อาทิตย์อับแสง (บทที่ 27) โดย มานัส

กระทู้สนทนา
อาทิตย์อับแสง (บทที่ 27)



ร่างของหญิงชรานั่งตัวตรงบนโซฟาหลุยส์ตัวหนา อาการไอกระแอ่มเล็กๆ เป็นสิ่งที่คุณหญิงพยายามปกปิดอย่างยิ่งยวด เพียงแต่ว่าคนที่คลานเขยิบตัวเข้าไปกราบลงบนตักย่อมได้ยิน

“ช่วงนี้อากาศหนาวๆ เย็นๆ คุณท่านดูแลสุขภาพด้วยนะครับ” เสียงเรียบเป็นทางการ ไม่ต่างจากท่าเดินกลับมานั่งที่โซฟาอีกตัว

“ฉันไม่ได้เป็นอะไร” เสียงฟึดฟัดไม่เต็มคำนัก แม้เมื่อถาม “เธอมาหาฉัน มีธุระอะไร”

“ไม่มีครับ แค่แวะมากราบคุณท่าน”

ภูเก็ตบอกตามจริง และนั่นทำให้คุณหญิงผกามาศปรายตามอง

“มีเวลาด้วยหรือ”

“ครับ และหวังว่าไม่ได้เป็นการรบกวนคุณท่าน”

การบอกระมัดระวังเป็นทางการเหมือนเช่นเคย แต่ทำให้หญิงชรานิ่งไปคล้ายชั่งใจ

“ถ้าเธอไม่รีบไปไหนก็อยู่กินข้าวเย็นกับฉันก่อน”

“ครับ”

ภูเก็ตรับคำแม้ว่าใจอยากจะปฏิเสธ และในความคิดเขาจำไม่ได้เสียด้วยซ้ำว่าได้กินข้าวร่วมโต๊ะกับคุณท่านในบ้านหลังนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อใด

แต่เขาจำความรู้สึกในการร่วมโต๊ะกินข้าวกับคุณท่านได้

อึดอัด…น่าเบื่อ

เพียงแต่ว่าการกระซิบบอกของชวนชื่นในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา ทำให้ชายหนุ่มสะกดความทรงจำของอดีตไปเกือบหมดสิ้น

“ดีแล้วค่ะที่คุณหมิงอยู่เป็นเพื่อนคุณท่าน สงสารคุณท่านค่ะ ไม่มีเพื่อนกินข้าวมานานแล้ว สองคนพ่อลูกนั่น จะมานั่งโต๊ะด้วยก็ต่อเมื่อขอเงิน”

ใจ…ของเขาอ่อนลง ดวงหน้าคมคายหันมองไปยังห้องของหญิงชรา




โต๊ะอาหารใหญ่พอสิบคนนั่ง บัดนี้แลดูเหงา เงียบสนิทราวไร้ซึ่งผู้คน

คนสองคนที่เพิ่งเข้านั่งประจำที่ ไม่สามารถทำลายความเงียบหรือบรรยากาศวังเวงที่ราวว่าปกคลุมทุกๆ ตารางนิ้วของคฤหาสน์หลังนี้ได้

ความเงียบอันแสนอึดอัดทำให้ในที่สุดภูเก็ตเป็นฝ่ายเริ่มการสนทนา

การคุยเริ่มด้วยเรื่องง่ายๆ ไม่ต่างกับการ break the ice ที่เขาใช้กับลูกค้าที่ไม่คุ้นเคย เพียงแต่จังหวะ เวลาและเสียงในการพูดแบบนี้ ใช้เฉพาะกับคุณหญิงผกามาศเท่านั้น

เรื่องการบ้าน เรื่องการเมือง เรื่องฟ้าฝน และเรื่องสัพเพเหระอย่างอื่น

“ปีนี้เธออายุเท่าไรแล้ว”

คำถามจากคุณท่านเป็นสิ่งที่ภูเก็ตไม่คิดว่าจะถูกถาม เพราะที่ผ่านมาคุณหญิงผกามาศไม่เคยสนใจเรื่องส่วนตัวของเขาเลย เว้นแต่เรื่องว่าเขาคบอยู่กับใคร

สะใภ้ของตระกูลต้องเป็นที่เชิดหน้าชูตาได้ พร้อมทั้งฐานะและการศึกษา และที่สำคัญต้องมาจาก…คนระดับเดียวกัน

ต่ำกว่า…ไม่ได้

จนภูเก็ตแอบคิด เพราะอย่างหรือเปล่า…แม่ ถึงอยู่กับพ่อไม่ได้

ความคิดเพียงแวบทำให้เขาเม้มปากบางเฉียบจนเป็นเส้นตรง นี่ก็เป็นครั้งแรก…ครั้งแรกที่เขาคิดเข้าข้างแม่

“สามสิบห้าครับ”

“ยังไม่คิดจะแต่งงานหรือ”

“ยังครับ”

“เธอเลิกกับลูกสาวนายตำรวจคนนั้นมาพักใหญ่แล้วนี่ ตอนนี้คบหากับใครอยู่หรือ”

ประโยคนั่นของคุณหญิงทำให้ชายหนุ่มเสวางช้อนส้อม แล้วซับริมฝีปากด้วยผ้าสีขาวที่วางบนตัก

ใครจะคิดว่าเรื่องที่เขาเลิกกับชินนภาจะเข้าหูรู้ถึงคุณท่าน

“เราเข้ากันไม่ได้”

“ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น แม่นั่น…สวย มีเงิน มีฐานะ แต่ไม่มีปัญญาสำรวมกิริยามารยาท เห็นว่าร้ายใช่ย่อย” ลองบอกอย่างนี้ กิติศัพท์ของชินนภาคงได้ผ่านหูคุณท่าน “แล้วตอนนี้เธอคบกับใครล่ะ”

“ผมไม่เวลาครับ”

“เวลาถ้ามีก็ควรใช้มันให้เป็นประโยชน์ ถ้ามัวแต่บอกว่าไม่มีเวลา มันก็จะไม่มีอยู่อย่างนี้ หรือว่าเธอยังหวังเรื่องลูกสาวของเจ้าสัวเกรียงไกร”

“ไม่ครับ มันผ่านมานานแล้ว จบไปแล้ว” คำปฏิเสธง่ายๆ จนแม้แต่เขาเองก็ตกใจเหมือนกัน

เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อน ภูเก็ตมักจะคิดเสมอ… ‘อยู่ที่ไหนนะระริน’

“ก็ดี ยินดีด้วย ชีวิตต้องเดินไปข้างหน้า ก้าวไปแล้ว อย่าเหลียวมองข้างหลังอีก” เสียงที่ปรกติมักจะแฝงด้วยอำนาจทอดลงเบา ราวเห็นใจอีกฝ่าย “เธอกับเจ้าสัวมีบุญคุณกันอยู่เรื่องครั้งที่เธออยู่เมืองนอก แต่นั่นก็คนละเรื่องกัน เรื่องหัวใจก็หัวใจ บุญคุณก็บุญคุณ แยกกันให้ขาด”




เพียงแต่ว่ามันยากนักที่จะตัดให้…ขาด

คงคล้ายๆ กับที่เขา เตือนคุณหญิงในเรื่องงานและเรื่องเงินเมื่อขอหวานถูกยกมาเสริฟ์

“การลงทุนบางส่วนผมไม่รู้ว่าถูกย้ายไปที่ไหนอย่างไร เพราะคุณอนุสรณ์ได้ให้ทีมบีเข้ามาดูแลบัญชีส่วนหนึ่ง ผมคิดว่าคุณท่านน่าจะตรวจสอบดูนะครับ”

และเมือเรื่องส่วนตัวกลายเป็นเรื่องงาน คนที่มักจะ…แยก ก็พลันไม่พอใจ

“มันเรื่องของฉัน ฉันดูแลเอง ไม่ต้องให้เธอมาสอน” เสียงแข็งเย็นชาคืนกลับมาเป็นปรกติอย่างรวดเร็ว “เธอเองก็เถอะกับแม่ดาราพวกนั้น ระวังให้ดี อย่าไปเผลอหลงใหลเข้าให้เสียงาน”

“ถ้าคุณท่านหมายถึง…” ภูเก็ตกลืนก้อนแข็งๆ ในลำคอ ความเงียบเข้าครอบคลุมชั่วครู่ “ผมไม่ได้ดูแลบัญชีทางโน้นแล้วครับ จะเหลือก็แค่ของผู้จัดการและเด็กๆ ไม่กี่คน”

“ก็ดี ถึงข่าวแม่นั่นกับเอ๋จะเงียบมาพักใหญ่ แต่ฉันก็ไม่ชอบใจอยู่ดี พูดถึงเอ๋ นี่แว่วว่าจะแต่งงานกับผู้ชายคนนั้น ชื่ออะไรนะ…ธัชชาติ”

“ครับ”

ภูเก็ตรับรู้เพียงเท่านั้น และเท่านั้นจริงๆ เพราะไม่นานเขาก็ขอตัวกลับ

เพียงแต่ว่า…กลับไปไหน

รถยุโรปคันเก่าวิ่งวนไปมา เลี้ยวลัดเลาะไปตามเส้นทางในกรุงเทพฯ โดยที่คนขับไม่มีจุดหมายว่าจะสิ้นสุดลงตรงที่ไหน จนกระทั่งเสียงกรีดร้องของโทรศัพท์ดังขึ้น เขาจึงหักรถจอดภายในปั๊มน้ำมันแล้วรับสาย

“แอนนี่กำลังจะออกจากออฟฟิศ คุณภูเก็ตจะมารับแอนนี่หรือเปล่าคะ”

“เออ...” คนถูกถามอึกอัก รู้ว่าว่าตัวเองไม่อยากไป

“ช่วงนี้เราไม่ได้คุยกันเลย แอนนี่คิดถึง...”

“ผม…”

แม้ใจอยากจะปฏิเสธเพียงแต่ว่า…ความเหงาในเวลาที่ไม่มีใคร ไม่มีที่ไป แล้วไหนจะมีอีกเหตุผลที่สำคัญยิ่งยวดกว่าเหตุผลอื่นใด ทำให้เขา…ยอมใจอ่อน

“อีกสิบห้านาทีจะไปถึง เดินออกมารอด้านนอกที่เดิม”

ที่ๆ เขารับเธอประจำอยู่ห่างออกมาจากตึกสำนักงานใหญ่ของธนาคารแอลทัสในประเทศไทย เพื่อป้องกันระวังไม่ให้คนอื่นมาเห็น

ไม่ให้ใครอื่นรู้เรื่องของ…เรา

และหลายคราวก็ทำให้เขาได้รู้เรื่องของหญิงสาวผู้นี้ด้วย สามารถผูกเป็นเรื่องราวสาวให้รู้…รู้เขารู้เรา

‘ผู้หญิงคนนั้นพักอยู่ที่บ้านเดียวกันกับณัฐ’ รายงานจากนักสืบมือฉมังทำให้เขามั่นใจในสิ่งที่สงสัยอยู่แล้ว ‘อัญชลีเป็นลูกเลี้ยงของแม่ไอ้ณัฐครับ แต่ความสัมพันธ์น่าจะมากกว่านั้น’

นั่นคือสิ่งที่ภูเก็ตรับรู้ และเพราะการรู้ทำให้เขาพยายามเข้าใกล้เธอให้มากยิ่งขึ้น

ไม่ยากเลย แค่ใช้เสน่ห์และใช้เล่ห์ เพิ่มความระมัดระวังตัว ไม่ใกล้เกินไปนัก แค่ใช้อัญชลีเหมือนผู้หญิงอีกหลายคนในชีวิต

แก้เหงา ฆ่าเวลา

แล้วยังมีเรื่องงานที่เป็นเรื่องใหญ่สำคัญนัก

‘ประวัติของไอ้ณัฐไม่ดีนัก เกี่ยวข้องกับมาเฟียชาวมาเลย์ด้วย ทั้งเรื่องอาชญากรรมทางการเงิน แล้วยังฟอกเงิน’

เรื่องที่เขาเคยคิดว่าเล็กๆ กลับใหญ่ขึ้น ทำให้ในที่สุดไม่นานมานี้ภูเก็ตตัดสินใจติดต่อเจ้าสัว

ชายหนุ่มไม่ไว้ใจคนในแอลทัสไม่ว่าจะที่เมืองไทยหรือที่สำนักงานภูมิภาคที่ฮ่องกง หรือสำนักงานใหญ่ในอเมริกา ตอนนี้ที่พึ่งได้ก็คงเป็นเจ้าสัวเกรียงไกรอีกเช่นเคย






ข่าวของทุกสื่อแข่งกันลงเรื่องของเธอกับณัฐ จนทั้งชื่อและรูปภาพเป็นที่คุ้นเคยต่อสาธารณะชนยิ่งนัก เพียงแต่ว่านั่นเป็นสิ่งที่คนอื่นๆ เห็นเพียงเพราะข่าวที่หลายปาก หลายคน หลายแหล่งโซเชียลมีเดีย หลายสำนักข่าว ล้วนพากันปั้นแต่ง เกษราทำใจมานานแล้ว

ข่าว…เพียงเพราะเธอไปกินข้าวกับเพื่อน หรือกับผู้ชายคนไหน

ข่าวที่มีเพียงความจริงครึ่งเดียว หรือในหลายๆ ทีก็มีแต่ความเท็จ เช่นข่าวของเธอกับณัฐ มักโดนปรุงแต่งขยายความจนแพร่สะพัดราวไฟป่า

ดาราดังนัดพบปะคุยเรื่องเงินลงทุนกับผู้ดูแลบัญชีจากธนาคารแอลทัสไม่น่าเป็นข่าวใหญ่

เพราะเด็กๆ ในสังกัดของพีทซี่ก็มีหลายคนที่ทำเช่นนั้น นัดกินข้าว นัดสังสรรค์แต่ก็ไม่มีใครสงสัยติดใจอะไร

แต่ข่าวเกษรากับ ‘นายแบงก์’ มีให้ซุบซิบนินทามานานหลายเดือนทั้งบนโลกออนไลน์ และตามหน้าหนังสือพิมพ์ จะให้เลิกเชื่อง่ายๆ ก็แสนที่จะลำบากเต็มที ดังนั้นช่วงหลัง เธอจึงจงใจที่จะไม่รับนัดเขา เพียงเพื่อให้คนหยุดลือ…หยุดเล่า

ถ้ามีอะไรเกี่ยวกับแอลทัสก็ผ่านเหมียวเปรี้ยว หรือไม่ก็พีทซี่ และถ้าด่วนจริงๆ ก็คุยกันทางโทรศัพท์เท่านั้น เพียงแต่ว่าณัฐตื้อหนัก พยายามติดต่อหาเธอทุกวัน และช่วงหลังๆ แอบไปที่…บ้าน อีกด้วย

‘บอกเขาว่าไม่ต้องมาที่บ้าน’

ป้าลิบอกสั้นๆ เช่นนั้น ไม่ได้ให้เหตุผลว่าทำไม จนเกษรานึกอยากจะย้อนนักว่า กับ...อีตาภูเก็ต ต้องมีการห้ามเช่นนี้หรือเปล่า

‘ป้าแกบอกว่ารู้สึกแปลกๆ กับแฟนคุณน่ะค่ะ’ เด็กจุ๋มเล่าตามความจริง ยกสถานะของณัฐให้เสร็จสรรพ ‘มาทีไรยาก็บ่นทุกทีว่ารำคาญ ระคายหู ปวดลูกกะตา’

แล้วยังช่วงหลังๆ ที่คุณมัลลิกาถามตรงๆ ‘หนูปีบจริงจังกับคุณณัฐอะไรนี่หรือ คิดดีแล้วหรือ’

‘ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ก็แค่ข่าวจ้ะป้า’

‘แต่ข่าวแบบนี้ เขาลือกันไปทั่วประเทศ เราเสียหายนะ’

‘คุณณัฐเขาไม่มีอะไรเสียหายนะป้า ทำไมทุกคนตั้งแง่กับเขานัก’

‘ผมหยิก หน้าก้อ คอสั้น’ นั่นเป็นการบรรยายบอกลักษณะของณัฐ ที่ยายผู้ชรายังมองเห็น ‘ไม่ชอบสบตาเวลาพูด ใจเป็นพาล ชอบพูดเอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น คนแบบนี้ต้องระวัง’

และเวลาที่ณัฐจะเข้าไปหา หญิงชราก็มักจะส่ายหน้าหนี บางทีตวัดมือไล่ ราวเห็นผีปีศาจ ซึ่งเกษรายังคงเห็นว่าเป็นเรื่องตลกยิ่งนัก







(ต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่