นี่เป็นกระทู้แรกในชีวิตเลยค่ะ ปกติสมัครพันทิพย์ ไว้ส่องดารา ละคร โหวตโน่นนี่นั่นไปเรื่อย แต่มาเกิดเหตุขึ้นกับตัวเองจนได้ เลยนำมาเป็นอุทาหรณ์แก่ผู้ใช้บัตรเครดิตชำระสินค้าและบริการผ่านอินเทอร์เน็ต และมีข้อสงสัยอยากถามใครที่เคยโดนด้วยค่ะ เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวานได้จ่ายค่าโทรศัพท์ ผ่าน e-service แต่ไม่ได้รับ SMS แจ้งจากกสิกร เพราะยอดเงินไม่ถึง 1,000 บาท
แล้วเมื่อเช้างัวเงียตื่นขึ้นมา เห็น SMS แจ้งจากกสิกรว่ามีการอนุมัติการทำรายการ 2 รายการ เป็นสกุลเงิน AUD เวลาประมาณ ตีสอง และตีสี่ รวมเป็นเงิน 19,712.21 บาท แม่เจ้าาาาาา แทบกระโดดลงจากเตียง เอาแล้วไง โดนเข้าแล้ว ปกติอ่านแต่เคสของคนอื่นๆ จึงรีบติดต่อไป CC เลยค่ะ ให้เขาตรวจสอบ CC แจ้งว่า มีการทำรายการจริง ทำรายการที่ออสเตรเลีย CC เลยทำการอายัดบัตรให้และให้ส่งแบบทักท้วงการใช้บัตรเข้าไปก่อน
ปกติเวลาเราทำรายการจ่ายค่าสินค้าและบริการออนไลน์ จะต้องขอเลข OTP แต่กรณีที่ซื้อของ ตปท เคยอ่านของคนอื่นมาบ้างแล้วว่าไม่ต้องใช้ OTP แต่ประเด็นคือ บัตรเรามีวงเงินคงเหลือที่ใช้ได้ แปดพันกว่าบาท รอบแรกตอนตีสอง ทำรายการไป 8,425.98 บาท เหลือเงินแค่ร้อยกว่าบาท แต่ครั้งที่สองตอนตีสี่ ทำรายการไปอีกหมื่นกว่าบาท งงก็ตรงนี้
- แบบนี้เราควรต้องแจ้งความไว้ก่อนไหมคะ ทาง CC ก็ไม่ได้แนะนำว่าต้องแจ้ง
- ทำไมกสิกรถึงอนุมัติให้ได้?? กรณีวงเงินเกินอ่ะค่ะ สมมุติถ้าเขาทำรายการไปมากกว่านี้ เป็นแสนเป็นล้านนี่ เสียหายมากอ่ะ
- ปกติเจ้าของบัตรต้องขอวงเงินชั่วคราวด้วยตัวเองหรือเปล่า
- ทาง CC แจ้งเราว่าเดี๋ยวจะรีบดึงยอดเงินนั้นกลับมาให้เรา คืออยากทราบว่าถ้าทางร้านตัดเงินจากบัตรเราไปแล้ว ธนาคารสามารถดึงกลับมาให้ลูกค้าได้ใช่ไหมคะ?? เมื่อเช้ายัง งงๆอยู่ ถาม CC เขาบอกว่าทำได้
- แล้วต่อไปจะกล้าทำธุรกรรมทางอินเทอร์เน็ตกันมั๊ยเนี่ยยยย คือการทำธุรกรรมทางอินเทอร์เน็ต ข้อดีคือ สะดวกดีค่ะ อย่างบางทีเราอยู่ไกล อยู่ชนบท อยากสั่งซื้อของ หรือจ่ายค่าโทรศัพท์ได้สะดวกๆ แต่เหตุก็เกิดมาหลายต่อหลายเคส ทางธนาคารไม่มีระบบความปลอดภัยที่ดีกว่านี้เหรอคะ
- แล้วระยะเวลาการตรวจสอบ อีกนานไหม แล้วจะได้เงินตรงนั้นคืนหรือเปล่า ถาม CC ก็บอกแต่ว่าต้องรอฝ่ายตรวจสอบก่อน ถามว่าได้รับแฟกซ์ ได้รับเมลแบบทักท้วงฯหรือยัง ก็บอกแค่ว่าต้องรอฝ่ายตรวจสอบก่อน (แบบทักท้วงฯ มีเงื่อนไขคือ ถ้าธนาคารไม่ได้รับภายใน 3 วัน ธนาคารขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกการตรวจสอบรายการให้)
ถ้าใครเคยเจอแบบเรา รบกวนให้คำแนะนำหน่อยนะคะ ไม่เคยคิดเลยว่าจะเกิดกับตัวเอง ปกติทุกๆเดือนจะจ่ายค่าโทรศัพท์แบบนี้ตลอด ถาม CC ก็เหมือนไม่ค่อยกระจ่างเท่าไร (หรือเรายังมึนอยู่ไม่รู้นะ^^)
อ่อชื่อร้านที่กสิกรทำรายการอนุมัติ ครั้งแรกคือ Bardot Pty Ltd ครั้งที่สอง คือ API-Priceline
ปล.ถ้า จนท.ของกสิกรผ่านมาเห็น รบกวนฝากด้วยนะคะ เป็นลูกค้ามาหลายปีแล้ว อย่าให้ต้องผิดหวังเพราะเคสนี้ ถ้าจะให้ดี ถ้าแก้ไขปัญหาได้แล้ว ช่วยคิดต่อด้วยค่ะ ทำยังไงลูกค้าจะมั่นใจกับความปลอดภัยได้มากกว่านี้ เพราะก็ยังอยากทำธุรกรรมทางอินเทอร์เน็ตอยู่ ไม่อยากจะรู้สึกว่าเข็ดกับเทคโนโลยี อย่างที่บอกค่ะว่าข้อดีสะดวกดี กรณีที่ต้องอยู่ไกลจากร้านที่ต้องสั่งซื้อสินค้าหรือบริการ
เตือนภัย โดนแฮกบัตรเครดิตกสิกร เกือบสองหมื่น แถมใช้เกินวงเงิน
แล้วเมื่อเช้างัวเงียตื่นขึ้นมา เห็น SMS แจ้งจากกสิกรว่ามีการอนุมัติการทำรายการ 2 รายการ เป็นสกุลเงิน AUD เวลาประมาณ ตีสอง และตีสี่ รวมเป็นเงิน 19,712.21 บาท แม่เจ้าาาาาา แทบกระโดดลงจากเตียง เอาแล้วไง โดนเข้าแล้ว ปกติอ่านแต่เคสของคนอื่นๆ จึงรีบติดต่อไป CC เลยค่ะ ให้เขาตรวจสอบ CC แจ้งว่า มีการทำรายการจริง ทำรายการที่ออสเตรเลีย CC เลยทำการอายัดบัตรให้และให้ส่งแบบทักท้วงการใช้บัตรเข้าไปก่อน
ปกติเวลาเราทำรายการจ่ายค่าสินค้าและบริการออนไลน์ จะต้องขอเลข OTP แต่กรณีที่ซื้อของ ตปท เคยอ่านของคนอื่นมาบ้างแล้วว่าไม่ต้องใช้ OTP แต่ประเด็นคือ บัตรเรามีวงเงินคงเหลือที่ใช้ได้ แปดพันกว่าบาท รอบแรกตอนตีสอง ทำรายการไป 8,425.98 บาท เหลือเงินแค่ร้อยกว่าบาท แต่ครั้งที่สองตอนตีสี่ ทำรายการไปอีกหมื่นกว่าบาท งงก็ตรงนี้
- แบบนี้เราควรต้องแจ้งความไว้ก่อนไหมคะ ทาง CC ก็ไม่ได้แนะนำว่าต้องแจ้ง
- ทำไมกสิกรถึงอนุมัติให้ได้?? กรณีวงเงินเกินอ่ะค่ะ สมมุติถ้าเขาทำรายการไปมากกว่านี้ เป็นแสนเป็นล้านนี่ เสียหายมากอ่ะ
- ปกติเจ้าของบัตรต้องขอวงเงินชั่วคราวด้วยตัวเองหรือเปล่า
- ทาง CC แจ้งเราว่าเดี๋ยวจะรีบดึงยอดเงินนั้นกลับมาให้เรา คืออยากทราบว่าถ้าทางร้านตัดเงินจากบัตรเราไปแล้ว ธนาคารสามารถดึงกลับมาให้ลูกค้าได้ใช่ไหมคะ?? เมื่อเช้ายัง งงๆอยู่ ถาม CC เขาบอกว่าทำได้
- แล้วต่อไปจะกล้าทำธุรกรรมทางอินเทอร์เน็ตกันมั๊ยเนี่ยยยย คือการทำธุรกรรมทางอินเทอร์เน็ต ข้อดีคือ สะดวกดีค่ะ อย่างบางทีเราอยู่ไกล อยู่ชนบท อยากสั่งซื้อของ หรือจ่ายค่าโทรศัพท์ได้สะดวกๆ แต่เหตุก็เกิดมาหลายต่อหลายเคส ทางธนาคารไม่มีระบบความปลอดภัยที่ดีกว่านี้เหรอคะ
- แล้วระยะเวลาการตรวจสอบ อีกนานไหม แล้วจะได้เงินตรงนั้นคืนหรือเปล่า ถาม CC ก็บอกแต่ว่าต้องรอฝ่ายตรวจสอบก่อน ถามว่าได้รับแฟกซ์ ได้รับเมลแบบทักท้วงฯหรือยัง ก็บอกแค่ว่าต้องรอฝ่ายตรวจสอบก่อน (แบบทักท้วงฯ มีเงื่อนไขคือ ถ้าธนาคารไม่ได้รับภายใน 3 วัน ธนาคารขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกการตรวจสอบรายการให้)
ถ้าใครเคยเจอแบบเรา รบกวนให้คำแนะนำหน่อยนะคะ ไม่เคยคิดเลยว่าจะเกิดกับตัวเอง ปกติทุกๆเดือนจะจ่ายค่าโทรศัพท์แบบนี้ตลอด ถาม CC ก็เหมือนไม่ค่อยกระจ่างเท่าไร (หรือเรายังมึนอยู่ไม่รู้นะ^^)
อ่อชื่อร้านที่กสิกรทำรายการอนุมัติ ครั้งแรกคือ Bardot Pty Ltd ครั้งที่สอง คือ API-Priceline
ปล.ถ้า จนท.ของกสิกรผ่านมาเห็น รบกวนฝากด้วยนะคะ เป็นลูกค้ามาหลายปีแล้ว อย่าให้ต้องผิดหวังเพราะเคสนี้ ถ้าจะให้ดี ถ้าแก้ไขปัญหาได้แล้ว ช่วยคิดต่อด้วยค่ะ ทำยังไงลูกค้าจะมั่นใจกับความปลอดภัยได้มากกว่านี้ เพราะก็ยังอยากทำธุรกรรมทางอินเทอร์เน็ตอยู่ ไม่อยากจะรู้สึกว่าเข็ดกับเทคโนโลยี อย่างที่บอกค่ะว่าข้อดีสะดวกดี กรณีที่ต้องอยู่ไกลจากร้านที่ต้องสั่งซื้อสินค้าหรือบริการ