“วันเหมายัน” (Winter Solstice) ช่วงเวลากลางคืนยาวนานที่สุดในรอบปี นับเป็นวันเปลี่ยนฤดูกาลย่างเข้าสู่ฤดูหนาวของประเทศทางซีกโลกเหนือ และย่างเข้าสู่ฤดูร้อนของประเทศทางซีกโลกใต้
สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สดร.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เผย 21 ธันวาคม 2563 เป็น “วันเหมายัน”(เห-มา-ยัน) กลางคืนยาวที่สุดในรอบปี ประเทศทางซีกโลกเหนือย่างเข้าสู่ฤดูหนาว และประเทศทางซีกโลกใต้นับเป็นวันที่ย่างเข้าสู่ฤดูร้อน วันดังกล่าวช่วงหัวค่ำยังเกิดปรากฏการสำคัญ “ดาวพฤหัสบดีเคียงดาวเสาร์” ใกล้ที่สุดในรอบ 397 ปีอีกด้วย
วันที่ 21 ธันวาคมนี้ เป็น “วันเหมายัน” (เห-มา-ยัน) (Winter Solstice) เวลากลางคืนยาวที่สุดในรอบปี ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงไปทางใต้มากที่สุด และตกทางทิศตะวันตกเฉียงไปทางใต้มากที่สุด สำหรับประเทศไทย ในวันดังกล่าวดวงอาทิตย์ขึ้น 06:36 น. และตกเวลาประมาณ 17:55 น. ส่งผลให้ช่วงเวลากลางวันสั้นที่สุดและกลางคืนยาวที่สุดในรอบปี หรือที่คนไทยเรียกว่า “ตะวันอ้อมข้าว” เวลาช่วงกลางวันเพียง 11 ชั่วโมง 19 นาที โดยประเทศทางซีกโลกเหนือจะนับเป็นวันที่เข้าสู่ฤดูหนาว ส่วนประเทศทางซีกโลกใต้จะเป็นช่วงเวลากลางวันจะยาวที่สุดในรอบปี นับเป็นวันที่ย่างเข้าสู่ฤดูร้อน
กลางวัน กลางคืน เกิดจากโลกหมุนรอบตัวเอง ในขณะเดียวกันโลกก็โคจรรอบดวงอาทิตย์ แกนโลกเอียงทำมุม 23.5 องศา กับแกนตั้งฉากระนาบวงโคจรรอบดวงอาทิตย์ ทำให้บริเวณต่าง ๆ ของโลกในแต่ละช่วงของปีได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ไม่เท่ากัน และเกิดเป็นฤดูกาล
ในระยะเวลา 1 ปี โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ จะเกิดปรากฏการณ์สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการ ขึ้น - ตก ของดวงอาทิตย์ทั้งหมด 4 ครั้ง ได้แก่ วันครีษมายัน - กลางวันยาวนานที่สุด วันเหมายัน - กลางคืนยาวนานที่สุด วันวสันตวิษุวัตและวันศารทวิษุวัต - กลางวันและกลางคืนยาวนานเท่ากัน
นอกจากนี้ ในวันที่ 21 ธันวาคม 2563 ยังมีปรากฏการณ์ดาราศาสตร์สำคัญที่น่าติดตามในช่วงหัวค่ำวันดังกล่าวอีกด้วย คือ ปรากฏการณ์ “ดาวพฤหัสบดีเคียงดาวเสาร์” ใกล้ที่สุดในรอบ 397 ปี หรือเรียกว่า “The Great Conjunction 2020” ดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ปรากฏใกล้กันที่สุดห่างเพียง 0.1 องศา สังเกตเห็นได้หลังดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าถึงเวลาประมาณ 19:30 น. เท่านั้น ดูด้วยตาเปล่าจะเห็นเสมือนเป็นจุดสว่างเพียงจุดเดียว และหากมองผ่านกล้องโทรทรรศน์กำลังขยายไม่เกิน 200 เท่า จะเห็นดาวเคราะห์ทั้งสองพร้อมดวงจันทร์บริวารอยู่ในช่องมองภาพเดียวกัน จึงขอเชิญชวนผู้สนใจติดตาม ชมความสวยงามของสองดาวเคราะห์เคียงกันในวันดังกล่าว นายศุภฤกษ์ กล่าวปิดท้าย
แหล่งที่มา
https://www.narit.or.th/index.php/news/1442-narit-winter-solstice-2563
“วันเหมายัน” ตรงกับวันที่ 22 ธันวาคม 2567 วันที่มีช่วงเวลากลางวันสั้นที่สุด และมีช่วงเวลากลางคืนยาวนานที่สุดของปี
“วันเหมายัน” (Winter Solstice) ช่วงเวลากลางคืนยาวนานที่สุดในรอบปี นับเป็นวันเปลี่ยนฤดูกาลย่างเข้าสู่ฤดูหนาวของประเทศทางซีกโลกเหนือ และย่างเข้าสู่ฤดูร้อนของประเทศทางซีกโลกใต้
สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สดร.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เผย 21 ธันวาคม 2563 เป็น “วันเหมายัน”(เห-มา-ยัน) กลางคืนยาวที่สุดในรอบปี ประเทศทางซีกโลกเหนือย่างเข้าสู่ฤดูหนาว และประเทศทางซีกโลกใต้นับเป็นวันที่ย่างเข้าสู่ฤดูร้อน วันดังกล่าวช่วงหัวค่ำยังเกิดปรากฏการสำคัญ “ดาวพฤหัสบดีเคียงดาวเสาร์” ใกล้ที่สุดในรอบ 397 ปีอีกด้วย
วันที่ 21 ธันวาคมนี้ เป็น “วันเหมายัน” (เห-มา-ยัน) (Winter Solstice) เวลากลางคืนยาวที่สุดในรอบปี ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงไปทางใต้มากที่สุด และตกทางทิศตะวันตกเฉียงไปทางใต้มากที่สุด สำหรับประเทศไทย ในวันดังกล่าวดวงอาทิตย์ขึ้น 06:36 น. และตกเวลาประมาณ 17:55 น. ส่งผลให้ช่วงเวลากลางวันสั้นที่สุดและกลางคืนยาวที่สุดในรอบปี หรือที่คนไทยเรียกว่า “ตะวันอ้อมข้าว” เวลาช่วงกลางวันเพียง 11 ชั่วโมง 19 นาที โดยประเทศทางซีกโลกเหนือจะนับเป็นวันที่เข้าสู่ฤดูหนาว ส่วนประเทศทางซีกโลกใต้จะเป็นช่วงเวลากลางวันจะยาวที่สุดในรอบปี นับเป็นวันที่ย่างเข้าสู่ฤดูร้อน
กลางวัน กลางคืน เกิดจากโลกหมุนรอบตัวเอง ในขณะเดียวกันโลกก็โคจรรอบดวงอาทิตย์ แกนโลกเอียงทำมุม 23.5 องศา กับแกนตั้งฉากระนาบวงโคจรรอบดวงอาทิตย์ ทำให้บริเวณต่าง ๆ ของโลกในแต่ละช่วงของปีได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ไม่เท่ากัน และเกิดเป็นฤดูกาล
ในระยะเวลา 1 ปี โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ จะเกิดปรากฏการณ์สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการ ขึ้น - ตก ของดวงอาทิตย์ทั้งหมด 4 ครั้ง ได้แก่ วันครีษมายัน - กลางวันยาวนานที่สุด วันเหมายัน - กลางคืนยาวนานที่สุด วันวสันตวิษุวัตและวันศารทวิษุวัต - กลางวันและกลางคืนยาวนานเท่ากัน
นอกจากนี้ ในวันที่ 21 ธันวาคม 2563 ยังมีปรากฏการณ์ดาราศาสตร์สำคัญที่น่าติดตามในช่วงหัวค่ำวันดังกล่าวอีกด้วย คือ ปรากฏการณ์ “ดาวพฤหัสบดีเคียงดาวเสาร์” ใกล้ที่สุดในรอบ 397 ปี หรือเรียกว่า “The Great Conjunction 2020” ดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ปรากฏใกล้กันที่สุดห่างเพียง 0.1 องศา สังเกตเห็นได้หลังดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าถึงเวลาประมาณ 19:30 น. เท่านั้น ดูด้วยตาเปล่าจะเห็นเสมือนเป็นจุดสว่างเพียงจุดเดียว และหากมองผ่านกล้องโทรทรรศน์กำลังขยายไม่เกิน 200 เท่า จะเห็นดาวเคราะห์ทั้งสองพร้อมดวงจันทร์บริวารอยู่ในช่องมองภาพเดียวกัน จึงขอเชิญชวนผู้สนใจติดตาม ชมความสวยงามของสองดาวเคราะห์เคียงกันในวันดังกล่าว นายศุภฤกษ์ กล่าวปิดท้าย
แหล่งที่มา https://www.narit.or.th/index.php/news/1442-narit-winter-solstice-2563