มะตึ๋นหรือมะตึ๋ง คือคำ ๆ เดียวกันเพียงแต่เรียกต่างกันของแต่ละพื้นที่ ถ้าทางเหนือเป็นพืชป่าพบได้
ในจังหวัดแม่ฮ่องสอนและบางอำเภอในจังหวัดตาก ในฤดูฝนนี้เมล็ดจะเริ่มแก่ ชาวบ้านจะเก็บเพื่อเอา
ลงมาขายในพื้นราบ เพราะฉะนั้นในตลาดมักจะพบเห็นกันมาก ส่วนใหญ่จะนิยมตวงขายเป็นลิตร
ราคาก็จะอยู่ระหว่าง 30 -50 บาทต่อลิตร แล้วแต่ว่าเป็นต้นฤดูหรือกลาง ๆ ฤดู
จากเคยแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับพี่น้องภาคอื่นในก้นครัวนี้ ทำให้ทราบว่ามะตึ๋นทางเหนือกับลูกเนียงทางใต้
คือพืชชนิดเดียวกัน เพียงแต่ว่าทางใต้จะนิยมนำมาปลูกสามารถเก็บกินได้ในสวนเลย ไม่เหมือนทางเหนือ
ต้องเข้าไปเก็บเอาในป่ามาขาย ทราบว่ามีการคัดพันธุ์ดี ๆ มาลงในสวนกันบ้างแล้ว
ความที่ได้เห็นตอนปลายทางแล้ว สล่าปู่จะรู้จักหน้าตาของมะตึ๋น เท่าที่เขาวางขายในตลาดตามภาพดังนี้
จากการสอบถามแม่ค้าก็ไม่ได้ความชัดเจนมากนัก เพราะเขาเองก็รับมาจากคนอื่นอีกที บางครั้งสล่าก็ต้องมโนเองว่า
มันจะเป็นฝักยาว ๆ คล้ายสะตอหรือเปล่า
วันนี้ได้รายละเอียดเพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อย มีคนนำลงมาจากดอยเอามาฝากน้องสาว ทำให้ทราบว่าก่อนที่จะเป็นอย่าง
ที่เห็น เขาจะมีเปลือกหุ้มอีกชั้น จากการสอบถามเขาบอกว่าทั้งเปลือกนี้จะอยู่ในฝักอีกที่ซึ่งฝักของมะตึ๋นจะไม่เหยียด
เหมือนสะตอ จะมีลักษณะงอคล้ายมะขามเทศ (ขออนุญาตความรู้เพื่อเป็นวิทยาทานจากท่านผู้รู้จริงอีกครั้ง ด้วยความ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ)
ต้องแกะเปลือกหุ้มออกถึงจะเจอเม็ดใน
มะตึ๋นค่อนข้างแก่ แกะไม่ยากครับ โปรดสังเกตสีที่เพิ่งแกะออกจากเปลือก จะมีลักษณะสีขาวนวล ๆ
ส่วนที่เขาวางขายสีจะเป็นอย่างนี้ ว่ากันว่าเป็นเพราะโดนลม โดนอากาศ เพราะแกะทิ้งไว้นาน ๆ
เขาเอาทำอะไรกินกันเหรอ? ถ้าเมล็ดในยังอ่อนไม่แข็งมาก ก็จะแกะเปลือกจิ้มน้ำพริกกินได้เลย บางคน
ก็เอาไปดองเพื่อไว้ใช้จิ้มน้ำพริก แต่อย่างที่สล่าปู่ได้มาวันนี้เป็นเม็ดค่อนข้างแก่ ทำได้อย่างเดียวคือต้ม
ประมาณ 15 นาที หลังน้ำเดือด เปลือกเขาจะร่อนเองเพียงแค่ใช้ทัพพีคน ๆ เท่านั้น
เอาออกมาแยกเปลือก แยกเนื้อ เอาเปลือกทิ้งไป
นำกลับไปต้มให้สุกนุ่มอีกครั้ง (จะต้มรวดเดียวไปเลยจนสุกแล้วค่อยมาแยกเปลือกก็ได้)
20 นาที ผ่านไป จะได้เม็ดมะตึ๋นที่นุ่มสามารถเอามาเคี้ยวกินเล่นเปล่าๆได้เลย เขาจะมีรสขมหน่อย ๆ
และมีกลิ่นเฉพาะตัว ออกแนวสะตอ เมล็ดกระถิน ประมาณนั้น หลังกินต้องดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน
เป็นพิเศษนิดหน่อย
ถ้าเป็นในท้องถิ่นเท่าที่เคยเห็น เคยกิน เขาจะเอาไปเชื่อมกับกะทิ น้ำตาล กินเป็นอาหารหวาน ได้รสชาติ
ไปอีกแบบ
ภาพที่เห็นสล่าทำผ่านมาแล้ว ประมาณครึ่งเดือน หวาน มัน เค็ม ขม อย่างละนิดละหน่อย กลมกลืนกันไป
ได้รสชาติดีแท้
ส่วนของที่ต้มวันนี้ สล่าอยากลอกการบ้านพี่น้องชาวใต้ ที่กรุณาให้คำแนะนำผ่านกระทู้มาคราวก่อนว่าให้ลอง
ทำแบบนี้ดูบ้าง รับรองอร่อย
ว่าแล้วก็ลองเลย มะพร้าวทึนทึกขูดฝอย น้ำตาลทราย เกลือป่นเล็กน้อย ว่าไงก็ว่าตามกัน
จัดการคลุก ๆ จะใช้มือหยิบเข้าปากเลยก็ตามสะดวก หรือจะใช้ส้อมจิ้มก็ตามสบาย ที่แน่ ๆ ฟินแน่นอนครับ ยืนยัน
สวัสดีครับ
ขอนุญาตพูดถึง มะตึ๋นยาง (เหนือ) เนียง (ใต้) อีกสักครั้ง
ในจังหวัดแม่ฮ่องสอนและบางอำเภอในจังหวัดตาก ในฤดูฝนนี้เมล็ดจะเริ่มแก่ ชาวบ้านจะเก็บเพื่อเอา
ลงมาขายในพื้นราบ เพราะฉะนั้นในตลาดมักจะพบเห็นกันมาก ส่วนใหญ่จะนิยมตวงขายเป็นลิตร
ราคาก็จะอยู่ระหว่าง 30 -50 บาทต่อลิตร แล้วแต่ว่าเป็นต้นฤดูหรือกลาง ๆ ฤดู
จากเคยแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับพี่น้องภาคอื่นในก้นครัวนี้ ทำให้ทราบว่ามะตึ๋นทางเหนือกับลูกเนียงทางใต้
คือพืชชนิดเดียวกัน เพียงแต่ว่าทางใต้จะนิยมนำมาปลูกสามารถเก็บกินได้ในสวนเลย ไม่เหมือนทางเหนือ
ต้องเข้าไปเก็บเอาในป่ามาขาย ทราบว่ามีการคัดพันธุ์ดี ๆ มาลงในสวนกันบ้างแล้ว
ความที่ได้เห็นตอนปลายทางแล้ว สล่าปู่จะรู้จักหน้าตาของมะตึ๋น เท่าที่เขาวางขายในตลาดตามภาพดังนี้
จากการสอบถามแม่ค้าก็ไม่ได้ความชัดเจนมากนัก เพราะเขาเองก็รับมาจากคนอื่นอีกที บางครั้งสล่าก็ต้องมโนเองว่า
มันจะเป็นฝักยาว ๆ คล้ายสะตอหรือเปล่า
วันนี้ได้รายละเอียดเพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อย มีคนนำลงมาจากดอยเอามาฝากน้องสาว ทำให้ทราบว่าก่อนที่จะเป็นอย่าง
ที่เห็น เขาจะมีเปลือกหุ้มอีกชั้น จากการสอบถามเขาบอกว่าทั้งเปลือกนี้จะอยู่ในฝักอีกที่ซึ่งฝักของมะตึ๋นจะไม่เหยียด
เหมือนสะตอ จะมีลักษณะงอคล้ายมะขามเทศ (ขออนุญาตความรู้เพื่อเป็นวิทยาทานจากท่านผู้รู้จริงอีกครั้ง ด้วยความ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ)
ต้องแกะเปลือกหุ้มออกถึงจะเจอเม็ดใน
มะตึ๋นค่อนข้างแก่ แกะไม่ยากครับ โปรดสังเกตสีที่เพิ่งแกะออกจากเปลือก จะมีลักษณะสีขาวนวล ๆ
ส่วนที่เขาวางขายสีจะเป็นอย่างนี้ ว่ากันว่าเป็นเพราะโดนลม โดนอากาศ เพราะแกะทิ้งไว้นาน ๆ
เขาเอาทำอะไรกินกันเหรอ? ถ้าเมล็ดในยังอ่อนไม่แข็งมาก ก็จะแกะเปลือกจิ้มน้ำพริกกินได้เลย บางคน
ก็เอาไปดองเพื่อไว้ใช้จิ้มน้ำพริก แต่อย่างที่สล่าปู่ได้มาวันนี้เป็นเม็ดค่อนข้างแก่ ทำได้อย่างเดียวคือต้ม
ประมาณ 15 นาที หลังน้ำเดือด เปลือกเขาจะร่อนเองเพียงแค่ใช้ทัพพีคน ๆ เท่านั้น
เอาออกมาแยกเปลือก แยกเนื้อ เอาเปลือกทิ้งไป
นำกลับไปต้มให้สุกนุ่มอีกครั้ง (จะต้มรวดเดียวไปเลยจนสุกแล้วค่อยมาแยกเปลือกก็ได้)
20 นาที ผ่านไป จะได้เม็ดมะตึ๋นที่นุ่มสามารถเอามาเคี้ยวกินเล่นเปล่าๆได้เลย เขาจะมีรสขมหน่อย ๆ
และมีกลิ่นเฉพาะตัว ออกแนวสะตอ เมล็ดกระถิน ประมาณนั้น หลังกินต้องดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน
เป็นพิเศษนิดหน่อย
ถ้าเป็นในท้องถิ่นเท่าที่เคยเห็น เคยกิน เขาจะเอาไปเชื่อมกับกะทิ น้ำตาล กินเป็นอาหารหวาน ได้รสชาติ
ไปอีกแบบ
ภาพที่เห็นสล่าทำผ่านมาแล้ว ประมาณครึ่งเดือน หวาน มัน เค็ม ขม อย่างละนิดละหน่อย กลมกลืนกันไป
ได้รสชาติดีแท้
ส่วนของที่ต้มวันนี้ สล่าอยากลอกการบ้านพี่น้องชาวใต้ ที่กรุณาให้คำแนะนำผ่านกระทู้มาคราวก่อนว่าให้ลอง
ทำแบบนี้ดูบ้าง รับรองอร่อย
ว่าแล้วก็ลองเลย มะพร้าวทึนทึกขูดฝอย น้ำตาลทราย เกลือป่นเล็กน้อย ว่าไงก็ว่าตามกัน
จัดการคลุก ๆ จะใช้มือหยิบเข้าปากเลยก็ตามสะดวก หรือจะใช้ส้อมจิ้มก็ตามสบาย ที่แน่ ๆ ฟินแน่นอนครับ ยืนยัน
สวัสดีครับ