เสียงระเบิดยังคงดังกระหึ่มไปทั่วเมืองเล็กๆที่ตั้งอยู่ก่อนหน้าเมืองไนท์เบลดมาไม่ไกลนัก เหล่าประชาชนชาวผู้บริสุทธิกำลังหนีตายกันอย่างจ้าละหวั่นเพื่อหวังจะมีชีวิตรอดไปให้ได้ กองทัพยักษ์ที่กำลังวิ่งไล่ฆ่าชาวเมืองอย่างไม่ปราณียังคงรุกหน้าต่อไป ไม่มีใครรู้ถึงเป้าหมายของพวกมัน ว่าพวกมันต้องการอะไรจากเมืองนี้ประชาชนกลุ่มหนึ่งรีบวิ่งหนีตายจากเหล่ายักษ์ที่กำลังวิ่งเข้ามาหาอย่างบ้าคลั่งไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใกล้ๆ เมื่อสมาชิกที่วิ่งหนีมาด้วยกันคนสุดท้ายได้เข้ามารวมกับทุกๆคนแล้ว ก็รีบปิดประตูบานใหญ่และล็อคกลอนประตูนั้นอย่างรีบเร่ง พร้อมกับหาที่หลบให้กับตัวเอง เช่นเดียวกับสมาชิกคนอื่นๆที่กำลังหลบกันอยู่ใต้โต๊ะด้วยความหวาดกลัว
เสียงฝีเท้าที่ดังสนั่นหวั่นไหวค่อยๆหายและห่างจากหน้าร้านนั้นไปอย่างช้าๆ จนเสียงนั้นค่อยๆจางลงและหายไป แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังคงมีความหวาดกลัวไม่หาย สีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่นปรากฏออกมาจากใบหน้าของสมาชิกชาวเมืองในร้านนั้นทุกๆคน ชายวัยกลางคนผู้แสนใจกล้าคนหนึ่งค่อยๆเลื่อนใบหน้าของตัวเองขึ้นมาทางหน้าต่างให้พ้นระดับสายตาเพื่อที่จะดูว่าเหตุการณ์ภายนอกร้านตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง สายตาของเขาค่อยๆเลื่อนขึ้นไปจนพ้นขอบหน้าต่าง แต่ทว่าเมื่อเขาได้เห็นเหตุการณ์ที่กำลังอยู่ตรงหน้ามันช่างไม่ต่างอะไรกับฝันร้ายของเขาในยามตื่น
กองทัพยักษ์กลุ่มหนึ่งกำลังยืนอยู่ภายนอกร้านนั้นและกำลังล้อมร้านนั้นเอาไว้ เมื่อเห็นสายตาของชายวัยกลางคนผู้นั้นแม้จะเป็นแค่ดวงตาโผล่ออกมานิดหน่อย แต่ก็ทำให้พวกมันมั่นใจได้ว่าที่แห่งนี้มีชาวเมืองหลบอยู่
ชายวัยกลางคนชักตัวกลับมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียงหายใจเฮือกใหญ่ที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ทุกคนภายในนั้นส่งเสียงสั่นเคลืออย่างขวัญผวา บางคนสวดภาวะนาขอให้ตัวเองมีชีวิตรอดต่อไป บางคนร้องไห้ออกมาด้วยความหวาดกลัว ชายวัยกลางคนยื่นมือโอบกอดคู่รักและลูกชายของตัวเองอย่างแนบแน่น และหลับตาสวดภาวะนาขอให้ครอบครัวมีชีวิตอยู่ต่อไป
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงกระจกแตกดังขึ้นมา พร้อมกับสิ่งของสิ่งหนึ่งทรงกลมไม่ใหญ่มากที่พุ่งเข้ามาหล่นลงตรงหน้าของชาวเมืองภายในร้านนั้น ไม่นานนักเมื่อมันเปิดออก แสงสีแดงก็ไล่ไปตามแนวทแยงของลูกบอลลูกนั้น จนลูกบอลเกิดเป็นแสงสว่างจ้าและกลายเป็นระเบิดอาณุภาพร้ายแรง เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว กระจกภายในร้านแตกละเอียดพร้อมกับเปลวไฟที่พุ่งออกมา
ชาวเมืองที่อยู่ภายในนั้นสิ้นใจไปพร้อมกับเสียงระเบิดและเปลวไฟที่ลุกโชนออกมา ไม่มีแม้แต่เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ไม่มีแม้แต่คำล่ำลาจากครอบครัวที่อยู่เคียงข้างกัน
เสียงผ้าคลุมโบกสะบัดบนตึกสูงตรงข้ามกับร้านอาหารที่ถูกระเบิดไป ไนติงเกลหมายเลขสิบสี่ยืนดูเหตุการณ์นั้นและเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างชัดเจน สายตาของเขาสะท้อนออกมากผ่านเลนแก้วใสสีดำของหน้ากากรูปนกสีดำนั่น มันเต็มไปด้วยความผิดหวังและเวทนา
"....ทำร้ายคนที่ไม่มีทางสู้ ทำร้ายคนที่อ่อนแอกว่ามันสนุกตรงไหนกันเล่า!"
ภายในห้องเรียนไนท์เบลดตอนนี้ถึงเวลาพักระหว่างชั่วโมงเรียน เด็กนักเรียนหลายๆคนต่างทำกิจกรรมที่ผ่อนคลายกับตัวเองต่างๆภายในห้องเรียนนั้น ไม่ว่าจะเป็นคุยกันในเรื่องต่างๆนานาหรือเล่นสนุกกันภายในห้องตามประสาวัยรุ่นคึกคะนอง แต่ก็ไม่มีใครได้สนใจทีวีบนผนังหน้าห้องเรียนนั้นที่กำลังเปิดช่องข่าวท้องถิ่นเอาไว้ ยกเว้นสายตาคู่สวยของเด็กสาวคนหนึ่ง
"ต่อไปเป็นรายงานสดนะคะ ขณะนี้ทีมข่าวท้องถิ่นเมืองไนท์เบลดรายงานการก่อจลาจลที่ถนนโกลด์เด้นสวอน เขตชินตะคานะ ขอให้ผู้ที่กำลังใช้รถใช้ถนนเลี่ยงเส้นทางนี้โดยเด็ดขาด ยังไม่มีเจ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐเข้ามาดูแลหรือยับยั้งในตอนนี้...."
ภาพที่กำลังฉายอยู่หน้าจอทีวีนั้นเป็นภาพของเมืองเล็กๆที่กำลังมีควันไฟสีดำลอยฟุ้งขึ้นมาตามจุดต่างๆ ผู้คนชาวเมืองต่างวิ่งหนีอย่างแตกตื่นออกมา บ้างก็ขี่รถยนต์ออกมาด้วยความเร็วสูง เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของชาวเมืองเล็ดลอดออกมาจากจอโทรทัศน์เครื่องนั้น ทำให้เด็กสาวคนนั้นเกิดความหวาดวิตกขึ้นมาในทันใด จนกระทั่งเห็นเด็กสาวตุ้ยนุ้ยคนหนึ่งเดินผ่านหน้าของเธอไปยังโทรทัศน์เครื่องนั้น
"ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจเลย เปลี่ยนช่องดีกว่า" สาวเจ้าหยิบรีโหมดที่อยู่บนโต๊ะอาจารย์ขึ้นมาเพื่อจะเปลี่ยนช่องข่าวที่เธอไม่ได้ให้ความสนใจเท่าไรนัก โดยที่ไม่ได้ทันสังเกตุเห็นเพื่อนของเธอที่ได้ยินว่าเธอกำลังจะเปลี่ยนช่องหนีข่าวที่เธอกำลังให้ความสนใจ จนเธอต้องลุกพรวดขึ้นมาอย่างรวดเร็วแล้วตรงดิ่งไปที่เพื่อนของเธอที่กำลังยกรีโหมดขึ้นมา
"เดี๋ยวก่อนซุกกี้! อย่าพึ่งเปลี่ยนช่อง!" เด็กสาวที่มาทีหลังคว้ารีโหมดที่อยู่ในมือของเธอจนทำให้เธอไม่พอเล็กน้อย แถมยังเร่งเสียงทีวีขึ้นมาให้มันดังขึ้น ดังจนเพื่อนๆในห้องของเธอหันมาสนใจข่าวที่กำลังถ่ายทอดนั้น
ซูซุกิ คาน่อน เด็กสาวร่างอวบระยะสุดท้าย ผิวขาว ผมยาวสีดำสรวยเป็นเงางาม ใบหน้าสวยของเธอในตอนนี้กำลังแสดงความแปลกใจกับเพื่อนสาวของเธอตรงหน้าเป็นอย่างมาก
"เอ๋! กินอะไรผิดมาหรือป่าวเนี่ย มิซึกิ ทำไมวันนี้มาแปลกจัง ปกติเรื่องพวกนี้เธอไม่เคยสนใจเลยนะ" เพื่อนสาวว่า ส่วนสาวสวยที่แย่งรีโหมดจากเธอไปก็หันมามองค้อนเธอทันที
"ขอฉันฟังข่าวก่อนนะซุกกี้" มิซึกิว่า คาน่อนค่อยๆหันไปยังหน้าจอทีวีที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าแล้วตั้งใจฟังเสียงที่ออกมาจากทีวีนั้น ไม่นานนักใบหน้าที่ดูไม่สนใจอะไรกับเรื่องนี้มากนักก็ต้องเปลี่ยนไปในทันที เมื่อได้ยินข่าวที่ค่อนข้างน่าตกใจที่ออกมาจากทีวีเครื่องเดียวกันนั้น
"เห้! เขตชินตะคานะเหรอ อยู่ห่างจากที่นี่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเอง!!" คาน่อนพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ตกใจเป็นอย่างมาก และเพราะเสียงที่ดังขึ้นมาอย่างตกใจกลัวของคาน่อนทำให้เพื่อนๆในห้องของเธอหยุดกิจกรรมที่กำลังทำกันอยู่ชั่วครู่ แล้วเงยหน้ามองทีวีที่อยู่บนเพดานหน้าห้องนั้น
ใบหน้าสวยของมิซึกิเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล เธอเม้มปากเล็กน้อยและกังวลใจ นึกถึงใครบางคน ใครบางคนที่อยู่ในใจของเธอมาตลอดและเป็นดังฮีโร่ในดวงใจของเธอตลอดมา
... รุ่นพี่เรย์ ...
ความวุ่นวายภายในเมืองนั้นยังคงไม่จบสิ้นลง กองทัพยักษ์ยังคงรุกหน้าทำลายบ้านเมืองไปเรื่อยๆ พวกมันยังคงวิ่งไล่ฆ่าฟันซาวเมืองตามท้องถนนใหญ่ของเมืองตามใจอยาก หรือแม้กระทั่งจะบุกเข้าไปข้างในบ้านต่างๆที่ตั้งเรียงรายกันอยู่ ต้นไม้ริมข้างทางถูกเผาเรียบ สิ่งแวดล้อมต่างๆแปลเปลี่ยนไปเพราะถูกทำลายจนมีสภาพที่ต่างจากเดิมไปมาก
พวกยักษ์ธนูที่อยู่บนตึกต่างโหมกระหน่ำยิงลูกธนูลงไปยังชาวเมืองที่อยู่ด้านล่าง ลูกธนูที่โหมไปด้วยเปลวเพลิงพุ่งลงไปยังต้นไม้จนเกิดเป็นเปลวเพลิงขนาดใหญ่ รวมไปถึงรถที่จอดอยู่ริมถนนก็ถูกเผาจนวอดวายไม่เหลือ เปลวเพลิงลุกโหมกระหน่ำไปทั่วกลายเป็นทะเลเพลิงแดงฉาน
และในขณะนั้นเองที่เปลวเพลิงนั้นปลิวไปตามสายลมที่เป็นเสมือนดั่งพายุ เปลวไฟที่เคยเริงระบำค่อยหายไปหรือกลายเป็นเกร็ดน้ำแข็ง ทะเลเพลิงที่เคยมีอยู่ให้เห็นหายไปพร้อมกับสายลมพายุที่กำลังโหมเขามายังพวกยักษ์ที่อยู่บนตึกนั้น พวกมันค่อยๆชายตาไปมองตาแสงออร่าสีน้ำเงินที่ลอยเข้ามาหาพวกมันอย่างรวดเร็ว
- ไดม่อน!!-- ฟริสเซอร์!!!! -
เสือเขียวดาบพุ่งเข้ามาหาพวกยักษ์ที่อยู่บนตึกนั้นด้วยความเร็วสูงและพุ่งเข้าปะทะเข้าอย่างแรง เพราะความรุนแรงของหมัดพลังแห่งผู้กล้าสีน้ำเงิน ทำให้บนด่านฟ้าของตึกนั้นกลายเป็นน้ำแข็งไปในที่สุด
รามูเนสบินอยู่บนอากาศมองดูผลงานของตัวเองบนยอดตึกนั้นก่อนที่จะชายตาไปรอบๆ เหล่ายักษ์ยังคงมีให้เห็นอยู่ทั่วเมืองจนแม้แต่ผู้กล้าแห่งไนท์เบลดอย่างเขายังรู้สึกหวั่นใจไม่น้อย พวกมันยังคงแห่กันเข้ามาในเมืองอย่างไม่รู้จบสิ้น
"มากันเยอะจริงๆ จะต้านไม่ไหวแล้วนะเนี่ย!!"
รามเนสบ่นไปพร้อมกับบินตรงไปยังกลุ่มยักษ์กลุ่มหนึ่งด้วยความเร็วสูง พวกมันกำลังง้างดาบเพื่อที่จะทำร้ายชาวเมืองที่อยู่แทบเท้าของพวกมัน แต่กลับถูกหยุดเอาไว้ด้วยหมัดน้ำแข็งของรามูเนสที่พุ่งเข้ามาจนพวกมันกระเด็นปลิวไป ยังไม่พอแค่นั้น รามูเนสบินเลยถัดจากตรงนั้นไปอีกหน่อยพร้อมกับใช้ลูกเตะๆใส่ซากรถคันสีเทาที่ขวางทางบินของเขาอยู่ รถคันดังกล่าวลอยละลิ่วไปหายักษ์กลุ่มหนึ่งที่กำลังวิ่งกรูเข้ามา เพราะความรุนแรงของลูกเตะรวมไปถึงน้ำหนักของรถยนต์คันนั้นทำให้แรงบวกที่พุ่งเข้ามาเพิ่มพูลเป็นสองเท่า เหล่ายักษ์ถูกรถชนล้มกลิ้งกันระเนระนาดไป
แต่ในขณะเดียวกันเกิดเสียงระเบิดขึ้นมาใกล้ๆทำให้รามูเนสไม่รอช้ารีบบินตามเสียงนั่นไป เมื่อมาถึงจุดที่เกิดเสียงระเบิดขึ้นนั้นรามูเนสหยุดชะงักกลางอากาศ เพราะรู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่กำลังอยู่กลางถนนที่ว่างเปล่า
อมนุษย์ตัวหนึ่งร่างยักษ์สีดำทมิฬ ลำตัวบึกบึนคล้ายรูปร่างของมนุษย์คนแต่ใบหน้าเป็นวัวกระทิง มันมาพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่หนักอึ้ง เมื่อมันทิ้งน้ำหนักลง ถนนก็แตกร้าวตามแรงที่วางลงไป ค้อนปอนขนาดใหญ่ยักษ์กว่าร่างกายของมันมากๆที่มันกำลังพาดบ่าเอาไว้ดูน่ากลัวสำหรับคนที่พบเห็น และไม่ทันไรมันก็เหวี่ยงค้อนที่ดูแสนจะหนักอึ้งนั้นไปยังรถยนต์สองคันที่กำลังขวางหน้ามันอย่างสบายๆ รถยนต์ที่ถูกค้อนเหวี่ยงใส่นั้นปลิวไปคนละทิศคนละทาง ราวกับเป็นกระดาษที่ถูกลมพัดก็ไม่ปาน
รามูเนสอึ้งไปพักหนึ่งก่อนที่จะรู้สึกตัวว่าอะไรบางอย่างกำลังเข้ามาในหัวในตอนนั้น พลังอะไรบางอย่างที่สามารถสื่อเข้ามาถึงภายในความคิดของเขาได้ หลังจากนั้นไม่นานเมื่อเสียงๆหนึ่งดังขึ้นมาในหัว ก็รู้ได้ในทันทีว่าคนที่จะทำแบบนี้ได้มีเพียงคนเดียวเท่านั้นคือ แองเจโล่
... รามูเนส เห็นเหมือนที่ฉันกำลังเห็นอยู่นี่มั๊ย ...
"ใช่! แต่ยังไม่เชื่อสายตาตัวเองเท่าไร ขอเข้าไปดูใกล้ๆหน่อยแล้วกัน" ว่าแล้วรามูเนสก็พุ่งตรงไปยังอมนุษย์ที่อยู่ข้างล่างนั่น
ซิกฟรีดยืนตรึงกำลังของพวกยักษ์เอาไว้อยู่ที่ถนนแห่งหนึ่งใกล้ๆกับที่รามูเนสอยู่ เขาเรียกพลังออกมาจากฝ่ามือทั้งสองข้างแล้วปล่อยออกไปทำลายพวกยักษ์ที่กำลังวิ่งเข้ามา สายพลังสีม่วงสว่างที่มีพลังมหาสารทำให้ร่างของพวกยักษ์ที่วิ่งเข้ามาหายไปกลายเป็นฝุ่นละอองสีดำแล้วพุ่งขึ้นไปบนอากาศ เช่นเดียวกับยักษ์ที่กำลังจะวิ่งเข้ามารอบๆตัวของเขา แต่ถึงอย่างนั้นก็มียักษ์บางตัวหลุดจากพลังทำลายนี้มาได้และหวังจะเข้าไปใกล้ซิกฟรีดให้มากที่สุด
แต่ด้วยความว่องไวของซิกฟรีดทำให้เขาไหวตัวทัน ซิกฟรีดเลิกรวบรวมพลังแล้วหันไปใช้การต่อสู้ระยะประชิดแทน เขาหันไปใช้กำปั้นหวดใส่ยักษ์ที่กำลังวิ่งเข้ามาจนมันกระเด็นไปให้พวกที่กำลังวิ่งตามมารับร่างที่พุ่งเข้ามาพร้อมกับความแรงของหมัดนั้น แล้วสวนกลับพวกยักษ์ที่เหลือไปด้วยลูกบอลพลังที่คล้ายกับดวงดาวที่รวบรวมพลังเอาไว้ระหว่างฝ่ามือทั้งสอง พลังของมันรุ่นแรงมากจนแม้แต่ชุดเกราะที่แข็งแกร่งของพวกยักษ์ต้องแหลกไปเมื่อถูกพลังอันมหาสารนั้น
"เชอะ! รู้สึกแย่เป็นบ้าเลยที่ทำอะไรโดยที่ไม่ได้วางแผนแบบเนี่ย!" ซิกฟรีดบ่นออกมาด้วยความไม่พอใจ หลังจากที่จัดการกับกองทัพยักษ์กลุ่มนั้นไปได้แล้ว
"เรื่องนั้นชั่งมันก่อนเถอะน่า!" เสียงๆหนึ่งดังขึ้นมาบนฟากฟ้าทำให้จนทำให้ซิกฟรีดเกิดความสนใจ
ตรงหน้าของซิกฟรีดมียักษ์กลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งกำลังค่อยๆย่างกรายเข้ามาหาเขา แต่ทันใดนั้นเองได้เกิดสายฟ้าสีเหลืองพุ่งตรงลงมาจากท้องฟ้าลงไปกระทบกับร่างของเหล่ายักษ์ตรงหน้าของซิกฟรีด ด้วยอานุภาพที่ทรงพลังทำให้ร่างของพวกมันเกิดอาการช็อดและระเบิดไปในที่สุด และในกลุ่มควันที่ดำที่ลอยขึ้นไปบนฟ้า คนที่พุ่งตรงฝ่ากลุ่มควันนั้นออกมานั่นคือแองเจโล่เอง
แองเจโล่ค่อยๆยืนขึ้นมาหลังจากที่ลงถึงพื้นได้สำเร็จ ซิกฟรีดรีบวิ่งมาสมทบกับเขาในทันที
KP Warriors : โรงเรียนนักรบ แหวนเทวะ ตอนที่ 14 : อาภรณ์แห่งผู้กล้า
เสียงฝีเท้าที่ดังสนั่นหวั่นไหวค่อยๆหายและห่างจากหน้าร้านนั้นไปอย่างช้าๆ จนเสียงนั้นค่อยๆจางลงและหายไป แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังคงมีความหวาดกลัวไม่หาย สีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่นปรากฏออกมาจากใบหน้าของสมาชิกชาวเมืองในร้านนั้นทุกๆคน ชายวัยกลางคนผู้แสนใจกล้าคนหนึ่งค่อยๆเลื่อนใบหน้าของตัวเองขึ้นมาทางหน้าต่างให้พ้นระดับสายตาเพื่อที่จะดูว่าเหตุการณ์ภายนอกร้านตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง สายตาของเขาค่อยๆเลื่อนขึ้นไปจนพ้นขอบหน้าต่าง แต่ทว่าเมื่อเขาได้เห็นเหตุการณ์ที่กำลังอยู่ตรงหน้ามันช่างไม่ต่างอะไรกับฝันร้ายของเขาในยามตื่น
กองทัพยักษ์กลุ่มหนึ่งกำลังยืนอยู่ภายนอกร้านนั้นและกำลังล้อมร้านนั้นเอาไว้ เมื่อเห็นสายตาของชายวัยกลางคนผู้นั้นแม้จะเป็นแค่ดวงตาโผล่ออกมานิดหน่อย แต่ก็ทำให้พวกมันมั่นใจได้ว่าที่แห่งนี้มีชาวเมืองหลบอยู่
ชายวัยกลางคนชักตัวกลับมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียงหายใจเฮือกใหญ่ที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ทุกคนภายในนั้นส่งเสียงสั่นเคลืออย่างขวัญผวา บางคนสวดภาวะนาขอให้ตัวเองมีชีวิตรอดต่อไป บางคนร้องไห้ออกมาด้วยความหวาดกลัว ชายวัยกลางคนยื่นมือโอบกอดคู่รักและลูกชายของตัวเองอย่างแนบแน่น และหลับตาสวดภาวะนาขอให้ครอบครัวมีชีวิตอยู่ต่อไป
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงกระจกแตกดังขึ้นมา พร้อมกับสิ่งของสิ่งหนึ่งทรงกลมไม่ใหญ่มากที่พุ่งเข้ามาหล่นลงตรงหน้าของชาวเมืองภายในร้านนั้น ไม่นานนักเมื่อมันเปิดออก แสงสีแดงก็ไล่ไปตามแนวทแยงของลูกบอลลูกนั้น จนลูกบอลเกิดเป็นแสงสว่างจ้าและกลายเป็นระเบิดอาณุภาพร้ายแรง เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว กระจกภายในร้านแตกละเอียดพร้อมกับเปลวไฟที่พุ่งออกมา
ชาวเมืองที่อยู่ภายในนั้นสิ้นใจไปพร้อมกับเสียงระเบิดและเปลวไฟที่ลุกโชนออกมา ไม่มีแม้แต่เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ไม่มีแม้แต่คำล่ำลาจากครอบครัวที่อยู่เคียงข้างกัน
เสียงผ้าคลุมโบกสะบัดบนตึกสูงตรงข้ามกับร้านอาหารที่ถูกระเบิดไป ไนติงเกลหมายเลขสิบสี่ยืนดูเหตุการณ์นั้นและเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างชัดเจน สายตาของเขาสะท้อนออกมากผ่านเลนแก้วใสสีดำของหน้ากากรูปนกสีดำนั่น มันเต็มไปด้วยความผิดหวังและเวทนา
"....ทำร้ายคนที่ไม่มีทางสู้ ทำร้ายคนที่อ่อนแอกว่ามันสนุกตรงไหนกันเล่า!"
ภายในห้องเรียนไนท์เบลดตอนนี้ถึงเวลาพักระหว่างชั่วโมงเรียน เด็กนักเรียนหลายๆคนต่างทำกิจกรรมที่ผ่อนคลายกับตัวเองต่างๆภายในห้องเรียนนั้น ไม่ว่าจะเป็นคุยกันในเรื่องต่างๆนานาหรือเล่นสนุกกันภายในห้องตามประสาวัยรุ่นคึกคะนอง แต่ก็ไม่มีใครได้สนใจทีวีบนผนังหน้าห้องเรียนนั้นที่กำลังเปิดช่องข่าวท้องถิ่นเอาไว้ ยกเว้นสายตาคู่สวยของเด็กสาวคนหนึ่ง
"ต่อไปเป็นรายงานสดนะคะ ขณะนี้ทีมข่าวท้องถิ่นเมืองไนท์เบลดรายงานการก่อจลาจลที่ถนนโกลด์เด้นสวอน เขตชินตะคานะ ขอให้ผู้ที่กำลังใช้รถใช้ถนนเลี่ยงเส้นทางนี้โดยเด็ดขาด ยังไม่มีเจ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐเข้ามาดูแลหรือยับยั้งในตอนนี้...."
ภาพที่กำลังฉายอยู่หน้าจอทีวีนั้นเป็นภาพของเมืองเล็กๆที่กำลังมีควันไฟสีดำลอยฟุ้งขึ้นมาตามจุดต่างๆ ผู้คนชาวเมืองต่างวิ่งหนีอย่างแตกตื่นออกมา บ้างก็ขี่รถยนต์ออกมาด้วยความเร็วสูง เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของชาวเมืองเล็ดลอดออกมาจากจอโทรทัศน์เครื่องนั้น ทำให้เด็กสาวคนนั้นเกิดความหวาดวิตกขึ้นมาในทันใด จนกระทั่งเห็นเด็กสาวตุ้ยนุ้ยคนหนึ่งเดินผ่านหน้าของเธอไปยังโทรทัศน์เครื่องนั้น
"ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจเลย เปลี่ยนช่องดีกว่า" สาวเจ้าหยิบรีโหมดที่อยู่บนโต๊ะอาจารย์ขึ้นมาเพื่อจะเปลี่ยนช่องข่าวที่เธอไม่ได้ให้ความสนใจเท่าไรนัก โดยที่ไม่ได้ทันสังเกตุเห็นเพื่อนของเธอที่ได้ยินว่าเธอกำลังจะเปลี่ยนช่องหนีข่าวที่เธอกำลังให้ความสนใจ จนเธอต้องลุกพรวดขึ้นมาอย่างรวดเร็วแล้วตรงดิ่งไปที่เพื่อนของเธอที่กำลังยกรีโหมดขึ้นมา
"เดี๋ยวก่อนซุกกี้! อย่าพึ่งเปลี่ยนช่อง!" เด็กสาวที่มาทีหลังคว้ารีโหมดที่อยู่ในมือของเธอจนทำให้เธอไม่พอเล็กน้อย แถมยังเร่งเสียงทีวีขึ้นมาให้มันดังขึ้น ดังจนเพื่อนๆในห้องของเธอหันมาสนใจข่าวที่กำลังถ่ายทอดนั้น
ซูซุกิ คาน่อน เด็กสาวร่างอวบระยะสุดท้าย ผิวขาว ผมยาวสีดำสรวยเป็นเงางาม ใบหน้าสวยของเธอในตอนนี้กำลังแสดงความแปลกใจกับเพื่อนสาวของเธอตรงหน้าเป็นอย่างมาก
"เอ๋! กินอะไรผิดมาหรือป่าวเนี่ย มิซึกิ ทำไมวันนี้มาแปลกจัง ปกติเรื่องพวกนี้เธอไม่เคยสนใจเลยนะ" เพื่อนสาวว่า ส่วนสาวสวยที่แย่งรีโหมดจากเธอไปก็หันมามองค้อนเธอทันที
"ขอฉันฟังข่าวก่อนนะซุกกี้" มิซึกิว่า คาน่อนค่อยๆหันไปยังหน้าจอทีวีที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าแล้วตั้งใจฟังเสียงที่ออกมาจากทีวีนั้น ไม่นานนักใบหน้าที่ดูไม่สนใจอะไรกับเรื่องนี้มากนักก็ต้องเปลี่ยนไปในทันที เมื่อได้ยินข่าวที่ค่อนข้างน่าตกใจที่ออกมาจากทีวีเครื่องเดียวกันนั้น
"เห้! เขตชินตะคานะเหรอ อยู่ห่างจากที่นี่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเอง!!" คาน่อนพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ตกใจเป็นอย่างมาก และเพราะเสียงที่ดังขึ้นมาอย่างตกใจกลัวของคาน่อนทำให้เพื่อนๆในห้องของเธอหยุดกิจกรรมที่กำลังทำกันอยู่ชั่วครู่ แล้วเงยหน้ามองทีวีที่อยู่บนเพดานหน้าห้องนั้น
ใบหน้าสวยของมิซึกิเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล เธอเม้มปากเล็กน้อยและกังวลใจ นึกถึงใครบางคน ใครบางคนที่อยู่ในใจของเธอมาตลอดและเป็นดังฮีโร่ในดวงใจของเธอตลอดมา
... รุ่นพี่เรย์ ...
ความวุ่นวายภายในเมืองนั้นยังคงไม่จบสิ้นลง กองทัพยักษ์ยังคงรุกหน้าทำลายบ้านเมืองไปเรื่อยๆ พวกมันยังคงวิ่งไล่ฆ่าฟันซาวเมืองตามท้องถนนใหญ่ของเมืองตามใจอยาก หรือแม้กระทั่งจะบุกเข้าไปข้างในบ้านต่างๆที่ตั้งเรียงรายกันอยู่ ต้นไม้ริมข้างทางถูกเผาเรียบ สิ่งแวดล้อมต่างๆแปลเปลี่ยนไปเพราะถูกทำลายจนมีสภาพที่ต่างจากเดิมไปมาก
พวกยักษ์ธนูที่อยู่บนตึกต่างโหมกระหน่ำยิงลูกธนูลงไปยังชาวเมืองที่อยู่ด้านล่าง ลูกธนูที่โหมไปด้วยเปลวเพลิงพุ่งลงไปยังต้นไม้จนเกิดเป็นเปลวเพลิงขนาดใหญ่ รวมไปถึงรถที่จอดอยู่ริมถนนก็ถูกเผาจนวอดวายไม่เหลือ เปลวเพลิงลุกโหมกระหน่ำไปทั่วกลายเป็นทะเลเพลิงแดงฉาน
และในขณะนั้นเองที่เปลวเพลิงนั้นปลิวไปตามสายลมที่เป็นเสมือนดั่งพายุ เปลวไฟที่เคยเริงระบำค่อยหายไปหรือกลายเป็นเกร็ดน้ำแข็ง ทะเลเพลิงที่เคยมีอยู่ให้เห็นหายไปพร้อมกับสายลมพายุที่กำลังโหมเขามายังพวกยักษ์ที่อยู่บนตึกนั้น พวกมันค่อยๆชายตาไปมองตาแสงออร่าสีน้ำเงินที่ลอยเข้ามาหาพวกมันอย่างรวดเร็ว
- ไดม่อน!!-- ฟริสเซอร์!!!! -
เสือเขียวดาบพุ่งเข้ามาหาพวกยักษ์ที่อยู่บนตึกนั้นด้วยความเร็วสูงและพุ่งเข้าปะทะเข้าอย่างแรง เพราะความรุนแรงของหมัดพลังแห่งผู้กล้าสีน้ำเงิน ทำให้บนด่านฟ้าของตึกนั้นกลายเป็นน้ำแข็งไปในที่สุด
รามูเนสบินอยู่บนอากาศมองดูผลงานของตัวเองบนยอดตึกนั้นก่อนที่จะชายตาไปรอบๆ เหล่ายักษ์ยังคงมีให้เห็นอยู่ทั่วเมืองจนแม้แต่ผู้กล้าแห่งไนท์เบลดอย่างเขายังรู้สึกหวั่นใจไม่น้อย พวกมันยังคงแห่กันเข้ามาในเมืองอย่างไม่รู้จบสิ้น
"มากันเยอะจริงๆ จะต้านไม่ไหวแล้วนะเนี่ย!!"
รามเนสบ่นไปพร้อมกับบินตรงไปยังกลุ่มยักษ์กลุ่มหนึ่งด้วยความเร็วสูง พวกมันกำลังง้างดาบเพื่อที่จะทำร้ายชาวเมืองที่อยู่แทบเท้าของพวกมัน แต่กลับถูกหยุดเอาไว้ด้วยหมัดน้ำแข็งของรามูเนสที่พุ่งเข้ามาจนพวกมันกระเด็นปลิวไป ยังไม่พอแค่นั้น รามูเนสบินเลยถัดจากตรงนั้นไปอีกหน่อยพร้อมกับใช้ลูกเตะๆใส่ซากรถคันสีเทาที่ขวางทางบินของเขาอยู่ รถคันดังกล่าวลอยละลิ่วไปหายักษ์กลุ่มหนึ่งที่กำลังวิ่งกรูเข้ามา เพราะความรุนแรงของลูกเตะรวมไปถึงน้ำหนักของรถยนต์คันนั้นทำให้แรงบวกที่พุ่งเข้ามาเพิ่มพูลเป็นสองเท่า เหล่ายักษ์ถูกรถชนล้มกลิ้งกันระเนระนาดไป
แต่ในขณะเดียวกันเกิดเสียงระเบิดขึ้นมาใกล้ๆทำให้รามูเนสไม่รอช้ารีบบินตามเสียงนั่นไป เมื่อมาถึงจุดที่เกิดเสียงระเบิดขึ้นนั้นรามูเนสหยุดชะงักกลางอากาศ เพราะรู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่กำลังอยู่กลางถนนที่ว่างเปล่า
อมนุษย์ตัวหนึ่งร่างยักษ์สีดำทมิฬ ลำตัวบึกบึนคล้ายรูปร่างของมนุษย์คนแต่ใบหน้าเป็นวัวกระทิง มันมาพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่หนักอึ้ง เมื่อมันทิ้งน้ำหนักลง ถนนก็แตกร้าวตามแรงที่วางลงไป ค้อนปอนขนาดใหญ่ยักษ์กว่าร่างกายของมันมากๆที่มันกำลังพาดบ่าเอาไว้ดูน่ากลัวสำหรับคนที่พบเห็น และไม่ทันไรมันก็เหวี่ยงค้อนที่ดูแสนจะหนักอึ้งนั้นไปยังรถยนต์สองคันที่กำลังขวางหน้ามันอย่างสบายๆ รถยนต์ที่ถูกค้อนเหวี่ยงใส่นั้นปลิวไปคนละทิศคนละทาง ราวกับเป็นกระดาษที่ถูกลมพัดก็ไม่ปาน
รามูเนสอึ้งไปพักหนึ่งก่อนที่จะรู้สึกตัวว่าอะไรบางอย่างกำลังเข้ามาในหัวในตอนนั้น พลังอะไรบางอย่างที่สามารถสื่อเข้ามาถึงภายในความคิดของเขาได้ หลังจากนั้นไม่นานเมื่อเสียงๆหนึ่งดังขึ้นมาในหัว ก็รู้ได้ในทันทีว่าคนที่จะทำแบบนี้ได้มีเพียงคนเดียวเท่านั้นคือ แองเจโล่
... รามูเนส เห็นเหมือนที่ฉันกำลังเห็นอยู่นี่มั๊ย ...
"ใช่! แต่ยังไม่เชื่อสายตาตัวเองเท่าไร ขอเข้าไปดูใกล้ๆหน่อยแล้วกัน" ว่าแล้วรามูเนสก็พุ่งตรงไปยังอมนุษย์ที่อยู่ข้างล่างนั่น
ซิกฟรีดยืนตรึงกำลังของพวกยักษ์เอาไว้อยู่ที่ถนนแห่งหนึ่งใกล้ๆกับที่รามูเนสอยู่ เขาเรียกพลังออกมาจากฝ่ามือทั้งสองข้างแล้วปล่อยออกไปทำลายพวกยักษ์ที่กำลังวิ่งเข้ามา สายพลังสีม่วงสว่างที่มีพลังมหาสารทำให้ร่างของพวกยักษ์ที่วิ่งเข้ามาหายไปกลายเป็นฝุ่นละอองสีดำแล้วพุ่งขึ้นไปบนอากาศ เช่นเดียวกับยักษ์ที่กำลังจะวิ่งเข้ามารอบๆตัวของเขา แต่ถึงอย่างนั้นก็มียักษ์บางตัวหลุดจากพลังทำลายนี้มาได้และหวังจะเข้าไปใกล้ซิกฟรีดให้มากที่สุด
แต่ด้วยความว่องไวของซิกฟรีดทำให้เขาไหวตัวทัน ซิกฟรีดเลิกรวบรวมพลังแล้วหันไปใช้การต่อสู้ระยะประชิดแทน เขาหันไปใช้กำปั้นหวดใส่ยักษ์ที่กำลังวิ่งเข้ามาจนมันกระเด็นไปให้พวกที่กำลังวิ่งตามมารับร่างที่พุ่งเข้ามาพร้อมกับความแรงของหมัดนั้น แล้วสวนกลับพวกยักษ์ที่เหลือไปด้วยลูกบอลพลังที่คล้ายกับดวงดาวที่รวบรวมพลังเอาไว้ระหว่างฝ่ามือทั้งสอง พลังของมันรุ่นแรงมากจนแม้แต่ชุดเกราะที่แข็งแกร่งของพวกยักษ์ต้องแหลกไปเมื่อถูกพลังอันมหาสารนั้น
"เชอะ! รู้สึกแย่เป็นบ้าเลยที่ทำอะไรโดยที่ไม่ได้วางแผนแบบเนี่ย!" ซิกฟรีดบ่นออกมาด้วยความไม่พอใจ หลังจากที่จัดการกับกองทัพยักษ์กลุ่มนั้นไปได้แล้ว
"เรื่องนั้นชั่งมันก่อนเถอะน่า!" เสียงๆหนึ่งดังขึ้นมาบนฟากฟ้าทำให้จนทำให้ซิกฟรีดเกิดความสนใจ
ตรงหน้าของซิกฟรีดมียักษ์กลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งกำลังค่อยๆย่างกรายเข้ามาหาเขา แต่ทันใดนั้นเองได้เกิดสายฟ้าสีเหลืองพุ่งตรงลงมาจากท้องฟ้าลงไปกระทบกับร่างของเหล่ายักษ์ตรงหน้าของซิกฟรีด ด้วยอานุภาพที่ทรงพลังทำให้ร่างของพวกมันเกิดอาการช็อดและระเบิดไปในที่สุด และในกลุ่มควันที่ดำที่ลอยขึ้นไปบนฟ้า คนที่พุ่งตรงฝ่ากลุ่มควันนั้นออกมานั่นคือแองเจโล่เอง
แองเจโล่ค่อยๆยืนขึ้นมาหลังจากที่ลงถึงพื้นได้สำเร็จ ซิกฟรีดรีบวิ่งมาสมทบกับเขาในทันที