รวมตอนที่ผ่านมาทั้งหมดครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนที่ 1 http://ppantip.com/topic/31201298
ตอนที่ 2 http://ppantip.com/topic/31228522
ตอนที่ 3 http://ppantip.com/topic/31258499
ตอนที่ 4 http://ppantip.com/topic/31272721
ตอนที่ 5 http://ppantip.com/topic/31294362
ตอนที่ 6 http://ppantip.com/topic/31332352
ตอนที่ 7 http://ppantip.com/topic/31366016
ตอนที่ 8 http://ppantip.com/topic/31393858
ตอนที่ 9 http://ppantip.com/topic/31416062
ตอนที่ 10 http://ppantip.com/topic/31486931
ตอนที่ 11 http://ppantip.com/topic/31668773
ตอนที่ 12 http://ppantip.com/topic/31896247
*****
ภายในโรงเรียนไนท์เบลดอันแสนกว้างใหญ่ บรรยากาศภายในโรงเรียนนั้นดูจะเป็นปกติเหมือนทุกๆวันหลังรวมแถวเคารพธงชาติในตอนเช้า เสียงเจี๊ยวจ๊าวยังคงดังไปทั่วตึก จากห้องเรียนของเด็กนักเรียนที่พึ่งจะเตรียมตัวเปลี่ยนวิชาเรียนหลังหมดคาบเรียนที่แล้ว รวมไปถึงตามทางเดินคอนกรีตที่ใช้เชื่อมต่อไปยังอาคารสถานที่ต่างๆ ก็ยังคงมีเด็กนักเรียนให้เห็นอยู่อย่างมากมาย ดูเผลินๆแล้วบรรยากาศในวันนี้ก็ไม่ต่างจากทุกๆวันธรรมดาของโรงเรียนแห่งนี้ซักเท่าไร
แต่ทว่ายังคงมีสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งเด็กนักเรียนธรรมดานั้นยังไม่เคยได้เหยียบย่างเข้าไป หรือได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของสถานที่แห่งนี้
ลึกลงไปยังใต้ดินใจกลางโรงเรียนไนท์เบลดหลายชั้น ห้องใต้ดินแห่งหนึ่งที่เงียบกริบและมืดมิดไร้ผู้คน ภายในห้องนั้นแม้จะมีโต๊ะเหล็กและเก้าอี้พร้อมที่จะให้ใครบางคนมาจับจองที่นั่งตรงนั้น แต่ทว่าเมื่อมองบรรยากาศโดยรอบอันสุดหลอนแล้วคงจะไม่มีผู้ใดปราถนาที่จะมาที่นี่เป็นแน่
และเสียงๆหนึ่งคล้ายกับเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบกริบในความมืดนั้น พนังปูนเก่าๆที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรน่าสนใจกลับค่อยๆแยกออกจากกัน ผนังเลื่อนออกไปคนละทาง เผยให้เห็นประตูด้านในที่ทำมาจากเหล็กกล้า ประตูเปิดออกมากลายเป็นประตูเหล็กอีกชั้นหนึ่ง และเมื่อประตูเหล็กชั้นที่สองถูกเปิดออกอีกครั้งค่อยๆเผยให้แสงไฟที่ส่องสว่างลอดผ่านเข้ามายังภายในห้องที่แสนจะมืดมึนนั้น ตามมาด้วยร่างของนักเรียนหญิงของไนท์เบลดที่กำลังเดินออกมาจากข้างในนั้นอย่างรีบเร่ง
เมื่อมองตามเข้าไปยังปากประตูที่กำลังเปิดค้างเอาไว้ ภายในห้องใหญ่ที่เต็มไปด้วยชุดเครื่องคอมพิวเตอร์ที่แสนไฮเทค เหล่าบรรดานักเรียนของไนท์เบลดที่กำลังนั่งอยู่ตรงหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ของตัวเองนั้นต่างก็มีสีหน้าที่เคร่งเครียดกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น หน้าจอโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ที่กำลังฉายภาพของเหล่าบรรดากองทัพยักษ์ที่กำลังกรีฑาทัพเข้ามาด้วยความรวดเร็ว และหลังจากนั้นภาพก็ตัดไปยังภาพอีกมุมหนึ่งจากที่ไกลๆ และอีกมุมหนึ่งจากข้างบนฟ้า แสดงให้เห็นถึงระยะทางและความเร็วของเหล่ากองทัพอสูรกายที่ค่อยๆใกล้เข้ามายังเมืองอย่างช้าๆ โดยที่มีแต่สะพานและแม้น้ำใหญ่เท่านั้นที่กำลังขวางทางอยู่
สายตาของสารวัตรนักเรียนสาวทั้งสามคนจ้องมองที่จอขนาดใหญ่นั้นด้วยความวิตกกังวล
"คิคาวะ! การติดต่อไปยังกองทัพเป็นยังไงบ้าง!" เสียงของเอวินอาจารย์ของพวกเธอดังขึ้นมา คิคาวะหมุนตัวที่อยู่บนเก้าอี้หันมาตามเสียงเรียกจากอาจารย์หนุ่มของเธอ
"หนูส่งภาพพวกนี้ไปให้พวกเขาแล้วล่ะคะ เขาตอบกลับมาว่าอีกหนึ่งชั่วโมงถึงจะรวบรวมกำลังพลแล้วพร้อมโจมตีในทันที"
"กองทัพคิดอะไรของเขากันอยู่นะ!" อาจารย์ฟุยุสึกิที่ยืนอยู่ใกล้ๆกับคิคาวะพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นกังวลอย่างที่สุด ซึ่งก็ไม่ต่างกันกับความรู้สึกของเด็กนักเรียนทั้งหมดภายในห้องนั้น
"กะแล้วเชียว" อาจารย์เอวินพูดสวนขึ้นมา
"...เจ้าพวกขี้ขาลพวกนั้น ถ้าเป็นเรื่องคอขาดบาดตายแล้วเนี่ย ต้องมีลังเลเป็นพิเศษเลยสินะ......คิคาวะ!!"
"คะ?!" คิคาวะตอบรับพร้อมกับทำสีหน้าชวนสงสัยเล็กน้อย
"ติดต่อผู้กองเชสแห่งฐานทัพกองทัพบกที่ 31 ให้ฉันที"
ภายใต้ศูนย์บัญชาการของฐานทัพกองทัพบกที่ 31 เหล่าบรรดาทหารประจำฐานทัพในชุดลายพลางสีเขียวกำลังง่วนอยู่กับหน้าที่ของตัวเองตามคำสั่งของศูนย์บัญชาการที่ได้รับมอบหมายมา ภายในห้องบัญชาการของฐานทัพเหล่าทหารในตำแหน่งต่างๆยังคงปฏิบัติตามหน้าที่ของตัวเอง กลางห้องมีหน้าจอขนาดใหญ่แสดงภาพของเหตุการณ์บ้านเมืองต่างๆทั่วทั้งประเทศแห่งนี้ และแผนที่ของเมืองซึ่งแสดงออกมาเป็นภาพจำลองแบบโฮโลแกรมยังคงมีคนจับจ้องอยู่ด้วยความสนใจ
นายทหารหนุ่มคนหนึ่งเจ้าของผมสั้นสีบรอนอ่อนๆเข้าทรงกำลังดี ดวงตาสีน้ำตาลเข้มยังคงจ้องมองลงไปยังแผนที่ๆอยู่ข้างล่างตรงกลางห้องนั้น ผิวที่ขาวเผือกกับใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาทำให้เป็นเป้าสายตาของผู้หญิงทั่วไป ไม่เว้นแม้กระทั่งเพื่อนร่วมงานหรือลูกน้องที่เป็นผู้หญิงภายในห้องนั้น ที่แม้แต่เดินผ่านตรงจุดที่เขากำลังยืนอยู่ต่างก็ต้องเหลียวมาชื่นชมใบหน้าอันหล่อเหลาของนายทหารคนนั้น นิ้วมือที่วางอยู่บนแขนที่กำลังกอดอกแน่นอยู่นั้นขยับขึ้นลงไล่นิ้วไปมาประหนึ่งว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ และสิ่งที่โดดเด่นเป็นสง่าอยู่ที่นิ้วชี้ข้างขวานั่นก็คือแหวนสีทองรูปจักรราศีพฤษ
"ผู้กองเชสครับ" นายทหารยศน้อยคนหนึ่งเรียกหาเจ้านายของตัวเองจากโต๊ะทำงานของเขา ในขณะที่มือของเขาเองนั้นกำลังถือโทรศัพท์อยู่ เมื่อเจ้าของชื่อได้ยินก็หันไปตามเสียงเรียกนั้นทันที
"สายจากโรงเรียนไนท์เบลดครับ...." เมื่อได้ยินเช่นนั้น จากใบหน้าที่เรียบเฉยกลายใบหน้าที่คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันของผู้กองรูปหล่อในทันที ประหนึ่งเหมือนกับว่าผู้กองที่ชื่อว่า"เชส"จะรู้ถึงสถานการณ์บางอย่างผ่านโทรศัพท์นั้นไปแล้ว
อีกด้านหนึ่งที่เมืองเล็กๆแสนจะเงียบสงบ ชาวเหมือนยังคงดำเนินกิจกรรมในชีวิตประจำวันของตัวเองตามปกติอย่างทุกๆวันโดยที่พวกเขาหารู้หรือไม่ว่าภยันตรายที่ร้ายแรงกำลังจะมาเยือนพวกเขาในไม่ช้า และบนท้องฟ้าในวันที่อากาศแจ่มใสที่ไร้ซึ่งกลุ่มเมฆสีขาวมาแต่งเติมแผ่นฟ้านั้น มีชายหนุ่มกลุ่มหนึ่งในชุดนักเรียนของโรงเรียนไนท์เบลดพรอนเทร่ากำลังค่อยๆบินร่อนทราลงมาจากฟ้า และบินตรงเข้าไปยังตรอกเล็กๆแห่งหนึ่งข้างๆกับตึกคู่แฝดอย่างรวดเร็ว
รามูเนสค่อยๆวางอคิลลิสลง ตอนนี้ร่างกายได้รับบาดเจ็บ แผลที่ถูกแทงมีขนาดใหญ่และกว้างจนทำให้เลือดนั้นไหลออกมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด แม้จะได้มีการห้ามเลือดด้วยผ้าหนาๆที่เขาปิดมันเข้ากับแผลนั้นอยู่ก็ตาม จู่ๆรามูเนสก็เกิดความรู้สึกโมโหจนแทบจะคุมตัวเองไม่อยู่ เขาหันหลังไปแล้วคว้าขอเสื้อของซิกฟรีดในทันที
"จะทำอะไรน่ะ! อย่านะครับ!!" แองเจโล่รีบเข้าไปห้ามปรามทันทีเมื่อเห็นท่าว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น
"นี่พวกแก! ไหนว่าแผนมันจะได้ผลไม่ใช่เหรอ! แล้วนี่อะไร อยากจะฆ่าพวกเราทางอ้อมเลยหรือยังไง!!!" รามาเนสแสดงความโกรธของตัวเองด้วยการดึงคอเสื้อของซิกฟรีดเข้ามาใกล้ให้มากขึ้นอีก
"ไม่ใช่นะครับ! จริงอยู่ที่พวกเราเองก็ไม่รู้ว่ากล่องแห่งอาคาช่าจะยังคงมีพลังที่จะใช้เปิดประตูได้ แต่ว่านี่มันก็ไม่ใช่ความผิดของซิกฟรีดเลยนะครับ ยังมีวิธีอื่นอีกที่สามารถเปิดประตูได้ที่พวกเราเองก็ยังไม่รู้ นายเองก็น่าจะเห็นแล้วนี่ ถ้าจะโทษว่าเป็นความผิดของผมเถอะ ที่ยังรู้ไม่พอ..."
"เรื่องนี้มัน... เหนือความคาดหมายของฉัน" ซิกฟรีดตอบด้วยน้ำเสียงเจื่อนๆ แววตาที่สั่นระริกของเขาแสดงให้เห็นถึงความไม่มั่นใจในตัวเองและผิดหวัง แม้แต่แองเจโล่ที่กำลังยืนอยู่ข้างๆก็ดูออก และรู้สึกตกใจเล็กน้อยที่สหายคนสนิดที่ทำทุกอย่างด้วยความมั่นใจในตัวเองสุดๆ กลับเสียความมั่นใจไปแบบนี้
"....ว่าไงนะ นี่แก!!! อย่าพูดแบบไร้ความรับผิดชอบแบบนี้เซ่!!" รามูเนสที่ได้ยินคำตอบที่สุดแสนจะไม่สบอารมณ์ตัวเองก็ระเบิดความโมโหขึ้นอีกครั้ง จนแทบจะเหวี่ยงกำปั้นใส่ใบหน้าของซิกฟรีดเข้าให้ แต่ว่าเขาก็ต้องหยุดชะงักลงเพราะมือหนึ่งที่ชุ่มไปด้วยเลือดกำลังจับหมัดห้ามปรามเขาอยู่
"ช่างมันเถอะรามูเนส..." อคิลลิสพูดด้วยเสียงอันแผ่วเบาคล้ายกับคนที่กำลังเหนื่อยอ่อน "ตอนนี้น่ะไม่ใช่เวลาที่พวกเราสีคนจะมาทะเลาะกันนะ..."
"แต่ว่า!"
- ตูมมมมมมมมมมมมมมม !!!!! -
"ห๊ะ!!!"
ทันใดนั้นเสียงระเบิดที่ดังสนั่นหวั่นไหวก็ดังขึ้นมากลางเมืองเล็กๆที่พวกเขาอยู่ เบนความสนใจของรามูเนสและคนอื่นๆไปชั่วขณะ เมื่อพวกเขามองตามเสียงระเบิดที่ดังเมื่อครู่นี้ไปนั้น ก็ได้พบกับเหล่ากองทัพยักษ์ที่พวกเขาพึ่งฝ่าวงล้อมและหนีออกมาหมาดๆ ในตอนนี้พวกมันได้เข้ามายังเมืองเล็กๆแห่งนี้แล้ว
พวกมันเริ่มที่จะพังทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางทางพวกมัน ทั้งรถยนต์ ตู้โทรศัพท์สาธารณะ ป้ายรถประจำทาง ถูกกำปั้นเหล็กของพวกมันทุบจนแหลกไม่มีชิ้นดี บ้างก็ถูกระเบิดมือของยักษ์ที่ใช้ธนูระเบิดใส่จนสิ่งของที่อยู่ในรัศมีระเบิดนั้นหายไปในเปลวเพลิง ไม่เว้นแม้กระทั้งร้านค้าต่างๆก็ถูกพวกยักษ์ปาระเบิดเข้าไปจนแรงอัดของระเบิดทำให้กระจนบานใหญ่แตกละเอียดไม่มีชิ้นดี
เหล่าผู้กล้าทั้งสี่ยีงคงยืนอึ้งกันอยู่นานเมื่อนึกถึงที่ๆพวกเขาจากมา ระยะทางจากที่พวกเขาหนีจากกองทัพยักษ์มานั้นค่อนข้างห่างจากเมืองนี้มาก เรียกได้ว่าปลอดภัยและหายห่วงว่าจะมีใครโดนลูกหลงจากการต่อสู้ แต่นี่กลับตรงข้ามกันกับที่พวกเขาคิด กองทัพยักษ์เริ่มเข้ามาในเมืองได้หลังจากที่เหล่าผู้กล้าพึ่งจะมาถึงได้ไม่นาน
ในขณะที่พวกเขากำลังยืนอึ้งและสับสนกับตัวเองว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี รามูเนสและซิกฟรีดก็รู้สึกเหมือนมีมือของใครมาดึงแขนเสื้อและพยายามดันพวกเขาออกไป
"ไป!!! ไป!!! ไป!!!"
อคิลลิสผลักเขาทั้งสองออกไปเพื่อเป็นการกระตุ้นและเรียกสติของเพื่อนตัวเองกลับมา ซึ่งมันได้ผล รามูเนสและซิกฟรีดหันหลังมาดูอคิลลิสอยู่แว๊บเดียว ก่อนที่เขาทั้งสองจะรีบกระโดดพุ่งออกจากที่ตรงนั้นแล้วตรงไปยังกลุ่มยักษ์ที่อยู่ทางด้านหน้านั้น พร้อมกับเหวี่ยงพุ่งกำปั้นผ่านร่างของบรรดายักษ์ทั้งหลายจนพวกมันปลิวไปตาม แรงหมัดและเงาสุดท้ายของรามูเนส ในเวลาเดียวกันซิกฟรีดบินไปขวางทางที่พวกยักษ์กลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งมา ก่อนที่จะแจกบาทาของเขาเข้าไปเต็มๆใบหน้าของเหล่ายักษ์ทั้งหลายจนพวกมันปลิวกันไปคนละทิศคนละทาง
อคิลลิสที่กำลังยืนดูเหตุการณ์นี้อยู่ใกล้จู่ๆเขาก็รู้สึกเหนื่อยอ่อนจนต้องเอาหลังตัวเองพิงกับผนังตึกข้างๆ แองเจโล่ที่อยู่ใกล้ๆรีบมาดูอาการของเพื่อนตัวเองด้วยความเป็นห่วง ดวงตาสีน้ำเงินกลมโตยังคงจับจ้องไปยังมือที่ชุ่มไปด้วยเลือดและผ้าผืนเดิมที่กำลังปิดบาดแผลไม่ให้เลือดไหลออกมา
"ฉันว่านายต้องห้ามเลือดแล้วนะอคิลลิส!" แองเจโร่ร้องบอก
"พลเมืองยังติดอยู่แถวนี้!" อคิลลิสบอกพร้อมส่งสายตาไปยังสิ่งที่อยู่ตรงหน้า กลุ่มยักษ์กลุ่มหนึ่งที่กำลังค่อยๆย่างก้าวเข้าไปหารถบัสสีขาวแถบน้ำเงินคันหนึ่ง ที่ในนั้นเต็มไปด้วยผู้โดยสารที่กำลังหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เมื่อเห็นดังนั้นแองเจโล่ก็ระเบิดพลังขึ้นมาจนแสดงออกผ่านดวงตาสีน้ำเงินที่เปลี่ยนสีไปเป็นสีเหลืองที่ส่องสว่าง และด้วยความเร็วที่เหนือกว่ามนุษย์หลายพันเท่านักทำให้สายตาของแองเจโล่เห็นภาพที่อยูตรงหน้าเป็นเหมือนภาพสโลโมชั่น
แองเจโล่วิ่งเข้าไปหาพวกยักษ์ที่อยู่ตรงหน้า เมื่อมาถึงก็ไม่รอช้าเหวี่ยงกำปั้นเข้าไปที่หน้าของยักษ์ตัวที่หนึ่งเช่นเดียวกันกับยักษ์อีกตัวที่อยู่ด้านซ้ายของหน้ารถบัส เขาวิ่งอ้อมไปทางด้านข้างของรถบัสที่เขาเห็นยักษ์ตัวนึกทำท่าทางแปลกๆ ยักษ์ตัวนั้นกำลังถือลูกระเบิดอยู่ในมือและดูเหมือนว่ากำลังคิดที่จะโยนมันเข้าไปภายในรถบัสนั้น แองเจโล่ดึงมันออกมาจากมือของมันอย่างใจเย็น แล้วขว้างมันออกไปยังกลุ่มยักษ์กลุ่มหนึ่งที่กำลังวิ่งเข้าไปในเมือง พร้อมกับวิ่งเข้าไปขัดขา ชกเข้าไปที่หน้า ที่ท้องของยักษ์ที่เหลืออย่างรวดเร็ว แล้ววิ่งมาที่หน้าประตูรถบัสคันนั้น
- แป๊ก! -
KP Warriors ตอนที่ 13 : ประตูมิติแห่งพาราทูแน๊กส์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
*****
ภายในโรงเรียนไนท์เบลดอันแสนกว้างใหญ่ บรรยากาศภายในโรงเรียนนั้นดูจะเป็นปกติเหมือนทุกๆวันหลังรวมแถวเคารพธงชาติในตอนเช้า เสียงเจี๊ยวจ๊าวยังคงดังไปทั่วตึก จากห้องเรียนของเด็กนักเรียนที่พึ่งจะเตรียมตัวเปลี่ยนวิชาเรียนหลังหมดคาบเรียนที่แล้ว รวมไปถึงตามทางเดินคอนกรีตที่ใช้เชื่อมต่อไปยังอาคารสถานที่ต่างๆ ก็ยังคงมีเด็กนักเรียนให้เห็นอยู่อย่างมากมาย ดูเผลินๆแล้วบรรยากาศในวันนี้ก็ไม่ต่างจากทุกๆวันธรรมดาของโรงเรียนแห่งนี้ซักเท่าไร
แต่ทว่ายังคงมีสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งเด็กนักเรียนธรรมดานั้นยังไม่เคยได้เหยียบย่างเข้าไป หรือได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของสถานที่แห่งนี้
ลึกลงไปยังใต้ดินใจกลางโรงเรียนไนท์เบลดหลายชั้น ห้องใต้ดินแห่งหนึ่งที่เงียบกริบและมืดมิดไร้ผู้คน ภายในห้องนั้นแม้จะมีโต๊ะเหล็กและเก้าอี้พร้อมที่จะให้ใครบางคนมาจับจองที่นั่งตรงนั้น แต่ทว่าเมื่อมองบรรยากาศโดยรอบอันสุดหลอนแล้วคงจะไม่มีผู้ใดปราถนาที่จะมาที่นี่เป็นแน่
และเสียงๆหนึ่งคล้ายกับเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบกริบในความมืดนั้น พนังปูนเก่าๆที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรน่าสนใจกลับค่อยๆแยกออกจากกัน ผนังเลื่อนออกไปคนละทาง เผยให้เห็นประตูด้านในที่ทำมาจากเหล็กกล้า ประตูเปิดออกมากลายเป็นประตูเหล็กอีกชั้นหนึ่ง และเมื่อประตูเหล็กชั้นที่สองถูกเปิดออกอีกครั้งค่อยๆเผยให้แสงไฟที่ส่องสว่างลอดผ่านเข้ามายังภายในห้องที่แสนจะมืดมึนนั้น ตามมาด้วยร่างของนักเรียนหญิงของไนท์เบลดที่กำลังเดินออกมาจากข้างในนั้นอย่างรีบเร่ง
เมื่อมองตามเข้าไปยังปากประตูที่กำลังเปิดค้างเอาไว้ ภายในห้องใหญ่ที่เต็มไปด้วยชุดเครื่องคอมพิวเตอร์ที่แสนไฮเทค เหล่าบรรดานักเรียนของไนท์เบลดที่กำลังนั่งอยู่ตรงหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ของตัวเองนั้นต่างก็มีสีหน้าที่เคร่งเครียดกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น หน้าจอโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ที่กำลังฉายภาพของเหล่าบรรดากองทัพยักษ์ที่กำลังกรีฑาทัพเข้ามาด้วยความรวดเร็ว และหลังจากนั้นภาพก็ตัดไปยังภาพอีกมุมหนึ่งจากที่ไกลๆ และอีกมุมหนึ่งจากข้างบนฟ้า แสดงให้เห็นถึงระยะทางและความเร็วของเหล่ากองทัพอสูรกายที่ค่อยๆใกล้เข้ามายังเมืองอย่างช้าๆ โดยที่มีแต่สะพานและแม้น้ำใหญ่เท่านั้นที่กำลังขวางทางอยู่
สายตาของสารวัตรนักเรียนสาวทั้งสามคนจ้องมองที่จอขนาดใหญ่นั้นด้วยความวิตกกังวล
"คิคาวะ! การติดต่อไปยังกองทัพเป็นยังไงบ้าง!" เสียงของเอวินอาจารย์ของพวกเธอดังขึ้นมา คิคาวะหมุนตัวที่อยู่บนเก้าอี้หันมาตามเสียงเรียกจากอาจารย์หนุ่มของเธอ
"หนูส่งภาพพวกนี้ไปให้พวกเขาแล้วล่ะคะ เขาตอบกลับมาว่าอีกหนึ่งชั่วโมงถึงจะรวบรวมกำลังพลแล้วพร้อมโจมตีในทันที"
"กองทัพคิดอะไรของเขากันอยู่นะ!" อาจารย์ฟุยุสึกิที่ยืนอยู่ใกล้ๆกับคิคาวะพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นกังวลอย่างที่สุด ซึ่งก็ไม่ต่างกันกับความรู้สึกของเด็กนักเรียนทั้งหมดภายในห้องนั้น
"กะแล้วเชียว" อาจารย์เอวินพูดสวนขึ้นมา
"...เจ้าพวกขี้ขาลพวกนั้น ถ้าเป็นเรื่องคอขาดบาดตายแล้วเนี่ย ต้องมีลังเลเป็นพิเศษเลยสินะ......คิคาวะ!!"
"คะ?!" คิคาวะตอบรับพร้อมกับทำสีหน้าชวนสงสัยเล็กน้อย
"ติดต่อผู้กองเชสแห่งฐานทัพกองทัพบกที่ 31 ให้ฉันที"
ภายใต้ศูนย์บัญชาการของฐานทัพกองทัพบกที่ 31 เหล่าบรรดาทหารประจำฐานทัพในชุดลายพลางสีเขียวกำลังง่วนอยู่กับหน้าที่ของตัวเองตามคำสั่งของศูนย์บัญชาการที่ได้รับมอบหมายมา ภายในห้องบัญชาการของฐานทัพเหล่าทหารในตำแหน่งต่างๆยังคงปฏิบัติตามหน้าที่ของตัวเอง กลางห้องมีหน้าจอขนาดใหญ่แสดงภาพของเหตุการณ์บ้านเมืองต่างๆทั่วทั้งประเทศแห่งนี้ และแผนที่ของเมืองซึ่งแสดงออกมาเป็นภาพจำลองแบบโฮโลแกรมยังคงมีคนจับจ้องอยู่ด้วยความสนใจ
นายทหารหนุ่มคนหนึ่งเจ้าของผมสั้นสีบรอนอ่อนๆเข้าทรงกำลังดี ดวงตาสีน้ำตาลเข้มยังคงจ้องมองลงไปยังแผนที่ๆอยู่ข้างล่างตรงกลางห้องนั้น ผิวที่ขาวเผือกกับใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาทำให้เป็นเป้าสายตาของผู้หญิงทั่วไป ไม่เว้นแม้กระทั่งเพื่อนร่วมงานหรือลูกน้องที่เป็นผู้หญิงภายในห้องนั้น ที่แม้แต่เดินผ่านตรงจุดที่เขากำลังยืนอยู่ต่างก็ต้องเหลียวมาชื่นชมใบหน้าอันหล่อเหลาของนายทหารคนนั้น นิ้วมือที่วางอยู่บนแขนที่กำลังกอดอกแน่นอยู่นั้นขยับขึ้นลงไล่นิ้วไปมาประหนึ่งว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ และสิ่งที่โดดเด่นเป็นสง่าอยู่ที่นิ้วชี้ข้างขวานั่นก็คือแหวนสีทองรูปจักรราศีพฤษ
"ผู้กองเชสครับ" นายทหารยศน้อยคนหนึ่งเรียกหาเจ้านายของตัวเองจากโต๊ะทำงานของเขา ในขณะที่มือของเขาเองนั้นกำลังถือโทรศัพท์อยู่ เมื่อเจ้าของชื่อได้ยินก็หันไปตามเสียงเรียกนั้นทันที
"สายจากโรงเรียนไนท์เบลดครับ...." เมื่อได้ยินเช่นนั้น จากใบหน้าที่เรียบเฉยกลายใบหน้าที่คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันของผู้กองรูปหล่อในทันที ประหนึ่งเหมือนกับว่าผู้กองที่ชื่อว่า"เชส"จะรู้ถึงสถานการณ์บางอย่างผ่านโทรศัพท์นั้นไปแล้ว
อีกด้านหนึ่งที่เมืองเล็กๆแสนจะเงียบสงบ ชาวเหมือนยังคงดำเนินกิจกรรมในชีวิตประจำวันของตัวเองตามปกติอย่างทุกๆวันโดยที่พวกเขาหารู้หรือไม่ว่าภยันตรายที่ร้ายแรงกำลังจะมาเยือนพวกเขาในไม่ช้า และบนท้องฟ้าในวันที่อากาศแจ่มใสที่ไร้ซึ่งกลุ่มเมฆสีขาวมาแต่งเติมแผ่นฟ้านั้น มีชายหนุ่มกลุ่มหนึ่งในชุดนักเรียนของโรงเรียนไนท์เบลดพรอนเทร่ากำลังค่อยๆบินร่อนทราลงมาจากฟ้า และบินตรงเข้าไปยังตรอกเล็กๆแห่งหนึ่งข้างๆกับตึกคู่แฝดอย่างรวดเร็ว
รามูเนสค่อยๆวางอคิลลิสลง ตอนนี้ร่างกายได้รับบาดเจ็บ แผลที่ถูกแทงมีขนาดใหญ่และกว้างจนทำให้เลือดนั้นไหลออกมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด แม้จะได้มีการห้ามเลือดด้วยผ้าหนาๆที่เขาปิดมันเข้ากับแผลนั้นอยู่ก็ตาม จู่ๆรามูเนสก็เกิดความรู้สึกโมโหจนแทบจะคุมตัวเองไม่อยู่ เขาหันหลังไปแล้วคว้าขอเสื้อของซิกฟรีดในทันที
"จะทำอะไรน่ะ! อย่านะครับ!!" แองเจโล่รีบเข้าไปห้ามปรามทันทีเมื่อเห็นท่าว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น
"นี่พวกแก! ไหนว่าแผนมันจะได้ผลไม่ใช่เหรอ! แล้วนี่อะไร อยากจะฆ่าพวกเราทางอ้อมเลยหรือยังไง!!!" รามาเนสแสดงความโกรธของตัวเองด้วยการดึงคอเสื้อของซิกฟรีดเข้ามาใกล้ให้มากขึ้นอีก
"ไม่ใช่นะครับ! จริงอยู่ที่พวกเราเองก็ไม่รู้ว่ากล่องแห่งอาคาช่าจะยังคงมีพลังที่จะใช้เปิดประตูได้ แต่ว่านี่มันก็ไม่ใช่ความผิดของซิกฟรีดเลยนะครับ ยังมีวิธีอื่นอีกที่สามารถเปิดประตูได้ที่พวกเราเองก็ยังไม่รู้ นายเองก็น่าจะเห็นแล้วนี่ ถ้าจะโทษว่าเป็นความผิดของผมเถอะ ที่ยังรู้ไม่พอ..."
"เรื่องนี้มัน... เหนือความคาดหมายของฉัน" ซิกฟรีดตอบด้วยน้ำเสียงเจื่อนๆ แววตาที่สั่นระริกของเขาแสดงให้เห็นถึงความไม่มั่นใจในตัวเองและผิดหวัง แม้แต่แองเจโล่ที่กำลังยืนอยู่ข้างๆก็ดูออก และรู้สึกตกใจเล็กน้อยที่สหายคนสนิดที่ทำทุกอย่างด้วยความมั่นใจในตัวเองสุดๆ กลับเสียความมั่นใจไปแบบนี้
"....ว่าไงนะ นี่แก!!! อย่าพูดแบบไร้ความรับผิดชอบแบบนี้เซ่!!" รามูเนสที่ได้ยินคำตอบที่สุดแสนจะไม่สบอารมณ์ตัวเองก็ระเบิดความโมโหขึ้นอีกครั้ง จนแทบจะเหวี่ยงกำปั้นใส่ใบหน้าของซิกฟรีดเข้าให้ แต่ว่าเขาก็ต้องหยุดชะงักลงเพราะมือหนึ่งที่ชุ่มไปด้วยเลือดกำลังจับหมัดห้ามปรามเขาอยู่
"ช่างมันเถอะรามูเนส..." อคิลลิสพูดด้วยเสียงอันแผ่วเบาคล้ายกับคนที่กำลังเหนื่อยอ่อน "ตอนนี้น่ะไม่ใช่เวลาที่พวกเราสีคนจะมาทะเลาะกันนะ..."
"แต่ว่า!"
- ตูมมมมมมมมมมมมมมม !!!!! -
"ห๊ะ!!!"
ทันใดนั้นเสียงระเบิดที่ดังสนั่นหวั่นไหวก็ดังขึ้นมากลางเมืองเล็กๆที่พวกเขาอยู่ เบนความสนใจของรามูเนสและคนอื่นๆไปชั่วขณะ เมื่อพวกเขามองตามเสียงระเบิดที่ดังเมื่อครู่นี้ไปนั้น ก็ได้พบกับเหล่ากองทัพยักษ์ที่พวกเขาพึ่งฝ่าวงล้อมและหนีออกมาหมาดๆ ในตอนนี้พวกมันได้เข้ามายังเมืองเล็กๆแห่งนี้แล้ว
พวกมันเริ่มที่จะพังทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางทางพวกมัน ทั้งรถยนต์ ตู้โทรศัพท์สาธารณะ ป้ายรถประจำทาง ถูกกำปั้นเหล็กของพวกมันทุบจนแหลกไม่มีชิ้นดี บ้างก็ถูกระเบิดมือของยักษ์ที่ใช้ธนูระเบิดใส่จนสิ่งของที่อยู่ในรัศมีระเบิดนั้นหายไปในเปลวเพลิง ไม่เว้นแม้กระทั้งร้านค้าต่างๆก็ถูกพวกยักษ์ปาระเบิดเข้าไปจนแรงอัดของระเบิดทำให้กระจนบานใหญ่แตกละเอียดไม่มีชิ้นดี
เหล่าผู้กล้าทั้งสี่ยีงคงยืนอึ้งกันอยู่นานเมื่อนึกถึงที่ๆพวกเขาจากมา ระยะทางจากที่พวกเขาหนีจากกองทัพยักษ์มานั้นค่อนข้างห่างจากเมืองนี้มาก เรียกได้ว่าปลอดภัยและหายห่วงว่าจะมีใครโดนลูกหลงจากการต่อสู้ แต่นี่กลับตรงข้ามกันกับที่พวกเขาคิด กองทัพยักษ์เริ่มเข้ามาในเมืองได้หลังจากที่เหล่าผู้กล้าพึ่งจะมาถึงได้ไม่นาน
ในขณะที่พวกเขากำลังยืนอึ้งและสับสนกับตัวเองว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี รามูเนสและซิกฟรีดก็รู้สึกเหมือนมีมือของใครมาดึงแขนเสื้อและพยายามดันพวกเขาออกไป
"ไป!!! ไป!!! ไป!!!"
อคิลลิสผลักเขาทั้งสองออกไปเพื่อเป็นการกระตุ้นและเรียกสติของเพื่อนตัวเองกลับมา ซึ่งมันได้ผล รามูเนสและซิกฟรีดหันหลังมาดูอคิลลิสอยู่แว๊บเดียว ก่อนที่เขาทั้งสองจะรีบกระโดดพุ่งออกจากที่ตรงนั้นแล้วตรงไปยังกลุ่มยักษ์ที่อยู่ทางด้านหน้านั้น พร้อมกับเหวี่ยงพุ่งกำปั้นผ่านร่างของบรรดายักษ์ทั้งหลายจนพวกมันปลิวไปตาม แรงหมัดและเงาสุดท้ายของรามูเนส ในเวลาเดียวกันซิกฟรีดบินไปขวางทางที่พวกยักษ์กลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งมา ก่อนที่จะแจกบาทาของเขาเข้าไปเต็มๆใบหน้าของเหล่ายักษ์ทั้งหลายจนพวกมันปลิวกันไปคนละทิศคนละทาง
อคิลลิสที่กำลังยืนดูเหตุการณ์นี้อยู่ใกล้จู่ๆเขาก็รู้สึกเหนื่อยอ่อนจนต้องเอาหลังตัวเองพิงกับผนังตึกข้างๆ แองเจโล่ที่อยู่ใกล้ๆรีบมาดูอาการของเพื่อนตัวเองด้วยความเป็นห่วง ดวงตาสีน้ำเงินกลมโตยังคงจับจ้องไปยังมือที่ชุ่มไปด้วยเลือดและผ้าผืนเดิมที่กำลังปิดบาดแผลไม่ให้เลือดไหลออกมา
"ฉันว่านายต้องห้ามเลือดแล้วนะอคิลลิส!" แองเจโร่ร้องบอก
"พลเมืองยังติดอยู่แถวนี้!" อคิลลิสบอกพร้อมส่งสายตาไปยังสิ่งที่อยู่ตรงหน้า กลุ่มยักษ์กลุ่มหนึ่งที่กำลังค่อยๆย่างก้าวเข้าไปหารถบัสสีขาวแถบน้ำเงินคันหนึ่ง ที่ในนั้นเต็มไปด้วยผู้โดยสารที่กำลังหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เมื่อเห็นดังนั้นแองเจโล่ก็ระเบิดพลังขึ้นมาจนแสดงออกผ่านดวงตาสีน้ำเงินที่เปลี่ยนสีไปเป็นสีเหลืองที่ส่องสว่าง และด้วยความเร็วที่เหนือกว่ามนุษย์หลายพันเท่านักทำให้สายตาของแองเจโล่เห็นภาพที่อยูตรงหน้าเป็นเหมือนภาพสโลโมชั่น
แองเจโล่วิ่งเข้าไปหาพวกยักษ์ที่อยู่ตรงหน้า เมื่อมาถึงก็ไม่รอช้าเหวี่ยงกำปั้นเข้าไปที่หน้าของยักษ์ตัวที่หนึ่งเช่นเดียวกันกับยักษ์อีกตัวที่อยู่ด้านซ้ายของหน้ารถบัส เขาวิ่งอ้อมไปทางด้านข้างของรถบัสที่เขาเห็นยักษ์ตัวนึกทำท่าทางแปลกๆ ยักษ์ตัวนั้นกำลังถือลูกระเบิดอยู่ในมือและดูเหมือนว่ากำลังคิดที่จะโยนมันเข้าไปภายในรถบัสนั้น แองเจโล่ดึงมันออกมาจากมือของมันอย่างใจเย็น แล้วขว้างมันออกไปยังกลุ่มยักษ์กลุ่มหนึ่งที่กำลังวิ่งเข้าไปในเมือง พร้อมกับวิ่งเข้าไปขัดขา ชกเข้าไปที่หน้า ที่ท้องของยักษ์ที่เหลืออย่างรวดเร็ว แล้ววิ่งมาที่หน้าประตูรถบัสคันนั้น
- แป๊ก! -