อาทิตย์อับแสง (บทที่ 45) โดย มานัส (จบ)

กระทู้สนทนา
อาทิตย์อับแสง (บทที่ 45)  (จบ)





หลายปีที่ผ่านมาเธอได้แต่แบกความขมขื่นเจ็บช้ำ คิดถึงแต่ความทุกข์ของตัวเอง จนลืมไปว่าคนที่เจ็บที่สุดคือภูเก็ต

จดหมายฉบับนั้น ระรินเขียนไม่ใช่เพียงเพื่อตัดเขาให้ขาด แต่เพราะเพื่อที่เธอจะได้ตัดใจ

หากการ…ตัด ของเธอ…ช่างเห็นแก่ตัวนัก!

เพราะเหตุและผลที่แท้จริงไม่ได้ขีดเขียนเป็นตัวอักษร เพราะความละอายอดสูเกินกว่าจะยอมรับได้ ดังนั้นข้ออ้างที่ถูกหยิบยกในจดหมายจึงไม่ต่างจากการยืนยันว่า…เพราะเขา

ไม่เคยแน่ใจเลยว่าคุณรักฉัน หรือว่ารักในสิ่งที่ฉันเป็น…เราต่างมีเหตุผล มีความจำเป็น เราต่างมีความฝัน ความหวัง ที่ยังไม่สามารถบรรจบกันได้

ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้ว เพราะ…เธอ

เพราะณัฐ!

ร่างผอมบางของหญิงสาวผมซอยสั้นเก๋ไก๋ กอดอกแน่นเพราะความหนาวเย็นของเวลาจวนพลบค่ำในต้นธันวาคมที่ซึมซับผ่านหน้าต่างจากข้างนอกเข้ามาภายใน ความเลือนลางของช่วงเวลาแสงสว่างใกล้ลาลับขอบฟ้า ท่ามกลางเมฆหนาที่จับเป็นก้อนใหญ่ปกคลุมมหานครนิวยอร์คมาเนิ่นนานหลายวัน

เธอขยับ…ลังเล ความหนาวร้าวทรวงเพิ่มทวีคูณ มือข้างหนึ่งแตะแหวนเพชรเม็ดงามที่สวมไว้พลางกวาดสายตามองรอบๆ ห้องพักใหญ่หรูหราบนถนน Fifth Avenue

ข้าวของเครื่องใช้ เฟอร์นิเจอร์ถูกคลุมด้วยผ้ากันฝุ่นสีขาว รูปภาพของเรา อีกทั้งข้าวของบนหิ้ง บนชั้นถูกวางราบเพื่อสะดวกต่อการเก็บรักษา ไม่ได้ตั้งเด่นสง่าเหมือนเช่นวันวานที่ทุกอย่างล้วนอ่อนละมุนสำหรับ…เรา

แม้แต่เปียโนเสียงหวานตัวนั้นก็ถูกคลุมด้วยผ้าผืนใหญ่จรดพื้นราวว่าภูเก็ตไม่ต้องการจะเห็นมันอีกเลย

ระรินรู้สึกแปลบในอกกับความรู้สึกที่ยังคงมีไม่เสื่อมคลาย

วันนั้นก่อนจาก ระรินลังเลแล้วลังเลอีก สุดแสนอาลัยอาวรณ์ แต่เธอไม่มีทางเลือกอื่น เพราะถ้าเขารู้…เขายังจะรักเธอได้อีกหรือ

เหตุ…อยู่ที่ตัวฉันเอง

เพราะฉันเอง

เพราะเธอพลาด เลือกที่จะไว้ใจคนผิด

“ที่เหลือก็เป็นของๆ ระริน ผมขนของของผมออกหมดตั้งแต่ตอนนั้น”

เสียงจากด้านหลังทำให้หญิงสาวสะดุ้ง ไม่ใช่เพราะตกใจ แต่เพราะ…เมื่อก่อน ตอนอยู่ด้วยกัน ภูเก็ตมักจะพูดทุกคำด้วยความละมุนละไม ไม่ต่างจากอ้อมแขนของเขาที่กอดรัดเธอไว้

แต่ตอนนี้…เสียงปรกติ ทุกอย่างปรกติ ราวว่าเป็นการสนทนาทั่วไปกับเพื่อน…คนรู้จัก ไม่มาก ไม่น้อยไปกว่านั้น

“หมิงไม่อยากรู้เลยหรือว่าทำไม” เธอแข็งใจถาม หางเสียงไม่วายสั่นเครือ ก่อนจะฝืนยิ้มอย่างขมขื่น “แต่ก็อย่างว่า ทั้งคลิปทั้งภาพพวกนั้น…หมิงก็คงพอรู้แล้ว”

“หลายปีที่ผ่านมา สิ่งที่ผมต้องการรู้ที่สุดคือว่าระรินปลอดภัยดี มีความสุขแค่นั้น เรื่องระรินกับณัฐ ไม่ว่าจะอย่างไร ผมเชื่อว่าระรินทำในสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อเราสองคน”

คำตอบเบาละมุนละไม ช่างกรีดใจคนฟังเสียยิ่งนัก จนหญิงสาวต้องหันหน้ากลับมาเผชิญกับเขาที่พลันเดินไปวางกุญแจห้องและเอกสารเกี่ยวกับห้องนี้ไว้บนโต๊ะกลมที่ตั้งอยู่อีกฟาก

“ในชีวิตนี้ระรินรักหมิงเพียงคนเดียว มีหมิงเป็นแสงสว่างเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง เรื่องของณัฐเป็นความพลั้งเผลอ ระรินผิดที่เชื่อใจคนๆ นั้น มากจนปล่อยโอกาสให้เขาแบล็คเมล์”

“ช่างมันเถอะ มันผ่านไปแล้ว” เขาส่ายหน้าเล็กน้อย คล้ายย้ำเช่นนั้น

“แต่ก็ไม่เคยคิดเลยว่า การติดสินใจโง่ๆ มันจะทำให้ระรินเสียหมิงไปตลอดกาล ถ้ารู้…ถ้าระรินรู้ ก็จะเลือกทางเดินอื่น จะไม่ตัดสินใจเช่นนั้น เพียงแต่เพราะความอับอาย ไม่รู้จะมองหน้าหมิงอย่างไร และที่สำคัญถ้าลูกไม่ใช่ของหมิง” หญิงสาวระบายความในใจออกมาอย่างไม่รู้ตัว

“อะไรนะ!” คราวนี้ภูเก็ตหันควับกลับมา ดวงตาวาววับโรจน์ฉายแววตกใจระคนประหลาดใจ

“ระรินท้อง…” หญิงสาวอึกอักลังเล แต่เธอแข็งใจพูด หางเสียงไม่วายสั่นเครือ “แต่ไม่แน่ใจว่าใครเป็นพ่อของเด็ก ณัฐหรือหมิง”

“แล้วทำไมไม่บอกกัน ทำไม”

“ถ้าระรินกล้าที่จะบอก ก็คงไม่ต้องหนี แล้วโทษหมิงในทุกๆ อย่าง ที่ได้ทำลงไปก็เพราะระรินขี้ขลาด…กลัว” หญิงสาวเดินช้าๆ เข้าไปหาเขา ร่างทั้งร่างไร้เรี่ยวแรง แม้เมื่อเธอสวมกอดร่างของเขาไว้ “ระรินใช้ลูกเดิมพัน เพื่อแลกกับภาพและคลิปพวกนั้นจากมัน แต่มันไม่ยอม มันไม่สนเลยว่าเด็กจะใช่ลูกของมันหรือเปล่า ระรินเลยหนี…หนีไปไหนก็ได้ ไม่ให้มันมาทำร้ายระรินอีก ไม่ให้มันยุ่งกับหมิง แต่มันก็ตามเจอจนได้ คืนนั้นมืดมากระรินท้องได้สี่เดือนแล้ว มันลากระรินขึ้นรถ ในใจระรินอยากตายนะหมิง ตายไปเสีย เอามันไปด้วย ก็เลยตัดสินใจแย่งพวงมาลัยรถ ทำให้เสียหลักคว่ำ แต่ก็ยังรอด…และมารู้ทีหลังว่ามันบาดเจ็บสาหัส ขาถูกตัดไปข้าง แต่ลูกไม่รอด ลูกไม่โชคดีเหมือนมัน”

“สิ่งที่เกิดขึ้น เราคงกลับไปแก้ไขไม่ได้ แต่ผมดีใจที่อย่างน้อยผมได้พบระรินอีกครั้ง” ภูเก็ตดันตัวของหญิงสาวออกอย่างสุภาพ นัยน์ตาเจือด้วยความห่วงใยไม่เสื่อมคลาย “ผมซิต้องขอโทษ ที่เป็นห่วงงานห่วงความสำเร็จของตัวเองมากกว่าความรู้สึกของระริน”

เขาย่อมรู้…ตอนนั้น ทุกลมหายใจของเขาคืองาน…เงิน…และความสำเร็จ เพียงเพราะศักดิ์ศรีที่ค้ำคอ

เมียรวย…แต่เขาไม่อยากถูกมองว่าเกาะระรินเพียงเพราะธอเป็นลูกสาวของเจ้าของธนาคาร

‘ความรัก…ถ้าจะรัก ก็ต้องรักอย่างมีศักดิ์ศรี’

ภูเก็ตถือคติเช่นนั้น ดังนั้น แม้ทั้งห้องพักหรู ทั้งรถ และข้าวของเครื่องใช้ราคาแพงส่วนใหญ่ จะได้มาเพราะ…เงินของระริน แต่เขาทั้งถีบทั้งดันตัวเอง แม้ไม่มีวันจะมีเท่าเจ้าสัวเกรียงไกร แต่ก็ต้องมีพอที่จะเลี้ยงดูระริน เลี้ยงดูครอบครัวได้

เพราะที่ผ่านมา ระรินและครอบครัวเป็นที่พึ่งให้เขามากเกินพอแล้ว

“หมิงไม่ผิดหรอก จำไว้นะว่าไม่ผิด ห้ามโทษตัวเองอีก” น้ำตาคลอเบ้าไหลร่วงมาเป็นสาย ก่อนจะถาม “ส่งระรินได้แค่นี้จริงๆ ใช่ไหม”

นั่นทำให้ภูเก็ตพยักหน้า…เรารู้ดีแล้วว่า เส้นทางของเราเดินมาถึงสุดทางแค่ตรงนี้

“ระรินควรจะกลับมาหาหมิงก่อนหน้านี้ เพราะมันอาจจะยังไม่สายเกินไปเช่นนี้”

เพียงแต่ว่าเพราะเธออับอาย เพราะเธอ…ผิด ดังนั้น จึงเป็นเพราะเธอที่พลาดไปทำให้ต้องเสียเขาตลอดกาล

“ระรินมีเพื่อนที่ดีหลายคนรออยู่ที่อาร์เจนติน่าไม่ใช่หรือ” รอยยิ้มของเขาอ่อนโยน ทิ้งรอยความหวังบางอย่างสำหรับคนที่ได้เห็น “เอาไว้วันใดวันหนึ่งผมจะไปเยี่ยม และถ้าใครบางคนเขาใจอ่อนแล้ว…ผมจะพาเขาไปด้วยนะจ๊ะ”

การบอก…คำพูด ดับความหวังของคนฟัง ย้ำในสิ่งที่หญิงสาวพอจะจับได้มาหลายเดือนว่า…หัวใจของภูเก็ตไม่ได้เป็นของเธอเสียแล้ว

ความเป็นจริง ทำให้ระรินหันกลับช้า เดินออกมาให้ห่างเขาที่สุด หญิงสาวก็ยังคงรู้สึกว่าเขายืนนิ่งอยู่ที่เดิม ใกล้ประตูทางออก พร้อมจะจากไปทุกเมื่อ

“อยู่ด้วยกันอีกสักครู่ได้ไหม ครั้งสุดท้าย” คำขอร้าวราญด้วยความหวังที่คนถามย่อมรู้คำตอบดี

“อย่าเลย ระรินพักผ่อนเถอะ ผมเองก็ต้องพักเหมือนกัน” เขาทอดเสียงอ่อนเช่นเคย เพียงแต่ว่า ใจ ไม่โอนอ่อนเช่นเมื่อก่อน “ผมยังมีเรื่องปลีกย่อยที่ต้องคุยกับแอลทัส คงต้องใช้เวลาที่เตรียมตัว แต่ถ้าระรินมีเรื่องด่วนอะไร ก็ยังโทรฯ หาผมได้นะจ๊ะ โรงแรมของผมอยู่ไม่ไกล”

และเหมือนว่าตัดสินใจแล้ว ร่างสูงจึงก้าวอย่างฉับไวเข้าไป สวมกอดเธอแน่น

กอด…อย่างสุภาพ ในความรู้สึกของผู้ที่มีแต่ความหวังดี

กอด…อย่างห่วงใย ของคนที่เคยรัก

กอด…เพื่อลา

ลา…แล้วแต่ไม่ลาลับ

เพราะ…เรายังมีความปรารถนาดีให้แก่กันไม่ใช่หรือ

“หมิงก็เช่นกัน…ระรินอยู่ตรงนี้กับหมิงเสมอ”

ที่ของเรา…บ้านของเรา…ความทรงจำของเรา ไม่ว่าที่ไหน ไม่ว่าเพื่อนคนอื่นคนใดก็ไม่สามารถทดแทน…เราได้

ความทรงจำอันแสนงดงามของเราสองคน

เวลาคิดทบทวนทุกครั้ง…ก็จะยังมีภาพของเราสองคน ไม่เพียงแค่วันนี้หรือพรุ่งนี้ แต่ตลอดไป แม้ว่าในความเป็นจริง…ไม่มีอีกแล้ว

แม้ว่าใจของเธอจะยังคงรักเขาอยู่ก็ตาม








ลมที่โชยกระโชก…เบาทำให้ความหนาวเย็นของอุณหภูมิติดลบเมื่อพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า แทรกผ่านเสื้อโค้ทสีดำตัวยาวเพียงเหนือเข่า และแม้จะสั่นยะเยื่อกเพราะความเย็นจับขั้วหัวใจ แต่การก้าวเท้าย่ำก็มิได้ช้าลง ตรงกันข้าม ทุกย่างก้าวของเขาเร็วขึ้น เพราะ…เวลา

ความเร่งรีบทำให้ภูเก็ตไม่สนใจสีสันของการตบแต่งในเทศกาลคริสต์มาส

ไม่แม้จะใส่ใจเกล็ดน้ำแข็งบางที่ตกเบาๆ ย้ำว่า…หนาวนัก

แต่นั่นไม่หนาว…เท่าหนาวใจ

ถึงดินแดนแผ่นฟ้าจะหาอื่น
มาชูชื่นจิตพี่ไม่มีเหมือน
ขนงเนตรเกศแก้มยิ้มแย้มเยื้อน
เหมือนจะเตือนอารมณ์ให้ชมเอย



[พระอภัยมณี” ประพันธ์โดยสุนทรภู่]




ใครจะคิด ชีวิตที่ผ่านมาเคยมีแต่…ระริน บัดนี้กลับไม่ใช่เช่นนั้น

เพียงเพราะว่ามีใครอีกคนเข้ามา ผู้หญิงคนนั้นที่เขาไม่คิดจะจริงจัง จริงใจ

คนที่ผูกมิตรเพราะนึกสนุกตามสันดานผู้ชายที่เห็นผู้หญิงสวย

คนที่เขาตีสนิทก็เพื่อผลประโยชน์เรื่องห้องเช่า

เกษรา!

ทุกลมหายใจที่คิดถึงมันแสบทรวงนัก

ทุกห้วงความคิด…หนูปีบ

แม้แต่เมื่อครั้นที่เขาก้าวผ่านประตูกระจกหนาจับขอบด้วยเหล็กกล้าวาวเป็นเงา เข้ามาภายในอาคารตามสมัยฉาบก่อด้วยหินปูนผสมหินแกนเนตและหินอ่อน จัดเป็นร้านหรูหรากว้างขวางในชั้นล่าง

แสงไฟวาววับสะท้อนสลับกับตู้โชว์ และผู้คนที่มีอยู่พอทำให้บรรยกาศของช่วงเวลาเทศกาลคึกครื้น

ภูเก็ตรู้หรอกว่าต้องไปชั้นไหน เพราะเมื่อหลายปีก่อนเขาเคยมาที่ร้านทิฟฟานี่บนถนน Fifth Avenue เพื่อหาซื้อแหวนเพชรเม็ดงาม

เพราะสำหรับ…My Huckleberry Friend แล้ว สิ่งๆ นี้ต้องดีที่สุดเสมอ








ถนนขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อประปรายช่างเป็นสิ่งที่ประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาไม่ควรมีให้ผจญ แต่นี่อาจเป็นเพราะถนนเล็กๆ เพียงรถสองคันสวนเส้นนี้อยู่ลึกขึ้นไปบนทิวเนินสูง ลัดเลาะคดเคี้ยวผ่านต้นไม้สูง สลับผลัดเปลี่ยนกับไร่องุ่น จึงไม่ได้รับการดูแลจากภาครัฐเท่ากับถนนเส้นที่มีผู้คนสัญจรไปมา

ช่วงหน้าหนาวในเขตโซโนม่ามีฝนชุก หมอกลงหนาในตอนเช้า ต้นองุ่นที่เคยสร้างสีสันและผลิตผลอันงดงามกลับแห้งแล้งว่างเปล่ารอการเบ่งบานในฤดูแห่งผลผลิตอีกครั้ง

ร่างสูงก้าวลงจากรถโฟล์วิลล์คันใหญ่ที่กระพริบไฟจอดข้างทาง เขาขยับกระชับกระเป๋าเป้าใบโตที่สะพายบนบ่าข้างขวา

“แกแน่ใจนะ” สาธิณีผู้ทำหน้าที่ขับรถหันกลับมาถามด้วยเสียงหัวเราะดัง “ฉันน่ะกลัวว่าคุณเกดเขาจะไล่แกออกมานอนข้างถนนน่ะซิ”

“พูดอะไรให้เป็นลาง” ดวงหน้าคมคายขมวดคิ้ว หากไม่ได้ดุดันจริงจัง ก่อนจะคว้าอุปกรณืกระทัดรัดถนัดมือที่เพื่อนสนิทโยนให้

“แบตสำรอง แกเก็บไว้นะ เพราะฉันว่า…ยาว”

“ถ้ายาว เธอกับน้องๆ ก็อย่าหวังว่าจะกลับบ้าน” คนเป็นเจ้านายขู่

“โอย…อยู่สักเดือนสองเดือนพวกฉันไม่มีปัญหา เพราะยังไงเจ้าสัวก็จ่ายให้ในฐานะทีมที่ปรึกษาการลงทุนส่วนตัว”

สาธิณีและทีมเอเกือบทุกคน รวมทั้งอดีตเลขาฯ ฝ่ายที่เคยอยู่กับแอลทัสถูกดึงมาอยู่กับเจ้าสัว ไม่ได้ประจำตำแหน่งกับธนาคาร แต่ด้วยตำแหน่งในธุรกิจส่วนตัวอื่นๆ ทั้งเรื่องการลงทุนในตลาดหุ้น ตราสารและการเงินอีกจิปาถะ แล้วยังการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เช่น โรงแรม ไร่ไวน์และไร่ฟาร์ม โดยมีภูเก็ตเป็นหัวหน้าทีม

การทำงานถึงยืดหยุ่น แต่ก็ฉับไว ทันที…ตามที่เจ้าสัวและว่าที่ลูกเขยเจ้าสัวต้องการ

“แต่ฉันค้าน”

“แกค้าน ฉันฟ้อง…คุณเกด” เพื่อนสนิทย่อมรู้ เหนือภูเก็ตยังมีเกษรา

ไม่เช่นนั้นสภาพนายธนาคารหนุ่มรูปงามนามสกุลดังจะเป็นเช่นนี้หรอกหรือ

กางเกงยีนส์สีเข้ม แล้วยังเสื้อเชิ้ตหนาอยู่ใต้โค้ทลำลองที่พอกันลมกันฝน และกันความหนาวเย็นยะเยือกได้บ้าง พอเหมาะกับลมฟ้าอากาศของเขตโซโนม่าในเดือนธันวาคม

“คอยดูว่าเสียงใครจะมีน้ำหนักมากกว่ากัน” ภูเก็ตหัวเราะรัว มั่นใจ แล้วโบกมือ “อีกสองสามวันเจอกัน”

“สองสามอาทิตย์ค่อยว่ากันนะเพื่อน” คนเป็นเพื่อนหัวเราะ…สะใจ “พรุ่งนี้ฉันกับน้องๆ จะไปเที่ยวแอลเอระหว่างรอนะเว้ย แต่ถ้ามีอะไรด่วนโทรฯ เข้าได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”




(ต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่