี่ลง
“ไม่มีอะไรน่าอิจฉาสักนิด คุณวิโรจน์ ในฐานะผู้ปกครองของเธอ ผมคงได้แค่ติดต่อกับนางสาวฤดีนั่นอย่างผิวเผินที่สุด คุณก็รู้ดีนี่”
“แน่นอนครับ สำหรับคุณที่เลือกผู้หญิงสาวๆ สวยๆ เท่าไหร่ เมื่อไหร่ก็ได้”
ชายชราขยิบตาข้างหนึ่ง มันทำให้อนลคิดอีกครั้งว่า ผู้ชายคนนี้ช่างเหมือนสัตว์หน้าขนอะไรสักชนิด
“แต่ถ้าไม่ให้ต้องการเสียเวลาไปเปล่าๆ เราก็ให้เงื่อนไขเพิ่มเติมกับเธอได้...”
“ผิดแล้ว”
อนลกล่าวอย่างเย็นชา
“...มันจะต้องไม่มีเงื่อนไขอะไรอีก นอกเสียจากว่า คุณพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับคณะกรรมการจรรยาบรรณ และการเพิกใบประกอบวิชาชีพ”
พร้อมประโยคนั้น โดยไม่ได้ล่ำลาอะไรอีก อนลก็สาวเท้าออกจากสำนักงานแห่งนั้นทันที