เอเจนซีส์ - หลังจากมีการเปิดตัวเซรุม Zmapp ที่ทำให้ฮือฮาไปทั่วโลกหลังจากที่นายแพทย์เคนต์ แบนรต์ลีย์ และแนนซี
ไรท์โบลได้รับ และมีอาการดีขึ้นมาก ทำให้จุดความหวังในการรักษาโรคอีโบลาที่ขณะนี้ยังไม่มีทางรักษา และมีแนวโน้มจะ
ระบาดเป็นวงกว้าง ล่าสุดสื่อสหรัฐฯ NBC News รายงานว่า เบื้องหลังการวิจัยรักษาโรคอีโบลาในการพัฒนา “Zmapp”
ที่นอกจากจะมีบริษัทยาสหรัฐฯ และแคนาดาอยู่เบื้องหลังแล้ว ยังมีสถาบันการวิจัยวิทยาศาสตร์ทางแพทย์ของกองทัพสหรัฐฯ
(USAMRIID) ที่เป็นตัวหลักในการเริ่มโครงการเพื่อปกป้องสหรัฐฯ จากภัยก่อการร้ายด้านอาวุธชีวภาพ ที่มีบริษัทยาสูบอเมริกัน
Reynolds American ร่วมมือในการวิจัยครั้งนี้
แนนซี ไรท์โบล ผู้ช่วยการแพทย์จากองค์กรการกุศลคริสเตียน Samaritan’s Purse ที่ได้รับเชื้อไวรัสอีโบลาในไลบีเรีย
เดินทางมาถึงสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ (5) และเธอได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยอีโมรี แอตแลนตา รัฐจอร์เจีย
ในแผนกกักกันพิเศษ ที่แยกจากห้องที่นายแพทย์เคนต์ แบรนต์ลีย์ ผู้ติดเชื้อรายแรกรักษาตัวอยู่ โดยสื่อสหรัฐฯ CNN รายงานว่า
ไรท์โบลไม่สามารถเดินเข้าไปภายในโรงพยาบาลได้เหมือนกับแบรนต์ลีย์ และยังรายงานว่าในขณะที่นายแพทย์แบรนต์ลีย์ป่วยในไลบีเรีย
เขาได้โทรศัพท์บอกลาภรรยาที่สหรัฐฯ และหลังจากได้รับเซรุมขั้นทดลองโดสแรกก่อนบินกลับเข้าประเทศ แบรนต์ลีย์สามารถลุกขึ้นจากเตียง
และสามารถอาบน้ำได้ด้วยตนเอง ซึ่งการที่แบรนต์ลีย์สามารถเดินออกมาจากรถฉุกเฉินเพื่อเข้าสู่ตัวโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยอีโมรี
ถือเป็น “ปาฏิหาริย์”
จากการรายงานพบว่า คนไข้ทั้งสองนั้นมีอาการดีขึ้นมากหลังจากได้รับเซรุม Zmapp ที่เป็นการพัฒนาจากความร่วมมือ
อย่างประหลาดอย่างเหลือเชื่อระหว่างกองทัพสหรัฐฯ บริษัทยาสูบยักษ์ใหญ่ของอเมริกาที่กำลังต้องการปรับภาพลักษณ์
อุตสาหกรรมยาสูบ และบริษัทพัฒนายาเอกชน
“Zmapp” ประกอบไปด้วย 3 แอนติบอดีโมโนโคลนของหนูที่มีแอนติบอดีมนุษย์อยู่อย่างน้อย 95%
ซึ่ง 1 ใน 3 นั้นถูกพัฒนาโดยสถาบันการวิจัยวิทยาศาสตร์ทางแพทย์ของกองทัพสหรัฐฯ (USAMRIID) และผลิตในโรงงานยาสูบ
“ต้นยาสูบติดเชื้อ” นั้นปลูกโดยบริษัท เคนตักกี ไบโอโพรเซสซิง (KBP) ที่เป็นบริษัทลูกของบริษัทยาสูบอเมริกัน
Reynolds American ที่ได้ควบรวมในเดือนมกราคมที่ผ่านมา เดวิด โฮวาร์ด (David Howard) โฆษกของ Reynolds American
แถลง และเปิดเผยเพิ่มเติมว่า เซรุมที่พัฒนานั้นยังไม่เคยทดลองในมนุษย์ แต่ในขั้นวิจัยในแล็บที่ใช้กับลิงติดเชื้อไวรัสอีโบลา
ได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี
วงจรการเติบโตและการผลิตต้นยาสูบชนิดพิเศษนี้ถูกปลูกภายในโรงงานของ KTP ใช้เวลา 2 เดือน
และหลังจากที่ทำให้ต้นยาสูบติดเชื้อแล้วจะใช้เวลาเพียงแค่ 1 สัปดาห์ในการสกัดแอนติบอดี ซึ่งทาง KBP
ร่วมมือกับแมปป์ ไบโอฟามาซูติคัล จากรัฐแคลิฟอร์เนียที่ได้มอบโครงสร้างโปรตีนที่เกี่ยวพันกับไวรัสอีโบลาให้
ดังนั้นจึงทำให้ KBP สามารถทำให้ต้นยาสูบนั้นติดเชื้อได้จากโปรตีนเหล่านี้ และในที่สุดสามารถสร้าง compound
ของ ZMapp ได้สำเร็จ
แต่ถึงแม้ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสอีโบลาขาวอเมริกันทั้งสองยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล แต่จากการที่คนทั้งคู่มีอาการดีขึ้น
หลังได้รับเซรุมนี้ถือเป็นความสำเร็จของ Zmapp ในระยะแรก และเป็นก้าวที่สำคัญของ Reynolds American ที่มีเป้าหมาย
ในการปฏิรูปอุตสาหกรรมยาสูบใหม่หมดทั้งในด้านภาพลักษณ์ และการเปิดลู่ทางสู่ตลาดใหม่ที่มีความต้องการสูง โฮวาร์ดกล่าว
และเสริมว่าจากการที่ใช้ใบยาสูบเพื่อจุดประสงค์หนึ่ง และหลังจากนั้นยังสามารถใช้ประโยชน์จากต้นยาสูบเพื่อประโยชน์ทางด้าน
วิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ และถึงแม้ว่านี่ยังเป็นเรื่องที่ใหม่มากสำหรับบริษัท และยังเป็นหนทางอีกรยาวไกลที่ต้องฟันฝ่าเพราะทาง
บริษัทได้ก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมยาที่ต้องขอรับรองและใบอนุญาตมากมายให้กับ “Zmapp” คิดว่านี่เป็นความคาดหวังใหม่สำหรับ
ต้นยาสูบ และทางบริษัทอยากเห็นว่ามันจะนำไปสู่สิ่งใดบ้าง ทางบริษัทคาดหวังไว้มากในเรื่องนี้
ทั้งนี้ ชาร์ลส์ อาร์นเซน (Charles Arntzen) นักพันธุวิศวกรรมพืชประจำมหาวิทยาลัยแอริโซนา สเตทที่เคยร่วมมือกับ
2 นักวิทยาศาสตร์ผู้ปราดเปรื่องแห่งบริษัทยาสหรัฐฯ หนึ่งในทีมพัฒนาเซรุมค็อกเทลนี้ได้อธิบายกับบลูมเบิร์ก บิซิเนสนิวส์ว่า
เหตุที่เลือกใช้แอนติบอดีพืชในการสร้างยาเพื่อรักษาโรคอีโบลาให้กับมนุษย์ เพราะต้นยาสูบมีระบบที่สามารถสร้างแอนติบอดี
ได้อย่างรวดเร็วในช่วงเวลาฉุกเฉิน และหลังจากที่ทำให้ต้นยาสูบคิดว่าตัวมันเองติดเชื้อแล้ว จะส่งผลให้มีการสร้างแอนติบอดี
ขึ้นภายในต้นพืช และนำไปสกัดแอนติบอดีออกไปในที่สุด ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้กินระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์”
ด้านโฆษกกองทัพสหรัฐฯ ได้ให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้ (5) ว่า ทางกองทัพสหรัฐฯ ตกลงมอบสัญญามูลค่า 10 ล้านดอลลาร์ในระยะ 3ปี
ให้กับทางบริษัท แมปป์ ไบโอฟามาซูติคัล (Mapp Biopharmaceutical) ในการพัฒนา Zmapp ทั้งนี้ กองทัพสหรัฐฯ ที่มองว่าอาจมีภัย
คุกคามก่อการร้ายจากอาวุธชีวภาพได้เร่งพัฒนาวัคซีนเพื่อรับมือ ประกอบไปด้วย แอนแทรกซ์ โบตูลิซึม (Botulism)
อีโบลา ไรซิน ท็อกซิน และกาฬโรค ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นทดลองทางคลินิก
http://www.manager.co.th/around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000089431
ใช้แอนติบอดีพืชรักษาคน!! “กองทัพสหรัฐฯ” อยู่เบื้องหลัง “เซรุม ZMapp” ทำให้คนไข้อีโบลามะกันอาการดีขึ้น
เอเจนซีส์ - หลังจากมีการเปิดตัวเซรุม Zmapp ที่ทำให้ฮือฮาไปทั่วโลกหลังจากที่นายแพทย์เคนต์ แบนรต์ลีย์ และแนนซี
ไรท์โบลได้รับ และมีอาการดีขึ้นมาก ทำให้จุดความหวังในการรักษาโรคอีโบลาที่ขณะนี้ยังไม่มีทางรักษา และมีแนวโน้มจะ
ระบาดเป็นวงกว้าง ล่าสุดสื่อสหรัฐฯ NBC News รายงานว่า เบื้องหลังการวิจัยรักษาโรคอีโบลาในการพัฒนา “Zmapp”
ที่นอกจากจะมีบริษัทยาสหรัฐฯ และแคนาดาอยู่เบื้องหลังแล้ว ยังมีสถาบันการวิจัยวิทยาศาสตร์ทางแพทย์ของกองทัพสหรัฐฯ
(USAMRIID) ที่เป็นตัวหลักในการเริ่มโครงการเพื่อปกป้องสหรัฐฯ จากภัยก่อการร้ายด้านอาวุธชีวภาพ ที่มีบริษัทยาสูบอเมริกัน
Reynolds American ร่วมมือในการวิจัยครั้งนี้
แนนซี ไรท์โบล ผู้ช่วยการแพทย์จากองค์กรการกุศลคริสเตียน Samaritan’s Purse ที่ได้รับเชื้อไวรัสอีโบลาในไลบีเรีย
เดินทางมาถึงสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ (5) และเธอได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยอีโมรี แอตแลนตา รัฐจอร์เจีย
ในแผนกกักกันพิเศษ ที่แยกจากห้องที่นายแพทย์เคนต์ แบรนต์ลีย์ ผู้ติดเชื้อรายแรกรักษาตัวอยู่ โดยสื่อสหรัฐฯ CNN รายงานว่า
ไรท์โบลไม่สามารถเดินเข้าไปภายในโรงพยาบาลได้เหมือนกับแบรนต์ลีย์ และยังรายงานว่าในขณะที่นายแพทย์แบรนต์ลีย์ป่วยในไลบีเรีย
เขาได้โทรศัพท์บอกลาภรรยาที่สหรัฐฯ และหลังจากได้รับเซรุมขั้นทดลองโดสแรกก่อนบินกลับเข้าประเทศ แบรนต์ลีย์สามารถลุกขึ้นจากเตียง
และสามารถอาบน้ำได้ด้วยตนเอง ซึ่งการที่แบรนต์ลีย์สามารถเดินออกมาจากรถฉุกเฉินเพื่อเข้าสู่ตัวโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยอีโมรี
ถือเป็น “ปาฏิหาริย์”
จากการรายงานพบว่า คนไข้ทั้งสองนั้นมีอาการดีขึ้นมากหลังจากได้รับเซรุม Zmapp ที่เป็นการพัฒนาจากความร่วมมือ
อย่างประหลาดอย่างเหลือเชื่อระหว่างกองทัพสหรัฐฯ บริษัทยาสูบยักษ์ใหญ่ของอเมริกาที่กำลังต้องการปรับภาพลักษณ์
อุตสาหกรรมยาสูบ และบริษัทพัฒนายาเอกชน
“Zmapp” ประกอบไปด้วย 3 แอนติบอดีโมโนโคลนของหนูที่มีแอนติบอดีมนุษย์อยู่อย่างน้อย 95%
ซึ่ง 1 ใน 3 นั้นถูกพัฒนาโดยสถาบันการวิจัยวิทยาศาสตร์ทางแพทย์ของกองทัพสหรัฐฯ (USAMRIID) และผลิตในโรงงานยาสูบ
“ต้นยาสูบติดเชื้อ” นั้นปลูกโดยบริษัท เคนตักกี ไบโอโพรเซสซิง (KBP) ที่เป็นบริษัทลูกของบริษัทยาสูบอเมริกัน
Reynolds American ที่ได้ควบรวมในเดือนมกราคมที่ผ่านมา เดวิด โฮวาร์ด (David Howard) โฆษกของ Reynolds American
แถลง และเปิดเผยเพิ่มเติมว่า เซรุมที่พัฒนานั้นยังไม่เคยทดลองในมนุษย์ แต่ในขั้นวิจัยในแล็บที่ใช้กับลิงติดเชื้อไวรัสอีโบลา
ได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี
วงจรการเติบโตและการผลิตต้นยาสูบชนิดพิเศษนี้ถูกปลูกภายในโรงงานของ KTP ใช้เวลา 2 เดือน
และหลังจากที่ทำให้ต้นยาสูบติดเชื้อแล้วจะใช้เวลาเพียงแค่ 1 สัปดาห์ในการสกัดแอนติบอดี ซึ่งทาง KBP
ร่วมมือกับแมปป์ ไบโอฟามาซูติคัล จากรัฐแคลิฟอร์เนียที่ได้มอบโครงสร้างโปรตีนที่เกี่ยวพันกับไวรัสอีโบลาให้
ดังนั้นจึงทำให้ KBP สามารถทำให้ต้นยาสูบนั้นติดเชื้อได้จากโปรตีนเหล่านี้ และในที่สุดสามารถสร้าง compound
ของ ZMapp ได้สำเร็จ
แต่ถึงแม้ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสอีโบลาขาวอเมริกันทั้งสองยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล แต่จากการที่คนทั้งคู่มีอาการดีขึ้น
หลังได้รับเซรุมนี้ถือเป็นความสำเร็จของ Zmapp ในระยะแรก และเป็นก้าวที่สำคัญของ Reynolds American ที่มีเป้าหมาย
ในการปฏิรูปอุตสาหกรรมยาสูบใหม่หมดทั้งในด้านภาพลักษณ์ และการเปิดลู่ทางสู่ตลาดใหม่ที่มีความต้องการสูง โฮวาร์ดกล่าว
และเสริมว่าจากการที่ใช้ใบยาสูบเพื่อจุดประสงค์หนึ่ง และหลังจากนั้นยังสามารถใช้ประโยชน์จากต้นยาสูบเพื่อประโยชน์ทางด้าน
วิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ และถึงแม้ว่านี่ยังเป็นเรื่องที่ใหม่มากสำหรับบริษัท และยังเป็นหนทางอีกรยาวไกลที่ต้องฟันฝ่าเพราะทาง
บริษัทได้ก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมยาที่ต้องขอรับรองและใบอนุญาตมากมายให้กับ “Zmapp” คิดว่านี่เป็นความคาดหวังใหม่สำหรับ
ต้นยาสูบ และทางบริษัทอยากเห็นว่ามันจะนำไปสู่สิ่งใดบ้าง ทางบริษัทคาดหวังไว้มากในเรื่องนี้
ทั้งนี้ ชาร์ลส์ อาร์นเซน (Charles Arntzen) นักพันธุวิศวกรรมพืชประจำมหาวิทยาลัยแอริโซนา สเตทที่เคยร่วมมือกับ
2 นักวิทยาศาสตร์ผู้ปราดเปรื่องแห่งบริษัทยาสหรัฐฯ หนึ่งในทีมพัฒนาเซรุมค็อกเทลนี้ได้อธิบายกับบลูมเบิร์ก บิซิเนสนิวส์ว่า
เหตุที่เลือกใช้แอนติบอดีพืชในการสร้างยาเพื่อรักษาโรคอีโบลาให้กับมนุษย์ เพราะต้นยาสูบมีระบบที่สามารถสร้างแอนติบอดี
ได้อย่างรวดเร็วในช่วงเวลาฉุกเฉิน และหลังจากที่ทำให้ต้นยาสูบคิดว่าตัวมันเองติดเชื้อแล้ว จะส่งผลให้มีการสร้างแอนติบอดี
ขึ้นภายในต้นพืช และนำไปสกัดแอนติบอดีออกไปในที่สุด ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้กินระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์”
ด้านโฆษกกองทัพสหรัฐฯ ได้ให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้ (5) ว่า ทางกองทัพสหรัฐฯ ตกลงมอบสัญญามูลค่า 10 ล้านดอลลาร์ในระยะ 3ปี
ให้กับทางบริษัท แมปป์ ไบโอฟามาซูติคัล (Mapp Biopharmaceutical) ในการพัฒนา Zmapp ทั้งนี้ กองทัพสหรัฐฯ ที่มองว่าอาจมีภัย
คุกคามก่อการร้ายจากอาวุธชีวภาพได้เร่งพัฒนาวัคซีนเพื่อรับมือ ประกอบไปด้วย แอนแทรกซ์ โบตูลิซึม (Botulism)
อีโบลา ไรซิน ท็อกซิน และกาฬโรค ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นทดลองทางคลินิก
http://www.manager.co.th/around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000089431