อาทิตย์อับแสง (บทที่ 44)
คืนนี้เป็นอีกคืนที่เกษรานอนไม่หลับ
มันมักเป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่เธอกลับมาค้างที่คอนโดแห่งนี้ หัวใจแผ่วสั่นเล็กน้อยเมื่อลิฟต์วิ่งผ่านชั้น 25 และยังคงเป็นเช่นนั้นเมื่อเธอเดินผ่านห้องที่เขาเคยอาศัยอยู่
ความคิดและจิตใจเธอไม่นิ่งเอาเสียเลย แม้ตั้งใจแน่วแน่ว่า…ไม่คิด แต่มโนภาพที่มีแต่เรื่องราวของภูเก็ตชอบคืบคลานเข้ามารังควานอยู่เรื่อย
“ไม่น่ากลับมา” เกษราบอกกับตัวเองเช่นนั้น
จริงๆ แล้วเธอควรไปค้างที่บ้านใหญ่ของพีทซี่ หรือไม่ก็กลับไปบ้านแปดริ้วที่เพิ่งซ่อมแซมเสร็จ แต่ในที่สุด เพราะความคุ้นเคยหญิงสาวก็มักเลือกจะกลับมาที่ห้องพักบนตึกสูงนี้
และเช่นทุกครั้ง ในทุกคืนที่อยู่ในห้องนี้ ร่างระหงของนางเอกสาวชื่อดังก็จะนั่งอยู่หลังแกรนด์เปียโนใหญ่ นิ้วเรียวไล่ไปตามแป้นสีขาว ให้นึกอยากจะบรรเลงออกมาจนจบบทเพลงตามที่เคยเรียนกับ…ระริน แต่เธอก็ทำไม่ได้สักที
ไม่ต่างจากความรู้สึกที่มีต่อจดหมายฉบับนั้นที่บัดนี้ถูกวางบนหลังเปียโน ห่างออกไปแค่เอื้อมมือ
เกษราคิด…ไม่ใช่ว่าไม่คิด
คิดอยากจะฉีกมันทิ้งนัก แต่หลายคราก็อยากจะเปิดอ่าน ทว่าในที่สุดตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาเธอก็ทำได้เพียงแค่วางมันไว้…ไม่ใกล้ไม่ไกล แค่พอให้เห็นลายมือที่จ่ายหน้าซอง
หนูปีบ
หญิงสาวเม้มปากเป็นเส้นตรงพยายามระงับความคิดและความรู้สึกทั้งปวง รวมถึงความเจ็บแปลบที่เกาะกินในใจ
เพียงแต่ว่า ต่อให้หลับตาลงเพียงไม่กี่วินาที ดวงหน้าของเขาก็มักจะผุดขึ้นเด่นชัด แล้วยังคำพูดชวนเคลิ้มของเขา
“แค่ลมปาก”
นั่นคือคำจำกัดความที่เธอมักมีให้กับคารมหวานๆ ของเขาที่แว่วผ่านเข้ามาในห้วงความทรงจำ
คิดจะรัก…แต่ไม่ได้รัก
คิดจะเล่น…ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น
ผู้ชายเจ้าชู้กระล่อนอย่างภูเก็ตรู้จักที่จะรักและรอ ระริน คนเดียวเท่านั้น
เพียงแต่ว่า พริ้วรอยสัมผัสของเขาอ่อนหวานละมุนละไมยิ่งนัก แม้แต่…คืนนั้น ในห้องพักที่อยู่ถัดไปเพียงไม่กี่ก้าว ในคืนที่ร่างของเธออยู่ในอ้อมกอดของเขาเกือบตลอดทั้งคืน หลับไปในห้วงความสุขที่มีแขนของเขารัดรึงร่างของเธอ เพียงแต่ว่าเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา เขาก็จากไปแล้ว โดยไม่มีคำลาสักคำ
หลังจากนั้น…ทุกอย่างก็เป็นเพียงอดีตที่ตราไว้ในความทรงจำเท่านั้นเอง โดยที่เธอเป็นคนย้ำกับเขาไม่ใช่หรือ
‘ฉัน…ไม่หลงเสน่ห์ของคุณ และก็ไม่ได้รักคุณด้วย คืนนั้นฉันอาจจะเหงา อาจจะแค่ต้องการใครสักคนแล้วคุณก็อยู่ตรงนั้นพอดี’
ทว่าภูเก็ต…ก็ยังอาทรห่วงใยเสมอ ทั้งตอนที่เกิดเรื่องณัฐ และยังเมื่อเธอเจอมรสุมชีวิตเพราะการสูญเสียยายจ๋า
เกษราจำได้ว่า…เกือบแล้ว
เธอเกือบใจอ่อน เพียงแต่ว่าภาพของเขากับระรินมักตอกย้ำซ้ำเติม และพอมีเรื่องภาพหลุด เขาก็จงใจตัดทิ้งระริน รักเร่ที่มีแต่เล่ห์ของผู้ชายแบบนั้นตอนนี้ก็เกาะติดกับอัญชลีอย่างเหนียวแน่น
‘หนูปีบ...คิดว่า Huckleberry Friend เป็นแบบไหน มีค่าแค่ไหนสำหรับคุณล่ะ’
My Huckleberry Friend
อย่างนั้นหรอกหรือ?
ถ้าเป็นแบบภูเก็ตล่ะก็ เกษราก็ตอบได้อย่างเต็มปากเลยว่า ไม่มีค่าอะไรเลย
ความคิดสะดุดหยุดเพียงเท่านี้ พลันมือเล็กก็เอื้อมไปคว้าซองจดหมายสีครีมนวลนั่น กำมันแน่นจนเห็นเป็นรอยขย่ำ ก่อนที่เกษราจะตัดสินใจฉีกมันเป็นสองท่อน
ข่าวที่ได้รับไม่ค่อยดีนัก
คนกลาง ของเธอยังไม่สามารถติดต่อทีมมือปืนที่ถูกส่งไปกำจัดอนุสรณ์และอรจิรา แต่อัญชลีก็ยังพอมีความมั่นใจหลงเหลือว่า ไม่น่าพลาด เพราะเงิน และเพราะฝีมือของมือปืนชุดนี้ที่ประสานงานอย่างดีกับทีมฝั่งเขมร
ในเวลานี้ หญิงสาวต้องการเพียงคำยืนยันว่าทุกอย่างเรียบร้อยเท่านั้น เธอก็พร้อมโอนเงินค่าจ้างที่เหลือทันที
มือเล็กหยาบกำโทรศัพท์มือถือแน่น บีบมันราวต้องการให้แหลกสลายคามือเพียงเพราะใจที่ร้อนรุ่มสุมเพลิง เธอเดินวกไปวนมาในห้องพักบนชั้นที่ 25 ของคอนโดภูเก็ตที่เธอย้ายเข้ามาอยู่ด้วยนานหลายเดือน
อัญชลีเดินเข้ามาในห้องรับรองเล็กที่จัดเป็นกึ่งห้องทำงานผสมห้องหนังสือ ทรุดตัวลงนั่งหลังโต๊ะทำงานสีขาวที่มีโน๊ตบุ๊คสีดำวางอยู่ การเปิดเครื่อง หรือแม้กระทั่งเปิดหน้าเพจล้วนคล่อนแคล่ว จากที่เมื่อก่อนไม่รู้หรอกว่าจะต้องไปหน้าเพจไหน หรือทำอย่างไรเพื่อการจัดการบัญชีต่างๆ ของณัฐ และในภายหลัง…ของเธอเป็นผู้เปิดเพื่อจัดการกับเงินจำนวนมหาศาลที่บัดนี้เป็นของเธอเพียงผู้เดียว
เงินเป็นสิบๆ ล้านดอลล่าร์ในตอนนี้ และอีกไม่นานก็จะเพิ่มขึ้นเมื่อเธอ ต่อรอง กับเจ้าสัวเกรียงไกรสำเร็จสำหรับราคาภาพและคลิปชุดที่สอง
จำนวนเงินที่มีในบัญชีแล้วยังเงินสดที่เก็บไว้ทั้งในคอนโดและที่โกดัง อีกทั้งเงินที่จะได้มาจากเจ้าสัวเกรียงไกรนั้น มากพอที่เธอและภูเก็ตจะหลบไปอยู่ที่ไหนเงียบๆ ใช้ชีวิตด้วยกันตลอดไป
แค่ความคิดที่มีภูเก็ตแวบเข้ามาเพียงวูบ ใบหน้าบึ้งตึง คิ้วขมวดมุ่ยของหญิงสาวก็ค่อยๆ ผ่อน ไม่ต่างจากฝีปากที่ทาด้วยลิบสติกสีสดเผยอเล็กน้อยราวว่าจะคลายยิ้ม หากก็เช่นทุกครั้ง อัญชลีไม่เคยยิ้ม…ทั้งหมด จะยิ้มก็เพียงแบบนใบหน้า มิใช่ด้วยใจและความรู้สึก
ความรู้สึกสดใสทั้งหมดในชีวิต ถูกทำลายมานานนับปีเพราะณัฐและอิมอล์ จนกระทั่งภูเก็ตก้าวเข้ามา นำพาแสงสว่างงดงามทำให้เธอได้สัมผัสความสดชื่นสว่างไสวอีกครา และถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่บาดแผลชีวิตมันทำให้เธอไม่ชินกับความอิ่มเอมใจและความสุขที่บัดนี้อยู่ในกำมือ
ความไม่ชิน อาจะเพราะความหวาดระแวง
ระแวงว่าเขาไม่รักเธอเท่ากับระรินหรือแม้กระทั่งเกษรา
ระแวงว่าความสุขอาจมีไม่นาน ไม่จีรังยั่งยืน
อัญชลีระแวงทุกอย่าง และยิ่งวันนี้…ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ ทำให้เธอยิ่งคิด และคิดถึง
เพราะถ้ามีเรื่อง…ถ้าเกิดเรื่องกับทั้งคนกลางของเธอและมือปืนที่ต้องลงมือ แล้วเธอควรต้องทำอย่างไร
หนี!
แต่หนีไปไหน แล้วภูเก็ตล่ะ
หญิงสาวมองเวลาที่ปรากฏบนจอโน๊ตบุ๊ค หกโมงเย็น ดวงอาทิตย์ใกล้ลาเลือนลับขอบฟ้า…ภูเก็ตยังไม่โทรฯ หาเธอเลยวันนี้ทั้งวัน เขาบอกเพียงแต่ว่าไปหาแม่ที่ปราจีนบุรี หนำซ้ำยังเอ่ยปากชวนเธอ
เพียงแต่หญิงสาวเลือกที่จะไม่ไป เพราะเรื่องอนุสรณ์ที่เธอต้องบัญชาการ ดังนั้นถ้าไปกับเขา ก็คงไม่สะดวกนักเวลาจะติดต่อกับคนกลางของเธอเพราะธุระสำคัญ
แล้วภูเก็ตไปปราจีนบุรีจริงหรือเปล่า หรือว่าแวะฉะเชิงเทราเพื่อไปที่บ้านของเกษรา ดั่งที่เขาเคยทำประจำนานนับเดือนจนเลยปี
แค่คิด…จิตใจของเธอก็ว้าวุ่น เต็มไปด้วยความหวาดระแวงแซมริษยา เมื่อนั้นเธอจึงตัดสินใจกดเรียกหาเขา ทำเช่นนั้นห้าหกครั้งกว่าภูเก็ตจะรับสายด้วยเสียงแจ่มใสเช่นเคย
“คิดถึงผมมากหรือไง”
คำพูดของเขายังกลั้วหัวเราะเอ็นดู จนอัญชลีเผลอยิ้ม
“คุณภูเก็ตก็น่าจะรู้นี่คะ
“นี่ผมกำลังจะกลับแล้ว อีกสองชั่วโมงกว่าๆ เจอกันนะแอนนี่”
การที่เขาบอกเช่นนั้นทำให้อัญชลีตั้งหน้าตั้งตารอ
รอ…ภูเก็ตไม่ต่างจากการรอรายงานความคืบหน้าจาก…คนกลางของเธอ
ภูเก็ตไม่จำเป็นต้องลอบถอนหายใจ เพราะคนอื่นๆ ที่อยู่ในห้องประชุมของคฤหาสน์หลังงามรู้ดีถึงความลำบากใจที่เขาแบกไว้ท่วมท้น
ห้องประชุมที่บัดนี้มีเครื่องมืออุปกรณ์ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย พร้อมทั้งทีมอีก5 ชีวิตที่คร่ำเครียดกับหน้าจอและการดักฟัง
สีหน้าของชายหนุ่มเคร่งเครียด ไม่ต่างจากดวงตาคมที่ลับด้วยแววจริงจัง เขาเป็นเช่นนี้มาหลายเดือนแล้ว นับตั้งแต่เมื่อคราวที่เขาจำใจกลับไปสานสัมพันธ์กับอัญชลี
รอยยิ้มที่ฉายประดับใบหน้าคมคายเมื่ออยู่กับผู้หญิงคนนั้น ก็เป็นเพียงสิ่งที่เขาจำต้องเสแสร้งแกล้งทำ ไม่ต่างจากคำพูดที่พร่ำบอกรัก หรือว่าอ้อมกอดที่เขาจำต้องรัดอัญชลีไว้
การแตะเบาๆ บนบ่าของเขาเรียกความคิดกลับมาสู่เหตุการณ์ในตอนนี้ ภูเก็ตหันไปเห็นเจ้าสัวเกรียงไกรพยักหน้าช้าๆ ราวให้กำลังใจ
“คืนนี้จบกันเสียที” ผู้สูงวัยกว่าบอก “ทั้งมือปืนและทั้งคนที่จัดหามือปืนต่างสารภาพหมดสิ้น นี่ไอ้คนที่จัดหามือปืนก็สาวไปถึงว่ายัยอัญชลีว่าจ้างให้เผาบ้านของเกษรา จนพลั้งเผลอทำให้คุณยายเสียชีวิต”
“แล้วหลักฐานที่เหลือที่โกดัง” นั่นคือสิ่งที่ภูเก็ตเป็นห่วง
เขาห่วงทั้งเรื่องของระรินที่ประจักษ์ชัด และความไม่มั่นใจว่าจะมีอะไรทำให้เกษราเสื่อมเสียด้วยหรือเปล่า
“ขนออกมาก่อนหน้านี้แล้ว ที่เหลือกก็แค่ให้สาวไปถึงบัญชีที่ยกยอกเงินออกไป” เกรียงไกรมองนาฬิกาข้อมือ
หากภูเก็ตเพียงพยักหน้ารับรู้ แผนการทุกอย่างที่เขาและเจ้าสัววางไว้นั้นเป็นขั้นตอน ด้วยจุดมุ่งหมายสูงสุดคือ…ทำเพื่อทั้งระรินและเกษรา
“ลุงส่งคนไปดูแลแม่เธอแล้ว ส่วนระรินก็ให้ไปอยู่ที่โคราช คนที่บ้านของเกษราก็มีคนคุ้มกันอย่างดี”
“แล้วหนูปีบล่ะครับ ยอมไปหรือเปล่า”
คำถามทำให้เกรียงไกรส่ายหน้า พลางยิ้ม “กว่าจะยอมก็ต้องเอาคุณมัลลิกาและพีทซี่ช่วยชักแม่น้ำทั้งห้า ไอ้ไปน่ะลุงไม่ห่วง แต่กลัวว่าจะไม่ยอมกลับ”
และนั่นทำให้ภูเก็ตคิด เพราะต่อไปหลังจากนี้เขาควรทำอย่างไรในเรื่องของเกษรา
จะให้ลืม ให้หยุดรัก มันทำไม่ได้ง่ายๆ จนเขาเองก็ไม่เข้าใจ…ไหนว่าจะไม่รักตั้งแต่แรก
ความคิดของเขาวนเวียนอยู่กับดาราสาวคนนั้น จนเมื่อทนไมได้จึงตัดสินใจโทรฯ หาพีทซี่
“คุณภูนะคุณภู ทำเป็นปากหนักไม่ยอมบอกว่ามีแผน แต่อีตอนว่าผู้หญิงน่ะทำไมปากไม่เห็นหนักบ้าง” ผู้จัดการดาราเย้าแหย่ทีเล่นทีจริง แต่ออกจะทีจริงเสียมากกว่า
“ผมก็อุตส่าห์ส่งซิกแล้วครับ แต่คุณพีทซี่ไม่ยอมมองเอง” ภูเก็ตคลี่รอยยยิ้ม “ผมเองก็อึ้งไปเหมือนกันตอนที่เห็นคุณพีทซี่เปิดเครื่องให้เพื่อนคุณพีทซี่ฟังด้วย แล้วนี่เขาเป็นยังไงบ้างครับ”
“จะยังไงล่ะคะ ก็ตั้งแต่เกิดเรื่องคุณยาย แล้วก็เรื่องสารพัดของคุณภู เกดก็ซึมๆ ไปตามสภาพ นี่ หวังว่าอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ไร่ไวน์ก็น่าจะดีขึ้น พักงานสักครึ่งปี แล้วค่อยกลับมา พีทซี่ก็กะว่าอีกสองสามวันจะบินตามไปดูซักหน่อย” เธอกระแอมเสียก่อนจะสารภาพ “คือว่าพีทซี่อยากดูว่าเรื่องนี้จะคลี่คลายอย่างไร จะได้เตรียมตัวรับมือ และเตรียมให้เกดรับมือได้ถูก”
“อย่าห่วงเลยครับคุณพีทซี่ ฝากบอกเพื่อนของคุณพีทซี่ด้วยว่า การตัดสินใจของผมก็เพื่อเขาด้วย” เขากล่าวเสียงแผ่วทว่าหนักแน่นทุกพยางค์ ไม่ต่างจากความรู้สึกที่มี
ความคิดของภูเก็ตยังคงหมุนเวียนอยู่แต่เพียงกับเกษราแม้เมื่อวางสายจากพีทซี่แล้ว เขาเลือกที่จะนั่งนิ่ง…เงียบ จนกระทั่งหนึ่งใน ทีมงาน เข้ามาเตือน
“ได้เวลาแล้วครับ”
และเมื่อนั้นชายหนุ่มจึงเดินตามทีมงานสองคนออกมาขึ้นรถด้านนอก ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงเพื่อขับไปออกมาชานเมืองเพียงเล็กน้อย เมื่อหนึ่งในสองทีมงานให้สัญญาณ ภูเก็ตจึงลงจากรถ กดโทรศัพท์หาอัญชลีแล้วกรอกเสียงด้วยคำพูดที่เตรียมเอาไว้เสร็จสรรพแล้ว
“ผมรถเสีย…จู่ๆ เครื่องก็ดับไป”
“ตายจริง…แล้วนี่คุณภูเก็ตเป็นอย่างไรบ้างคะ” หญิงสาวกระวนกระวายร้อนใจดังน้ำเสียงที่แสดงออกชัดเจน “ให้แอนนี่ช่วยอะไร…”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมโทรฯ เรียกรถยกก่อนนะ แอนนี่ไม่ต้องเป็นห่วงนะจ๊ะ ถ้ารถยกมาแล้ว และผมจัดการอะไรเสร็จแล้ว แล้วจะโทรฯ หาแอนนี่อีกที” ภูเก็ตพยายามตัดบท เพียงแต่อีกฝ่ายไม่ยอมวางสายง่ายๆ ยังคงถามไถ่เขาสารพัด “ผมยังไม่ขึ้นมอเตอร์เวย์เลย น่าจะอีกพักใหญ่ๆ แค่นี้ก่อนนะแอนนี่”
นั่นคือประโยคสุดท้ายที่เขาได้พูด เพราะไม่ทันไร อัญชลีก็เป็นคนที่ตัดบท
“แอนนี่มีสายเข้า”
เธอทิ้งสายเขาไปในทันที และนั่นทำให้ภูเก็ตโล่งอก ก่อนจะเดินกลับมาขึ้นรถ และกล่าวสั้นๆ
“ทุกอย่างเป็นไปตามแผน”
แผน…ที่วางไว้อย่างดี ด้วยเงินของเจ้าสัวเกรียงไกรที่สนับสนุน ด้วยทีมที่ล้วนบรรจุคนมากฝีมือ และด้วยอุปกรณ์เครื่องมือชั้นเยี่ยม พร้อมการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ
“คุณภูเก็ตจะไปที่โกดังหรือว่า…”
“ไปโคราชเลย” การตัดบทอ่อนเบา ไม่ต่างกับอาการวางศรีษะลงบนพนักพิงของเบาะหลัง
เขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปที่โกดัง ตอนนี้เป็นหน้าที่ของคนของเจ้าสัว และเจ้าหน้าที่ตำรวจ
สำหรับเขากับอัญชลีคงหมดเวร…หมดกรรมกันเสียที
(ต่อ)
อาทิตย์อับแสง (บทที่ 44) โดย มานัส
คืนนี้เป็นอีกคืนที่เกษรานอนไม่หลับ
มันมักเป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่เธอกลับมาค้างที่คอนโดแห่งนี้ หัวใจแผ่วสั่นเล็กน้อยเมื่อลิฟต์วิ่งผ่านชั้น 25 และยังคงเป็นเช่นนั้นเมื่อเธอเดินผ่านห้องที่เขาเคยอาศัยอยู่
ความคิดและจิตใจเธอไม่นิ่งเอาเสียเลย แม้ตั้งใจแน่วแน่ว่า…ไม่คิด แต่มโนภาพที่มีแต่เรื่องราวของภูเก็ตชอบคืบคลานเข้ามารังควานอยู่เรื่อย
“ไม่น่ากลับมา” เกษราบอกกับตัวเองเช่นนั้น
จริงๆ แล้วเธอควรไปค้างที่บ้านใหญ่ของพีทซี่ หรือไม่ก็กลับไปบ้านแปดริ้วที่เพิ่งซ่อมแซมเสร็จ แต่ในที่สุด เพราะความคุ้นเคยหญิงสาวก็มักเลือกจะกลับมาที่ห้องพักบนตึกสูงนี้
และเช่นทุกครั้ง ในทุกคืนที่อยู่ในห้องนี้ ร่างระหงของนางเอกสาวชื่อดังก็จะนั่งอยู่หลังแกรนด์เปียโนใหญ่ นิ้วเรียวไล่ไปตามแป้นสีขาว ให้นึกอยากจะบรรเลงออกมาจนจบบทเพลงตามที่เคยเรียนกับ…ระริน แต่เธอก็ทำไม่ได้สักที
ไม่ต่างจากความรู้สึกที่มีต่อจดหมายฉบับนั้นที่บัดนี้ถูกวางบนหลังเปียโน ห่างออกไปแค่เอื้อมมือ
เกษราคิด…ไม่ใช่ว่าไม่คิด
คิดอยากจะฉีกมันทิ้งนัก แต่หลายคราก็อยากจะเปิดอ่าน ทว่าในที่สุดตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาเธอก็ทำได้เพียงแค่วางมันไว้…ไม่ใกล้ไม่ไกล แค่พอให้เห็นลายมือที่จ่ายหน้าซอง
หนูปีบ
หญิงสาวเม้มปากเป็นเส้นตรงพยายามระงับความคิดและความรู้สึกทั้งปวง รวมถึงความเจ็บแปลบที่เกาะกินในใจ
เพียงแต่ว่า ต่อให้หลับตาลงเพียงไม่กี่วินาที ดวงหน้าของเขาก็มักจะผุดขึ้นเด่นชัด แล้วยังคำพูดชวนเคลิ้มของเขา
“แค่ลมปาก”
นั่นคือคำจำกัดความที่เธอมักมีให้กับคารมหวานๆ ของเขาที่แว่วผ่านเข้ามาในห้วงความทรงจำ
คิดจะรัก…แต่ไม่ได้รัก
คิดจะเล่น…ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น
ผู้ชายเจ้าชู้กระล่อนอย่างภูเก็ตรู้จักที่จะรักและรอ ระริน คนเดียวเท่านั้น
เพียงแต่ว่า พริ้วรอยสัมผัสของเขาอ่อนหวานละมุนละไมยิ่งนัก แม้แต่…คืนนั้น ในห้องพักที่อยู่ถัดไปเพียงไม่กี่ก้าว ในคืนที่ร่างของเธออยู่ในอ้อมกอดของเขาเกือบตลอดทั้งคืน หลับไปในห้วงความสุขที่มีแขนของเขารัดรึงร่างของเธอ เพียงแต่ว่าเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา เขาก็จากไปแล้ว โดยไม่มีคำลาสักคำ
หลังจากนั้น…ทุกอย่างก็เป็นเพียงอดีตที่ตราไว้ในความทรงจำเท่านั้นเอง โดยที่เธอเป็นคนย้ำกับเขาไม่ใช่หรือ
‘ฉัน…ไม่หลงเสน่ห์ของคุณ และก็ไม่ได้รักคุณด้วย คืนนั้นฉันอาจจะเหงา อาจจะแค่ต้องการใครสักคนแล้วคุณก็อยู่ตรงนั้นพอดี’
ทว่าภูเก็ต…ก็ยังอาทรห่วงใยเสมอ ทั้งตอนที่เกิดเรื่องณัฐ และยังเมื่อเธอเจอมรสุมชีวิตเพราะการสูญเสียยายจ๋า
เกษราจำได้ว่า…เกือบแล้ว
เธอเกือบใจอ่อน เพียงแต่ว่าภาพของเขากับระรินมักตอกย้ำซ้ำเติม และพอมีเรื่องภาพหลุด เขาก็จงใจตัดทิ้งระริน รักเร่ที่มีแต่เล่ห์ของผู้ชายแบบนั้นตอนนี้ก็เกาะติดกับอัญชลีอย่างเหนียวแน่น
‘หนูปีบ...คิดว่า Huckleberry Friend เป็นแบบไหน มีค่าแค่ไหนสำหรับคุณล่ะ’
My Huckleberry Friend
อย่างนั้นหรอกหรือ?
ถ้าเป็นแบบภูเก็ตล่ะก็ เกษราก็ตอบได้อย่างเต็มปากเลยว่า ไม่มีค่าอะไรเลย
ความคิดสะดุดหยุดเพียงเท่านี้ พลันมือเล็กก็เอื้อมไปคว้าซองจดหมายสีครีมนวลนั่น กำมันแน่นจนเห็นเป็นรอยขย่ำ ก่อนที่เกษราจะตัดสินใจฉีกมันเป็นสองท่อน
ข่าวที่ได้รับไม่ค่อยดีนัก
คนกลาง ของเธอยังไม่สามารถติดต่อทีมมือปืนที่ถูกส่งไปกำจัดอนุสรณ์และอรจิรา แต่อัญชลีก็ยังพอมีความมั่นใจหลงเหลือว่า ไม่น่าพลาด เพราะเงิน และเพราะฝีมือของมือปืนชุดนี้ที่ประสานงานอย่างดีกับทีมฝั่งเขมร
ในเวลานี้ หญิงสาวต้องการเพียงคำยืนยันว่าทุกอย่างเรียบร้อยเท่านั้น เธอก็พร้อมโอนเงินค่าจ้างที่เหลือทันที
มือเล็กหยาบกำโทรศัพท์มือถือแน่น บีบมันราวต้องการให้แหลกสลายคามือเพียงเพราะใจที่ร้อนรุ่มสุมเพลิง เธอเดินวกไปวนมาในห้องพักบนชั้นที่ 25 ของคอนโดภูเก็ตที่เธอย้ายเข้ามาอยู่ด้วยนานหลายเดือน
อัญชลีเดินเข้ามาในห้องรับรองเล็กที่จัดเป็นกึ่งห้องทำงานผสมห้องหนังสือ ทรุดตัวลงนั่งหลังโต๊ะทำงานสีขาวที่มีโน๊ตบุ๊คสีดำวางอยู่ การเปิดเครื่อง หรือแม้กระทั่งเปิดหน้าเพจล้วนคล่อนแคล่ว จากที่เมื่อก่อนไม่รู้หรอกว่าจะต้องไปหน้าเพจไหน หรือทำอย่างไรเพื่อการจัดการบัญชีต่างๆ ของณัฐ และในภายหลัง…ของเธอเป็นผู้เปิดเพื่อจัดการกับเงินจำนวนมหาศาลที่บัดนี้เป็นของเธอเพียงผู้เดียว
เงินเป็นสิบๆ ล้านดอลล่าร์ในตอนนี้ และอีกไม่นานก็จะเพิ่มขึ้นเมื่อเธอ ต่อรอง กับเจ้าสัวเกรียงไกรสำเร็จสำหรับราคาภาพและคลิปชุดที่สอง
จำนวนเงินที่มีในบัญชีแล้วยังเงินสดที่เก็บไว้ทั้งในคอนโดและที่โกดัง อีกทั้งเงินที่จะได้มาจากเจ้าสัวเกรียงไกรนั้น มากพอที่เธอและภูเก็ตจะหลบไปอยู่ที่ไหนเงียบๆ ใช้ชีวิตด้วยกันตลอดไป
แค่ความคิดที่มีภูเก็ตแวบเข้ามาเพียงวูบ ใบหน้าบึ้งตึง คิ้วขมวดมุ่ยของหญิงสาวก็ค่อยๆ ผ่อน ไม่ต่างจากฝีปากที่ทาด้วยลิบสติกสีสดเผยอเล็กน้อยราวว่าจะคลายยิ้ม หากก็เช่นทุกครั้ง อัญชลีไม่เคยยิ้ม…ทั้งหมด จะยิ้มก็เพียงแบบนใบหน้า มิใช่ด้วยใจและความรู้สึก
ความรู้สึกสดใสทั้งหมดในชีวิต ถูกทำลายมานานนับปีเพราะณัฐและอิมอล์ จนกระทั่งภูเก็ตก้าวเข้ามา นำพาแสงสว่างงดงามทำให้เธอได้สัมผัสความสดชื่นสว่างไสวอีกครา และถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่บาดแผลชีวิตมันทำให้เธอไม่ชินกับความอิ่มเอมใจและความสุขที่บัดนี้อยู่ในกำมือ
ความไม่ชิน อาจะเพราะความหวาดระแวง
ระแวงว่าเขาไม่รักเธอเท่ากับระรินหรือแม้กระทั่งเกษรา
ระแวงว่าความสุขอาจมีไม่นาน ไม่จีรังยั่งยืน
อัญชลีระแวงทุกอย่าง และยิ่งวันนี้…ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ ทำให้เธอยิ่งคิด และคิดถึง
เพราะถ้ามีเรื่อง…ถ้าเกิดเรื่องกับทั้งคนกลางของเธอและมือปืนที่ต้องลงมือ แล้วเธอควรต้องทำอย่างไร
หนี!
แต่หนีไปไหน แล้วภูเก็ตล่ะ
หญิงสาวมองเวลาที่ปรากฏบนจอโน๊ตบุ๊ค หกโมงเย็น ดวงอาทิตย์ใกล้ลาเลือนลับขอบฟ้า…ภูเก็ตยังไม่โทรฯ หาเธอเลยวันนี้ทั้งวัน เขาบอกเพียงแต่ว่าไปหาแม่ที่ปราจีนบุรี หนำซ้ำยังเอ่ยปากชวนเธอ
เพียงแต่หญิงสาวเลือกที่จะไม่ไป เพราะเรื่องอนุสรณ์ที่เธอต้องบัญชาการ ดังนั้นถ้าไปกับเขา ก็คงไม่สะดวกนักเวลาจะติดต่อกับคนกลางของเธอเพราะธุระสำคัญ
แล้วภูเก็ตไปปราจีนบุรีจริงหรือเปล่า หรือว่าแวะฉะเชิงเทราเพื่อไปที่บ้านของเกษรา ดั่งที่เขาเคยทำประจำนานนับเดือนจนเลยปี
แค่คิด…จิตใจของเธอก็ว้าวุ่น เต็มไปด้วยความหวาดระแวงแซมริษยา เมื่อนั้นเธอจึงตัดสินใจกดเรียกหาเขา ทำเช่นนั้นห้าหกครั้งกว่าภูเก็ตจะรับสายด้วยเสียงแจ่มใสเช่นเคย
“คิดถึงผมมากหรือไง”
คำพูดของเขายังกลั้วหัวเราะเอ็นดู จนอัญชลีเผลอยิ้ม
“คุณภูเก็ตก็น่าจะรู้นี่คะ
“นี่ผมกำลังจะกลับแล้ว อีกสองชั่วโมงกว่าๆ เจอกันนะแอนนี่”
การที่เขาบอกเช่นนั้นทำให้อัญชลีตั้งหน้าตั้งตารอ
รอ…ภูเก็ตไม่ต่างจากการรอรายงานความคืบหน้าจาก…คนกลางของเธอ
ภูเก็ตไม่จำเป็นต้องลอบถอนหายใจ เพราะคนอื่นๆ ที่อยู่ในห้องประชุมของคฤหาสน์หลังงามรู้ดีถึงความลำบากใจที่เขาแบกไว้ท่วมท้น
ห้องประชุมที่บัดนี้มีเครื่องมืออุปกรณ์ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย พร้อมทั้งทีมอีก5 ชีวิตที่คร่ำเครียดกับหน้าจอและการดักฟัง
สีหน้าของชายหนุ่มเคร่งเครียด ไม่ต่างจากดวงตาคมที่ลับด้วยแววจริงจัง เขาเป็นเช่นนี้มาหลายเดือนแล้ว นับตั้งแต่เมื่อคราวที่เขาจำใจกลับไปสานสัมพันธ์กับอัญชลี
รอยยิ้มที่ฉายประดับใบหน้าคมคายเมื่ออยู่กับผู้หญิงคนนั้น ก็เป็นเพียงสิ่งที่เขาจำต้องเสแสร้งแกล้งทำ ไม่ต่างจากคำพูดที่พร่ำบอกรัก หรือว่าอ้อมกอดที่เขาจำต้องรัดอัญชลีไว้
การแตะเบาๆ บนบ่าของเขาเรียกความคิดกลับมาสู่เหตุการณ์ในตอนนี้ ภูเก็ตหันไปเห็นเจ้าสัวเกรียงไกรพยักหน้าช้าๆ ราวให้กำลังใจ
“คืนนี้จบกันเสียที” ผู้สูงวัยกว่าบอก “ทั้งมือปืนและทั้งคนที่จัดหามือปืนต่างสารภาพหมดสิ้น นี่ไอ้คนที่จัดหามือปืนก็สาวไปถึงว่ายัยอัญชลีว่าจ้างให้เผาบ้านของเกษรา จนพลั้งเผลอทำให้คุณยายเสียชีวิต”
“แล้วหลักฐานที่เหลือที่โกดัง” นั่นคือสิ่งที่ภูเก็ตเป็นห่วง
เขาห่วงทั้งเรื่องของระรินที่ประจักษ์ชัด และความไม่มั่นใจว่าจะมีอะไรทำให้เกษราเสื่อมเสียด้วยหรือเปล่า
“ขนออกมาก่อนหน้านี้แล้ว ที่เหลือกก็แค่ให้สาวไปถึงบัญชีที่ยกยอกเงินออกไป” เกรียงไกรมองนาฬิกาข้อมือ
หากภูเก็ตเพียงพยักหน้ารับรู้ แผนการทุกอย่างที่เขาและเจ้าสัววางไว้นั้นเป็นขั้นตอน ด้วยจุดมุ่งหมายสูงสุดคือ…ทำเพื่อทั้งระรินและเกษรา
“ลุงส่งคนไปดูแลแม่เธอแล้ว ส่วนระรินก็ให้ไปอยู่ที่โคราช คนที่บ้านของเกษราก็มีคนคุ้มกันอย่างดี”
“แล้วหนูปีบล่ะครับ ยอมไปหรือเปล่า”
คำถามทำให้เกรียงไกรส่ายหน้า พลางยิ้ม “กว่าจะยอมก็ต้องเอาคุณมัลลิกาและพีทซี่ช่วยชักแม่น้ำทั้งห้า ไอ้ไปน่ะลุงไม่ห่วง แต่กลัวว่าจะไม่ยอมกลับ”
และนั่นทำให้ภูเก็ตคิด เพราะต่อไปหลังจากนี้เขาควรทำอย่างไรในเรื่องของเกษรา
จะให้ลืม ให้หยุดรัก มันทำไม่ได้ง่ายๆ จนเขาเองก็ไม่เข้าใจ…ไหนว่าจะไม่รักตั้งแต่แรก
ความคิดของเขาวนเวียนอยู่กับดาราสาวคนนั้น จนเมื่อทนไมได้จึงตัดสินใจโทรฯ หาพีทซี่
“คุณภูนะคุณภู ทำเป็นปากหนักไม่ยอมบอกว่ามีแผน แต่อีตอนว่าผู้หญิงน่ะทำไมปากไม่เห็นหนักบ้าง” ผู้จัดการดาราเย้าแหย่ทีเล่นทีจริง แต่ออกจะทีจริงเสียมากกว่า
“ผมก็อุตส่าห์ส่งซิกแล้วครับ แต่คุณพีทซี่ไม่ยอมมองเอง” ภูเก็ตคลี่รอยยยิ้ม “ผมเองก็อึ้งไปเหมือนกันตอนที่เห็นคุณพีทซี่เปิดเครื่องให้เพื่อนคุณพีทซี่ฟังด้วย แล้วนี่เขาเป็นยังไงบ้างครับ”
“จะยังไงล่ะคะ ก็ตั้งแต่เกิดเรื่องคุณยาย แล้วก็เรื่องสารพัดของคุณภู เกดก็ซึมๆ ไปตามสภาพ นี่ หวังว่าอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ไร่ไวน์ก็น่าจะดีขึ้น พักงานสักครึ่งปี แล้วค่อยกลับมา พีทซี่ก็กะว่าอีกสองสามวันจะบินตามไปดูซักหน่อย” เธอกระแอมเสียก่อนจะสารภาพ “คือว่าพีทซี่อยากดูว่าเรื่องนี้จะคลี่คลายอย่างไร จะได้เตรียมตัวรับมือ และเตรียมให้เกดรับมือได้ถูก”
“อย่าห่วงเลยครับคุณพีทซี่ ฝากบอกเพื่อนของคุณพีทซี่ด้วยว่า การตัดสินใจของผมก็เพื่อเขาด้วย” เขากล่าวเสียงแผ่วทว่าหนักแน่นทุกพยางค์ ไม่ต่างจากความรู้สึกที่มี
ความคิดของภูเก็ตยังคงหมุนเวียนอยู่แต่เพียงกับเกษราแม้เมื่อวางสายจากพีทซี่แล้ว เขาเลือกที่จะนั่งนิ่ง…เงียบ จนกระทั่งหนึ่งใน ทีมงาน เข้ามาเตือน
“ได้เวลาแล้วครับ”
และเมื่อนั้นชายหนุ่มจึงเดินตามทีมงานสองคนออกมาขึ้นรถด้านนอก ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงเพื่อขับไปออกมาชานเมืองเพียงเล็กน้อย เมื่อหนึ่งในสองทีมงานให้สัญญาณ ภูเก็ตจึงลงจากรถ กดโทรศัพท์หาอัญชลีแล้วกรอกเสียงด้วยคำพูดที่เตรียมเอาไว้เสร็จสรรพแล้ว
“ผมรถเสีย…จู่ๆ เครื่องก็ดับไป”
“ตายจริง…แล้วนี่คุณภูเก็ตเป็นอย่างไรบ้างคะ” หญิงสาวกระวนกระวายร้อนใจดังน้ำเสียงที่แสดงออกชัดเจน “ให้แอนนี่ช่วยอะไร…”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมโทรฯ เรียกรถยกก่อนนะ แอนนี่ไม่ต้องเป็นห่วงนะจ๊ะ ถ้ารถยกมาแล้ว และผมจัดการอะไรเสร็จแล้ว แล้วจะโทรฯ หาแอนนี่อีกที” ภูเก็ตพยายามตัดบท เพียงแต่อีกฝ่ายไม่ยอมวางสายง่ายๆ ยังคงถามไถ่เขาสารพัด “ผมยังไม่ขึ้นมอเตอร์เวย์เลย น่าจะอีกพักใหญ่ๆ แค่นี้ก่อนนะแอนนี่”
นั่นคือประโยคสุดท้ายที่เขาได้พูด เพราะไม่ทันไร อัญชลีก็เป็นคนที่ตัดบท
“แอนนี่มีสายเข้า”
เธอทิ้งสายเขาไปในทันที และนั่นทำให้ภูเก็ตโล่งอก ก่อนจะเดินกลับมาขึ้นรถ และกล่าวสั้นๆ
“ทุกอย่างเป็นไปตามแผน”
แผน…ที่วางไว้อย่างดี ด้วยเงินของเจ้าสัวเกรียงไกรที่สนับสนุน ด้วยทีมที่ล้วนบรรจุคนมากฝีมือ และด้วยอุปกรณ์เครื่องมือชั้นเยี่ยม พร้อมการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ
“คุณภูเก็ตจะไปที่โกดังหรือว่า…”
“ไปโคราชเลย” การตัดบทอ่อนเบา ไม่ต่างกับอาการวางศรีษะลงบนพนักพิงของเบาะหลัง
เขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปที่โกดัง ตอนนี้เป็นหน้าที่ของคนของเจ้าสัว และเจ้าหน้าที่ตำรวจ
สำหรับเขากับอัญชลีคงหมดเวร…หมดกรรมกันเสียที
(ต่อ)