มรดก(ร้าย)รัก บทที่ 5

กระทู้สนทนา
มรดก(ร้าย)รัก

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ขอบคุณกำลังใจมากมายจาก คุณ Su_geong คุณ Inverness คุณ PuPaKae และ คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง ครับ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยียน หรือแอบติดตามแบบเนียนๆ (อันนี้คนเขียนอาจเพ้อไปเอง)
ทักทายกันได้เสมอนะคร้าบบบ


***********************







บทที่ 5




    ฤดีนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงข้ามโต๊ะทำงานของทนายความวิโรจน์ พยายามเต็มที่ที่จะดำเนินการสนทนาต่อไป

    ถูกแล้ว เธอสบายดี ไม่มีปัญหาอะไรกับการต้องดั้นด้นมาไกลถึงที่นี่

    ถึงจะนานมากแล้ว ตั้งแต่เคยพบกับทนายชรา เมื่อร่วมสิบปีที่แล้ว แต่นั่นก็ไม่น่าจะใช่ปัญหา

    เธอเตือนตัวเองอยู่ทุกวินาทีว่า การฝ่าสายฝนและพื้นทางสกปรกเฉอะแฉะ เจออุบัติเหตุบ้าบอจนส้นรองเท้าหัก และคงจะไปทำงานสายแน่ๆ อย่างน้อยก็หนึ่งชั่วโมง ล้วนไม่ใช่เพื่อที่จะมาเสียเวลาพูดคุยเรื่องไร้สาระ

    ฤดีอยากบอกไปให้ชัดเจนเป็นครั้งสุดท้าย ว่าเธอไม่สนใจสักนิด กับสิ่งที่ผู้เป็นลุงทิ้งเอาไว้ให้

    แต่เธอแทบไม่เหลือเรี่ยวแรง หรือมันสมองสำหรับคิดอะไรอีกแล้ว พลังงานทั้งหมดคล้ายถูกดึงดูดออกไป เพราะผู้ชายที่ยืนห่างออกไปไม่กี่ก้าว

ถึงไม่หันไป ก็รู้ดีว่า เขากำลังจ้องมองมาแบบตาแทบไม่กะพริบ

    อีตาบ้าที่สามารถทำให้ฤดีรู้สึกว่า ตัวเธอเองช่างโง่เง่าเสียเหลือเกิน

    และ...

เขามาทำอะไรที่นี่ล่ะ

เขาเกี่ยวอะไรด้วย กับเรื่องการนัดหมายไร้สาระของเธอ

    ฤดีเอ่ยถามตามความคิดนี้ไปแล้ว แต่ไม่มีใคร่ยอมพูดสักคน

...ตอนที่เธอบอกชื่อกับเจ้าหน้าที่ธุรการ ตอนนั้นมันคล้ายกับการยกนรกขึ้นมาไว้บนดิน

    ผู้ชายที่เธอเดินตามมายืนเคียงข้าง ใบหน้าซีดขาวได้ทันที จนฤดีอดคิดไม่ได้ว่า เขาอาจจะเป็นลม

    “คุณว่าไงนะ!”

    เขาหันขวับ ถามด้วยเสียงกระชากกระชั้น ดวงตาวาวด้วยไฟโทสะ

    “คุณว่า คุณชื่ออะไรนะ”

    ฤดีนึกไม่ออกว่า ทำไมเขาต้องดูตกอกตกใจขนาดนั้น หรือทำไมต้องทำเสียงเหมือนกำลังอยากจะฆ่าใครสักคนในทันทีที่จบคำถาม

แต่เธอก็แอบสะใจ...

อาการที่ดูเดือดร้อนใจนักหนานั่น ทำให้เธอรู้สึกดีเป็นบ้า

    เธอนึกอยากให้มันสนุกยิ่งขึ้น เลยเค้นถ้อยคำ สำเนียงเสียงพูดแบบผู้ดี๊ผู้ดี ที่ตั้งใจเก็บเอาไว้ใช้กับตาทนายวิโรจน์เท่านั้น เอามาพูดกับเขาอีกคน

    “ดิฉันบอกว่า ชื่อ นางสาวฤดี วงศาสราญ แล้วมันไปหนักอะไรส่วนไหนของคุณเข้าล่ะ”

    “ฤดี วงศาสราญ”

เขาพึมพำ ใบหน้าเปลี่ยนจากขาวซีดเป็นสีแดงเข้ม ได้รวดเร็วอย่างน่าตกใจ ในที่สุดเขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะ แบบที่ชวนเขย่าขวัญสุดๆ ออกมา

    “เธอคือ... ฤดี วงศาสราญ”

    เหมือนเขาจะหันไปถามย้ำกับเจ้าหน้าที่ธุรการ ว่าใช่เธอจริงๆ น่ะหรือ ซึ่งฝ่ายที่ถูกถาม ก็คงงง ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

    “คุณเชื่อไหมล่ะ”

    “คะ... ค่ะ”

    หญิงสาวรีบพยักหน้ายืนยัน พร้อมกับเอื้อมมือออกไปคว้าโทรศัพท์ กดสัญญาณเรียกภายใน

    “คุณกำลังโทร.บอกทนายวิโรจน์ใช่ไหมคะ ช่วยบอกว่าฉันขอโทษที่มาสาย...แต่... ก็มาถึงแล้ว ฉันชื่อ นางสาวฤดี วงศาสราญ"

    ท้ายคำ เธอเน้นชื่อให้เสียงดังฟังชัดอีกครั้ง

    อนลส่งเสียงหึอย่างขัดใจ

    “ใช่สิ!”

    เอ่ยออกมาได้แค่นั้น แล้วเขาก็หัวเราะอีกครั้ง มันเยือกเย็นและหลอนประสาทได้ดีจริงๆ แล้วอยู่ๆ เขาก็หยุดหัวเราะได้ทันที พูดต่อไปว่า

    “งั้นก็บอก ทนายวิโรจน์ด้วยนะว่า ผม นายอนล เลิศไตรภพ มาถึงแล้ว และบอกเขาด้วยว่า ถ้าไม่อยากมีปัญหามากไปกว่าที่กำลังจะเกิดขึ้นละก็ รีบโผล่หน้าออกมาเดี๋ยวนี้”

    สายที่ต่อเข้าไปคงไม่ว่าง เจ้าหน้าที่หลังเคาน์เตอร์จึงค่อยวางหูโทรศัพท์ลงกับที่ หล่อนเหลือบมองฤดี แล้วเบนมายังสายตาที่จ้องเขม็งของอนล นั่นละ ที่ทำให้หล่อนตัดสินใจ รีบแจ้นผลุบหายเข้าไปห้องเล็กๆ ที่ซอยไว้เป็นห้องทำงานเฉพาะตัว

    ไม่ถึงสองอึดใจ ทนายวิโรจน์ ก็แทบวิ่งมาทักคนทั้งคู่

    “ฤดี... สาวน้อย โตเป็นสาวแล้ว สวย... สวยมาก”

    ชายชราส่งแววตากะลิ้มกะเหลี่ย แทะโลมทั้งเรือนร่างของหญิงสาว อย่างเห็นได้ชัด

    “แล้วก็คุณ อนล ทายาทสืบสกุลคนแรกของ คุณเดชบดินทร์ เลิศไตรภพ ยินดีที่ได้เจอกันครับผม”

    “ไม่ต้องมากพิธีหรอกนะคุณวิโรจน์”

    อนลแทบคำรามใส่

    ส่วนฤดีนั้นสะใจอยู่ลึกๆ ที่ได้เห็นฉากนี้ นายคนท่าทางหยิ่งทะนงและจองหองนักหนาที่ชื่ออนล กำลังโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ส่วนทนายความแก่นั่น ก็ตกใจจนหัวหด ยิ่งตอนที่คนหนุ่มเริ่มรุกรานจนชายชราต้องถอยร่นไปถึงมุมหนึ่ง นั่นวิเศษเสียจนเธอยินดียืนดูเฉยๆ ต่อไปได้ทั้งวัน

    แต่ทั้งคู่ก็เพียงแค่ซุบซิบอะไรกันไม่กี่คำ ก่อนที่ทนายวิโรจน์จะพาทั้งเธอและเขา เข้ามาในห้องทำงานส่วนตัวตรงนี้

    นั่นละ ฤดีจึงต้องตั้งคำถาม ว่าอนลมาเกี่ยวอะไรด้วย และก็ไม่มีใครยอมตอบ

    ตอนนี้ชายคนที่ขโมยจูบ และผละออกตอนเธอเริ่มจะยินยอม ยืนพิงอยู่กับผนังด้านหลัง ไขว้ข้อเท้าเอาไว้เหมือนจะไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับอะไรทั้งสิ้น แต่ฤดีรู้ว่า ใจจริงนั้น เขาก็ต้องเคร่งเครียดพอๆ กับเธอ

    ที่ไม่รู้ก็คือ เพราะอะไรเขาต้องมายุ่งเกี่ยวกับการนัดหมายครั้งนี้ด้วย

    ฤดีลอบตวัดสายตามอง สายตากวาดไปทั่วตัวเขา ใบหน้าหล่อเหลายังเกร็งเครียด จมูกโด่งเป็นสัน ปากอิ่มเต็ม ที่ปลายคางมีรอยบุ๋มน้อยๆ แล้วดวงตาเธอเลื่อนไปที่ไหล่กว้าง ร่างเพรียวและท่อนขายาว

    ไม่ว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นใคร เธอแน่ใจว่า เขาคุ้นเคยกับการออกคำสั่งและทุกคนต้องทำตาม

คนอย่างเขา ไม่น่าจะทนฟังยืนนิ่งๆ ได้บ่อยนักขณะที่มีจอมประจบแต่เจ้าระเบียบอย่างทนายวิโรจน์ พูดเรื่อยเจื้อย โดยทำจมูกยุกยิกเหมือนกับกระต่ายเจ้าเล่ห์

    แล้วทำไมตอนนี้ถึงยอมยืนนิ่งๆ ได้ล่ะ

เขามาข้องเกี่ยวอะไรกับตาแก่ตรงหน้านี้ด้วย

    ยิ่งไปกว่านั้น เขามาเกี่ยวข้องอะไร กับการแจ้งหมายเหตุในพินัยกรรมลุงของเธอ

    “ฤดี สาวน้อย ถอดเสื้อคลุมเปียกๆ นั่นผึ่งไว้ก่อนดีไหม...”

    ฤดีกะพริบตา จ้องเขม็งมาที่ทนายความ เขากำลังเพ่งสำรวจเรือนร่างเธอลอดแว่นสายตาอยู่เช่นกัน และถ้าจะเรียกการแยกเขี้ยวโชว์ฟันทองว่า รอยยิ้ม ชายแก่นั่นก็คงกำลังยิ้มให้เธอด้วยแหละ

    ท่าทางทนายวิโรจน์จะต้องเก็บอาการเฒ่าหัวงูไว้อย่างยากลำบาก ขณะพยายามทำตัวเป็นชายแก่ใจดีกับเธอ และนั่นละ เรื่องที่ทำให้ฤดียิ่งต้องแปลกใจ

    ทำไมทนายความซึ่งมีลักษณะนิสัย และบุคลิกไม่ต่างจากลุงของเธอ กลับปฏิบัติต่อเธอราวกับเป็นลูกค้าชั้นเลิศ ซึ่งหญิงสาวแน่ใจว่า ตนไม่ได้อยู่ในสถานะเช่นนั้นแน่นอน

    แต่ก็นั่นแหละ มันเปล่าประโยชน์ที่จะสงสัย เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา ล้วนไม่มีเหตุผลทั้งสิ้น

    “ฤดี... ลุงถามว่า จะไม่ถอดเสื้อคลุมออกก่อนหรือ มันเปียกและอาจทำให้หนูไม่สบาย”

    อนล เลิศไตรภพ ทำเสียงบางอย่าง ที่ฤดีไม่แน่ใจว่า เป็นเสียงหัวเราะหรือแค่กระแอมกระไอ

    ใบหน้าของเธอร้อนผ่าว และไม่ยอมเหลือบมองไปทางเขา

    “ขอบคุณค่ะ”

เธอบอกเบาๆ เดาออกเลยว่า อีตาอนล กำลังคิดอะไร

“แต่หนูว่า หนูสบายดีอยู่แล้ว”

    “แน่ใจนะ ฝนนั่นมัน...”

    “คุณลุงคะ”

ฤดีต้องขัด ถึงเวลาที่เธอต้องใช้ไม้แข็งบ้างแล้ว

    “หนูต้องการรู้ว่า มันยังไงกันแน่ ที่หนูต้องมานี่ แล้วยังมี... อีตานั่น”

    เธอทำเสียงเข้มๆ จ้องชายชราอย่างไม่ละสายตา

    “แน่นอนสิ สาวน้อย ลุงรู้ว่าหนูต้องมีคำถาม และลุงยินดีอย่างยิ่งที่จะตอบคำถามนั้น ในเวลาที่เหมาะสม... แต่ก่อนอื่น...”

    “เวลานี้ละค่ะ เหมาะสมที่สุดแล้ว หนูต้องการคำตอบเดี๋ยวนี้ค่ะ”

    ฤดีกล่าวเสียงหนักแน่นกว่าเดิม

    “ทำไมคุณลุงถึงต้องขอให้หนูถ่อมาถึงที่นี่คะ”

    เธอผงกศีรษะไปทางอนล แต่สายตายังคงจับนิ่งอยู่บนใบหน้าของชายชรา

    “แล้วทำไมผู้ชายคนนั้น ถึงต้องมาอยู่ในห้องนี่ด้วย”

    “ฤดี...”

    ผู้มากวัยขยับจะพูด แต่อนลขัดขึ้นก่อน

    “เป็นความคิดที่ดีนะคุณวิโรจน์”

    มันเสียงเป็นแบบข่มขวัญชัดๆ ทำให้ฤดีต้องหันขวับไปทางเขา มุมปากอนลโค้งขึ้นด้วยความสะใจ

    สะใจงั้นหรือ... สะใจเรื่องอะไรล่ะ?

    “คุณฤดีเธออยากรู้อะไร คุณทนายก็บอกไปซีครับ”

    เขาเปลี่ยนจากกอดอก เป็นการยกมือขวาขึ้นมาสำรวจปลายเล็บ ที่ถูกตัดเจียนไว้เป็นอย่างดี นานจนพอใจแล้วก็ค่อยเงยขึ้น ส่งยิ้มให้ชายชราอีกครั้ง

    “ผมแน่ใจว่า เธอจะประหลาดใจมากเชียวละ เมื่อคุณอธิบายฐานะของผมให้เธอฟัง ที่จริงแล้วผมแทบจะทนรอฟังเสียงเธอ ไชโยโห่ร้องด้วยดีใจ ไม่ไหวแล้ว”

    ทนายความชราหน้าเปลี่ยนสีเป็นชมพูแจ๊ด คล้ายความดันโลหิตสูงขึ้นกะทันหัน

    “คุณอนลครับ ช่วยอดทนรออีกนิด ผมขออธิบายรายละเอียดอีกสัก....”

    “ไม่ ไม่ละ... คุณวิโรจน์ ผมจะไม่อดทนกับคุณอีกแล้ว”

    
(มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่