วันนี้ขออีกกระทู้นะคะ ร้านนี้ที่ไปมาตั้งแต่วันอาทิตย์แล้วล่ะ
Kinotoya Cafe เป็นร้านเค้ก ที่ขายเค้กชิ้นเป็นปกติอยู่เเล้ว บุฟเฟต่์ของที่นี่ก็สามารถเลือกได้จากตู้ที่ขายจริงเลย
จะมีหลายสาขานะคะ แต่สาขาที่เราไปอยู่ที่ Bisse Odori Sapporo
จากสถานี Odori เดินมาตรงทางเชื่อมใต้ดินไป Sapporo Stn. ป้ายใหญ่ๆเขียนว่า BISSE นั่นเลยค่ะ
(ขออภัยที่ตรงนี้ไม่มีรูป ไปบ่อยๆไม่เคยถ่ายเก็บไว้เลยค่ะ)
บุฟเฟ่ต์จะมีตั้งเเต่ 17.00 -21.00 ของทุกวันนะ แต่บริเวณร้านขนมของตึกนี้จะมีร้านอื่นอยู่ด้วย คึกคักตลอดเลยค่ะ
มาดูในใบที่โต๊ะนี่ก่อน จะบอกขั้นตอนเอาไว้
บุฟเฟ่ต์หัวละ 2400 เยนไม่บวกเพิ่ม แต่ก็ถือว่าแพงอยู่นะ...
1. ขั้นตอนแรกคือไปที่เคาท์เตอร์ของ Kinotoya แล้วบอกว่า Sweet festa เลยค่ะ
จะได้รับคูปองสำหรับมาทานมื้อเช้าครั้งต่อไปด้วยนะ
2. เลือกเครื่องดื่ม ในที่นี้มีชา กาแฟร้อนเย็น แล้วก็น้ำส้มค่ะ แต่มีน้ำเปล่าฟรีไว้บริการอยู่เเล้วด้วย
3. เราจะได้รับใบแจ้งเวลา จาน กับแก้วมา (ซึ่งพนักงานจะให้ของว่างเริ่มมาหนึ่งชิ้นปกติเป็นครัวซองต์)
4. หลังจากนั้นถ้าอยากกินเค้กตัวไหนให้ถือจานใบเติมไปชี้ที่หน้าเคาท์เตอร์ได้เลย เค้าจะเปลี่ยนใบใหม่ให้ค่ะ
เลือกได้ทีละ 2 ชิ้น หรือเค้ก 2 ชิ้นเเล้วเอามาการองไปอีกชิ้นก็ได้นะ
5. จานนั่นก็ใช้ถือไปเอาน้ำใหม่ด้วยเหมือนกันนะ
6. จะมีอาหารพิเศษออกมาเป็นรอบ เสิร์ฟถึงโต๊ะ พนักงานจะถามเราว่ารับมั้ย ตรงนี้ให้วางใบเเจ้งเวลาให้เห็นชัดหน่อยก็ดีค่ะเขาจะได้รู้ว่าเราทานบุฟเฟ่ต์เพราะที่นั่งจะปนกับคนที่กินปกติด้วย
ภาพอาจจะน้อยหน่อยนะคะ เพราะไปคนเดียว กินมาได้ไม่ครบเลย T^T
เลือกเป็นครัวซองต์เบค่อนกับน้ำส้มค่ะ เป็นครัวซองต์ที่เราปลื้มมาก กรอบ ด้านในนุ่ม และหอมมาก
ทานหมดจานนี้ก็ถือจานไปเลือกเค้กกันเลย
ถ้าเค้กชนิดไหนหมดแล้ว จะมีแบบใหม่ๆมาวางเติมอยู่ตลอดนะ
ซึ่งเค้กเค้าเยอะมาก พุดดิ้ง มาการองข้างล่างนั่น คือทั้งตู้นั่นเลือกได้หมดเลย
นี่เป็นเค้กตัวเด่นของร้านนี้ค่ะ เดี๋ยวจะบอกว่าตัวเเนะนำนี่รสชาติเป็นยังไง
พวกเบเกอรี่ก็จะมียกมาให้ที่โต๊ะเป็นรอบๆค่ะ เสียดายที่กินได้ไม่ใกล้คำว่าครบเลย มันเยอะมาก..มากเกินไปจริงๆ 555
ลองจานแรกเป็นแบบเบสิคก่อน สตอร์เบอร์รี่ช็อตเค้ก รสชาติกลางๆตามมาตรฐานค่ะ แต่แป้งหนักใช้ได้เลยสไตล์ไซส์ปกติ
กับตัวนี้ถ้าจำไม่ผิด มันคือเค้กรสชาติออกเบอร์รี่ เนื้อเป็นมูสหวานอมเปรี้ยวที่มาตัดรสชิ้นที่แล้วดีมาก ปลื้มชิ้นนี้~
มาการองนี้รสราสเบอร์รี่ค่ะ ซึ่งปกติขนมของ Kinotoya นี่เราจะชอบทานมาการองเป็นพิเศษอยู่แล้ว รอบนี้ก็ต้องจัด
ระหว่างนั้นพนักงานก็ยกซุปข้าวโพดมา เลยเอามาถ้วยนึงค่ะ หอม นุ่มมากๆ แต่จะไม่ออกครีมมี่เท่าไหร่นะ
หมดแล้วก็ไปต่ออีกจานค่ะ
เค้กเกาลัด ซึ่งเนื้อข้างในเป็นสปอนด์เค้กกับครีม ชอบชิ้นนี้นะคะ คือไม่หวานจนเลี่ยน และไม่หนักมาก แต่ชิ้นใหญ่เท่าเรื่องนะ (ทุกชิ้นนั่นเเหละ)
เค้กพรีเมี่ยม ช็อคโกเเลตก็.. ธรรมดานะ แต่เราชอบตรงนี้มันไม่หวานมาก รสเข้มๆก็มาตัดกับรสหวานของชิ้นก่อนหน้าดีเลย
แล้วเจ้าสิ่งนี้ก็มา พิซซ่าที่หน้าไม่เยอะ แต่ได้ทานตอนมาใหม่ๆชีสก็ยืด~ เราว่ารสมันเค็ม และเปรี้ยวนะ คือกินทั่วไปคงไม่สั่ง แต่เอามาตัดเลี่ยนเค้กบ้างนี่ ดีมาก
หลังจากพิซซ่าหมดไปไม่นานเอง พนักงานก็มาถามว่าเอาจานนี้ด้วยมั้ย เราซึ่งกำลังต้องการซุปอะไรก็ได้มากเลยตกลงทันที แต่ปรากฏว่ามันมาเป็นคู่กับผักสด ดิปซึ่งรสเข้มดีน่ะ ซุปหอมใหญ่ก็อร่อย แต่! ขนมปังที่ให้มา ถ้ากรอบๆคงดีกว่านี้อีกนะ
ที่นี้ก็มาถึงชิ้นที่พูดถึงตอนเเรกล่ะ ตัวเเนะนำของร้านเขา Omelette parfait ซึ่งเราเห็นมาหลายครั้งเเล้วไม่เคยได้ลอง รอบนี้ก็ลองซะ
ตักคำแรกน้ำตาแทบไหล.. มองส้อมสลับกับเค้ก แล้วคิดว่านี่ xx ต้องกินมันให้หมดจริงๆเหรอ
คือมันออมเล็ตจริงๆ กลิ่นไข่มาเลย เเละสิ่งที่ตามมาด้านในคือครีม ผลไม้ (เยอะมาก) โมจิ ถั่วแดง และชิ้นจริงใหญ่มากนะเมื่อคิดว่าไส้มันมาขนาดนี้
เจอชิ้นนี้เข้าไปแทบยอมแพ้ กินทีละนิด เลี่ยนมากจริงๆ ถ้าไม่ได้กินบุฟเฟต่์สั่งชิ้นเดียวอาจจะคุ้มนะ เพราะอิ่ม อิ่มมาก หนักท้องที่สุด
ลองพุดดิ้งฮอคไกโดต่อ หวานๆนุ่มๆตามสไตล์พุดดิ้งญี่ปุ่นเขาล่ะ ตัวนี้อร่อยเเต่ไม่ได้พิเศษอะไรนะ
และอีกชิ้นคือช็อคโก มาการอง เข้มๆ ไม่ถูกใจเท่าราสเบอร์รี่แต่ก็ยังคงความเป็นร้านที่เราชอบได้อยู่ดี
ที่จริงยังมีอีกหลายชิ้นที่ไม่ได้ลอง แต่ตอนไปสั่งมิลล์เครปผลไม้ กับมาการองสตรอว์เบอร์รี่จานนี้มาก็ปลงแล้วค่ะ คิดว่าคงไม่ไหวแล้วค่ะ
อาการไม่ต่างจากตัวออมเล็ค พาเฟ่ต์เท่าไหร่เลยตอนที่กินมิลล์เครป เเต่อันนี้อาจจะเพราะจุกมาตั้งเเต่ชิ้นที่เเล้ว มันหนักมาก แป้งแอบเหนียวนิดๆด้วย คือไม่ปลื้มชิ้นนี้เท่าไหร่ ส่วนมาการองก็หวานเนื้อในเเช่เย็น หนึบตามที่ชอบเลยค่ะ
ระหว่างที่พยายามเขี่ยเเทะเล็มมิลล์เครป ดอเรียนี้ก็มา
ซึ่งมันหอมมาก และเป็นอะไรที่มากี่ครั้งเราก็กิน ชีสยืดๆ กับข้าวร้อนๆรสเข้มนี่คือความดีงามของชีวิต
เขี่ยไปจนน้ำตาเเทบไหล คือมันมาอยู่ที่คอเเล้วล่ะตอนนั้น เเอบบ่นตัวเองอยู่ที่กินเกินพอดีไปมากๆเพราะเห็นมันเเพง (ร้านประจำเราแค่ประมาณ 1500 เยนต่อคนเองนะ)
จนสุดท้ายก็ยอมถามพนักงานว่าขอเหลือไว้สักคำ (ที่ไม่เล็ก) ได้มั้ย เค้าก็คงสงสารสภาพตอนนั้นมาก บอกว่าไม่เป็นไรค่ะ
พอทานเสร็จก็ยกทั้งถาดไปเก็บตรงใกล้ๆทางเข้านะคะ ตอนเดินออกมาสวนกับพนักงานที่เสิร์ฟพาย กับชีสเค้กล็อตใหม่อยู่ด้วย เสียดายไม่ได้ลอง T^T
เราคิดว่า.. ร้านนี้ ถ้าเป็นคนกินเก่งมาก.. มาก มากๆอาจจะคุ้มได้อยู่ แต่จะไม่สู้อีกเเล้ว ยอมจริงๆ ขนาดปกติเป็นคนสู้ของหวานมาก
เพราะเป็นขนาดที่ขายปกติด้วย แต่ละชิ้นนี่หนักมาก และชิ้นใหญ่อย่างโหดร้ายสำหรับคนที่กินคนเดียวจริงๆ แต่สำหรับราคา เราคิดว่าถ้าไม่เน้นความหลากหลาย ด้วยราคานี้ ถ้าไปกันหลายคนสั่งเเยกมาอย่างละชิ้นน่าจะคุ้มกว่านะ
ส่วนตัวประทับใจของคาวมากกว่า ของหวานก็อร่อยแต่ก็อย่างที่ว่า มันหนักจริงๆค่ะ
ถ้าใครได้ไปซับโปโรก็ลองไปทานดูนะคะ เป็นตัวเลือกนึงที่น่าสนใจอยู่ (แต่เน้นว่าไปสามคนขึ้นไป บุฟเฟ่ต์ไม่คุ้มหรอก เราว่านะ..)
[CR] พาชิมบุฟเฟ่ต์เค้กร้าน Kinotoya Cake Buffet 'Sweet festa'
Kinotoya Cafe เป็นร้านเค้ก ที่ขายเค้กชิ้นเป็นปกติอยู่เเล้ว บุฟเฟต่์ของที่นี่ก็สามารถเลือกได้จากตู้ที่ขายจริงเลย
จะมีหลายสาขานะคะ แต่สาขาที่เราไปอยู่ที่ Bisse Odori Sapporo
จากสถานี Odori เดินมาตรงทางเชื่อมใต้ดินไป Sapporo Stn. ป้ายใหญ่ๆเขียนว่า BISSE นั่นเลยค่ะ
(ขออภัยที่ตรงนี้ไม่มีรูป ไปบ่อยๆไม่เคยถ่ายเก็บไว้เลยค่ะ)
บุฟเฟ่ต์จะมีตั้งเเต่ 17.00 -21.00 ของทุกวันนะ แต่บริเวณร้านขนมของตึกนี้จะมีร้านอื่นอยู่ด้วย คึกคักตลอดเลยค่ะ
มาดูในใบที่โต๊ะนี่ก่อน จะบอกขั้นตอนเอาไว้
บุฟเฟ่ต์หัวละ 2400 เยนไม่บวกเพิ่ม แต่ก็ถือว่าแพงอยู่นะ...
1. ขั้นตอนแรกคือไปที่เคาท์เตอร์ของ Kinotoya แล้วบอกว่า Sweet festa เลยค่ะ
จะได้รับคูปองสำหรับมาทานมื้อเช้าครั้งต่อไปด้วยนะ
2. เลือกเครื่องดื่ม ในที่นี้มีชา กาแฟร้อนเย็น แล้วก็น้ำส้มค่ะ แต่มีน้ำเปล่าฟรีไว้บริการอยู่เเล้วด้วย
3. เราจะได้รับใบแจ้งเวลา จาน กับแก้วมา (ซึ่งพนักงานจะให้ของว่างเริ่มมาหนึ่งชิ้นปกติเป็นครัวซองต์)
4. หลังจากนั้นถ้าอยากกินเค้กตัวไหนให้ถือจานใบเติมไปชี้ที่หน้าเคาท์เตอร์ได้เลย เค้าจะเปลี่ยนใบใหม่ให้ค่ะ
เลือกได้ทีละ 2 ชิ้น หรือเค้ก 2 ชิ้นเเล้วเอามาการองไปอีกชิ้นก็ได้นะ
5. จานนั่นก็ใช้ถือไปเอาน้ำใหม่ด้วยเหมือนกันนะ
6. จะมีอาหารพิเศษออกมาเป็นรอบ เสิร์ฟถึงโต๊ะ พนักงานจะถามเราว่ารับมั้ย ตรงนี้ให้วางใบเเจ้งเวลาให้เห็นชัดหน่อยก็ดีค่ะเขาจะได้รู้ว่าเราทานบุฟเฟ่ต์เพราะที่นั่งจะปนกับคนที่กินปกติด้วย
ภาพอาจจะน้อยหน่อยนะคะ เพราะไปคนเดียว กินมาได้ไม่ครบเลย T^T
เลือกเป็นครัวซองต์เบค่อนกับน้ำส้มค่ะ เป็นครัวซองต์ที่เราปลื้มมาก กรอบ ด้านในนุ่ม และหอมมาก
ทานหมดจานนี้ก็ถือจานไปเลือกเค้กกันเลย
ถ้าเค้กชนิดไหนหมดแล้ว จะมีแบบใหม่ๆมาวางเติมอยู่ตลอดนะ
ซึ่งเค้กเค้าเยอะมาก พุดดิ้ง มาการองข้างล่างนั่น คือทั้งตู้นั่นเลือกได้หมดเลย
นี่เป็นเค้กตัวเด่นของร้านนี้ค่ะ เดี๋ยวจะบอกว่าตัวเเนะนำนี่รสชาติเป็นยังไง
พวกเบเกอรี่ก็จะมียกมาให้ที่โต๊ะเป็นรอบๆค่ะ เสียดายที่กินได้ไม่ใกล้คำว่าครบเลย มันเยอะมาก..มากเกินไปจริงๆ 555
ลองจานแรกเป็นแบบเบสิคก่อน สตอร์เบอร์รี่ช็อตเค้ก รสชาติกลางๆตามมาตรฐานค่ะ แต่แป้งหนักใช้ได้เลยสไตล์ไซส์ปกติ
กับตัวนี้ถ้าจำไม่ผิด มันคือเค้กรสชาติออกเบอร์รี่ เนื้อเป็นมูสหวานอมเปรี้ยวที่มาตัดรสชิ้นที่แล้วดีมาก ปลื้มชิ้นนี้~
มาการองนี้รสราสเบอร์รี่ค่ะ ซึ่งปกติขนมของ Kinotoya นี่เราจะชอบทานมาการองเป็นพิเศษอยู่แล้ว รอบนี้ก็ต้องจัด
ระหว่างนั้นพนักงานก็ยกซุปข้าวโพดมา เลยเอามาถ้วยนึงค่ะ หอม นุ่มมากๆ แต่จะไม่ออกครีมมี่เท่าไหร่นะ
หมดแล้วก็ไปต่ออีกจานค่ะ
เค้กเกาลัด ซึ่งเนื้อข้างในเป็นสปอนด์เค้กกับครีม ชอบชิ้นนี้นะคะ คือไม่หวานจนเลี่ยน และไม่หนักมาก แต่ชิ้นใหญ่เท่าเรื่องนะ (ทุกชิ้นนั่นเเหละ)
เค้กพรีเมี่ยม ช็อคโกเเลตก็.. ธรรมดานะ แต่เราชอบตรงนี้มันไม่หวานมาก รสเข้มๆก็มาตัดกับรสหวานของชิ้นก่อนหน้าดีเลย
แล้วเจ้าสิ่งนี้ก็มา พิซซ่าที่หน้าไม่เยอะ แต่ได้ทานตอนมาใหม่ๆชีสก็ยืด~ เราว่ารสมันเค็ม และเปรี้ยวนะ คือกินทั่วไปคงไม่สั่ง แต่เอามาตัดเลี่ยนเค้กบ้างนี่ ดีมาก
หลังจากพิซซ่าหมดไปไม่นานเอง พนักงานก็มาถามว่าเอาจานนี้ด้วยมั้ย เราซึ่งกำลังต้องการซุปอะไรก็ได้มากเลยตกลงทันที แต่ปรากฏว่ามันมาเป็นคู่กับผักสด ดิปซึ่งรสเข้มดีน่ะ ซุปหอมใหญ่ก็อร่อย แต่! ขนมปังที่ให้มา ถ้ากรอบๆคงดีกว่านี้อีกนะ
ที่นี้ก็มาถึงชิ้นที่พูดถึงตอนเเรกล่ะ ตัวเเนะนำของร้านเขา Omelette parfait ซึ่งเราเห็นมาหลายครั้งเเล้วไม่เคยได้ลอง รอบนี้ก็ลองซะ
ตักคำแรกน้ำตาแทบไหล.. มองส้อมสลับกับเค้ก แล้วคิดว่านี่ xx ต้องกินมันให้หมดจริงๆเหรอ
คือมันออมเล็ตจริงๆ กลิ่นไข่มาเลย เเละสิ่งที่ตามมาด้านในคือครีม ผลไม้ (เยอะมาก) โมจิ ถั่วแดง และชิ้นจริงใหญ่มากนะเมื่อคิดว่าไส้มันมาขนาดนี้
เจอชิ้นนี้เข้าไปแทบยอมแพ้ กินทีละนิด เลี่ยนมากจริงๆ ถ้าไม่ได้กินบุฟเฟต่์สั่งชิ้นเดียวอาจจะคุ้มนะ เพราะอิ่ม อิ่มมาก หนักท้องที่สุด
ลองพุดดิ้งฮอคไกโดต่อ หวานๆนุ่มๆตามสไตล์พุดดิ้งญี่ปุ่นเขาล่ะ ตัวนี้อร่อยเเต่ไม่ได้พิเศษอะไรนะ
และอีกชิ้นคือช็อคโก มาการอง เข้มๆ ไม่ถูกใจเท่าราสเบอร์รี่แต่ก็ยังคงความเป็นร้านที่เราชอบได้อยู่ดี
ที่จริงยังมีอีกหลายชิ้นที่ไม่ได้ลอง แต่ตอนไปสั่งมิลล์เครปผลไม้ กับมาการองสตรอว์เบอร์รี่จานนี้มาก็ปลงแล้วค่ะ คิดว่าคงไม่ไหวแล้วค่ะ
อาการไม่ต่างจากตัวออมเล็ค พาเฟ่ต์เท่าไหร่เลยตอนที่กินมิลล์เครป เเต่อันนี้อาจจะเพราะจุกมาตั้งเเต่ชิ้นที่เเล้ว มันหนักมาก แป้งแอบเหนียวนิดๆด้วย คือไม่ปลื้มชิ้นนี้เท่าไหร่ ส่วนมาการองก็หวานเนื้อในเเช่เย็น หนึบตามที่ชอบเลยค่ะ
ระหว่างที่พยายามเขี่ยเเทะเล็มมิลล์เครป ดอเรียนี้ก็มา
ซึ่งมันหอมมาก และเป็นอะไรที่มากี่ครั้งเราก็กิน ชีสยืดๆ กับข้าวร้อนๆรสเข้มนี่คือความดีงามของชีวิต
เขี่ยไปจนน้ำตาเเทบไหล คือมันมาอยู่ที่คอเเล้วล่ะตอนนั้น เเอบบ่นตัวเองอยู่ที่กินเกินพอดีไปมากๆเพราะเห็นมันเเพง (ร้านประจำเราแค่ประมาณ 1500 เยนต่อคนเองนะ)
จนสุดท้ายก็ยอมถามพนักงานว่าขอเหลือไว้สักคำ (ที่ไม่เล็ก) ได้มั้ย เค้าก็คงสงสารสภาพตอนนั้นมาก บอกว่าไม่เป็นไรค่ะ
พอทานเสร็จก็ยกทั้งถาดไปเก็บตรงใกล้ๆทางเข้านะคะ ตอนเดินออกมาสวนกับพนักงานที่เสิร์ฟพาย กับชีสเค้กล็อตใหม่อยู่ด้วย เสียดายไม่ได้ลอง T^T
เราคิดว่า.. ร้านนี้ ถ้าเป็นคนกินเก่งมาก.. มาก มากๆอาจจะคุ้มได้อยู่ แต่จะไม่สู้อีกเเล้ว ยอมจริงๆ ขนาดปกติเป็นคนสู้ของหวานมาก
เพราะเป็นขนาดที่ขายปกติด้วย แต่ละชิ้นนี่หนักมาก และชิ้นใหญ่อย่างโหดร้ายสำหรับคนที่กินคนเดียวจริงๆ แต่สำหรับราคา เราคิดว่าถ้าไม่เน้นความหลากหลาย ด้วยราคานี้ ถ้าไปกันหลายคนสั่งเเยกมาอย่างละชิ้นน่าจะคุ้มกว่านะ
ส่วนตัวประทับใจของคาวมากกว่า ของหวานก็อร่อยแต่ก็อย่างที่ว่า มันหนักจริงๆค่ะ
ถ้าใครได้ไปซับโปโรก็ลองไปทานดูนะคะ เป็นตัวเลือกนึงที่น่าสนใจอยู่ (แต่เน้นว่าไปสามคนขึ้นไป บุฟเฟ่ต์ไม่คุ้มหรอก เราว่านะ..)