สรรพสามิตเผยจัดเก็บภาษีรถยนต์10เดือนปีงบประมาณ57 พลาดเป้า3หมื่นล้าน
หลังยอดขายครึ่งปีแรกติดลบ40%
สรรพสามิตเผยจัดเก็บภาษีรถยนต์ 10 เดือน พลาดเป้า 3 หมื่นล้าน
ฉุดรายได้รวมกรมฯ ร่วง เหตุเป็นแหล่งรายได้หลัก สัดส่วน 25% ของการจัดเก็บทั้งหมด
หวั่นลดภาษีดีเซล จีดีพีหดตัวเป็นปัจจัยลบซ้ำเติม มั่นใจปี 58 เศรษฐกิจ
ความเชื่อมั่นฟื้น คงเป้าภาษี 4.2 แสนล้าน ขยายตัว 6%
นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า
การจัดเก็บรายได้จากภาษีสรรพสามิตในสินค้ารถยนต์ ระยะ 10 เดือน
ของปีงบประมาณ 2557 ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.11 แสนล้านบาท
โดยสามารถจัดเก็บได้ 8 หมื่นล้านบาท หรือจัดเก็บได้น้อยกว่าเป้า 3 หมื่นล้านบาท
โดยสาเหตุหลักเกิดจากสถานการณ์การเมืองในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบ
ต่อภาพรวมเศรษฐกิจ ทำให้ความมั่นใจในการซื้อสินค้าต่างๆ รวมถึงรถยนต์ชะลอตัว
ประกอบกับ นโยบายโครงการรถยนต์คันแรกของรัฐบาลที่ผ่านมา
ทำให้กำลังซื้อส่วนหนึ่งหายไปจากการถูกดึงไปใช้ล่วงหน้า
ส่วนช่วงเวลาที่เหลืออีก 2 เดือน เห็นว่ายังไม่มีทิศทางที่ขึ้นแต่อย่างใด
จึงคาดว่าจะไม่สามารถจัดเก็บภาษีรถยนต์ได้ตามเป้าหมายปีงบประมาณนี้
ที่ตั้งไว้ 1.38 แสนล้านบาท
ภาษีรถยนต์ 25%รายได้รวม
สำหรับการจัดเก็บรายได้จากสินค้ารถยนต์นั้น ถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก
เนื่องจากมีสัดส่วนสูง ประมาณ 25% ของรายได้กรมสรรพสามิตทั้งหมด
ดังนั้นเมื่อรายได้ส่วนนี้หายไปถึง 3 หมื่นล้านบาท
ก็จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมการจัดเก็บรายได้ของกรมฯ อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ตลาดรถยนต์ไทย เริ่มมีทิศทางที่ถดถอยตั้งแต่ช่วงกลางปี 2556
หลังจากการส่งมอบรถยนต์ในโครงการรถคันแรก
ซึ่งมียอดจองตลอดโครงการประมาณ 1.2 ล้านคัน ทำได้เกือบ 100%
ส่งผลให้ยอดส่งมอบรายเดือนหลังจากนั้นลดลงอย่างชัดเจน
และยังส่งผลให้ตลาดเกิดภาวะช็อก เนื่องจากกำลังซื้อถูกดึงไปใช้ล่วงหน้า
ส่งผลให้ยอดขายรถในกลุ่มที่เข้าร่วมในโครงการคือรถปิกอัพ
และรถยนต์นั่งขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 1.5 ลิตร ลดลงอย่างชัดเจน
อีกทั้งยังได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว
และเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง
สำหรับภาพรวมตลาดรถยนต์ปีนี้ พบว่าช่วงครึ่งปีแรกหดตัว 40%
โดยทำได้ 4.4 แสนคัน ขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วมียอดขาย 7.4 แสนคัน
ทำให้กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
ตัดสินใจปรับลดประมาณการผลิตรถยนต์ปีนี้ลง 2 แสนคัน
จาก 2.4 ล้านคัน เหลือ 2.2 ล้านคัน
โดยเป็นการปรับลดในส่วนของการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ จาก 1.2 ล้านคัน
เหลือ 1 ล้านคัน ขณะที่การผลิตเพื่อส่งออกยังคงเป้าหมายเดิม 1.2 ล้านคัน
อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการรถยนต์แสดงความคิดเห็นว่าสถานการณ์เริ่มดีขึ้น
หลังจากสถานการณ์การเมืองสงบ และภาครัฐมีแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน
ส่งผลให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น
และยอดขายล่าสุดเดือน มิ.ย.ซึ่งทำได้ 7.37 แสนคัน
ทำได้มากกว่าเดือนก่อนหน้า ทั้งที่ มิ.ย.ไม่ใช่ฤดูกาลขาย เนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูฝน
ล่าสุด บริษัท โตโยต้ามอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ผู้นำตลาดรถยนต์
ประเมินว่า สถานการณ์ช่วงครึ่งปีหลังจะดีขึ้น โดยมีอัตราถดถอย 20%
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ซึ่งดีกว่าครึ่งปีแรกที่ลดลงไป 40%
ดังนั้นจะทำให้ภาพรวมทั้งปี 2557 ยอดขายรถยนต์ลดลง 30% อยู่ที่ 9.2 แสนคัน
ก่อนที่ปี 2558 จะกลับขึ้นมาอยู่ในระดับ 1 ล้านคันอีกครั้ง
ที่มา : bangkokbiznews 2/8/2557
..........................................................................
อีกหนึ่งโครงการประชานิยมสุดโต่ง
"รถยนต์คันแรก"
ที่รัฐจ่ายค่าแคมเปญลดแลกแจกแถมเพื่อเพิ่มปริมาณรถในถนนให้แออัดเร็วขึ้น 2 ปี
ส่วนยอดขายที่ผู้ผลิตรถได้เพิ่มขึ้น ก็เป็นเพียงการดึงกำลังซื้อในอนาคต ( 2 ปี ) มาใช้
และสำหรับประชาชนไทยทั่วๆไป...แล้วไซร้
ต้องสูญเสียเงินภาษีที่ไม่ควรจะต้องเสีย จากการคืนภาษีสรรพสามิต ถึงประมาณ 100,000 ล้านบาท
เป็นเงินรายได้ของรัฐในอนาคต ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์นำมาถลุงเป็นค่าแคมเปญจูงใจผู้ซื้อรถคันแรก !!
<><> ตลาดรถครึ่งปีแรกร่วง40% ฉุดภาษีต่ำเป้า3หมื่นล้าน <><>
สรรพสามิตเผยจัดเก็บภาษีรถยนต์10เดือนปีงบประมาณ57 พลาดเป้า3หมื่นล้าน
หลังยอดขายครึ่งปีแรกติดลบ40%
สรรพสามิตเผยจัดเก็บภาษีรถยนต์ 10 เดือน พลาดเป้า 3 หมื่นล้าน
ฉุดรายได้รวมกรมฯ ร่วง เหตุเป็นแหล่งรายได้หลัก สัดส่วน 25% ของการจัดเก็บทั้งหมด
หวั่นลดภาษีดีเซล จีดีพีหดตัวเป็นปัจจัยลบซ้ำเติม มั่นใจปี 58 เศรษฐกิจ
ความเชื่อมั่นฟื้น คงเป้าภาษี 4.2 แสนล้าน ขยายตัว 6%
นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า
การจัดเก็บรายได้จากภาษีสรรพสามิตในสินค้ารถยนต์ ระยะ 10 เดือน
ของปีงบประมาณ 2557 ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.11 แสนล้านบาท
โดยสามารถจัดเก็บได้ 8 หมื่นล้านบาท หรือจัดเก็บได้น้อยกว่าเป้า 3 หมื่นล้านบาท
โดยสาเหตุหลักเกิดจากสถานการณ์การเมืองในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบ
ต่อภาพรวมเศรษฐกิจ ทำให้ความมั่นใจในการซื้อสินค้าต่างๆ รวมถึงรถยนต์ชะลอตัว
ประกอบกับ นโยบายโครงการรถยนต์คันแรกของรัฐบาลที่ผ่านมา
ทำให้กำลังซื้อส่วนหนึ่งหายไปจากการถูกดึงไปใช้ล่วงหน้า
ส่วนช่วงเวลาที่เหลืออีก 2 เดือน เห็นว่ายังไม่มีทิศทางที่ขึ้นแต่อย่างใด
จึงคาดว่าจะไม่สามารถจัดเก็บภาษีรถยนต์ได้ตามเป้าหมายปีงบประมาณนี้
ที่ตั้งไว้ 1.38 แสนล้านบาท
ภาษีรถยนต์ 25%รายได้รวม
สำหรับการจัดเก็บรายได้จากสินค้ารถยนต์นั้น ถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก
เนื่องจากมีสัดส่วนสูง ประมาณ 25% ของรายได้กรมสรรพสามิตทั้งหมด
ดังนั้นเมื่อรายได้ส่วนนี้หายไปถึง 3 หมื่นล้านบาท
ก็จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมการจัดเก็บรายได้ของกรมฯ อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ตลาดรถยนต์ไทย เริ่มมีทิศทางที่ถดถอยตั้งแต่ช่วงกลางปี 2556
หลังจากการส่งมอบรถยนต์ในโครงการรถคันแรก
ซึ่งมียอดจองตลอดโครงการประมาณ 1.2 ล้านคัน ทำได้เกือบ 100%
ส่งผลให้ยอดส่งมอบรายเดือนหลังจากนั้นลดลงอย่างชัดเจน
และยังส่งผลให้ตลาดเกิดภาวะช็อก เนื่องจากกำลังซื้อถูกดึงไปใช้ล่วงหน้า
ส่งผลให้ยอดขายรถในกลุ่มที่เข้าร่วมในโครงการคือรถปิกอัพ
และรถยนต์นั่งขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 1.5 ลิตร ลดลงอย่างชัดเจน
อีกทั้งยังได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว
และเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง
สำหรับภาพรวมตลาดรถยนต์ปีนี้ พบว่าช่วงครึ่งปีแรกหดตัว 40%
โดยทำได้ 4.4 แสนคัน ขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วมียอดขาย 7.4 แสนคัน
ทำให้กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
ตัดสินใจปรับลดประมาณการผลิตรถยนต์ปีนี้ลง 2 แสนคัน
จาก 2.4 ล้านคัน เหลือ 2.2 ล้านคัน
โดยเป็นการปรับลดในส่วนของการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ จาก 1.2 ล้านคัน
เหลือ 1 ล้านคัน ขณะที่การผลิตเพื่อส่งออกยังคงเป้าหมายเดิม 1.2 ล้านคัน
อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการรถยนต์แสดงความคิดเห็นว่าสถานการณ์เริ่มดีขึ้น
หลังจากสถานการณ์การเมืองสงบ และภาครัฐมีแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน
ส่งผลให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น
และยอดขายล่าสุดเดือน มิ.ย.ซึ่งทำได้ 7.37 แสนคัน
ทำได้มากกว่าเดือนก่อนหน้า ทั้งที่ มิ.ย.ไม่ใช่ฤดูกาลขาย เนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูฝน
ล่าสุด บริษัท โตโยต้ามอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ผู้นำตลาดรถยนต์
ประเมินว่า สถานการณ์ช่วงครึ่งปีหลังจะดีขึ้น โดยมีอัตราถดถอย 20%
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ซึ่งดีกว่าครึ่งปีแรกที่ลดลงไป 40%
ดังนั้นจะทำให้ภาพรวมทั้งปี 2557 ยอดขายรถยนต์ลดลง 30% อยู่ที่ 9.2 แสนคัน
ก่อนที่ปี 2558 จะกลับขึ้นมาอยู่ในระดับ 1 ล้านคันอีกครั้ง
ที่มา : bangkokbiznews 2/8/2557
..........................................................................
อีกหนึ่งโครงการประชานิยมสุดโต่ง "รถยนต์คันแรก"
ที่รัฐจ่ายค่าแคมเปญลดแลกแจกแถมเพื่อเพิ่มปริมาณรถในถนนให้แออัดเร็วขึ้น 2 ปี
ส่วนยอดขายที่ผู้ผลิตรถได้เพิ่มขึ้น ก็เป็นเพียงการดึงกำลังซื้อในอนาคต ( 2 ปี ) มาใช้
และสำหรับประชาชนไทยทั่วๆไป...แล้วไซร้
ต้องสูญเสียเงินภาษีที่ไม่ควรจะต้องเสีย จากการคืนภาษีสรรพสามิต ถึงประมาณ 100,000 ล้านบาท
เป็นเงินรายได้ของรัฐในอนาคต ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์นำมาถลุงเป็นค่าแคมเปญจูงใจผู้ซื้อรถคันแรก !!