พระพุทธเจ้าสอนให้เราพึ่งตัวเอง คือแสวงหาความรู้ด้วยตัวเอง ลงมือปฏิบัติด้วยตัวเอง จึงจะได้รับผลจริง
การเชื่อคนอื่น ก็เท่ากับเราไปพึ่งความรู้ของคนอื่น ไม่ได้พึ่งตัวเองตามที่พระพุทธเจ้าสอน และไม่ใช่วิสัยของผู้มีปัญญา
ในขั้นต้นระดับเด็ก เราก็ต้องพึ่งคนอื่นไปก่อน คือเชื่อตำรา เชื่อครูอาจารย์ เชื่อพ่อแม่ เพราะเรายังไม่มีความรู้เป็นของตัวเอง ซึ่งความเชื่อนั้นยังมีโอกาสผิดพลาดได้ แต่ถ้าเป็นความจริงแล้วจะไม่มีทางผิดพลาด
แต่ถ้าระดับผู้ใหญ่ เราต้องพึ่งตนเอง สร้างปัญญาให้กับตัวเอง ถ้ายังพึ่งคนอื่นอยู่ เช่นเชื่อตำรา เชื่อครูอาจารย์ ก็ไม่โตเป็นผู้ใหญ่สักที
ความรู้ของคนอื่นนั้น เราก็ไม่รู้ว่าจะถูกต้องหรือไม่ ถ้าบังเอิญเป็นความรู้ที่ผิดมาก่อน แล้วเราเชื่อ เราก็จะได้รับความรู้ที่ผิดตามไปด้วยโดยไม่รู้ตัว
แต่ถ้าบังเอิญเป็นความรู้ที่ถูกต้อง ก็ต้องเป็นความรู้ที่สอนให้อยู่เหนือความเชื่อ เพราะความเชื่อไม่ใช่ความจริง เมื่อไม่ใช่ความจริง ก็ไม่ใช่ปัญญา เมื่อไม่ใช่ปัญญา ก็นำมาใช้ดับทุกข์ไม่ได้
แล้วเราโตเป็นผู้ใหญ่มีปัญญากันแล้วหรือยัง? หรือยังเป็นเด็กกันอยู่?
การพึ่งตนเอง ต้องไม่เชื่อใคร
การเชื่อคนอื่น ก็เท่ากับเราไปพึ่งความรู้ของคนอื่น ไม่ได้พึ่งตัวเองตามที่พระพุทธเจ้าสอน และไม่ใช่วิสัยของผู้มีปัญญา
ในขั้นต้นระดับเด็ก เราก็ต้องพึ่งคนอื่นไปก่อน คือเชื่อตำรา เชื่อครูอาจารย์ เชื่อพ่อแม่ เพราะเรายังไม่มีความรู้เป็นของตัวเอง ซึ่งความเชื่อนั้นยังมีโอกาสผิดพลาดได้ แต่ถ้าเป็นความจริงแล้วจะไม่มีทางผิดพลาด
แต่ถ้าระดับผู้ใหญ่ เราต้องพึ่งตนเอง สร้างปัญญาให้กับตัวเอง ถ้ายังพึ่งคนอื่นอยู่ เช่นเชื่อตำรา เชื่อครูอาจารย์ ก็ไม่โตเป็นผู้ใหญ่สักที
ความรู้ของคนอื่นนั้น เราก็ไม่รู้ว่าจะถูกต้องหรือไม่ ถ้าบังเอิญเป็นความรู้ที่ผิดมาก่อน แล้วเราเชื่อ เราก็จะได้รับความรู้ที่ผิดตามไปด้วยโดยไม่รู้ตัว
แต่ถ้าบังเอิญเป็นความรู้ที่ถูกต้อง ก็ต้องเป็นความรู้ที่สอนให้อยู่เหนือความเชื่อ เพราะความเชื่อไม่ใช่ความจริง เมื่อไม่ใช่ความจริง ก็ไม่ใช่ปัญญา เมื่อไม่ใช่ปัญญา ก็นำมาใช้ดับทุกข์ไม่ได้
แล้วเราโตเป็นผู้ใหญ่มีปัญญากันแล้วหรือยัง? หรือยังเป็นเด็กกันอยู่?