อะ แปะลิ้งค์ตอนเก่าก่อน
บทที่ 1
http://ppantip.com/topic/36590456
บทที่ 2
http://ppantip.com/topic/36597398
ตอนนี้เข้าสู่บทที่ 3 แหล่ว บทหน้าก็จบแล้วค่ะ (บอกแล้ว เรื่องสั้นขนาดยาว) ที่จริงเรื่องนี้มีคนเคยบอกว่ากรุณาแบ่งเป็นสัก 8 ตอนเถอะ มันยาวเกิน อยากแบ่งอยู่ แต่ตอนที่เขียนมันถูกแบ่งออกมาแบบนี้ตั้งแต่แรก หาที่ตัดลำบาก ก็ลงมันทั้งยาวๆ แบบนี้ละกันนะคะ แถมตอนนี้พันทิปก็จำกัดตัวอักษรในแต่ละคห. ยิ่งทำให้เปลืองคห. ในการแปะเข้าไปใหญ่ ถ้าอ่านแล้วกระตุกๆ ก็ขออภัยด้วยนะคะ >__<
==================================
บทที่ 3
สัปดาห์หนึ่งฉันจะไปที่ร้านของพี่ปรินซ์สองวันถึงสามวันค่ะ
ฉันอุตส่าห์ชวนหนูดีไปหาชุดน่ารักๆ เพิ่มเติมนะคะ แต่แค่ชวนไปเป็นเพื่อนไม่ค่อยอยากได้ยินคำแนะนำจากหนูดีเท่าไร ไม่อย่างนั้นฉันจะต้องได้กระโปรงบานขลิบลูกไม้ประหนึ่งเจ้าหญิงกลับบ้านแน่เลยค่ะ ฉันยิ่งหลงคารมคนง่ายๆ อยู่ด้วย
บางวันฉันก็ไปในชุดนักศึกษาเลยค่ะ ทำผมเสร็จจะได้ตรงไปเรียนต่อเลยได้ ฉันใช้สิทธิ์ที่ร้านพี่ปรินซ์ให้มาหมดไปสองเดือนแล้วค่ะ ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่สำหรับฉันดีเหมือนกันที่ไปหาผู้ชายคนหนึ่งถึงที่ แล้วก็มีข้ออ้างไปพบเขาอย่างสมเหตุสมผลด้วย
ในขณะเดียวกันก็เจอยายแม่มดที่มาทำผมในเวลาไล่เลี่ยกันทุกที จากตอนแรกที่ฉันโดนเมินอยู่ คราวนี้ความที่เจอกันบ่อยขึ้นทำให้เธอเริ่มชวนฉันคุยค่ะ
“น้องเรียนมหา’ลัยไหนน่ะ” เธอหันมาถามฉันเมื่อพี่ปรินซ์กำลังทำผมให้เธออยู่ ส่วนฉันที่มาช้ากว่าก็นั่งอ่านหนังสือเรียนต่อไป ส่วนพี่ต๋อมก็จัดการกับลูกค้าซึ่งเป็นหญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ตอนนี้ผมแต่ละหยิบมือของคุณป้าคนนั้นค่อยๆ ถูกสีทาบทับลงบนกระดาษฟอยล์ยื่นออกมาจากศีรษะคล้ายจานบินอยู่
ฉันมองระแวงเล็กน้อยว่าเธอมาไม้ไหน ก็เห็นกันอยู่ว่าชุดนักศึกษาฉันเป็นของสถาบันใด
แต่สุดท้ายฉันก็บอกออกไปตามมารยาท ยายแม่มดพยักหน้าเล็กน้อยอย่างรับรู้ได้ชัดว่าเสแสร้ง
“ดีนะ เป็นนักศึกษา” เธอเอ่ยเนิบนาบคล้ายว่าจะดี “มีเวลาเยอะดี ถึงได้มาทำผมได้บ่อยอย่างนี้ ดีจ้ะ ทำไว้นะ จะได้สวยๆ หนุ่มๆ จะได้มาชอบ”
หนอย! จะบอกว่าฉันว่างมากจนต้องมาทำผมไว้ยั่วผู้ชายงั้นหรือ
แม่มดก็คือแม่มดค่ะ อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก สวยแต่รูปจูบไม่หอม กระดังงาลนไฟ ปากหวานก้นเปรี้ยว มีอะไรอีกที่จะเอามาพรรณนาถึงผู้หญิงคนนี้ได้ คุณคิดว่าไงคะ
“อ้าว! มีอะไรหรือคะคุณปรินซ์”
ฉันเพิ่งสังเกตว่าพี่ปรินซ์ปิดไดร์เป่าผมไปเสียแล้ว ก็เลยเหลือบมองเขาผ่านกระจกซึ่งเขาก็มองมาพอดี ฉันจึงยิ้มให้น้อยๆ ในขณะที่เขาเอ่ยเสียงเรียบกับยายแม่มดนั่น
“ผมแค่นึกขึ้นได้ว่าคุณวิชลองเปลี่ยนทรงดูบ้างไหม ลองถักเปียไหมครับ”
หือ...พี่ปรินซ์จะถักเปียให้ยายแม่มดนี่น่ะหรือ
คนถูกถามทำหน้าคิด
“ลองดูก็ได้ค่ะ จะได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง” เธอพยักหน้า จากนั้นก็สั่งการให้พี่ปรินซ์ถักเปียแบบไหนก็ได้ให้ออกมาสวยๆ ก็แล้วกัน ซึ่งพี่ปรินซ์ส่งยิ้มเครื่องหมายการค้าให้เธอในขณะที่เหลือบมองฉันผ่านกระจกเข้าพอดี แววตาเขาอ่านยากแต่ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าเขาให้ฉันคอยอะไรบางอย่างซึ่งฉันก็ได้แต่ข้องใจ
แล้วฉันก็เข้าใจได้ทันทีเมื่อพี่ปรินซ์ลงมือจัดการกับผมของเธอ ฉันเองก็ห่างหายจากการถักเปียไปนานเพิ่งนึกขึ้นได้ถึงความทรมานทรกรรมเวลาที่ใครสักคนถักเปียก้างปลาซึ่งติดกับหนังศีรษะเช่นนั้น ต่อให้มนุษย์ที่มือเบาที่สุดก็ยังต้องมีเจ็บบ้างล่ะ
ถ้าคิดแบบปีศาจร้าย ฉันว่าตอนนี้พี่ปรินซ์กำลังแก้แค้นให้ฉันค่ะ แต่นางฟ้าประจำตัวฉันขัดแย้งเพราะฉันเชื่อนะคะว่าพี่ปรินซ์คงพยายามเบามือที่สุดแล้ว แต่ฉันก็เห็นใบหน้าขมวดคิ้วของผู้หญิงที่นั่งข้างๆ ฉันคนนี้อยู่บ้าง
ที่จริงฉันก็ออกจะทึ่งเธออยู่ครามครัน คุณเธอก็อดทนไม่ใช่เล่นนะคะ ฉันไม่ได้ยินเสียงร้องหลุดรอดจากริมฝีปากแองเจลิน่า โจลีเลยสักนิด ทิฐิเธอแรงกล้ามากค่ะ
พี่ปรินซ์จัดการผมเธออย่างรวดเร็ว แต่พอเห็นแล้วฉันยอมรับเลยค่ะว่าความสวยกับการเจ็บหนังศีรษะเมื่อครู่คุ้มมากมาย เปียก้างปลาถักตวัดข้างมาอีกด้านหนึ่ง ยิ่งผมของเธอดัดอยู่แล้วด้วย ปล่อยลูกผมออกมาเคลียใบหน้าเล็กน้อย กับพู่ปลายผมที่ตวัดมาพักอยู่ที่ไหล่ พี่ปรินซ์ก็จัดการใส่แวกซ์ให้มันเงางามอยู่เป็นทรง ดูสวยสุดใจเลยค่ะ
“คุณวิชมีติดอะไรที่พอประดับผมมาบ้างหรือเปล่าครับ” พี่ปรินซ์ถามเรื่อยๆ ตอนที่ค่อยๆ จับช่อปลายผมทีละช่อ ยายแม่มดส่ายหน้า
“ไม่มีเลยค่ะคุณปรินซ์ กะว่าจะมาไดร์ตรงอย่างเดียว” เธอบอกด้วยใบหน้าเสียดาย “สงสัยไว้ต้องติดอะไรมาบ้างแล้วล่ะ ไม่คิดว่าคุณปรินซ์ถักเปียสวยอย่างนี้”
พี่ปรินซ์ไม่ว่าอะไร เขาห่างจากหญิงสาวผู้นั้นเล็กน้อยเพื่อสำรวจเสื้อนอกสีดำขลิบลูกไม้ตรงปกเสื้อประดับด้วยเข็มกลัดรูปกล้วยไม้กับกระโปรงบานของเธออย่างพิจารณา
“คุณวิชรอเดี๋ยวนะครับ”
ร่างสูงนั้นลับไปหลังกำแพง ทั้งฉันและยายแม่มดมองตามอย่างแปลกใจ แล้วไปสบตาเข้ากับพี่ต๋อมแทน พี่ต๋อมเลยยิ้มพูดให้ฟัง
“คุณปรินซ์คงไปหาอะไรมาเซอร์ไพรส์คุณวิชมั้งคะ”
พี่ต๋อมเข้าใจพูดมากๆ สีหน้าของคุณแม่มดเป็นปลื้มสุดๆ เธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พลางสบเข้ากับตาฉันพอดี เธอก็เลยเตรียมพ่นพิษ เอ้ย! พูดอะไรออกมาให้ฉันรับรู้ถึงทัศนคติสุดแย่ของเธอ
“น้องรู้ไหม ที่จริงพี่เคยจะให้คุณปรินซ์ไปทำงานที่บ้านพี่เลยนะ เป็นช่างประจำตัวเลย” เอ่อ...ยายแม่มดนี่คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงในราชสำนักหรืออย่างไรจึงต้องมีช่างทำผมประจำตัว “แต่ปฏิเสธมาหลายทีแล้ว มาทำแต่ละทียิ่งเห็นฝีมือยิ่งเสียดายที่มาทำในร้านงกๆ เจอลูกค้าอะไรก็ไม่รู้แบบนี้ ไปทำกับพี่คงไม่ต้องเหนื่อยขนาดนี้”
แล้ว ‘ลูกค้าอะไรก็ไม่รู้’ นี่มันเป็นแบบไหนหรือ
ฉันกับลูกค้าอีกคนหนึ่งที่กำลังทำสีอยู่หันมามองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย คุณป้าซึ่งหากมองจากการแต่งตัวหรือใบหน้าที่คงฉีดมาจนตึงนั่น รวมทั้งมาทำผมในร้านย่านสุขุมวิทแบบนี้ได้ ก็น่าจะไม่ธรรมดาอยู่ แต่เธอกับฉันคงเป็นพวกเดียวกัน ทำหูทวนลมไปเสียคงดีกว่า
“จริงๆ ร้านก็มีอยู่แค่นี้ ขยายก็ไม่ได้แล้ว” เธอยังคงไม่รู้ตัวค่ะ “จะต่อเติมอะไรก็ลำบาก ก็คงรับคนได้แค่นี้แล้วจะไปเจริญก้าวหน้าอะไร”
“พี่ปรินซ์เปิดร้านนี้เพราะใจรักมากกว่าเพราะเงินค่ะ” ฉันอดไม่ได้แล้ว เป็นไงเป็นกัน! “ถ้ามัวแต่คิดถึงเงินอย่างเดียว แต่ต้องไปเจอสิ่งแวดล้อมเลวร้ายก็ทำงานไปไม่มีความสุขหรอกค่ะ”
เธอหันมามองฉันด้วยสายตาคาดไม่ถึงว่าฉันจะตอบโต้
“คับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยาก” คราวนี้คุณป้าข้างๆ เห็นด้วย “ไม่ว่าจะพูดตอนไหนก็เป็นความจริง”
ยายแม่มดหันขวับไปที่คุณป้าซึ่งเจ้าตัวหันไปพูดกับพี่ต๋อมเกี่ยวกับสีผมราวกับยายแม่มดนั่นไม่มีค่าควรแก่การต่อล้อต่อเถียงต่อไป ริมฝีปากอิ่มดุจแองเจลินานั่นยิ้มออก ดูมีเสน่ห์แบบแม่มดแสยะเขี้ยวนั่นล่ะค่ะ
“ภาษิตโบราณไปแล้วค่ะคุณป้า” ยายแม่มดพ่นพิษต่อแล้วหันมาโจมตีฉัน “โลกมันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกจ้ะ งานคือเงิน ไม่มีเงินก็ไม่อิ่มท้อง ไม่อิ่มท้องก็ไม่มีความสุข อุดมการณ์มันกินไม่ได้ อยู่ในโลกความเป็นจริงหน่อยนะจ๊ะ แม่หนูน้อย”
“แต่ทุกคนชอบฟังอุดมการณ์มากกว่าความจริงนะครับ” พี่ปรินซ์เดินออกมาพอดี ใบหน้าเขายังคงยิ้มแย้มเช่นเดิม ยายแม่มดมองหน้าเขาด้วยท่าทางไม่ค่อยพอใจ
“แปลว่ายังไงคุณก็ไม่ยอมไปทำงานให้วิชใช่ไหมคะ” ใบหน้าสวยแบบอาบยาพิษบึ้ง
“ทำงานที่ร้านสบายใจกว่าครับ” พี่ปรินซ์ก็ยังคงยิ้มให้อยู่
“ถ้าอย่างนั้นก็ลองดูค่ะ คุณบังคับวิชเอง” เธอกระแทกเสียงด้วยอาการขุ่นเคือง แต่พี่ปรินซ์ไม่สนใจ เขาพึมพำขอโทษแล้วบรรจงติดกล้วยไม้สีขาวที่หากฉันจำไม่ผิดมันเป็นกล้วยไม้ไว้ถวายพระนะ แต่พอพี่ปรินซ์จัดแซมๆ กับผมยายแม่มดนั่นแล้วกลับไม่เหมือนเลยสักนิด ดูเป็นดอกไม้มีราคาขึ้นมาทันตาเห็น
แต่คราวนี้ยายแม่มดไม่มีแก่ใจจะมาชื่นชมความงามแล้ว กระนั้นพี่ปรินซ์ก็ยังทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป
“ชอบไหมครับ ถ้าคุณต้องการติดเพิ่มผมยังพอมีอยู่ ดอกไม้สดเหมาะกับคุณวิชมากๆ”
เธอตวัดสายตามองร่างสูงนั่นแล้วหันมาพิจารณาตัวเองในกระจก เอ่ยเสียงขุ่น
“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าเยอะกว่านี้คงรกแล้วล่ะ”
จากนั้นเธอก็เดินไปเคาท์เตอร์แล้วพี่ต๋อมก็ขอตัวกับคุณป้าผู้ปล่อยหมัดเด็ดช่วยฉันชั่วคราวเพื่อคิดเงิน ฉันไม่ได้สังเกตหรอกนะว่าเธอจ่ายไปเท่าไรเพราะใช้บัตรเครดิตรูด แต่อาการย่ำเท้าแบบเด็กถูกขัดใจนั่นทำให้ฉันชักไม่แน่ใจว่าฉันหรือผู้หญิงคนนั้นโตกว่ากันกันแน่
“ขอโทษคุณนงเยาว์ด้วยนะครับ” พี่ปรินซ์หันไปขอโทษคุณป้าที่นั่งข้างๆ ฉันในขณะที่คุณป้าหัวเราะเบาๆ แล้วออกปากคุยกับพี่ปรินซ์
“ไม่มีอะไรต้องขอโทษนี่คุณปรินซ์” คุณป้ายังขำจนตัวกระเพื่อม “สนุกจัง ไม่คิดว่าจะได้เจออย่างนี้ อย่างกับฉากร้านทำผมกลางตลาดสดในละครทีวีเลย”
พี่ปรินซ์ยิ้มพิพักพิพ่วน
“ที่จริงป้าอยากจะบอกไล่หลังแม่หนูนั่นมากเลยนะว่า เธอเหมาะกับดอกไม้สดมาก” คุณป้ายังคงกล่าวต่อไป ฉันหันไปมองหน้าเธออย่างสงสัย
“เพราะมันจะเหี่ยวเร็วน่ะสิ!”
เสียงหัวเราะคุณป้าดูจะดังลั่นที่สุดในขณะที่พี่ต๋อมกับพี่ปรินซ์ได้แต่เมินหน้าไปทางอื่น ทำเสียงขลุกขลักในคอ ไม่อยู่ในฐานะที่จะหัวเราะได้ ส่วนฉันก็ได้แต่ยิ้มตามนิสัย
ฉันไม่รู้เลยค่ะว่าเสียงหัวเราะในวันนั้นคือบทแรกของหายนะที่กำลังตามมา
==================================
ห้วงเวลาแห่งเทพนิยาย : แผนลับราพันเซล บทที่ 3
บทที่ 1
http://ppantip.com/topic/36590456
บทที่ 2
http://ppantip.com/topic/36597398
ตอนนี้เข้าสู่บทที่ 3 แหล่ว บทหน้าก็จบแล้วค่ะ (บอกแล้ว เรื่องสั้นขนาดยาว) ที่จริงเรื่องนี้มีคนเคยบอกว่ากรุณาแบ่งเป็นสัก 8 ตอนเถอะ มันยาวเกิน อยากแบ่งอยู่ แต่ตอนที่เขียนมันถูกแบ่งออกมาแบบนี้ตั้งแต่แรก หาที่ตัดลำบาก ก็ลงมันทั้งยาวๆ แบบนี้ละกันนะคะ แถมตอนนี้พันทิปก็จำกัดตัวอักษรในแต่ละคห. ยิ่งทำให้เปลืองคห. ในการแปะเข้าไปใหญ่ ถ้าอ่านแล้วกระตุกๆ ก็ขออภัยด้วยนะคะ >__<
==================================
บทที่ 3
สัปดาห์หนึ่งฉันจะไปที่ร้านของพี่ปรินซ์สองวันถึงสามวันค่ะ
ฉันอุตส่าห์ชวนหนูดีไปหาชุดน่ารักๆ เพิ่มเติมนะคะ แต่แค่ชวนไปเป็นเพื่อนไม่ค่อยอยากได้ยินคำแนะนำจากหนูดีเท่าไร ไม่อย่างนั้นฉันจะต้องได้กระโปรงบานขลิบลูกไม้ประหนึ่งเจ้าหญิงกลับบ้านแน่เลยค่ะ ฉันยิ่งหลงคารมคนง่ายๆ อยู่ด้วย
บางวันฉันก็ไปในชุดนักศึกษาเลยค่ะ ทำผมเสร็จจะได้ตรงไปเรียนต่อเลยได้ ฉันใช้สิทธิ์ที่ร้านพี่ปรินซ์ให้มาหมดไปสองเดือนแล้วค่ะ ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่สำหรับฉันดีเหมือนกันที่ไปหาผู้ชายคนหนึ่งถึงที่ แล้วก็มีข้ออ้างไปพบเขาอย่างสมเหตุสมผลด้วย
ในขณะเดียวกันก็เจอยายแม่มดที่มาทำผมในเวลาไล่เลี่ยกันทุกที จากตอนแรกที่ฉันโดนเมินอยู่ คราวนี้ความที่เจอกันบ่อยขึ้นทำให้เธอเริ่มชวนฉันคุยค่ะ
“น้องเรียนมหา’ลัยไหนน่ะ” เธอหันมาถามฉันเมื่อพี่ปรินซ์กำลังทำผมให้เธออยู่ ส่วนฉันที่มาช้ากว่าก็นั่งอ่านหนังสือเรียนต่อไป ส่วนพี่ต๋อมก็จัดการกับลูกค้าซึ่งเป็นหญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ตอนนี้ผมแต่ละหยิบมือของคุณป้าคนนั้นค่อยๆ ถูกสีทาบทับลงบนกระดาษฟอยล์ยื่นออกมาจากศีรษะคล้ายจานบินอยู่
ฉันมองระแวงเล็กน้อยว่าเธอมาไม้ไหน ก็เห็นกันอยู่ว่าชุดนักศึกษาฉันเป็นของสถาบันใด
แต่สุดท้ายฉันก็บอกออกไปตามมารยาท ยายแม่มดพยักหน้าเล็กน้อยอย่างรับรู้ได้ชัดว่าเสแสร้ง
“ดีนะ เป็นนักศึกษา” เธอเอ่ยเนิบนาบคล้ายว่าจะดี “มีเวลาเยอะดี ถึงได้มาทำผมได้บ่อยอย่างนี้ ดีจ้ะ ทำไว้นะ จะได้สวยๆ หนุ่มๆ จะได้มาชอบ”
หนอย! จะบอกว่าฉันว่างมากจนต้องมาทำผมไว้ยั่วผู้ชายงั้นหรือ
แม่มดก็คือแม่มดค่ะ อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก สวยแต่รูปจูบไม่หอม กระดังงาลนไฟ ปากหวานก้นเปรี้ยว มีอะไรอีกที่จะเอามาพรรณนาถึงผู้หญิงคนนี้ได้ คุณคิดว่าไงคะ
“อ้าว! มีอะไรหรือคะคุณปรินซ์”
ฉันเพิ่งสังเกตว่าพี่ปรินซ์ปิดไดร์เป่าผมไปเสียแล้ว ก็เลยเหลือบมองเขาผ่านกระจกซึ่งเขาก็มองมาพอดี ฉันจึงยิ้มให้น้อยๆ ในขณะที่เขาเอ่ยเสียงเรียบกับยายแม่มดนั่น
“ผมแค่นึกขึ้นได้ว่าคุณวิชลองเปลี่ยนทรงดูบ้างไหม ลองถักเปียไหมครับ”
หือ...พี่ปรินซ์จะถักเปียให้ยายแม่มดนี่น่ะหรือ
คนถูกถามทำหน้าคิด
“ลองดูก็ได้ค่ะ จะได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง” เธอพยักหน้า จากนั้นก็สั่งการให้พี่ปรินซ์ถักเปียแบบไหนก็ได้ให้ออกมาสวยๆ ก็แล้วกัน ซึ่งพี่ปรินซ์ส่งยิ้มเครื่องหมายการค้าให้เธอในขณะที่เหลือบมองฉันผ่านกระจกเข้าพอดี แววตาเขาอ่านยากแต่ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าเขาให้ฉันคอยอะไรบางอย่างซึ่งฉันก็ได้แต่ข้องใจ
แล้วฉันก็เข้าใจได้ทันทีเมื่อพี่ปรินซ์ลงมือจัดการกับผมของเธอ ฉันเองก็ห่างหายจากการถักเปียไปนานเพิ่งนึกขึ้นได้ถึงความทรมานทรกรรมเวลาที่ใครสักคนถักเปียก้างปลาซึ่งติดกับหนังศีรษะเช่นนั้น ต่อให้มนุษย์ที่มือเบาที่สุดก็ยังต้องมีเจ็บบ้างล่ะ
ถ้าคิดแบบปีศาจร้าย ฉันว่าตอนนี้พี่ปรินซ์กำลังแก้แค้นให้ฉันค่ะ แต่นางฟ้าประจำตัวฉันขัดแย้งเพราะฉันเชื่อนะคะว่าพี่ปรินซ์คงพยายามเบามือที่สุดแล้ว แต่ฉันก็เห็นใบหน้าขมวดคิ้วของผู้หญิงที่นั่งข้างๆ ฉันคนนี้อยู่บ้าง
ที่จริงฉันก็ออกจะทึ่งเธออยู่ครามครัน คุณเธอก็อดทนไม่ใช่เล่นนะคะ ฉันไม่ได้ยินเสียงร้องหลุดรอดจากริมฝีปากแองเจลิน่า โจลีเลยสักนิด ทิฐิเธอแรงกล้ามากค่ะ
พี่ปรินซ์จัดการผมเธออย่างรวดเร็ว แต่พอเห็นแล้วฉันยอมรับเลยค่ะว่าความสวยกับการเจ็บหนังศีรษะเมื่อครู่คุ้มมากมาย เปียก้างปลาถักตวัดข้างมาอีกด้านหนึ่ง ยิ่งผมของเธอดัดอยู่แล้วด้วย ปล่อยลูกผมออกมาเคลียใบหน้าเล็กน้อย กับพู่ปลายผมที่ตวัดมาพักอยู่ที่ไหล่ พี่ปรินซ์ก็จัดการใส่แวกซ์ให้มันเงางามอยู่เป็นทรง ดูสวยสุดใจเลยค่ะ
“คุณวิชมีติดอะไรที่พอประดับผมมาบ้างหรือเปล่าครับ” พี่ปรินซ์ถามเรื่อยๆ ตอนที่ค่อยๆ จับช่อปลายผมทีละช่อ ยายแม่มดส่ายหน้า
“ไม่มีเลยค่ะคุณปรินซ์ กะว่าจะมาไดร์ตรงอย่างเดียว” เธอบอกด้วยใบหน้าเสียดาย “สงสัยไว้ต้องติดอะไรมาบ้างแล้วล่ะ ไม่คิดว่าคุณปรินซ์ถักเปียสวยอย่างนี้”
พี่ปรินซ์ไม่ว่าอะไร เขาห่างจากหญิงสาวผู้นั้นเล็กน้อยเพื่อสำรวจเสื้อนอกสีดำขลิบลูกไม้ตรงปกเสื้อประดับด้วยเข็มกลัดรูปกล้วยไม้กับกระโปรงบานของเธออย่างพิจารณา
“คุณวิชรอเดี๋ยวนะครับ”
ร่างสูงนั้นลับไปหลังกำแพง ทั้งฉันและยายแม่มดมองตามอย่างแปลกใจ แล้วไปสบตาเข้ากับพี่ต๋อมแทน พี่ต๋อมเลยยิ้มพูดให้ฟัง
“คุณปรินซ์คงไปหาอะไรมาเซอร์ไพรส์คุณวิชมั้งคะ”
พี่ต๋อมเข้าใจพูดมากๆ สีหน้าของคุณแม่มดเป็นปลื้มสุดๆ เธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พลางสบเข้ากับตาฉันพอดี เธอก็เลยเตรียมพ่นพิษ เอ้ย! พูดอะไรออกมาให้ฉันรับรู้ถึงทัศนคติสุดแย่ของเธอ
“น้องรู้ไหม ที่จริงพี่เคยจะให้คุณปรินซ์ไปทำงานที่บ้านพี่เลยนะ เป็นช่างประจำตัวเลย” เอ่อ...ยายแม่มดนี่คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงในราชสำนักหรืออย่างไรจึงต้องมีช่างทำผมประจำตัว “แต่ปฏิเสธมาหลายทีแล้ว มาทำแต่ละทียิ่งเห็นฝีมือยิ่งเสียดายที่มาทำในร้านงกๆ เจอลูกค้าอะไรก็ไม่รู้แบบนี้ ไปทำกับพี่คงไม่ต้องเหนื่อยขนาดนี้”
แล้ว ‘ลูกค้าอะไรก็ไม่รู้’ นี่มันเป็นแบบไหนหรือ
ฉันกับลูกค้าอีกคนหนึ่งที่กำลังทำสีอยู่หันมามองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย คุณป้าซึ่งหากมองจากการแต่งตัวหรือใบหน้าที่คงฉีดมาจนตึงนั่น รวมทั้งมาทำผมในร้านย่านสุขุมวิทแบบนี้ได้ ก็น่าจะไม่ธรรมดาอยู่ แต่เธอกับฉันคงเป็นพวกเดียวกัน ทำหูทวนลมไปเสียคงดีกว่า
“จริงๆ ร้านก็มีอยู่แค่นี้ ขยายก็ไม่ได้แล้ว” เธอยังคงไม่รู้ตัวค่ะ “จะต่อเติมอะไรก็ลำบาก ก็คงรับคนได้แค่นี้แล้วจะไปเจริญก้าวหน้าอะไร”
“พี่ปรินซ์เปิดร้านนี้เพราะใจรักมากกว่าเพราะเงินค่ะ” ฉันอดไม่ได้แล้ว เป็นไงเป็นกัน! “ถ้ามัวแต่คิดถึงเงินอย่างเดียว แต่ต้องไปเจอสิ่งแวดล้อมเลวร้ายก็ทำงานไปไม่มีความสุขหรอกค่ะ”
เธอหันมามองฉันด้วยสายตาคาดไม่ถึงว่าฉันจะตอบโต้
“คับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยาก” คราวนี้คุณป้าข้างๆ เห็นด้วย “ไม่ว่าจะพูดตอนไหนก็เป็นความจริง”
ยายแม่มดหันขวับไปที่คุณป้าซึ่งเจ้าตัวหันไปพูดกับพี่ต๋อมเกี่ยวกับสีผมราวกับยายแม่มดนั่นไม่มีค่าควรแก่การต่อล้อต่อเถียงต่อไป ริมฝีปากอิ่มดุจแองเจลินานั่นยิ้มออก ดูมีเสน่ห์แบบแม่มดแสยะเขี้ยวนั่นล่ะค่ะ
“ภาษิตโบราณไปแล้วค่ะคุณป้า” ยายแม่มดพ่นพิษต่อแล้วหันมาโจมตีฉัน “โลกมันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกจ้ะ งานคือเงิน ไม่มีเงินก็ไม่อิ่มท้อง ไม่อิ่มท้องก็ไม่มีความสุข อุดมการณ์มันกินไม่ได้ อยู่ในโลกความเป็นจริงหน่อยนะจ๊ะ แม่หนูน้อย”
“แต่ทุกคนชอบฟังอุดมการณ์มากกว่าความจริงนะครับ” พี่ปรินซ์เดินออกมาพอดี ใบหน้าเขายังคงยิ้มแย้มเช่นเดิม ยายแม่มดมองหน้าเขาด้วยท่าทางไม่ค่อยพอใจ
“แปลว่ายังไงคุณก็ไม่ยอมไปทำงานให้วิชใช่ไหมคะ” ใบหน้าสวยแบบอาบยาพิษบึ้ง
“ทำงานที่ร้านสบายใจกว่าครับ” พี่ปรินซ์ก็ยังคงยิ้มให้อยู่
“ถ้าอย่างนั้นก็ลองดูค่ะ คุณบังคับวิชเอง” เธอกระแทกเสียงด้วยอาการขุ่นเคือง แต่พี่ปรินซ์ไม่สนใจ เขาพึมพำขอโทษแล้วบรรจงติดกล้วยไม้สีขาวที่หากฉันจำไม่ผิดมันเป็นกล้วยไม้ไว้ถวายพระนะ แต่พอพี่ปรินซ์จัดแซมๆ กับผมยายแม่มดนั่นแล้วกลับไม่เหมือนเลยสักนิด ดูเป็นดอกไม้มีราคาขึ้นมาทันตาเห็น
แต่คราวนี้ยายแม่มดไม่มีแก่ใจจะมาชื่นชมความงามแล้ว กระนั้นพี่ปรินซ์ก็ยังทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป
“ชอบไหมครับ ถ้าคุณต้องการติดเพิ่มผมยังพอมีอยู่ ดอกไม้สดเหมาะกับคุณวิชมากๆ”
เธอตวัดสายตามองร่างสูงนั่นแล้วหันมาพิจารณาตัวเองในกระจก เอ่ยเสียงขุ่น
“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าเยอะกว่านี้คงรกแล้วล่ะ”
จากนั้นเธอก็เดินไปเคาท์เตอร์แล้วพี่ต๋อมก็ขอตัวกับคุณป้าผู้ปล่อยหมัดเด็ดช่วยฉันชั่วคราวเพื่อคิดเงิน ฉันไม่ได้สังเกตหรอกนะว่าเธอจ่ายไปเท่าไรเพราะใช้บัตรเครดิตรูด แต่อาการย่ำเท้าแบบเด็กถูกขัดใจนั่นทำให้ฉันชักไม่แน่ใจว่าฉันหรือผู้หญิงคนนั้นโตกว่ากันกันแน่
“ขอโทษคุณนงเยาว์ด้วยนะครับ” พี่ปรินซ์หันไปขอโทษคุณป้าที่นั่งข้างๆ ฉันในขณะที่คุณป้าหัวเราะเบาๆ แล้วออกปากคุยกับพี่ปรินซ์
“ไม่มีอะไรต้องขอโทษนี่คุณปรินซ์” คุณป้ายังขำจนตัวกระเพื่อม “สนุกจัง ไม่คิดว่าจะได้เจออย่างนี้ อย่างกับฉากร้านทำผมกลางตลาดสดในละครทีวีเลย”
พี่ปรินซ์ยิ้มพิพักพิพ่วน
“ที่จริงป้าอยากจะบอกไล่หลังแม่หนูนั่นมากเลยนะว่า เธอเหมาะกับดอกไม้สดมาก” คุณป้ายังคงกล่าวต่อไป ฉันหันไปมองหน้าเธออย่างสงสัย
“เพราะมันจะเหี่ยวเร็วน่ะสิ!”
เสียงหัวเราะคุณป้าดูจะดังลั่นที่สุดในขณะที่พี่ต๋อมกับพี่ปรินซ์ได้แต่เมินหน้าไปทางอื่น ทำเสียงขลุกขลักในคอ ไม่อยู่ในฐานะที่จะหัวเราะได้ ส่วนฉันก็ได้แต่ยิ้มตามนิสัย
ฉันไม่รู้เลยค่ะว่าเสียงหัวเราะในวันนั้นคือบทแรกของหายนะที่กำลังตามมา
==================================