อาทิตย์อับแสง (บทที่ 31)
“ภูเก็ตเป็นอย่างไรบ้างคะคุณธิ” เกษราร้อนใจจนเก็บความรู้สึกไว้ไม่อยู่เมื่อกรอกเสียงถามผ่านสายโทรศัพท์
ในตอนนี้ที่ไม่มีใครติดต่อหาภูเก็ตได้ แต่อย่างน้อยเพื่อนและเพื่อนร่วมงานเช่นสาธิณีก็น่าจะพอรู้ว่าเขาหายไปไหน
วันนี้…
วันที่ภูเก็ตต้องเข้าไปที่สำนักงานใหญ่ของธนาคารแอลทัสประจำประเทศไทย เพื่อรับทราบผลของการสอบสวนกรณียักยอกเงิน มิน่าถึงติดต่อหาเขาไม่ได้เลย
“ผลที่ออกมาอาจจะไม่เป็นผลดีนักค่ะ เห็นลือกันทั่วแบงก์ว่าตำรวจมากันเต็มห้อง ภูเก็ตอาจจะต้องถูกดำเนินคดี” สาธิณียอมรับ ก่อนจะขมวดคิ้วสงสัย เพราะเกษราก็คือหนึ่งในผู้เสียหายรายใหญ่ เงินสิบกว่าล้านนั่นไม่น้อยเลย “คุณเกดห่วงภูเก็ตหรือคะ หรือว่าคุณเกดก็เชื่อว่าภูเก็ตโกงจริงๆ”
“เกดก็ไม่รู้ค่ะ แต่คนเราควรจะถูกมองว่าบริสุทธ์จนกว่าจะพิสูจน์ข้อเท็จจริงในชั้นศาลว่ามีความผิดไม่ใช่หรือคะ” หญิงสาวตอบในความเป็นจริง
กับสาธิณีเธอบอกว่านี้ได้ แต่ถ้ากับคนอื่น หรือแม้แต่กระทั่งกับภูเก็ต เกษราคงต้องบอกว่า…เชื่อ
ปากไม่ตรงกับใจ…ป้าลิเพิ่งค่อนไปเมื่อไม่กี่วันก่อน
“ภูเก็ตคงดีใจนะคะ อย่างน้อยก็มีอดีตลูกค้าที่เชื่อในตัวเขา ตอนนี้แม้แต่ย่า...ผู้เป็นน้าแท้ๆ ของพ่อ ยังไม่เชื่อเลยว่า ภูเก็ตไม่ได้เป็นคนทำ ตอนนี้คุณหญิงจอมเยอะนั่นเป็นรายแรกและรายเดียวที่จ่อฟ้องธนาคาร” การถอนหายใจราวว่าปลง ปลง…สงสารเพื่อนยิ่งนัก สาธิณีลดเสียงเมื่อปรารถ “อยู่มาห้าปีกว่า มีผลงานดีตลอด คนฉลาดอย่างภูเก็ตถ้าจะโกงก็คงทำไปนานแล้ว ทำเนียนกว่านี้ แต่นี่ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา มีคนเข้ามาใหม่ มีอะไรเปลี่ยนเยอะ มีแต่เรื่อง”
“แต่ถ้าไม่ใช่ภูเก็ต แล้วคุณธิคิดว่าใครล่ะคะ”
“ก็มีหลายคนที่น่าสงสัย” หญิงสาวลดเสียงเพราะแม้จะเดินออกมาอยู่ในห้องประชุมที่ว่าง แต่ก็ต้องเพียรระวังเพราะไม่แน่ใจนักว่ามีใครดักฟังหรือเปล่า “นี่ถ้าภูเก็ตทำจริง มาทำอะไรขนาดนี้…ตอนนี้ แหม…ก็ดูจะตั้งหน้าตั้งตาโกงจนเกินไป มันชัดไป โดยเฉพาะเจาะจงลูกค้าเก่าของตัวเองที่ย้ายไปอยู่กับทีมบี”
“ค่ะ” การรับคำไม่แน่ใจนักว่าเห็นด้วย หรือแค่รับเพื่อทำลายความเงียบและความอึดอัดในความคิด “อีกนานไหมคะกว่าจะรู้เรื่อง ว่าผลสอบเป็นอย่างไร”
“นี่ปิดห้องรบกันมาสองชั่วโมงกว่าแล้วค่ะ หวังว่าจะจบกันก่อนเที่ยง”
“ถ้าคุณธิติดต่อภูเก็ตได้ กรุณาบอกให้เขาโทรฯ หาเกดนะคะ”
“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณเกด คุณเกดจะคุยกับภูเก็ตเรื่องอะไรคะ” เพราะความสงสัยสาธิณีจึงละลาบละล้วง
“ให้เขาโทรฯ หาเกดก็แล้วกันค่ะ มีคนๆ หนึ่งที่ห่วงเขามากอยู่กับเกดตอนนี้ นะคะคุณธิ” ประโยคหลังลากเสียงเบา ขอร้อง จนอีกฝ่ายไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะ
เพียงแต่ว่าการประชุมอันแสนยาวนาน ที่กำลังตัดสินชีวิตและอนาคตของนายธนาคารที่เคยมีอนาคตอันรุ่งโรจน์นั้นใช้เวลานานกว่าที่ทุกคนคาดคิด
จนบัดนี้ ล่วงเลยมาถึงช่วงบ่าย แต่ประตูห้องประชุมใหญ่บนชั้นของผู้บริหารก็ยังปิดเงียบราวถูกลั่นกุญแจปิดตาย
อาการกระวนกระวายของอัญชลีนั้นชัดเจน เป็นแบบนี้มาหลายอาทิตย์ จนกระทั่งเมื่อเช้าที่เธอเห็น…ขบวนของภูเก็ตผ่านหน้าไป
และณัฐย่อมสังเกตเห็น ท่าทางแปลกประหลาดนั่น วิตกกังวลเป็นห่วง ขนาดว่าอัญชลีเตรียมที่จะก้าวเข้าไปหา จะหยุดชะงักก็เพราะว่าเขาคว้าแขนของหญิงสาวไว้ได้ทัน บีบแน่นไม่ให้ขยับตัวไปไหน
ณัฐไม่ถามอะไรในตอนนั้น เก็บความเคลือบแคลงใจเอาไว้ เพราะใจของเขามีอย่างอื่นที่รออยู่
รอคำตอบ รอการตัดสิน
นั่นสำคัญยิ่งกว่าสิ่งไหน
ส่วนเรื่องระหว่างเขากับอัญชลี ยังมีเวลาที่จะ…จัดการ
“เอาเอกสารไปทำไมกัน ตอนนั้นก็ให้ไปแล้วเป็นกระบุง” หญิงสาวเปรยไม่พอใจ เมื่อคนของอีกฝ่ายเข็นกล่องเอกสารออกไปเมื่อตอนก่อนเที่ยง
“ช่างเขา จะเดือดร้อนอะไร” ผู้เป็น…พี่ บอกเสียงเรียบ
เพราะคนที่เดือดร้อนควรเป็น…ไอ้หมอนั่น เสียมากกว่า ส่วนเขากับอัญชลีก็คงอยู่แบบสบายๆ กับแอลทัสไปอีกสี่ห้าเดือน ให้เรื่องเข้าระบบศาล จากนั้นก็ค่อยถอยห่างออกมาดูความล่มจมของอนาคตและชีวิตของผู้เป็นศัตรู
ในตอนนี้ หน้าตา รูปลักษณ์ คารม หรือชาติตระกูล ก็ไม่สามารถช่วย…มันได้
ข้อหายักยอกเงินหลายกระทงหมายถึงคุกหลายปีในประเทศไทย แล้วยังบัญชีที่อยู่ต่างประเทศอีก
ให้ศาลไทยปราณีลดโทษ แต่เมื่อพ้นโทษทางนี้ ก็เป็นไปได้ว่าจะถูกส่งตัวไปรับโทษที่ประเทศอื่นที่มีการยักยอกเงิน
บางทีสหรัฐฯ อาจจะขอให้ทางไทยส่งมอบตัวไปดำเนินคดีทางโน้นก่อนก็ได้
แต่ไม่ว่าอย่างไร ภูเก็ตก็ไม่พ้นคุกอยู่ดี
ความคิดของณัฐหยุดเพียงครู่เมื่อมือถือสั่นเตือนว่ามีข้อความเข้ามา ข้อความสั้นๆ จาก อีเจ๊ ที่คงแอบส่งมาเมื่อตอนขอตัวออกจากห้องประชุมเพื่อเข้าห้องน้ำ บ่งบอกในสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มกำมือแน่น แล้วกระแทกกำปั้นลงบนโต๊ะทำงานอย่างแรง
เสียงกระแทกทำให้คนเกือบทั้งฝ่ายหันมามองด้วยความตกใจแกมงงงวย
“มีอะไรอีกล่ะ” อัญชลียักไหล่ถาม
“ไอ้ภูเก็ตมีหลักฐานเพิ่ม ตอนนี้อีเจ๊หน้าโง่ถูกเชิญออกมาจากห้อง” เสียงลดเบา เกรงคนอื่นได้ยิน
“หลักฐานอะไร”
“เอกสารที่เกษราส่งมา” ณัฐกัดฟันตอบ กรามขบแน่นด้วยความโกรธแค้น
“อ๋อ…อีดาราจอมหยิ่งนั่น คงหลงคุณภูเก็ตอีกคน” หญิงสาวเปรย ไม่สนใจสายตากระหายเลือดของณัฐที่มองโฉบมา “พี่ณัฐก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าสองคนนั่นสนิทกัน เคยพักอยู่ห้องติดกัน คณภูเก็ตเคยเช่าห้องของนังนั่นอยู่”
“อะไรนะ!” เสียงเกรี้ยวกราดตะหวาดลั่น “รู้ได้ไง แล้วทำไมไม่บอก”
“ก็…” อัญชลีอึกอัก พยายามคิดว่าจะเริ่มเล่าอย่างไรดี เพราะถ้าณัฐรู้ว่าเธอไปหาภูเก็ตถึงที่คอนโด รู้ว่าเธอมีอะรกับเขา ชีวิตของเธอคงบัดซบเลวร้ายไปกว่านี้เป็นแน่ “ก็…เห็นเล่ากันมา ทีมเอก็ซุบซิบอยู่พักหนึ่ง”
“แล้วทำไมไม่มีใครบอก ทำไม่ไม่บอกวะ”
“คิดว่าพี่ณัฐรู้แล้ว” หญิงสาวอ้างง่ายๆ การตวัดยิ้มนั้นแฝงความรู้สึกหลายอย่างไว้ เพียงแต่ว่าพลันที่เลขาฯ ของฝ่ายเดินมาถึงหน้าห้องทำงานของณัฐ ท่าทางของอัญชลีก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มและท่วงท่าของหญิงสาวที่แลดูอ่อนโยน…อ่อนต่อโลกนัก
หน้ากากของความอ่อนหวาน ไร้เดียงสาที่สามารถหลอกคนได้มากมาย หลอกกระทั่งเทพบุตรของสำนักงานใหญ่ได้
“เจ๊อยู่ในห้องค่ะ เชิญคุณณัฐเข้าพบด่วน” เลขาฯ ฝ่ายกล่าว ท่าทางห่างเหิน แตกต่างจากเวลาพูดคุยกับนายธนาคารอีกคน
“มีเรื่องอะไรเหรอคะ” เสียงอ่อนหวานของอัญชลีถาม
“ไม่ทราบ” การสะบัดเสียงไม่ต่างจากท่าทางสะบัดตัวของผู้เป็นเลขาฯ ที่เดินออกมาเมื่อแจ้งธุระเสร็จ
อาการไม่พอใจที่เลขาฯ ฝ่ายแสดงออกต่อณัฐและอัญชลี ช่างแตกต่างจากสายตาที่มองไปทางทีมเอ ก่อนที่เลขาฯ ของฝ่ายจะส่งข้อความสั้นๆ ให้สาธิณีที่นั่งวุ่นอยู่ที่โต๊ะทำงานในอีกฟากของห้อง
…อีเจ๊เพิ่งลงมา อารมณ์ไม่ดีมาก อาจจะเป็นเรื่องดีสำหรับภูเก็ต…
ปากกามองบลังค์สีดำจับขอบทองคำขาวปลายด้าม และทั้งที่ตรงแวดวงได้สัดส่วนตรงกึ่งกลาง และตามแนวยาวคลิปที่กลัดของเครื่องเขียนราคาแพงนั้น เป็นประกายยามกระทบแสงไฟภายในห้องประชุมใหญ่ ผู้เป็นเจ้าของจับมันหมุนพอเป็นพิธีก่อนจะวางลงข้างๆ ด้ามปากกาหมึกซึมยี่ห้อและรุ่นเดียวกัน
ทั้งสองด้ามแลดูผิวเผินไม่แตกต่างกันมากนัก ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้วมันต่างกันชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ด้านนอก วิธีการใช้ หรือหมึกที่อยู่ข้างใน
การเขียนความหนักเบามักจะต่าง แต่สำหรับเจ้าของที่ใช้มาจนชินเกือบสิบปี ความรู้สึกทุกครั้งที่ใช้นั้นไม่ต่างกันเลย เพราะปากกามองบลังค์ทั้งสองด้ามนั้นระรินให้เขาเป็นของขวัญ
และเหมือนทุกอย่างที่เป็นของระริน...มาจากระริน ภูเก็ตมักรักษามันไว้เป็นอย่างดี
คงเช่นความรู้สึก และความทรงจำของเขา
แต่ในโลกของความเป็นจริง การใช้งานของปากกาแต่ละด้ามนั้น เขาใช้ต่างกัน
ปากกาลูกลื่นที่พกติดตัวเสมอ ใช้ขีดเขียนในชีวิตประจำวัน
ปากกาหมึกซึมปลายหัวแหลมมีใส้หมึกข้างใน ใช้จรดลายเซ็นบนเอกสารสำคัญ
คนส่วนใหญ่มักเห็นว่าเขาใช้ปากกาลูกลื่น แต่การเซ็นเอกสารส่วนใหญ่ ภูเก็ตมักกลับมาเซ็นที่โต๊ะทำงาน หรือที่บ้านในคราที่เอางานกลับไปทำ ดังนั้นน้อยคนนักที่จะเห็นเขาใช้ปากกาหมึกซึม
คนส่วนน้อยในโลกกระมังที่จะทำเช่นนี้ แต่เขาทำเพราะความเคยชิน ราวว่าเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว
ชิน…ตั้งแต่สมัยเรียนที่บอร์ดดิ้งสกูล
และชินเมื่อได้รับปากกาทั้งสองด้ามเป็นของขวัญจากผู้หญิงที่เป็นที่รัก
วิธีการใช้ปากกาของเขาถูกอธิบายอย่างมีชั้นเชิงด้วยลิ้นของทนายที่ถูกจ้างมาด้วยค่าแรงแพงลิบลิ่ว
ความเป็นจริงของลักษณะการใช้ปากกา หรือแม้กระทั่งคุณภาพของหมึกถูกหยิบยกในที่ประชุมหลังจากที่…อีเจ๊ ถูกเชิญออกไปแล้ว
เรื่องเหล่านี้อ่อนไหวและสำคัญมากพอที่ทีมทนายเป็นฝ่ายอัดเสียงการสนทนา เพื่อยืนยันว่าได้แจ้งให้แอลทัสรับทราบ เพื่อตัดสินใจในขั้นต่อไป
หลักฐานลายเซ็นของภูเก็ตถูกหยิบยกมาโชว์ เอกสารจากลายเซ็นในบัญชีที่ไม่มีปัญหา ไม่มีข้อกังขาเรื่องทุจริต
เอกสารที่ได้มาจากเกษรา มีทั้งสัญญาเช่าห้องพักกับเจ้าของห้องคนเก่า และจดหมายยกเลิกการเช่าที่เขาจ่าหน้าถึงนางเอกสาวชื่อดัง
แม้แต่สัญญาว่าจ้างทำงานกับแอลทัส ก็ยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นจริงว่า ลายเซ็นที่อยู่บนเอกสารโอนย้ายเงินของลูกค้าโดยทุจริตนั้น…มีปัญหา!
“อย่าลืมนะครับว่าลูกความของผมทำสัญญาว่าจ้างกับธนาคารแอลทัสที่สหรัฐอเมริกา ถ้าเกิดการฟ้องร้องถึงความไม่เป็นธรรมในการเลิกจ้าง หรือการกระทำอย่างอื่นที่ ใครอื่นกระทำให้ลูกความของผมเสียหาย…เราก็อาจจะต้องเจอกันที่โน่น” ทนายฝรั่งหัวเราะเพียงนิด พร้อมการกระแอม เพื่อไม่ให้ความจริงนี้ดูเป็นคำขู่เกินไปนัก
แต่นั่นผนวกกับหลักฐานที่ทาง ‘ผู้ต้องสงสัย’ แสดง ก็ทำให้ผู้บริหารของแอลทัสหน้าถอดสี
“ลายเซ็นในเอกสาร…ปลอม ที่ทางธนาคารแอลทัสตรวจสอบไม่ถี่ถ้วยจนเกิดการทุจริตขึ้นนั้น ทางเราได้ให้ผู้เชี่ยวชาญทางลายมือตรวจสอบ นี่เป็นผลของการสอบของทีม” เอกสารที่มีเพียงหนึ่งชุดถูกแจกให้กับผู้บริหารใหญ่ของแอลทัสประจำประเทศไทย “ปากกาที่ใช้ ลักษณะการเซ็น ทุกอย่างบนเอกสารที่คุณใช้กล่าวหาลูกความของผมล้วนน่าสงสัย และไม่ควรที่จะได้อนุมัติตามขั้นตอนการตรวจเอกสารของคุณตั้งแต่แรก ลูกความของผมใช้ปากกามองบลังค์หมึกแท้สีดำถาวร แต่หมึกบนเอกสารที่คุณใช้กล่าวหาลูกความของผมนั้นไม่ใช่ เป็นหมึกที่มีคุณภาพ…ต่ำ ราคา…ถูก”
(ต่อ)
อาทิตย์อับแสง (บทที่ 31) โดย มานัส
“ภูเก็ตเป็นอย่างไรบ้างคะคุณธิ” เกษราร้อนใจจนเก็บความรู้สึกไว้ไม่อยู่เมื่อกรอกเสียงถามผ่านสายโทรศัพท์
ในตอนนี้ที่ไม่มีใครติดต่อหาภูเก็ตได้ แต่อย่างน้อยเพื่อนและเพื่อนร่วมงานเช่นสาธิณีก็น่าจะพอรู้ว่าเขาหายไปไหน
วันนี้…
วันที่ภูเก็ตต้องเข้าไปที่สำนักงานใหญ่ของธนาคารแอลทัสประจำประเทศไทย เพื่อรับทราบผลของการสอบสวนกรณียักยอกเงิน มิน่าถึงติดต่อหาเขาไม่ได้เลย
“ผลที่ออกมาอาจจะไม่เป็นผลดีนักค่ะ เห็นลือกันทั่วแบงก์ว่าตำรวจมากันเต็มห้อง ภูเก็ตอาจจะต้องถูกดำเนินคดี” สาธิณียอมรับ ก่อนจะขมวดคิ้วสงสัย เพราะเกษราก็คือหนึ่งในผู้เสียหายรายใหญ่ เงินสิบกว่าล้านนั่นไม่น้อยเลย “คุณเกดห่วงภูเก็ตหรือคะ หรือว่าคุณเกดก็เชื่อว่าภูเก็ตโกงจริงๆ”
“เกดก็ไม่รู้ค่ะ แต่คนเราควรจะถูกมองว่าบริสุทธ์จนกว่าจะพิสูจน์ข้อเท็จจริงในชั้นศาลว่ามีความผิดไม่ใช่หรือคะ” หญิงสาวตอบในความเป็นจริง
กับสาธิณีเธอบอกว่านี้ได้ แต่ถ้ากับคนอื่น หรือแม้แต่กระทั่งกับภูเก็ต เกษราคงต้องบอกว่า…เชื่อ
ปากไม่ตรงกับใจ…ป้าลิเพิ่งค่อนไปเมื่อไม่กี่วันก่อน
“ภูเก็ตคงดีใจนะคะ อย่างน้อยก็มีอดีตลูกค้าที่เชื่อในตัวเขา ตอนนี้แม้แต่ย่า...ผู้เป็นน้าแท้ๆ ของพ่อ ยังไม่เชื่อเลยว่า ภูเก็ตไม่ได้เป็นคนทำ ตอนนี้คุณหญิงจอมเยอะนั่นเป็นรายแรกและรายเดียวที่จ่อฟ้องธนาคาร” การถอนหายใจราวว่าปลง ปลง…สงสารเพื่อนยิ่งนัก สาธิณีลดเสียงเมื่อปรารถ “อยู่มาห้าปีกว่า มีผลงานดีตลอด คนฉลาดอย่างภูเก็ตถ้าจะโกงก็คงทำไปนานแล้ว ทำเนียนกว่านี้ แต่นี่ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา มีคนเข้ามาใหม่ มีอะไรเปลี่ยนเยอะ มีแต่เรื่อง”
“แต่ถ้าไม่ใช่ภูเก็ต แล้วคุณธิคิดว่าใครล่ะคะ”
“ก็มีหลายคนที่น่าสงสัย” หญิงสาวลดเสียงเพราะแม้จะเดินออกมาอยู่ในห้องประชุมที่ว่าง แต่ก็ต้องเพียรระวังเพราะไม่แน่ใจนักว่ามีใครดักฟังหรือเปล่า “นี่ถ้าภูเก็ตทำจริง มาทำอะไรขนาดนี้…ตอนนี้ แหม…ก็ดูจะตั้งหน้าตั้งตาโกงจนเกินไป มันชัดไป โดยเฉพาะเจาะจงลูกค้าเก่าของตัวเองที่ย้ายไปอยู่กับทีมบี”
“ค่ะ” การรับคำไม่แน่ใจนักว่าเห็นด้วย หรือแค่รับเพื่อทำลายความเงียบและความอึดอัดในความคิด “อีกนานไหมคะกว่าจะรู้เรื่อง ว่าผลสอบเป็นอย่างไร”
“นี่ปิดห้องรบกันมาสองชั่วโมงกว่าแล้วค่ะ หวังว่าจะจบกันก่อนเที่ยง”
“ถ้าคุณธิติดต่อภูเก็ตได้ กรุณาบอกให้เขาโทรฯ หาเกดนะคะ”
“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณเกด คุณเกดจะคุยกับภูเก็ตเรื่องอะไรคะ” เพราะความสงสัยสาธิณีจึงละลาบละล้วง
“ให้เขาโทรฯ หาเกดก็แล้วกันค่ะ มีคนๆ หนึ่งที่ห่วงเขามากอยู่กับเกดตอนนี้ นะคะคุณธิ” ประโยคหลังลากเสียงเบา ขอร้อง จนอีกฝ่ายไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะ
เพียงแต่ว่าการประชุมอันแสนยาวนาน ที่กำลังตัดสินชีวิตและอนาคตของนายธนาคารที่เคยมีอนาคตอันรุ่งโรจน์นั้นใช้เวลานานกว่าที่ทุกคนคาดคิด
จนบัดนี้ ล่วงเลยมาถึงช่วงบ่าย แต่ประตูห้องประชุมใหญ่บนชั้นของผู้บริหารก็ยังปิดเงียบราวถูกลั่นกุญแจปิดตาย
อาการกระวนกระวายของอัญชลีนั้นชัดเจน เป็นแบบนี้มาหลายอาทิตย์ จนกระทั่งเมื่อเช้าที่เธอเห็น…ขบวนของภูเก็ตผ่านหน้าไป
และณัฐย่อมสังเกตเห็น ท่าทางแปลกประหลาดนั่น วิตกกังวลเป็นห่วง ขนาดว่าอัญชลีเตรียมที่จะก้าวเข้าไปหา จะหยุดชะงักก็เพราะว่าเขาคว้าแขนของหญิงสาวไว้ได้ทัน บีบแน่นไม่ให้ขยับตัวไปไหน
ณัฐไม่ถามอะไรในตอนนั้น เก็บความเคลือบแคลงใจเอาไว้ เพราะใจของเขามีอย่างอื่นที่รออยู่
รอคำตอบ รอการตัดสิน
นั่นสำคัญยิ่งกว่าสิ่งไหน
ส่วนเรื่องระหว่างเขากับอัญชลี ยังมีเวลาที่จะ…จัดการ
“เอาเอกสารไปทำไมกัน ตอนนั้นก็ให้ไปแล้วเป็นกระบุง” หญิงสาวเปรยไม่พอใจ เมื่อคนของอีกฝ่ายเข็นกล่องเอกสารออกไปเมื่อตอนก่อนเที่ยง
“ช่างเขา จะเดือดร้อนอะไร” ผู้เป็น…พี่ บอกเสียงเรียบ
เพราะคนที่เดือดร้อนควรเป็น…ไอ้หมอนั่น เสียมากกว่า ส่วนเขากับอัญชลีก็คงอยู่แบบสบายๆ กับแอลทัสไปอีกสี่ห้าเดือน ให้เรื่องเข้าระบบศาล จากนั้นก็ค่อยถอยห่างออกมาดูความล่มจมของอนาคตและชีวิตของผู้เป็นศัตรู
ในตอนนี้ หน้าตา รูปลักษณ์ คารม หรือชาติตระกูล ก็ไม่สามารถช่วย…มันได้
ข้อหายักยอกเงินหลายกระทงหมายถึงคุกหลายปีในประเทศไทย แล้วยังบัญชีที่อยู่ต่างประเทศอีก
ให้ศาลไทยปราณีลดโทษ แต่เมื่อพ้นโทษทางนี้ ก็เป็นไปได้ว่าจะถูกส่งตัวไปรับโทษที่ประเทศอื่นที่มีการยักยอกเงิน
บางทีสหรัฐฯ อาจจะขอให้ทางไทยส่งมอบตัวไปดำเนินคดีทางโน้นก่อนก็ได้
แต่ไม่ว่าอย่างไร ภูเก็ตก็ไม่พ้นคุกอยู่ดี
ความคิดของณัฐหยุดเพียงครู่เมื่อมือถือสั่นเตือนว่ามีข้อความเข้ามา ข้อความสั้นๆ จาก อีเจ๊ ที่คงแอบส่งมาเมื่อตอนขอตัวออกจากห้องประชุมเพื่อเข้าห้องน้ำ บ่งบอกในสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มกำมือแน่น แล้วกระแทกกำปั้นลงบนโต๊ะทำงานอย่างแรง
เสียงกระแทกทำให้คนเกือบทั้งฝ่ายหันมามองด้วยความตกใจแกมงงงวย
“มีอะไรอีกล่ะ” อัญชลียักไหล่ถาม
“ไอ้ภูเก็ตมีหลักฐานเพิ่ม ตอนนี้อีเจ๊หน้าโง่ถูกเชิญออกมาจากห้อง” เสียงลดเบา เกรงคนอื่นได้ยิน
“หลักฐานอะไร”
“เอกสารที่เกษราส่งมา” ณัฐกัดฟันตอบ กรามขบแน่นด้วยความโกรธแค้น
“อ๋อ…อีดาราจอมหยิ่งนั่น คงหลงคุณภูเก็ตอีกคน” หญิงสาวเปรย ไม่สนใจสายตากระหายเลือดของณัฐที่มองโฉบมา “พี่ณัฐก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าสองคนนั่นสนิทกัน เคยพักอยู่ห้องติดกัน คณภูเก็ตเคยเช่าห้องของนังนั่นอยู่”
“อะไรนะ!” เสียงเกรี้ยวกราดตะหวาดลั่น “รู้ได้ไง แล้วทำไมไม่บอก”
“ก็…” อัญชลีอึกอัก พยายามคิดว่าจะเริ่มเล่าอย่างไรดี เพราะถ้าณัฐรู้ว่าเธอไปหาภูเก็ตถึงที่คอนโด รู้ว่าเธอมีอะรกับเขา ชีวิตของเธอคงบัดซบเลวร้ายไปกว่านี้เป็นแน่ “ก็…เห็นเล่ากันมา ทีมเอก็ซุบซิบอยู่พักหนึ่ง”
“แล้วทำไมไม่มีใครบอก ทำไม่ไม่บอกวะ”
“คิดว่าพี่ณัฐรู้แล้ว” หญิงสาวอ้างง่ายๆ การตวัดยิ้มนั้นแฝงความรู้สึกหลายอย่างไว้ เพียงแต่ว่าพลันที่เลขาฯ ของฝ่ายเดินมาถึงหน้าห้องทำงานของณัฐ ท่าทางของอัญชลีก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มและท่วงท่าของหญิงสาวที่แลดูอ่อนโยน…อ่อนต่อโลกนัก
หน้ากากของความอ่อนหวาน ไร้เดียงสาที่สามารถหลอกคนได้มากมาย หลอกกระทั่งเทพบุตรของสำนักงานใหญ่ได้
“เจ๊อยู่ในห้องค่ะ เชิญคุณณัฐเข้าพบด่วน” เลขาฯ ฝ่ายกล่าว ท่าทางห่างเหิน แตกต่างจากเวลาพูดคุยกับนายธนาคารอีกคน
“มีเรื่องอะไรเหรอคะ” เสียงอ่อนหวานของอัญชลีถาม
“ไม่ทราบ” การสะบัดเสียงไม่ต่างจากท่าทางสะบัดตัวของผู้เป็นเลขาฯ ที่เดินออกมาเมื่อแจ้งธุระเสร็จ
อาการไม่พอใจที่เลขาฯ ฝ่ายแสดงออกต่อณัฐและอัญชลี ช่างแตกต่างจากสายตาที่มองไปทางทีมเอ ก่อนที่เลขาฯ ของฝ่ายจะส่งข้อความสั้นๆ ให้สาธิณีที่นั่งวุ่นอยู่ที่โต๊ะทำงานในอีกฟากของห้อง
…อีเจ๊เพิ่งลงมา อารมณ์ไม่ดีมาก อาจจะเป็นเรื่องดีสำหรับภูเก็ต…
ปากกามองบลังค์สีดำจับขอบทองคำขาวปลายด้าม และทั้งที่ตรงแวดวงได้สัดส่วนตรงกึ่งกลาง และตามแนวยาวคลิปที่กลัดของเครื่องเขียนราคาแพงนั้น เป็นประกายยามกระทบแสงไฟภายในห้องประชุมใหญ่ ผู้เป็นเจ้าของจับมันหมุนพอเป็นพิธีก่อนจะวางลงข้างๆ ด้ามปากกาหมึกซึมยี่ห้อและรุ่นเดียวกัน
ทั้งสองด้ามแลดูผิวเผินไม่แตกต่างกันมากนัก ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้วมันต่างกันชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ด้านนอก วิธีการใช้ หรือหมึกที่อยู่ข้างใน
การเขียนความหนักเบามักจะต่าง แต่สำหรับเจ้าของที่ใช้มาจนชินเกือบสิบปี ความรู้สึกทุกครั้งที่ใช้นั้นไม่ต่างกันเลย เพราะปากกามองบลังค์ทั้งสองด้ามนั้นระรินให้เขาเป็นของขวัญ
และเหมือนทุกอย่างที่เป็นของระริน...มาจากระริน ภูเก็ตมักรักษามันไว้เป็นอย่างดี
คงเช่นความรู้สึก และความทรงจำของเขา
แต่ในโลกของความเป็นจริง การใช้งานของปากกาแต่ละด้ามนั้น เขาใช้ต่างกัน
ปากกาลูกลื่นที่พกติดตัวเสมอ ใช้ขีดเขียนในชีวิตประจำวัน
ปากกาหมึกซึมปลายหัวแหลมมีใส้หมึกข้างใน ใช้จรดลายเซ็นบนเอกสารสำคัญ
คนส่วนใหญ่มักเห็นว่าเขาใช้ปากกาลูกลื่น แต่การเซ็นเอกสารส่วนใหญ่ ภูเก็ตมักกลับมาเซ็นที่โต๊ะทำงาน หรือที่บ้านในคราที่เอางานกลับไปทำ ดังนั้นน้อยคนนักที่จะเห็นเขาใช้ปากกาหมึกซึม
คนส่วนน้อยในโลกกระมังที่จะทำเช่นนี้ แต่เขาทำเพราะความเคยชิน ราวว่าเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว
ชิน…ตั้งแต่สมัยเรียนที่บอร์ดดิ้งสกูล
และชินเมื่อได้รับปากกาทั้งสองด้ามเป็นของขวัญจากผู้หญิงที่เป็นที่รัก
วิธีการใช้ปากกาของเขาถูกอธิบายอย่างมีชั้นเชิงด้วยลิ้นของทนายที่ถูกจ้างมาด้วยค่าแรงแพงลิบลิ่ว
ความเป็นจริงของลักษณะการใช้ปากกา หรือแม้กระทั่งคุณภาพของหมึกถูกหยิบยกในที่ประชุมหลังจากที่…อีเจ๊ ถูกเชิญออกไปแล้ว
เรื่องเหล่านี้อ่อนไหวและสำคัญมากพอที่ทีมทนายเป็นฝ่ายอัดเสียงการสนทนา เพื่อยืนยันว่าได้แจ้งให้แอลทัสรับทราบ เพื่อตัดสินใจในขั้นต่อไป
หลักฐานลายเซ็นของภูเก็ตถูกหยิบยกมาโชว์ เอกสารจากลายเซ็นในบัญชีที่ไม่มีปัญหา ไม่มีข้อกังขาเรื่องทุจริต
เอกสารที่ได้มาจากเกษรา มีทั้งสัญญาเช่าห้องพักกับเจ้าของห้องคนเก่า และจดหมายยกเลิกการเช่าที่เขาจ่าหน้าถึงนางเอกสาวชื่อดัง
แม้แต่สัญญาว่าจ้างทำงานกับแอลทัส ก็ยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นจริงว่า ลายเซ็นที่อยู่บนเอกสารโอนย้ายเงินของลูกค้าโดยทุจริตนั้น…มีปัญหา!
“อย่าลืมนะครับว่าลูกความของผมทำสัญญาว่าจ้างกับธนาคารแอลทัสที่สหรัฐอเมริกา ถ้าเกิดการฟ้องร้องถึงความไม่เป็นธรรมในการเลิกจ้าง หรือการกระทำอย่างอื่นที่ ใครอื่นกระทำให้ลูกความของผมเสียหาย…เราก็อาจจะต้องเจอกันที่โน่น” ทนายฝรั่งหัวเราะเพียงนิด พร้อมการกระแอม เพื่อไม่ให้ความจริงนี้ดูเป็นคำขู่เกินไปนัก
แต่นั่นผนวกกับหลักฐานที่ทาง ‘ผู้ต้องสงสัย’ แสดง ก็ทำให้ผู้บริหารของแอลทัสหน้าถอดสี
“ลายเซ็นในเอกสาร…ปลอม ที่ทางธนาคารแอลทัสตรวจสอบไม่ถี่ถ้วยจนเกิดการทุจริตขึ้นนั้น ทางเราได้ให้ผู้เชี่ยวชาญทางลายมือตรวจสอบ นี่เป็นผลของการสอบของทีม” เอกสารที่มีเพียงหนึ่งชุดถูกแจกให้กับผู้บริหารใหญ่ของแอลทัสประจำประเทศไทย “ปากกาที่ใช้ ลักษณะการเซ็น ทุกอย่างบนเอกสารที่คุณใช้กล่าวหาลูกความของผมล้วนน่าสงสัย และไม่ควรที่จะได้อนุมัติตามขั้นตอนการตรวจเอกสารของคุณตั้งแต่แรก ลูกความของผมใช้ปากกามองบลังค์หมึกแท้สีดำถาวร แต่หมึกบนเอกสารที่คุณใช้กล่าวหาลูกความของผมนั้นไม่ใช่ เป็นหมึกที่มีคุณภาพ…ต่ำ ราคา…ถูก”
(ต่อ)