ปัจจุบันผมอายุย่างเข้า 33 ปี
ผมเริ่มป่วยเป็นโรคซึมเศร้า มาตั้งแต่อายุ19ปีแล้วครับ
พอมองย้อนกลับไป ร่วมๆ14ปี ผมปฏิบัติตัวผิดมาตลอด
ผมไปพบหมอ แต่ไม่ยอมกินยา (กินแล้วมันง่วงมากกก)
โกหกหมอว่ากินยาครบแล้ว สุดท้ายก็หนีหมอไปซะอย่างงั้น.....
พยายามบำบัดตัวเอง ด้วยการเข้าวัดปฏิบัติธรรม
ผมเพิ่งมารู้ทีหลังว่านี่เป็นวิธีที่ผิดครับ (ผิดยังไงเดี๋ยวจะเขียนอธิบายช่วงท้ายๆ)
โรคซึมเศร้ามันเอาทุกอย่างไปจากชีวิตของผมจริงๆ
ทุกอย่างล้มติดต่อกันเป็นโดมิโน่
ไม่ว่าจะเป็นการเรียน,สังคม,ความเคารพตนเอง
หนักๆเข้าพาลอยากตาย แต่ที่ยังไม่ทำเพราะกลัวเจ็บ (ฮา)
ของจริงเศร้ามาก ไม่ได้ฮาอย่างนี้นะครับ
จนถึงเหตุการณ์พลิกผันชีวิต เมื่อ2ปีกว่าๆที่ผ่านมา
ผมเป็นคนรักหนังสือมากกก เลยทำกลุ่มคนรักหนังสือกับเพื่อนๆ
ช่วงแรกๆทุกอย่างไปได้สวย
เราได้นักเขียนดังๆมาเป็นแขกมากมาย
กลุ่มขยายใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ
จนกระทั่งวันหนึ่ง......
จาก Hobby ได้เปลี่ยนมาเป็น Business
พอมีผลประโยชน์ มีเรื่องเงินๆทองๆ ด้านมืดของคนก็ปรากฏ
สาดโคลน ใส่ไฟ แทงข้างหลัง หักหลัง แบล็คเมย์ หลักฐานเท็จ
สารพัดเรื่องที่พวกเขาทำ เพื่อกำจัดคนที่ขวางผลประโชน์ให้ออกไป
ซึ่งคนๆนั้นมันก็คือผมเอง....
อีกเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมโดนขนาดนี้....
เพราะมีเรื่องชู้สาว กินกันเองในองค์กรด้วยครับ
พวกเขาก็เลยต้องพยายามกำจัด ปิดปาก คนที่รู้เรื่องนี้ เพื่อให้ภาพลักษณ์ขององค์กรยังดีอยู่
อารมณ์มันเหมือนคนเสียของรัก เสียของที่ร่วมสร้างมากับมือ
ผมเลือกวิธีเงียบไม่ตอบโต้ เพราะผมปากเดียว คงไม่สามารถไปสู้กับอีกสามปาก พร้อมหลักฐานเท็จได้
จนหลายๆคนเข้าใจผมผิด ด่าผม และออกจากชีวิตของผมไป
อารมณ์ซึมเศร้าก็เลยยิ่งจมหนักขึ้นเลยทีนี้ T__T
วันๆเฝ้าย้ำคิด ย้ำทำ ถามว่าตัวเองว่า "ตรูทำไรผิด ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้"
เหมือนที่คนจีนสอนลูกหลานจริงๆว่า มิตรภาพเหมือนกระดาษ พร้อมฉีกขาด และถูกไฟเผา
อาการนอนไม่หลับ อารมณ์ฉุนเฉียว เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มคุมตัวเองไม่ค่อยไหว
ผมเริ่มตัดสินใจไปบวชในวัดป่า เพื่อล้างซวย สงบจิตสงบใจ และหาเวลาปฏิบัติธรรม
ถึงได้อยู่คนเดียวกลางป่าลึก ปฏิบัติวิปัสสนาตลอดเวลา
อาการพวกนี้มันก็ยังตามมาหลอกหลอนครับ (แต่อาจจะน้อยลงไปพอสมควร)
พอได้สึกออกมา ช่วงแรกๆก็เหมือนจะดีขึ้น แต่ก็กลับมาซึมเศร้าอีก
ทำไม ทำม๊าย ต้องเป็นตรู....
ผมเป็นอย่างนี้ร่วมสองปีกว่าๆ
คงไม่ต้องอธิบายว่านรกขนาดไหน
จนทำให้เกิดจุดพลิกผันอีกรอบ
ในขณะที่ผมกำลังเศร้าสุดๆ อยากตามไปล้างแค้นพวกมัน อยากออกมาแฉความจริงให้คนรู้
เอาสิฟะ ในเมื่อไม่มีอะไรจะให้เสียอีกแล้ว แตกเป็นแตก หักเป็นหัก ตายเป็นตาย
คุณแม่ของผม ท่านอายุ 64แล้ว คุณแม่แก่ๆของผม เดินเข้ามาถามผมว่า...
"ลื๊อกินข้าวรึยัง"
จุกเลยครับประโยคนี้ หน้าชาไปเลย
ทำให้ผมต้องกลับมาถามตัวเองว่า.... ทำไมเราต้องไปสนใจ ให้คุณค่า กับไอ้พวกคนที่รุมทำร้ายเรา
ถ้าผมตายไปตอนนี้ พวกมันก็ไม่มางานศพของผมหรอก
แต่แม่สิ ทำไมผมไม่เคยให้ความสำคัญกับผุ้หญิงคนนี้เลย
แม่ต้องทนกับอาการซึมเศร้าของผม มาตั้ง 14 ปีแล้ว
ทำไมผมไม่เคยทำอะไรให้แม่ภูมิใจเลย
มัวแต่ไปเสียเวลาไอ้พวกคนที่ทำร้ายผม....
ตั้งแต่วันนั้น ผมก็ปฏิญาณกับตัวเองว่า "ตรูต้องหายจากโรคซึมเศร้าให้ได้"
Yes!!!!!!!
ผมเริ่มทำพฤติกรรมบำบัด เพื่อรักษาตัวเองให้ดีขึ้น
พร้อมกับตามอ่านหนังสือ ที่เขียนอธิบายเกี่ยวกับโรคซึมเศร้า
จนได้ไปพบกับหนังสือเล่มหนึ่งของ นายแพทย์ประเสริฐ ผลิดผลการพิมพ์
อาจารย์ท่านเขียนอธิบายไว้ประมาณนี้ว่า คนที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามานานๆ สารเคมีบางตัวในสมองจะเสียไป
การที่สารเคมีในสมองเสียไป ทำให้อาการซึมเศร้ายังคงอยู่
คนป่วยประเภทนี้จำเป็นต้องได้รับยา เพื่อปรับสารเคมีในสมอง
ผมอ่านตอนนี้จบ....ถึงบางอ้อเลยครับ
ผมคิดว่าพฤติกรรมบำบัดเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ (ไม่ใช่ไม่สำคัญนะ)
การทานยาเป็นการรักษาที่ต้นเหตุ (คือสารเคมีในสมอง)
การรักษาตนเองจากโรคซึมเศร้าที่ดีที่สุด คือการไปพบหมอ เพื่อขอยามาทาน
และทำพฤติกรรมบำบัดควบคู่ไปด้วย
การบอกให้คนป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเข้าวัดปฏิบัติธรรม โดยปฏิเสธการรักษาจากหมอ
จากประสบการณ์ของผม เป็นคำแนะนำที่ผิดมหันต์และบาป
เพราะมันเคยมีผู้ป่วยโรคซึมเศร้าไปผูกคอตายในสถานปฏิบัติธรรมมาแล้ว
ใครรับผิดชอบล่ะทีนี้
วิธีการรักษาที่ดีที่สุด คือไปหาหมอ ขอยากิน
พออาการเริ่มดีขึ้นในระดับหนึ่งแล้ว
จึงค่อยเข้าวัดปฏิบัติธรรมครับ
ถ้าทำอย่างนี้ การปฏิบัติธรรมจะช่วยได้เยอะมาก แทบจะเสริมกันเลย
พอเริ่มรู้สาเหตุแล้ว
ผมก็เริ่มกลับไปหาหมอ
ผมเข้าปล่อยไปมุข จนหมอฮาก๊ากเลย ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีมาก
คุณหมอจ่ายยามาให้กิน หลังอาหารเช้า 1 เม็ด
หลังอาหารเย็น 1 เม็ด
ผมรับปากกับคุณหมอไว้ว่าจะกินยาให้ครบ และทำพฤติกรรมบำบัดควบคู่ไปด้วย
ประเดี๋ยวผมจะมาเขียนถึงวิธีการทำพฤติกรรมบำบัด ตามที่ได้ค้นคว้ามา
เพื่อเป็นประโยชน์กับผู้ป่วยโรคซึมเศร้าคนอื่นๆด้วย
หวังว่าพวกเราจะหายจากโรคนี้ไปด้วยกัน
ผมต้องหายจากโรคซึมเศร้า แบ่งปันประสบการณ์
ผมเริ่มป่วยเป็นโรคซึมเศร้า มาตั้งแต่อายุ19ปีแล้วครับ
พอมองย้อนกลับไป ร่วมๆ14ปี ผมปฏิบัติตัวผิดมาตลอด
ผมไปพบหมอ แต่ไม่ยอมกินยา (กินแล้วมันง่วงมากกก)
โกหกหมอว่ากินยาครบแล้ว สุดท้ายก็หนีหมอไปซะอย่างงั้น.....
พยายามบำบัดตัวเอง ด้วยการเข้าวัดปฏิบัติธรรม
ผมเพิ่งมารู้ทีหลังว่านี่เป็นวิธีที่ผิดครับ (ผิดยังไงเดี๋ยวจะเขียนอธิบายช่วงท้ายๆ)
โรคซึมเศร้ามันเอาทุกอย่างไปจากชีวิตของผมจริงๆ
ทุกอย่างล้มติดต่อกันเป็นโดมิโน่
ไม่ว่าจะเป็นการเรียน,สังคม,ความเคารพตนเอง
หนักๆเข้าพาลอยากตาย แต่ที่ยังไม่ทำเพราะกลัวเจ็บ (ฮา)
ของจริงเศร้ามาก ไม่ได้ฮาอย่างนี้นะครับ
จนถึงเหตุการณ์พลิกผันชีวิต เมื่อ2ปีกว่าๆที่ผ่านมา
ผมเป็นคนรักหนังสือมากกก เลยทำกลุ่มคนรักหนังสือกับเพื่อนๆ
ช่วงแรกๆทุกอย่างไปได้สวย
เราได้นักเขียนดังๆมาเป็นแขกมากมาย
กลุ่มขยายใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ
จนกระทั่งวันหนึ่ง......
จาก Hobby ได้เปลี่ยนมาเป็น Business
พอมีผลประโยชน์ มีเรื่องเงินๆทองๆ ด้านมืดของคนก็ปรากฏ
สาดโคลน ใส่ไฟ แทงข้างหลัง หักหลัง แบล็คเมย์ หลักฐานเท็จ
สารพัดเรื่องที่พวกเขาทำ เพื่อกำจัดคนที่ขวางผลประโชน์ให้ออกไป
ซึ่งคนๆนั้นมันก็คือผมเอง....
อีกเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมโดนขนาดนี้....
เพราะมีเรื่องชู้สาว กินกันเองในองค์กรด้วยครับ
พวกเขาก็เลยต้องพยายามกำจัด ปิดปาก คนที่รู้เรื่องนี้ เพื่อให้ภาพลักษณ์ขององค์กรยังดีอยู่
อารมณ์มันเหมือนคนเสียของรัก เสียของที่ร่วมสร้างมากับมือ
ผมเลือกวิธีเงียบไม่ตอบโต้ เพราะผมปากเดียว คงไม่สามารถไปสู้กับอีกสามปาก พร้อมหลักฐานเท็จได้
จนหลายๆคนเข้าใจผมผิด ด่าผม และออกจากชีวิตของผมไป
อารมณ์ซึมเศร้าก็เลยยิ่งจมหนักขึ้นเลยทีนี้ T__T
วันๆเฝ้าย้ำคิด ย้ำทำ ถามว่าตัวเองว่า "ตรูทำไรผิด ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้"
เหมือนที่คนจีนสอนลูกหลานจริงๆว่า มิตรภาพเหมือนกระดาษ พร้อมฉีกขาด และถูกไฟเผา
อาการนอนไม่หลับ อารมณ์ฉุนเฉียว เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มคุมตัวเองไม่ค่อยไหว
ผมเริ่มตัดสินใจไปบวชในวัดป่า เพื่อล้างซวย สงบจิตสงบใจ และหาเวลาปฏิบัติธรรม
ถึงได้อยู่คนเดียวกลางป่าลึก ปฏิบัติวิปัสสนาตลอดเวลา
อาการพวกนี้มันก็ยังตามมาหลอกหลอนครับ (แต่อาจจะน้อยลงไปพอสมควร)
พอได้สึกออกมา ช่วงแรกๆก็เหมือนจะดีขึ้น แต่ก็กลับมาซึมเศร้าอีก
ทำไม ทำม๊าย ต้องเป็นตรู....
ผมเป็นอย่างนี้ร่วมสองปีกว่าๆ
คงไม่ต้องอธิบายว่านรกขนาดไหน
จนทำให้เกิดจุดพลิกผันอีกรอบ
ในขณะที่ผมกำลังเศร้าสุดๆ อยากตามไปล้างแค้นพวกมัน อยากออกมาแฉความจริงให้คนรู้
เอาสิฟะ ในเมื่อไม่มีอะไรจะให้เสียอีกแล้ว แตกเป็นแตก หักเป็นหัก ตายเป็นตาย
คุณแม่ของผม ท่านอายุ 64แล้ว คุณแม่แก่ๆของผม เดินเข้ามาถามผมว่า...
"ลื๊อกินข้าวรึยัง"
จุกเลยครับประโยคนี้ หน้าชาไปเลย
ทำให้ผมต้องกลับมาถามตัวเองว่า.... ทำไมเราต้องไปสนใจ ให้คุณค่า กับไอ้พวกคนที่รุมทำร้ายเรา
ถ้าผมตายไปตอนนี้ พวกมันก็ไม่มางานศพของผมหรอก
แต่แม่สิ ทำไมผมไม่เคยให้ความสำคัญกับผุ้หญิงคนนี้เลย
แม่ต้องทนกับอาการซึมเศร้าของผม มาตั้ง 14 ปีแล้ว
ทำไมผมไม่เคยทำอะไรให้แม่ภูมิใจเลย
มัวแต่ไปเสียเวลาไอ้พวกคนที่ทำร้ายผม....
ตั้งแต่วันนั้น ผมก็ปฏิญาณกับตัวเองว่า "ตรูต้องหายจากโรคซึมเศร้าให้ได้"
Yes!!!!!!!
ผมเริ่มทำพฤติกรรมบำบัด เพื่อรักษาตัวเองให้ดีขึ้น
พร้อมกับตามอ่านหนังสือ ที่เขียนอธิบายเกี่ยวกับโรคซึมเศร้า
จนได้ไปพบกับหนังสือเล่มหนึ่งของ นายแพทย์ประเสริฐ ผลิดผลการพิมพ์
อาจารย์ท่านเขียนอธิบายไว้ประมาณนี้ว่า คนที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามานานๆ สารเคมีบางตัวในสมองจะเสียไป
การที่สารเคมีในสมองเสียไป ทำให้อาการซึมเศร้ายังคงอยู่
คนป่วยประเภทนี้จำเป็นต้องได้รับยา เพื่อปรับสารเคมีในสมอง
ผมอ่านตอนนี้จบ....ถึงบางอ้อเลยครับ
ผมคิดว่าพฤติกรรมบำบัดเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ (ไม่ใช่ไม่สำคัญนะ)
การทานยาเป็นการรักษาที่ต้นเหตุ (คือสารเคมีในสมอง)
การรักษาตนเองจากโรคซึมเศร้าที่ดีที่สุด คือการไปพบหมอ เพื่อขอยามาทาน
และทำพฤติกรรมบำบัดควบคู่ไปด้วย
การบอกให้คนป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเข้าวัดปฏิบัติธรรม โดยปฏิเสธการรักษาจากหมอ
จากประสบการณ์ของผม เป็นคำแนะนำที่ผิดมหันต์และบาป
เพราะมันเคยมีผู้ป่วยโรคซึมเศร้าไปผูกคอตายในสถานปฏิบัติธรรมมาแล้ว
ใครรับผิดชอบล่ะทีนี้
วิธีการรักษาที่ดีที่สุด คือไปหาหมอ ขอยากิน
พออาการเริ่มดีขึ้นในระดับหนึ่งแล้ว
จึงค่อยเข้าวัดปฏิบัติธรรมครับ
ถ้าทำอย่างนี้ การปฏิบัติธรรมจะช่วยได้เยอะมาก แทบจะเสริมกันเลย
พอเริ่มรู้สาเหตุแล้ว
ผมก็เริ่มกลับไปหาหมอ
ผมเข้าปล่อยไปมุข จนหมอฮาก๊ากเลย ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีมาก
คุณหมอจ่ายยามาให้กิน หลังอาหารเช้า 1 เม็ด
หลังอาหารเย็น 1 เม็ด
ผมรับปากกับคุณหมอไว้ว่าจะกินยาให้ครบ และทำพฤติกรรมบำบัดควบคู่ไปด้วย
ประเดี๋ยวผมจะมาเขียนถึงวิธีการทำพฤติกรรมบำบัด ตามที่ได้ค้นคว้ามา
เพื่อเป็นประโยชน์กับผู้ป่วยโรคซึมเศร้าคนอื่นๆด้วย
หวังว่าพวกเราจะหายจากโรคนี้ไปด้วยกัน