Quatrious; ปริศนามหานครแห่งจตุฤดู

กระทู้สนทนา
1st Chapitre; The Magic College of Centrine

    ย่ำรัตติกาลที่เคยดำเนินไปอย่างเอื่อยเฉื่อยท่ามกลางความหนาวเหน็บและสายลมที่กรีดผิวกายที่พัดผ่านกรุงโอตอมป์ เมืองหลวงแห่งราชอาณาจักรฟอลล์ถูกทำลายด้วยเสียงระเบิดดังสนั่นที่กลางเมือง เปลวเพลิงลุกไหม้และลามอย่างโหมกระหน่ำด้วยลมที่เป็นแรงเสริม เสียงกรีดร้องของชาวบ้านดังระงมน่าเวทนาค่อยๆดังขึ้นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เมืองหลวงที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและดนตรี ณ บัดนี้กลับกลายเป็นเพียงซากปรักหักพังจากสมรภูมิรบระหว่างอาณาจักร ประชาชนแห่งกรุงโอตอมป์วิ่งหนีระเบิดอย่างจ้าละหวั่น หากแต่มีหญิงสาวผู้หนึ่งที่ไม่มีทีท่าว่าจะกลัวหายนะนั้นเดินมุ่งหน้าสู่กลางกรุงพร้อมกับตะโกนดังลั่น

    “กาเทรียส อุม ฟิเลมัส” เปลวเพลิงสีแดงส้มที่เริงระบำเผาบ้านเรือนอยู่รอบกายสตรีผู้นั้นโหมลุกอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นจึงพุ่งทะยานเหนือศรีษะของหญิงสาวและม้วนรวมตัวกันจนคล้ายลูกบอลขนาดยักษ์ที่ส่องแสงวาบไปทั่วอาณาบริเวณ ผมสลวยที่เคยเป็นสีดำขลับค่อยๆเปลี่ยนสีเป็นสีส้มสว่างราวกับไฟกำลังไหม้ลามปลายผมของเธอไปด้วย หญิงสาวผู้นั้นหลั่งเหงื่อออกมาประดุจน้ำไหล ชาวบ้านที่วิ่งหนีพากันหยุดชะงักและต่างหาที่กำบังเพื่อคอยแอบดู หญิงสาวผู้ร่ายมนต์นั้นยังคงยืนนิ่งภายใต้เปลวเพลิงที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเหนือศรีษะของเธอ เธอเงยหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้าสีดำสนิทซึ่งถูกย้อมสีแดงส้มจากอัคคีภัยพร้อมกับเปล่งเสียงดังก้องว่า

    “กาเทรียส อุม ไฟลิสม่า” ลูกบอลเพลิงยักษ์ระเบิดออกเป็นห้าสายกระจายไปโดยรอบ จากนั้นจึงพุ่งทะยานขึ้นเหนือท้องฟ้า เสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมกันห้าจุดพร้อมกับซากสิ่งของร่วงหล่นลงพื้น ณ ทันใด หญิงสาวผู้นั้นจ้องมองไปยังจุดที่เกิดระเบิดและร้องอีกครั้ง

    “กาเทรียส อุม โวเทียร์” สายฝนโปรยลงมาอย่างบ้าคลั่งเพื่อดับเปลวเพลิง ประชาชนโดยรอบต่างร้องดีใจและตะโกนขอบคุณความช่วยเหลือจากสตรีผู้นั้น หญิงสาวรีบวิ่งเพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าสายตา ทิ้งชาวบ้านที่ร้องสรรเสริญอย่างไม่หยุดไว้เบื้องหลัง
    
    “เฮ้อ ท่านจอมเวทย์โฟรเลร่านี่เก่งดีแท้” เด็กหญิงวัยประมาณ ๑๗ ปีปิดหนังสือที่อ่านอยู่พร้อมกับล้มตัวลงนอนบนโซฟาหนังสีน้ำตาลในห้องนั่งเล่น แล้วจึงขยับแว่นสายตาที่ตกลงมาถึงปลายจมูกขึ้น เธอมองขึ้นไปบนเพดานห้องที่วาดลวดลายสวยงามไว้อย่างประณีตด้วยสายตาที่ว่างเปล่าพลางคิดจินตนาการถึงเหตุการณ์ที่บรรยายอยู่ในหนังสือนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ชื่อ วีรสตรีแห่งโอตอมป์

    “จอมเวทย์ผู้สามารถดึงพลังจากธาตุรอบกาย จะมีใครอีกที่มีพลังแบบนี้ไหมนะ” ไลแคสทรา ควอททีเยร์พึมพำกับตัวเองพลางนอนกลิ้งไปมาบนโซฟาตัวโปรด เธอเป็นเด็กสาวหน้าตาสะสวยที่มีผมดำขลับประดุจไข่มุกดำ และมีผิวสีขาวราวหิมะ ไลแคสทราเป็นเด็กที่ค่อนข้างโดดเด่นกว่าเด็กคนอื่นเพราะเธอมีความสูงที่มากกว่าเด็กผู้หญิงในวัยเดียวกัน และด้วยความสูงถึง ๑๗๕ เซ็นติเมตรนี้เองทำให้ไลแคสทรามักตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนทั่วไป เธอจึงแก้ไขปัญหานี้ด้วยการขลุกอยู่แต่ในห้องสมุดเพื่ออ่านหนังสือที่เธอชอบ และศึกษาอยู่เนืองนิตย์ จนได้รับตำแหน่งนักเรียนดีเด่นของทุกๆปี ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอยิ่งตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนมากขึ้นไปอีก

    ไลแคสทราลุกขึ้นยืนพร้อมกับบิดขี้เกียจเบาๆ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องสมุดของคฤหาสน์ควอททิเยร์ เสาไม้แกะสลักลายเถาองุ่นที่ตั้งอยู่สองข้างทางออกของห้องสมุดค่อยๆแตกกิ่งก้านสาขาออกมาทีละน้อย แต่ละกิ่งก็แตกใบอ่อนจนค่อยๆโตเป็นใบแก่ กิ่งก้านและใบไม้ของทั้งสองฟากฝั่งประสานรับกันโดยดีและสานตัวเองเป็นทรงคล้ายประตูอันวิจิตรโดยที่บุตรีของเจ้าของบ้านไม่ได้สนใจเท่าไรนัก ไลแคสทราเดินผ่านประตูหินอ่อนที่แกะสลักไว้อย่างชดช้อยเป็นภาพน้ำไหลตรงไปยังโถงทางเข้าของคฤหาสน์ เธอหยุดมองแจกันดอกไม้ทรงสูงขนาดยักษ์ที่ประดับประดาไปด้วยดอกไม้จากทั่วทุกสารทิศ ยังผลให้หน้าโถงทางเข้าของคฤหาสน์ดูยิ่งใหญ่ตระการตาและอ่อนหวานชดช้อยด้วยพร้อมกัน

    ยังคงเป็นยอดฝีมือของการจัดดอกไม้ไม่เปลี่ยนเลยนะคุณพ่อบ้านคาสโทร ไลแคสทรายิ้มให้กับแจกันยักษ์กลางโถงนั้นพร้อมกับมุ่งหน้าต่อไปที่ปีกตะวันออกตกของคฤหาสน์ ไม่นานก็ได้พบกับคนที่กำลังตามหา

    “พ่อบ้านคาสโทรคะ ชุดนักเรียนของหนูได้แล้วหรือยังเอ่ย” เด็กสาวถามด้วยเสียงอ่อนหวานเมื่อเห็นชายวัยกลางคนร่างสูงยืนหันหลังจัดการกับชุดเด็กผู้หญิงสีขาวสะอาดในห้องเปลี่ยนชุด พ่อบ้านคาสโทรหันกลับมาหาไลแคสทราพร้อมกับยิ้มให้เห็นฟันขาวสะอาดรับกับผมที่หวีเปียกจนเรียบแปล้

    “เรียบร้อยครับคุณหนู รีบแต่งตัวเร็วเดี๋ยวจะไม่ทันการสอบคัดเลือกนะครับ” พ่อบ้านคาสโทรยื่นชุดนักเรียนตัวเก่งของไลแคสทราให้เธอ จากนั้นจึงหลีกตัวให้เด็กสาวได้เปลี่ยนชุดเพื่อเข้ารับการสอบคัดเลือกสำหรับโรงเรียนเวทย์มนตรศาสตร์แห่งซ็องทรีน เมืองใหญ่ซึ่งเป็นเสมือนศูนย์กลางของทุกอาณาจักรในเซซงส์  เนื่องจากไลแคสทราจบการศึกษาขั้นพื้นฐานจากโรงเรียนสตรีโอตอมป์เรียบร้อยแล้ว  

    “พ่อบ้านคาสโทรคะ รบกวนให้เดนิชเตรียมรถไว้ได้เลยค่ะ หนูพร้อมแล้ว” ไลแคสทราตะโกนออกจากห้องเปลี่ยนชุดในขณะที่เธอกำลังใส่อุปกรณ์พิเศษสำหรับดวงตาที่เรียกว่า วิซ เพื่อปรับค่าสายตาให้เป็นระดับปกติแทนการใส่แว่น นัยน์ตาสีดำสนิทเปล่งประกายตื่นเต้นอยู่ในที หญิงสาววิ่งออกจากห้องเปลี่ยนชุด มุ่งหน้าไปยังทางออกที่โถงคฤหาสน์ ประตูไม้บานใหญ่ขัดมันเปิดออกราวรู้ใจ เบื้องหน้าปรากฏไว้ด้วยรถลากเทียมม้าสีดำสนิทสองตัวที่รอไว้อยู่ก่อน โดยมีสารถีร่างสูงนั่งอยู่บนอานคอยกุมบังเหียน

    “เธอจะไปกับฉันด้วยเหรอเดนิช?” ไลแคสทราถามสารถีหนุ่มด้วยสีหน้าสงสัย เพราะปกติจะเป็นพ่อบ้านคาสโทรเป็นสารถีให้ทุกครั้ง

    “เปล่า ฉันแค่อยากลองนั่งดูเฉยๆ แต่วันนี้คุณคาสโทรก็คงจะไม่ได้ไปกับเธอหรอก เพราะเราสองคนมีธุระของคุณผู้หญิงต้องไปทำน่ะ เธออาจจะต้องไปเองนะ” เดนิชยิ้มพร้อมกับกระโดดลงจากที่นั่งสารถี ไลแคสทราตีหน้าสงสัยพร้อมกับหันไปถามพ่อบ้านคาสโทร ซึ่งคำตอบกลับมาก็เป็นที่น่าผิดหวังสำหรับเธอ เพราะธุระที่ว่านี้ไม่สามารถเปิดเผยได้

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

1) เซซงส์ (น.) คำเรียกขานโลกซึ่งประกอบไปด้วย ๔ อาณาจักร ๑ เขตการปกครองพิเศษ และ ๔ เขตหวงห้าม
2) การศึกษาขั้นพื้นฐานในเซซงส์คือการศึกษาในโรงเรียนประจำตั้งแต่อายุ ๔ ปีจนถึงอายุ ๑๗ ปีบริบูรณ์ ประชาชนในเซซงส์จะต้องได้รับการศึกษาตามกฎหมายโดยไม่มีข้อยกเว้น การศึกษานี้จะไม่มีค่าใช้จ่ายใดเนื่องจากรัฐบาลของราชอาณาจักรนั้นๆคุ้มครองทั้งหมด นักเรียนที่จบการศึกษาสามารถเข้ารับการศึกษาต่อได้ตามโรงเรียนสายอาชีพที่ตนสนใจ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่