อาทิตย์อับแสง (บทที่ 38) โดย มานัส

กระทู้สนทนา
อาทิตย์อับแสง (บทที่ 38)



ต่อให้พยายามฝืนตัว ขืนขัดสักแค่ไหน แต่ระรินก็ไม่สามารถฝืนใจตัวเองได้เลย เมื่ออ้อมแขนของภูเก็ตยังคงโอบรัดเธอด้วยไออุ่นเช่นนี้ พาออกมาจากห้องพักของดาราสาว เดินผ่านห้องที่เขาเคยอาศัยอยู่หลายปี และลงมายังห้องพักในปัจจุบันของเขา

ห้องที่โล่งจนน่าใจหาย ไม่มีร่อยรอยของอดีต ไม่มีอะไรบ่งบอกถึงความรู้สึกปัจจุบัน และไร้สิ่งสื่อว่าหนทางใดที่เขาจะเลือกเดินในอนาคต

นอกจากชุดโฟซาบริเวณส่วนรับแขกที่ประดับเพียงโทรทัศน์จอแบนเท่านั้น และโต๊ะกลมทานข้าวตรงหน้าครัว และครัวเล็กๆ ที่ประดับด้วยเครื่องใช้ไฟฟ้าธรรมดาทั่วไปแล้ว ห้องทั้งห้องว่างเปล่า เว้นแต่เปียโนไฟฟ้าที่ตั้งชิดกำแพงอีกมุมของห้องพักที่มีขนาดคับแคบกว่าที่ เรา เคยอยู่ด้วยกันมากนัก

ชีวิตอันแสนว่างเปล่าของภูเก็ตช่างแตกต่างจากเมื่อก่อนที่…เราสองคนมีชีวิตชีวา และยังมีความฝันของอนาคตที่เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป

ห้องพักหรูหราถูกตกแต่งด้วยความละเมียดละไมบน Fifth Avenue เคล้ากรุ่นกลิ่นไอหวาน หอมหวนเพราะความพิถีพิถัน ประดับด้วยข้าวของเครื่องใช้ราคาแพง และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกทันสมัยครบครัน

แล้วยังภาพวาด ภาพเขียน หนังสือมากมาย และเปียโนเสียงหวานตัวนั้น

อีกทั้งรูปถ่ายแห่งความทรงจำของเราสองคนที่ประดับไว้แสดงถึงชีวิตที่ผ่านมาร่วมกัน และความสุขที่เรามีด้วยกัน

แต่ห้องๆ นี้ที่เขาอาศัยอยู่ในตอนนี้ ไม่มีความทรงจำอะไรตราประทับไว้เลย

“ระรินจากไปโดยแทบไม่ได้เอาอะไรติดตัวไปด้วย” เสียงทุ้มลดลงต่ำเรื่อยๆ ในทุกคำ พร้อมกับที่เขาค่อยๆ คลายมือออกจากรอบเอวของเธอ “ผมก็มาโดยไม่ได้เอาอะไรมาเช่นกัน เพราะไม่รู้ว่าจะอยู่ที่นี่ หรือที่ไหนๆ อีกนานเท่าไหร่”

ร่างสูงขยับตัวยืนตรงหน้าอีกฝ่าย มองเธอเต็มตา ดวงตาคู่นั้นร้อนรุ่มสงสัยระคนทอดถอนใจ ลำคอตีบตันไปหมด

ระรินที่อยู่ตรงหน้าเขา…ในความเป็นจริงเวลานี้ ต่างจากระรินที่เขาคุ้นเคยและเคยรักสุดหัวใจนัก

ดวงหน้าหวาน นัยน์ตากลมเป็นประกายคงเคล้าคล้ายหญิงสาวที่เขา…หลง ตั้งแต่แรกเจอกันเมื่อยี่สิบปีก่อน เพียงแต่ว่าดวงตาเป็นประกายที่มักนิ่งสงบ จนสามารถสยบเขาได้ทุกครั้ง ช่างต่างไปจากเดิมนักในวันนี้

ผมซอยสั้นเก๋ไก๋ก็ไม่ได้ยาวสลวยส่งกลิ่นหอมกรุ่นที่คุ้นเคย แล้วยังร่างผอมบางผิดตา ช่างต่างจากร่างอรชรระหงที่เขารักที่จะคว้าเข้ามากอดด้วยความเสน่หาเสมอ

“พูดอะไรบ้างได้ไหม” เสียงทุ้มพร่าเล็กน้อย พยายามมองหญิงสาวที่ก้มหน้าไม่ยอมสบตาเขา “อย่าให้ผมต้องพูดคนเดียว เหมือนที่เคยคิดคนเดียว และรอคุณอยู่เพียงลำพังคนเดียว”

ทว่าก็ยังไม่มีคำใดๆ จากอีกฝ่าย ภูเก็ต…รอ จนในที่สุดจึงรวบเอวของเธอมาในอ้อมแขน กอดนิ่งๆ แล้วก้มลงจนไออุ่นจากลมหายใจแนบชิดพวงแก้ม

หญิงสาวไม่ขัดขืนแต่ก็ไม่โอนอ่อนตาม หากในที่สุดการฝืนใจตัวเองก็ไร้ความหมาย เพราะเธอทิ้งทั้งร่างของตัวเองซบแนบสนิทกับเขา วงแขนแข็งแรงกอดกระชับเธอแน่นขึ้น ระรินวางใบหน้าไว้บนอกกว้าง ในม่านน้ำตานั้น เธอเห็นเพียงดวงหน้าของเขาที่ยังคงก้มลงแนบชิด

“ระรินรักผม แต่ทำไมต้องทำร้ายตัวเอง และทำร้ายกันแบบนี้นะ”

คำพูด คำถาม สะท้อนความเป็นจริง แล้วกรุ่นลมหายใจ และอ้อมกอดล้วนทำให้หญิงสาวปลาบขึ้นมาในอก และยิ่งความพูดของเขา ก็ช่างบาดลึกเข้าไปในใจ

“ระรินยังไม่รู้อีกหรือว่าตอนนั้น ผมรัก…รัก เพราะระรินเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของผม ผมคิดว่าเรารู้แล้ว…เราวางแผนอนาคตกันแล้ว มีอะไรอีกหรือที่ผมยังไม่รู้ มีอะไรที่ผมทำ ที่ผิด ที่ทำให้ระรินถึงทนอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่ทนแม้จะบอกกล่าวให้รู้” ทุกคำของเขาไม่แม้แต่จะพยายามเก็บซ่อนความขมขื่น

“บอกแล้ว อย่าพยายามเข้าใจเหตุผล” ในที่สุด หญิงสาวก็แข็งใจพูด หางเสียงไม่วายสั่นเครือ

“ผมคงไม่พยายามที่จะเข้าใจอะไรทั้งสิ้น ถ้าผมตอนนั้นมั่นใจว่าระรินไม่รักผมแล้ว”

ภูเก็ตค่อยๆ ดันตัวออก คลายอ้อมแขน แล้วใช้มือทั้งสองข้างช้อนใบหน้านวลขึ้นมา มองเธอเต็มตา ก่อนจะจูบเบาๆ ที่หน้าผากของเธอ

“ระรินใจร้ายมาก หกปีที่ผ่านมาผมตกนรกทั้งเป็น” รอยยิ้มที่คลี่ออก ไม่ใช่ยิ้มจากหัวใจที่หญิงสาวเคยเห็นชินตา มันเป็นรอยยิ้มของคนที่ยอมรับในความจริงบางอย่าง “คุณลุงก็ใจร้ายไม่แพ้คุณเลย”

“พ่อไม่เกี่ยว ฉันเพิ่งเจอกับพ่อเมื่อไม่นานมานี่เอง ขอร้องพ่อไม่ให้บอก อย่าให้หมิงรู้ เพราะฉันอยากจะมาหาหมิงด้วยตัวเอง”

“แล้วทำไมไม่มา”

“หลายครั้งที่ฉันยืนอยู่หน้าห้องนั้นที่หมิงเคยอยู่ แต่ก็ไม่เคยรวบรวมความกล้าได้สักที ตอนนั้นที่…ไป มันไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่าย ตอนกลับมา…ก็ไม่ง่ายเช่นกัน” เสียงของหญิงสาวคล้ายสำลัก ดวงตามีหยดน้ำหล่อลื่น มือเรียวเล็กของคนที่เล่นเปียโนมาทั้งชีวิตยกกุมมือของเขาไว้ “ขอโทษ…ขอโทษในทุกอย่างที่ฉันทำ”

“ไม่ต้องขอโทษ และอย่าร้องไห้นะจ๊ะคนดี” ภูเก็ตแตะนิ้วลงบนหยดน้ำตาที่รินรดแตะพวงแก้มของเธอ “ผมไม่เคยโทษระรินเลย ผมผิดเอง ตอนนั้น ผมดูแลระรินได้ไม่ดีพอ งาน…เพื่อน…สังคมมักมาก่อนเสมอ ผมควรต้องขอโทษระรินจ้ะ”

แค่คำพูดเขาเพียงเท่านี้ แต่มันกรีดลึกเข้าไปในความรู้สึกของเธอ ระรินโผตัวกอดเขาไว้แน่น

ฉันรักคุณ และรักเสมอมา

และไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นเช่นไร ขอให้คุณรู้ไว้เถอะว่า ฉันรักคุณ








อัญชลีมาถึงตรงตามเวลานัด ท่วงท่าเดิน การแต่งตัว และบุคลิคแตกต่างไปจากเดิมที่เขาจำได้ ใบหน้านวลที่เมื่อก่อนแต่งแต้มเพียงนิดเดียว บัดนี้แน่นหนาด้วยเครื่องสำอางค์ชั้นดี ทำให้เธอดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ไม่ใช่พนักงานสาวแสนธรรมดาประจำสาขาชานเมืองของธนาคารระดับโลก ที่ดูอ่อนต่อโลกและความเป็นจริง

รอยยิ้มของเธอกระจ่างใบหน้า ฉายความมั่นใจ ต่างจากความประหม่าที่เมื่อก่อนมักปรากฏให้เห็นเป็นนิจ และเมื่อหญิงสาวทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตรงหน้าที่อยู่อีกฟากโต๊ะ ภูเก็ตจึงสังเกตว่า เสื้อผ้าอาภรณ์ที่เธอใส่ล้วนราคาแพงมียี่ห้อ แล้วยังเครื่องประดับวาววับ ล้วนเป็นของแท้ไร้สิ่งแปลกปลอม

“ไม่คิดว่าคุณภูเก็ตจะพาคนอื่นมาด้วย” หญิงสาวทักเป็นคำแรก ชายตามองบุรุษอีกคนที่นั่งร่วมโต๊ะ

“ไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นทนายของผม” คำตอบง่าย ปนหัวเราะนิดๆ

“แอนนี่ไม่น่าไว้ใจขนาดนี้เชียวเหรอ”

“ก็ตอนนี้ ผมกับพี่ชายแอนนี่…” คำว่า พี่ชาย เน้นชัด “มีเรื่องคดีความกันอยู่ไม่ใช่หรือครับ”

“แล้วถ้าแอนนี่อยากจะคุยกับคุณภูเก็ตแบบเมื่อก่อน…”

“ผมว่าเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย เราคุยกันแบบนี้จะดีกว่า” ภูเก็ตตัดบทด้วยน้ำเสียงเรียบ และรอยยิ้ม “เรื่องอะไรล่ะที่แอนนี่อยากจะคุย”

“แอนนี่ไม่อยากให้คุณภูเก็ตเข้าใจผิด คือว่าแอนนี่ไม่มีส่วนรู้เห็นกับสิ่งที่พี่ณัฐทำไป”

“ครับ” การพยักหน้าไม่ได้บ่งบอกว่าเชื่อ หรือไม่เชื่อ และสายตาของเขาก็ไม่ได้จับอยู่ที่อัญชลี

ชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาในเลาจน์ของโรงแรมหรูสะดุดตาเขาและคนอื่นๆ ที่ได้เห็น

“เกษรา!” อัญชลีพ่นชื่อนั้นภายใด้การผ่อนลมหายใจ สายตาของเธอจับจ้องไปที่สองคนนั้นเช่นกัน “นั่น…ธัชชาติ แฟนเก่าของคุณเกดนี่คะ แต่เอ…ธัชชาติกำลังจะแต่งงานกับญาติของคุณภูเก็ตไม่ใช่หรือคะ”

การถามช่างดูราวว่าไร้เดียงสานัก จนภูเก็ตต้องหยุดคิด เมื่อก่อนผู้หญิงคนนี้ดูไร้เดียงสาจริงๆ แต่นั่น…คงเป็นฉากหลังหน้ากากของความใสซื่อที่เธอเลือกสวมทับตัวตนที่แท้จริง

จนเขาต้องคิด…ระหว่างณัฐกับอัญชลี ใครกันแน่ที่น่ากลัวกว่ากัน

คนร้ายกาจอย่างณัฐ ยังมีใครที่ร้ายยิ่งกว่าอีกหรือ

แค่คิด ภูเก็ตก็ขนลุก

เขาเคยหลับนอนกับผู้หญิงคนนี้…นี่ถ้าไม่ตัดขาดกันเสียก่อนเนิ่นๆ เพราะความเบื่อกับจริตที่ไร้รสชาติของเธอ ไม่แน่…แค่คิดเท่านี้ ภูเก็ตก็สยดสยอง

สีหน้าของเขาอาจจะแสดงเช่นนั้น เพียงแต่ว่าคนที่เห็นกลับตีความอีกแบบ

“นี่ ถ่านไฟเก่าคลุกมังคะ คุณเกดคงไปแย่งแฟนของญาติคุณภูเก็ตล่ะซิ ที่ผ่านมาก็เป็นข่าวคาวไม่ใช่น้อย”

“เอ๋กับพ่อเขาหายตัวไปเกือบเดือนแล้วครับ ก็ตั้งแต่เรื่องฉาวออกมาว่าคุณอนุสรณ์ร่วมมือกับพี่ชายของแอนนี่”

“พี่ณัฐเป็นลูกของพ่อเลี้ยงแอนนี่ ที่เขาทำกับแอนนี่ก็แสนสาหัสนัก แอนนี่ไม่อยากจะคิดว่าเขาเป็นพี่หรอกค่ะ เพราะพี่ดีๆ คงไม่ทำกับน้องสาวตัวเองเช่นนี้”

ถ้านี่เป็นการเล่นละครเหมือนที่ผ่านมาเจ้าหล่อนตีบทแตกกระจุย จนภูเก็ต…เกือบสงสาร และแล้วเขาก็รู้สึกตัวด้วยความคิด ผู้หญิงคนนี้ร้ายใช่เล่น

“สองคนนั้นคงร่วมมือกันค่ะ เพราะไม่ชอบคุณภูเก็ต”

“กับคุณอนุสรณ์ผมเข้าใจ แต่กับณัฐผมไม่เคยเข้าใจ จะว่าเรื่องงานก็คงไม่น่าใช่ทั้งหมด จนผมคิดไม่ออกว่าไปทำอะไรเขาไว้หรือเปล่า ตอนไหน”

“คุณภูเก็ตเคยอยู่นิวยอร์ค พี่ณัฐก็เคยไปเรียนต่อที่นั่น คงได้เจอกันล่ะค่ะ”

“แต่ผมก็นึกไม่ออกอยู่ดี”

“เขาเจอเรา แต่เราไม่เห็นเขา…ไม่แปลก เพราะคนอย่างพี่ณัฐไม่มีอะไรน่าจดจำ ไม่เหมือนคุณภูเก็ต” แววตาและน้ำเสียงชื่นชมชัดเจน

รูป รส กลิ่น เสียง ที่เธอเคยสัมผัส ยากนักที่จะลืมเลือนหรือมองเมิน ทว่าอัญชลีสังเกตเห็นสายตาของชายหนุ่มที่เธอชื่นชอบปรายไปยังโต๊ะของนางเอกสาวอยู่บ่อยครั้ง

“ณัฐได้ประกันตัวออกมาแล้วใช่ไหม” คำถามนั่นเป็นของคนที่รู้แล้ว เพียงแต่เขาแค่อยากรู้ว่า “เห็นหายเงียบไปเลย ทำไมล่ะ”

“คงกลัวโดนถอนประกันอีก พอได้นอนในคุกหลายวันเลยคิดได้มังคะ”

“มันก็ดี” ภูเก็ตแสร้งมองนาฬิกาข้อมือ “นี่พวกผมคงต้องไปแล้ว เผอิญว่ามีธุระ”

“เราจะได้พบกันอีกไหมคะ”

“ต้องได้ซิครับ” ชายหนุ่มยิ้มกลบความเยือกเย็นในน้ำเสียง ก่อนที่เขาจะควักธนบัตรใบละพันวางบนโต๊ะสำหรับค่าเครื่องดื่ม

“เห็นว่าลูกสาวเจ้าสาวเกรียงไกรกลับมาแล้ว” การเอ่ยลอยๆ ของอัญชลีทำให้คนที่กำลังลุกขึ้นยืนชะงักกึก “เขารู้กันทั่วแอลทัสนะคะว่า คุณภูเก็ตมีเจ้าสัวหนุน ในฐานะอดีตว่าที่ลูกเขย”

“ตอนนี้ไม่มีคำว่าอดีตแล้ว” เสียงทุ้มยืนยันด้วยรอยยิ้มที่สื่อความหมายมากมาย

“แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่เหมาะกับคุณภูเก็ต” อัญชลีค้านเสียงหลง “ผ่านมาหลายปีไปทำอะไรมาบ้างก็ไม่รู้”

“มันเรื่องของระริน และก็เรื่องของผม แอนนี่ไม่จำเป็นต้องห่วงตรงนี้หรอก ผมและระรินรักกัน และผูกพันกันมานาน เราเข้าใจกันดีเสมอ”

เขาทิ้งท้ายเช่นนั้น ก่อนสาวเท้าออกมา โดยมีทนายของเขาตามหลังมาติดๆ

“ผู้หญิงคนนั้นน่ากลัวใช่ย่อย ดูภายนอกไม่ได้เลยนะครับ” ทนายความกระซิบในความจริงที่เห็น

“ผมถึงต้องเอาคุณมาด้วยไง ก็ตั้งแต่ให้นักสืบติดตามดู ก็พอรู้หรอกว่าน่ากลัว แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้” ร่างสูงเดินตัวตรง ชายตามองยังโต๊ะของนางเอกหมายเลขหนึ่งเพียงแวบเดียว

เกษราไม่แม้แต่จะมองเขา ไม่เห็นเขา

เพียงแต่ว่าในตอนนี้ภูเก็ตมีเรื่องให้ต้องคิดมากมาย

“ผมจะเรียกค่าเสียหาจากแอลทัสให้หนักที่สุด คุณท่านก็จะฟ้องร้องแอลทัสด้วย และยังมีลูกค้าคนอื่นๆ อีก”

“คุณเกษราล่ะ” ทนายความหันไปทางดาราสาวที่กล่าวถึง

“ช่างเขาเถอะ แค่ระหว่างคนที่เราล็อบบี้ได้ และให้เขาเอาแอลทัสให้หนักก็พอ ทางแอลทัสจะได้จัดการณัฐให้หนัก และอาจกระตือรือร้นในการหาเงินที่หายไปกลับมาให้ได้”

เพราะภูเก็ตย่อมรู้ เงินจำนวนมากขนาดนั้นเนรมิตหลายสิ่ง หลายอย่างให้ผู้ที่ครอบครองมันได้

ในเมื่อเขาเป็นเป้าหมายหลักของณัฐ แล้วเขาจะวางใจได้อย่างไรเพราะต่อให้ณัฐติดคุก แต่เงินจำนวนมากนี้ยังสามารถเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้ณัฐทำอะไรชั่วๆ เพื่อทำร้ายเขา และคนอื่นได้อีก




(ต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่