อาทิตย์อับแสง (บทที่ 15) โดย มานัส

กระทู้สนทนา
อาทิตย์อับแสง (บทที่ 15)




ไม่เพียงแต่ ‘ความบ้า’ ของณัฐจะเป็นที่ประจักษ์ชัด หากความไร้จิตสำนึกก็เริ่มปรากฏขึ้นในอีกอาทิตย์ต่อมา

ภูเก็ตได้แต่เพียงรับรู้อย่างท้อใจ แต่ก็เท่านั้น ทำอะไรไม่ได้ เพราะ ‘คน’ ที่อยู่ฝ่ายบี หรือภายใต้ณัฐไม่ใช่คนของเขา

แต่ว่าคนเหล่านั้น…เมื่อก่อนเคยร่วมทีมกันมา ตอนที่ยังไม่ได้แบ่งแยกฝ่าย

ทว่าในตอนนี้ ภูเก็ตได้เพียงแต่มอง

“เราต้องลดคน ณัฐเขาไม่ต้องการคนมากมายขนาดนั้น”

อีเจ๊…บอกเช่นนั้น โดยที่ภูเก็ตรู้ว่ามันกระทบมาถึงเขาด้วย

ทีมเอของเขา ยังไม่มีนโยบายปลดคน

‘ผมขอยอมไม่ขึ้นเงินเดือนตัวเอง และไม่รับโบนัส แต่ผมขอร้องว่า อย่าเอาคนของผมออก’

งานสมัยนี้ หาไม่ได้ง่ายเลย

และภูเก็ตย่อมรู้ว่าคนของเขาไม่ผิด

เขาบริหารคนอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ภายใต้ความกดดันที่มี

และความกดดันก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ

ณัฐวุ่นวายกับคนในฝ่าย ไม่ว่าทีมไหน พยายามกดดัน แบ่งแยก เพื่อเข้าคุม และปกครอง

จากฝ่ายที่เคยทำงานประสานเป็นหนึ่งน้ำใจเดียวกัน บัดนี้คนในฝ่ายต่างขบเขี้ยว ไร้ปราณี

“แกจะทนต่อไปอีกนานแค่ไหน” สาธิณีที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทและลูกน้องต้องถาม “มันบีบคนของทีมบีออกไปแล้วสองคน และนี่ไอ้ณัฐจะให้น้องแนนย้ายไปอยู่ทีมมัน แว่วมาว่ามันจะให้นายออกคำสั่งเอาฉันไปด้วย”

“ไม่ต้องห่วง ฉันจัดการเอง”

ชายหนุ่มรับปากเช่นนั้น แม้ว่าตัวเองจะยังไม่รู้เลยว่า…ต้องจัดการอย่างไร

‘Where there is a will, there’s a way.’

เสียงอ่อนโยนที่เขาคุ้นหูแว่วบอก จากความนึกคิดของความทรงจำเมื่อนานมาแล้ว

เมื่อก่อน…ตอนคิดไม่ตก

กลัดกลุ้มเรื่องเรียน หรือว่าเรื่องงาน

ไม่ว่าเรื่องไหนๆ

ระริน…ให้กำลังใจเสมอ

เธอ…มีทางออกให้เขาเสมอ

หลายครา…กำลังใจจากระรินก็ทำให้เขาเห็นทางออกจากปัญหาได้เสมอ

เพียงแต่ว่า…วันนี้

ไม่มีอีกแล้ว

ไม่มี…ระริน

เขาไม่มี…ใคร

มีเพียงตัวคนเดียว บนเส้นทางชีวิตอันแสนเดียวดายเท่านั้นเอง








นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกษรามีนัดกับนายแบงก์ใหญ่

การนัด…เป็นการส่วนตัว ภายในบริเวณบ้านไร่ในนครราชสีมาของมหาเศรษฐีแถวหน้าของเมืองไทย

การสนทนา…มีหลายเรื่องจิปะถะ

การดื่มกิน…ก็แสนง่าย บางทีอาหารไทย บางทีก็อาหารฝรั่ง แต่ทุกมื้อล้วนเต็มไปด้วยอาหารชั้นเยี่ยมรสเลิศ ก็เหมือนเช่นวันนี้ ที่เคล้าด้วยไวน์แดงชั้นดีที่เกรียงไกรสั่งมาเป็นพิเศษจากแคลิฟอร์เนีย

และนี่เป็นอีกครั้งที่หญิงสาวเบี่ยงหน้าหันมองออกไปยังด้านนอกห้องกระจก จนผู้เป็นเจ้าของสถานที่หัวเราะเบาๆ

“บรรดาลูกน้องของเธอเขากินอิ่มดื่มกันเต็มที่ ไม่มีอะไรต้องห่วง”

“ค่ะ” การรับคำของหญิงสาวเบาด้วยความรู้สึกเกรงใจซึ่งเธอไม่ใคร่มีให้ใครบ่อยนัก

แต่กับเจ้าสัวเกรียงไกร เธอรู้สึกเกรงใจ…จนหลังๆ ไม่ที่จะปฏิเสธการ…นัดสองต่อสองเช่นนี้

และแม้นี่ไม่ใช่ครั้งแรกในการพบเจอ แต่เป็นครั้งแรกที่เธอบอก

“เรื่องเงิน ดิฉันขอยืนยัน…”

“เราคุยกันแล้วนี่ ฉันให้เธอตามอัตราที่เธอพึงได้ในการโชว์ตัวหรือว่าในการทำงานไหนๆ”

ทว่าคนฟังย่อมรู้…เธอกลับไม่รู้สึกว่านี่คืองาน

เกษรามองว่าการมา การคุยในทุกๆ เดือนนั้นเหมือนได้พบปะกับเพื่อน กับผู้ใหญ่ที่รู้จัก มิใช่กับเศรษฐีกระเป๋าหนักที่สามารถ…ให้ได้ไม่อั้น

ดังนั้น เธอไม่เคยมองที่…ราคา

หากมองที่…ค่า ของการได้คุย ได้ปรับทุกข์

อยู่กับผู้ชายคนหนึ่งโดยไม่ต้องระแวดระวัง ให้กังวลใจ

“เข้าใจหรอกว่า เธอมีเงิน ไม่ต้องพึ่งฉันหรือผู้ชายคนไหนๆ”

รายได้ของนางเอกสาวแถวหน้าย่อมเป็นที่รู้กัน

เงินที่ได้จากละคร จากโฆษณาแล้วไหนการโชว์ตัว ในระดับเกษราก็มากกว่าผู้บริหารแถวหน้าหลายคน

“ดิฉันมาก็เพราะอยากจะมา”

การบอกเช่นนั้นหาใช่เพราะเธอฉลาดพูดเพียงอย่างเดียว แต่เพราะหญิงสาวรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ

“และที่ฉันจะให้ ก็เพราะให้ด้วยคิดว่าเธออุตส่าห์สละเวลา…”

“แต่ท่านเจ้าสัวให้เงินกับเพื่อนที่สละเวลามาคุยเรื่องไร้สาระเช่นนี้ทุกคนหรือคะ” การถามเช่นนั้นไม่ใช่เพราะยอกย้อนด้วยจริต แต่ย้อนถามด้วยความเป็นจริง

และเมื่อเป็นเช่นนั้นเกรียงไกรจึงหัวเราะ

“เพื่อนของฉันบางคน ฉันก็ต้องใช้เงิน ใช้ของหรูหราเพื่อจูงใจให้เขามา”

“แต่ดิฉันไม่ใช่บางคนพวกนั้น และถึงแม้ดิฉันอาจจะไม่ใช่เพื่อนของท่านเจ้าสัว แต่ถึงอย่างไร ดิฉันอยากให้ท่านมองว่าดิฉันเป็นมิตรเสียมากกว่า”

คำบอกด้วยแววตาประกายใสเปี่ยมด้วยความจริงใจบางอย่าง ทำให้เจ้าสัวเกรียงไกรเผลอมองด้วยความคิด

นานเท่าไหร่แล้วหนอที่เขา…มิได้เห็นแววตาเช่นนี้จากใคร จนเขาเกือบลืมไปแล้ว จนกระทั่งได้เห็นดาราสาวสายคนนี้เมื่อหลายปีก่อน

ความคุ้นเคย บวกกับความคิด ทำให้ในที่สุดเกรียงไกรเลือกที่จะ…ทุ่ม แค่เพียงขอให้ได้รู้จัก พูดคุย

งบโฆษณาผลิตภัณฑ์จากสถาบันการเงินและกิจการอื่นๆ ของเจ้าสัวนั้นมากมายนัก และงบนับสิบๆ ล้านต่อราย…ต่อเดือนนั้นมากพอที่จะทำให้นักข่าวหลายสำนักมองเมินไม่สนใจการไปมาหาสู่ระหว่างนางเอกสาวและเจ้าสัวผู้ยิ่งใหญ่

ข่าวคราวของนางเอกสาวก็มักลงเรื่องงาน และเรื่องความสัมพันธ์ของเธอและผู้ชายคนอื่นๆ

ข่าวของเจ้าสัวก็จะเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจหมื่นล้านทุกคราไป

เงินปิดปากคนได้

และก็ปกปิดความจริงได้




“ฉันเห็นเธอเป็นมิตรมานานแล้วนะเกษรา”

“ดิฉันก็เช่นกัน” คำย้อนชาญฉลาดและรวดเร็ว เป็นไปอย่างคนที่ระมัดระวังตัวเองเป็นอย่างดี

“เธอเป็นมิตรกับฉัน แต่เธอไม่เคยให้ธุรกิจอะไรกับฉันสักอย่าง” ผู้ที่เป็นนักธุรกิจย่อมไม่ทิ้งลาย “เงินลงทุนของเธอและเพื่อนๆ ไปอยู่กับคู่แข่งของฉัน”

“ไปอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด” และคนที่ฉลาดไหวตัวเก่งอย่างเกษราย่อมระมัดระวังเช่นกัน

และเธอเองก็มีเหตุผลส่วนตัว เหตุใดนางเอกหมายเลขหนึ่งไม่เคยรับงาน รับค่าตัวจากบรรดากิจการมากมายของเกรียงไกร หรือแม้กระทั่งคิดที่จะใช้บริการของธนาคารที่มั่นคงของเขา

“แต่ก็มาก”

“เงินของดิฉันน้อยนิด ธนาคารของท่านเจ้าสัวคงไม่สนใจ”

“ฉันสนใจเสมอ ถ้ามันเกี่ยวกับเธอ” ให้บอกไปเช่นนั้น แต่เกรียงไกรเองก็ไม่แน่ใจว่าทำไม

อาจเป็นเพราะความสวยของนางเอกสาว หรือว่าความรู้สึกที่คุ้นเคย หรืออาจจะเป็นการรู้เท่าทัน

แต่นานแล้ว ที่เขาไม่เคยเจอใครเช่นนี้

“อย่าเข้าใจผิดนะ สนใจ…ฉันท์มิตร” เจ้าสัวบอกตามความรู้สึกที่แท้จริง

และมิตรแท้…ย่อมไม่ทำให้อีกฝ่ายไม่สบายใจ

และเกรียงไกรก็หยิบยื่นความเป็นมิตรให้อีกฝ่ายมากพอที่จะลืมเรื่องสนทนานี้ไป เรื่องคุยที่เหลือจึงเป็นเรื่องสัพเพเหระทั่วไป

จนกระทั่งถึงเวลาที่ผู้เป็นแขกของเขา…ต้องกลับ

“เธอยังว่างเดือนหน้าใช่ไหม”

วัน เวลา ที่พบกันแต่ละเดือนมักไม่เปลี่ยน แต่ก็มีที่งานของเกษราในบางเดือนบังคับให้ต้องเปลี่ยน

และเจ้าสัวก็ไม่เคยขัดข้อง

“ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้าบอกเช่นนั้น

การไหว้ลาของเธองดงามเช่นทุกครั้ง จนเจ้าสัวผู้ยิ่งใหญ่ต้องถอนหายใจยาวด้วยความรู้สึกที่เจ้าตัวเท่านั้นที่รู้

“เกษรา…วาสนาเรามีแค่นี้จริงๆ หรือ”

อาวรณ์ แกมสะท้านใจ

ด้วยความรู้สึกลึกๆ ที่เจ้าตัวบอกไม่ได้ว่าคืออะไร

หากมิใช่…เสน่หา

มันเป็นมิตรไมตรีของคนต่างวัยสองคน






(ต่อ)
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  แต่งนิยาย
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่