ก่อนที่ศาลอาญาจะมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 ส.ค. ให้ยกฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพระสุเทพ เทือกสุบรรณ ในข้อหาร่วมกันก่อให้ผู้อื่นกระทำผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาเล็ง เห็นผล
โดยเห็นว่าคดีนี้เป็นการกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่
จึงเป็นอำนาจของศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง ส่วนศาลอาญาไม่มีอำนาจพิจารณานั้น
ใน ช่วงแรกเมื่อนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพยื่นร้องในประเด็นนี้ โดยต่อสู้ว่าคดีนี้เป็นการกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ขอให้เป็นอำนาจการไต่สวนของป.ป.ช.
ศาลอาญาได้เปิดให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้โต้แย้ง
อัยการผู้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องในคดีอาญา ได้ยืนยันว่า คดี 99 ศพไม่ใช่ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่
โดยยกคดีตัวอย่างเพื่อเทียบเคียง!
ได้แก่ คดีผู้ต้องหาลักทรัพย์ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ถูกตำรวจจับกุมแล้วนำตัวออกจากห้องขังแล้วฆ่า เมื่อเดือนก.ค. 2547
คดี นี้เองป.ป.ช.ได้มีมติไม่รับพิจารณา เห็นว่ามิใช่การกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ และส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนฟ้องตำรวจที่เกี่ยวข้องเป็นคดีอาญา จนกระทั่งศาลอาญาได้ลงโทษในบางรายไปแล้ว
ยังมีกรณีตำรวจพระ นครศรีอยุธยา ทำร้ายร่างกายผู้ต้องหา เพื่อให้รับสารภาพว่าร่วมกัน วิ่งราวทรัพย์ เหตุเกิดเมื่อเดือนพ.ย.2547 ป.ป.ช. พิจารณาเห็นว่าเป็นการกระทำนอกเหนืออำนาจหน้าที่ มิใช่การกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่
ยังมีกรณีตำรวจจับกุมคดียาเสพติด และยิงถูกเด็กเสียชีวิต
คดีนี้อัยการฟ้องเจ้าหน้าที่ในข้อหาความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและพยายามฆ่า ศาลพิพากษาลงโทษแล้ว!
เห็นได้ว่า หากเจ้าพนักงานกระทำการเกี่ยวเนื่องกับตำแหน่งหน้าที่ แต่มีเจตนาประสงค์ต่อชีวิตและร่างกายของผู้ถูกกระทำแล้ว
โดยหลักกฎหมายถือว่าเป็นการกระทำนอกเหนือตำแหน่งหน้าที่ทางราชการ
นั่นคือรายละเอียดในหนังสือของอัยการ
แต่สุดท้ายศาลอาญาพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นความผิดต่อหน้าที่ราชการ จึงยกฟ้องในส่วนคดีอาญา
แน่นอนว่าต้องยึดถือและเคารพคำพิพากษาของศาล
เพียงแต่อ่านคำโต้แย้งของอัยการแล้วทำให้ต้องนึกถึงคดีตำรวจจับตายทั้งหลาย
ที่มีโอกาสเกิดเสมอๆ
ถ้าตำรวจยึดหลักนี้เพื่อต่อสู้ว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่
เพื่อให้ไปยังป.ป.ช. ไม่เป็นคดีอาญา
ย่อมน่าห่วงใยต่อสิทธิและสวัสดิภาพของประชาชนทั่วไป!
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRRd09UUTVPRFEzTnc9PQ%3D%3D§ionid
ถ้าเป็นเจ้ปูวว์ว์ ล่ะก็หายห่วงได้เลย
เทียบคดีวิสามัญฆาตกรรม
ก่อนที่ศาลอาญาจะมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 ส.ค. ให้ยกฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพระสุเทพ เทือกสุบรรณ ในข้อหาร่วมกันก่อให้ผู้อื่นกระทำผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาเล็ง เห็นผล
โดยเห็นว่าคดีนี้เป็นการกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่
จึงเป็นอำนาจของศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง ส่วนศาลอาญาไม่มีอำนาจพิจารณานั้น
ใน ช่วงแรกเมื่อนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพยื่นร้องในประเด็นนี้ โดยต่อสู้ว่าคดีนี้เป็นการกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ขอให้เป็นอำนาจการไต่สวนของป.ป.ช.
ศาลอาญาได้เปิดให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้โต้แย้ง
อัยการผู้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องในคดีอาญา ได้ยืนยันว่า คดี 99 ศพไม่ใช่ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่
โดยยกคดีตัวอย่างเพื่อเทียบเคียง!
ได้แก่ คดีผู้ต้องหาลักทรัพย์ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ถูกตำรวจจับกุมแล้วนำตัวออกจากห้องขังแล้วฆ่า เมื่อเดือนก.ค. 2547
คดี นี้เองป.ป.ช.ได้มีมติไม่รับพิจารณา เห็นว่ามิใช่การกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ และส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนฟ้องตำรวจที่เกี่ยวข้องเป็นคดีอาญา จนกระทั่งศาลอาญาได้ลงโทษในบางรายไปแล้ว
ยังมีกรณีตำรวจพระ นครศรีอยุธยา ทำร้ายร่างกายผู้ต้องหา เพื่อให้รับสารภาพว่าร่วมกัน วิ่งราวทรัพย์ เหตุเกิดเมื่อเดือนพ.ย.2547 ป.ป.ช. พิจารณาเห็นว่าเป็นการกระทำนอกเหนืออำนาจหน้าที่ มิใช่การกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่
ยังมีกรณีตำรวจจับกุมคดียาเสพติด และยิงถูกเด็กเสียชีวิต
คดีนี้อัยการฟ้องเจ้าหน้าที่ในข้อหาความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและพยายามฆ่า ศาลพิพากษาลงโทษแล้ว!
เห็นได้ว่า หากเจ้าพนักงานกระทำการเกี่ยวเนื่องกับตำแหน่งหน้าที่ แต่มีเจตนาประสงค์ต่อชีวิตและร่างกายของผู้ถูกกระทำแล้ว
โดยหลักกฎหมายถือว่าเป็นการกระทำนอกเหนือตำแหน่งหน้าที่ทางราชการ
นั่นคือรายละเอียดในหนังสือของอัยการ
แต่สุดท้ายศาลอาญาพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นความผิดต่อหน้าที่ราชการ จึงยกฟ้องในส่วนคดีอาญา
แน่นอนว่าต้องยึดถือและเคารพคำพิพากษาของศาล
เพียงแต่อ่านคำโต้แย้งของอัยการแล้วทำให้ต้องนึกถึงคดีตำรวจจับตายทั้งหลาย
ที่มีโอกาสเกิดเสมอๆ
ถ้าตำรวจยึดหลักนี้เพื่อต่อสู้ว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่
เพื่อให้ไปยังป.ป.ช. ไม่เป็นคดีอาญา
ย่อมน่าห่วงใยต่อสิทธิและสวัสดิภาพของประชาชนทั่วไป!
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRRd09UUTVPRFEzTnc9PQ%3D%3D§ionid
ถ้าเป็นเจ้ปูวว์ว์ ล่ะก็หายห่วงได้เลย