ร้าน Tadaima (ทาไดมะ) สำหรับสายกินดุหรือสายบุฟเฟ่ต์ยุคแรกๆน่าจะคุ้นกับแบรนด์นี้สาขาแรกตรง MBK Center ชื่อเสียงไม่ค่อยดีเท่าไหร่และส่วนตัวก็เคยทานแล้วบอกได้เลยว่าแย่ แต่เมื่อไม่นานนี้ลองไปทานบุฟเฟ่ต์ร้าน Tenjo เป็นยากินิคุเสิร์ฟพร้อมซูชิและซาชิมิระดับพรีเมี่ยมก็ถือว่าอร่อยดีโดยเฉพาะสาขาสยามสแควร์วันมีคนต่อคิวหน้าร้านเยอะมากๆ เพิ่งรู้ว่าทั้ง 2 ร้านนี้เป็นเจ้าของเดียวกันและใช้วัตถุดิบแบบเดียวกันต่างแค่เป็นร้านชาบูกับยากินิคุเท่านั้น ปัจจุบันร้านทาไดมะเปิดให้บริการทั้งหมด 3 สาขาก็คือ 1. MBK Center(ชั้น 7) 2. Gateway เอกมัย ชั้น M และ 3.Esplanade รัชดา ชั้น 2 ที่เราเข้ามารีวิวในวันนี้เป็นสาขาใหม่ล่าสุด วิธีเดินทางก็สะดวกถ้ามาด้วยบริการขนส่งสาธารณะให้ลง MRT สถานีศูนย์วัฒนธรรมเดินมาแค่นิดเดียวขึ้นบันไดเลื่อนมาชั้น 2 ก็เจอร้านแล้ว หากนำรถส่วนตัวมาก็สามารถจอดในห้างได้เลย หน้าร้านเป็นบานกระจกขนาดใหญ่เรียงกันมองทะลุได้ไปจนถึงหลังร้านมีป้ายชื่อร้านสีทองรูปปลาคาร์ฟแบบนี้แสดงว่ามาถูกแล้ว บุฟเฟ่ต์ราคาเท่าไหร่และมีเมนูอะไรให้ทานบ้างมาดูด้วยกันครับ

บุฟเฟ่ต์ราคาเริ่มต้นที่ 499/899 และ 1,299 ไม่รวม Vat. 7% และ Service Charge อีก 10% ถ้าเป็นราคา Net. แล้วจะเริ่มต้นที่ 588/1,059 และ 1,529 ตามลำดับเมื่อชำระด้วยเงินสดถ้าหากใช้บัตรเครดิตคิดเงินเพิ่มอีก 40 บาท (ยกเว้นราคาสูงสุด) ส่วนบุฟเฟ่ต์เด็กที่ส่วนสูง 101-120 ซม. ราคา Net. เริ่มต้นที่ 294/529 และ 764 ตามลำดับ หากสูงไม่เกินที่กำหนดทานฟรีแต่ถ้าสูงกว่า 120 ซม. คิดราคาผู้ใหญ่ มีเมนูต่างๆทั้งเนื้อชาบู/ซูชิ/อาหารทานเล่น/เครื่องดื่ม/ขนมหวานรวมกันมากกว่า 150 รายการ โดยวัตถุดิบที่เสิร์ฟในบุฟเฟ่ต์ก็ไล่ลำดับความพรีเมี่ยมขึ้นไปตามราคาที่จ่ายแต่ถ้าเลือกเมนูระดัลสูงที่สุดก็สามารถทานทุกเมนูได้ทั้งร้าน ความพิเศษที่น่าสนใจของบุฟเฟ่ต์ที่ร้านนี้มีหลายรายการเช่น กุ้งหวานยักษ์/โอโทโร่/ฟัวกราส์/หอยเชลล์ญี่ปุ่น/เนื้อวากิว A3และไอศครีมฮาเก้นดาสทานได้ไม่อั้นตลอด 2 ชั่วโมงเต็ม แต่ก็มีบางเมนูที่สั่งได้เฉพาะสมาชิกซึ่งแน่นอนว่าเรามีบัตร Ten Group ได้สั่งเมนูพิเศษพร้อมได้รับส่วนลดอีก 5% ใช้ได้ทั้งร้าน Tadaima และ Tenjo ด้วยยิ่งคุ้มเข้าไปอีก เข้าไปในร้านเลยครับผม

เปิดประตูร้านเข้ามาก็พบกับไลน์อาหารที่บุฟเฟ่ต์ทุกราคาสามารถเดินมาตักได้เองทั้งไข่ไก่/ผัดสด/เห็ดและเส้นชนิดต่างๆ/ขนมหวานกับผลไม้สด/น้ำแข็งใสพร้อมเครื่องบดราดน้ำหวานได้เองทานกับโมจิไส้ต่างๆสไตล์ญี่ปุ่น ส่วนเครื่องดื่มก็เดินมากดได้เองทั้งน้ำอัดลม/น้ำเปล่า/ชาเขียวเย็น/ชาเขียวร้อน/น้ำลิ้นจี่และชาชมไข่มุก นอกจากนี้ก็ยังมี ช๊อกโกแลตฟองดูว์/แพนเค้กและไอศครีมสำหรับบุฟเฟ่ต์ราคาเริ่มต้นสามารถเดินมาตักได้เอง ส่วนไอศครีมและของหวานอยู่ในเมนูราคาสูงกว่าต้องสั่งตรงกับพนักงานเท่านั้น ตอนนี้เราไปหาที่นั่งวางกระเป๋าและสั่งอาหารกันเลยครับ

มาถึงที่โต๊ะมีใบสั่งอาหารให้เลือกทั้งหมด 3 ราคาก่อนจะเริ่มทานแจ้งน้องพนักงานได้เลยว่าจะทานราคาไหนจากนั้นก็เขียนจำนวนที่ต้องการลงในช่องขวามือสุดของใบสั่งอาหารได้ทันที ในวันนี้เราเลือกราคาสูงที่สุดในร้านสามารถสั่งได้ทุกอย่างยกเว้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีให้บริการแบบ A La Carte อยากทานอะไรก็เขียนตัวเลขลงไปได้เต็มที่

ระหว่างนั่งรอพนักงานก็นำกระเทียม/พริกสด/ต้นหอมซอย/ไชเท้าบดผสมพริกออกมาให้จากตู้เย็นส่วนซอสอื่นอย่าง โชยุ/น้ำจิ้มพอนสึยูสุ/น้ำจิ้มงา/น้ำจิ้มพอนสึและน้ำจิ้มซีฟู๊ดที่ร้านมีรอไว้ให้ที่โต๊ะแล้ว ตามมาด้วยวาซาบิสดที่ใส่ถ้วยยกออกมาให้แต่ละคนใหม่ๆ เทน้ำจิ้มใส่ลงในถ้วยพร้อมกับปรุงรสให้พร้อม เครื่องดื่มที่ร้านมีให้บริการเป็นแก้ว/หลอดกระดาษเมื่อทานเสร็จแล้วสามารถกดออกไปดื่มต่อนอกร้านได้คนละ 1 แก้ว ส่วนซุปชาบูเราเลือกได้แค่ 2 ซุปจาก 4 รายการได้แก่ น้ำซุปต้มยำ/น้ำซุปกระดูกหมู/น้ำซุปชาบูน้ำใสและน้ำซุปดำสุกี้สไตล์ญี่ปุ่น วันนี้ก็สั่งเป็นน้ำซุปต้มยำรสชาติเปรี้ยวมันหอมสมุนไพรแบบน้ำข้นกับซุปสุกี้ญี่ปุ่นรสหวานเค็มหอมปลาคัตสึโอะและคอมบุเข้มข้นถึงใจ

อาหารเริ่มทยอยออกมาเสิร์ฟเมนูแรกเป็นรายการพิเศษเฉพาะผู้ที่ถือบัตรสมาชิกเท่านั้นก็คือ "ซูชิฟิวชั่นโอโทโร่ฟัวกราส์ทรัฟเฟิลช็อต" / "ซูชิฟิวชั่นกุ้งหวานฟัวกราส์ทรัฟเฟิลช็อต" และ "ซูชิฟิวชั่นแซลมอนทรัฟเฟิลช็อต" สั่งมาอย่างละคำเสิร์ฟมาในช้อน 3 สีจุดเด่นคือข้าวคำเล็กแต่ใส่วัตถุดิบมาแน่นๆราดน้ำมันทรัฟเฟิลหอมๆทานแล้วรู้สึกพรีเมี่ยมดีครับ เมนูต่อมา "แซลมอนแบมบูโรล" เป็นข้าวผัดสไตล์ญี่ปุ่นนำมาทำเป็นซูชิโรลสอดไส้ปูอัด/แตงกวาและไข่หวานท๊อบปิ้งด้วยแซลมอนเบิร์นไฟ/งาขาว/ไข่ปลาบินปรุงรสราดด้วยซอสซีอิ๊วหวานเหมือนทานข้าวผัดที่ถูกปั้นเป็นคำทานง่ายและอร่อยดี เมนูต่อไปคือ"ซูชิฟัวกราส์" ข้าวซูชิคำเล็กๆรสหวานอมเปรี้ยวพันฟัวกราส์ลนไฟด้วยสาหร่ายราดซอสซีอิ๊วรสหวานเพิ่มสัมผัสกรุบกรอบด้วยแป้งเทมปุระทอดไม่เหมือนใครทานได้เพลินๆ "ซูชิฮามาจิส้มยูสุ"เป็นซูชิหน้าปลาฮามาจิเพิ่มความหอมด้วยเปลือกส้มและน้ำยูสุรสเปรี้ยมหอมสดชื่นทำให้ไขมันในปลาทานได้ง่ายมากขึ้น

เมนูต่อมาเป็นปลาดิบรวมอย่าง "เพรจทีสซาชิมิเซ็ท" ในชุดนี้ประกอบไปด้วยท้องปลาแซลมอน/กุ้งหวานยักษ์/หอยเชลล์ญี่ปุ่น/ปลาฮามาจิ/ไข่หวานและไข่ปลาแซลมอน เหมาะสำหรับคนที่ชอบทานปลาดิบคุณภาพดีที่ร้านเขาได้รวมเอามาใส่ให้ในชามเดียวกัน จานต่อไปเป็นเมนูพิเศษประจำเดือนพฤศจิกายนได้แก่"ซูชิกุ้งต้มทรัฟเฟิลชีส" / "ซูชิกุ้งแม่น้ำทรัฟเฟิลชีส" และ ซูชิกุ้งโบตันเอบิทรัฟเฟิลชีส ไล่ระดับความพรีเมี่ยมของกุ้งขึ้นไปตามราคาบุฟเฟ่ต์มีเสิร์ฟทุกราคาเป็นกุ้งราดทรัฟเฟิลชีสลนไฟรสชาติเค็มมันหอมทรัฟเฟิลขึ้นจมูกสะใจคนชอบทานกุ้งและชีสที่มีกลิ่นหอมไม่เหมือนร้านไหนอย่างแน่นอน ตามมาด้วยเมนูคลาสสิกประจำร้านอาหารญี่ปุ่นอย่าง "ซูชิหน้าปลาแซลมอน" กับ "ซูชิหน้าไข่ปลาแซลมอนรสชาติมาตรฐานแต่ไข่ปลาแซลมอนให้มาคำเล็กไปหน่อยซึ่งทานง่ายกว่าเพราะไม่เค็มจนเกินไป

จานต่อมาเป็นซูชิข้าวน้อยแต่เนื้อบางแผ่เต็มจานคือ "ซูชิเนื้อวากิวฟัวกราส์" ข้าวซูชิคำเล็กๆคลุมด้วยเนื้อวากิวลนไฟชิ้นใหญ่ท๊อบปิ้งด้วยฟัวกราส์และไข่กุ้งราดซอสซีอิ๊วหวานและมายองเนสให้ความหวานมันกลมกล่อมโดนใจคนชอบทานเนื้อวากิวแบบผมมากครับ เมนูต่อมาเป็นซูชิจานรวมทั้ง "ซูชิปลาแซลมอนย่างไฟ" / "ซูชิเนื้อติดมันย่างไฟ" และ "ซูชิอกเป็ดฟัวกราส์" ใน 2 เมนูแรกเป็นแบบย่างไฟท๊อปปอ้งด้วยมายองเนสอร่อยลงตัวส่วนอกเป็ดค่อนข้างจะพิเศษหน่อยเพราะเป็นแบบรมควันไขมันน้อยเข้ากับฟัวกราส์เนื้อมันๆได้อย่างลงตัวสุดๆ เมนูต่อมาเป็นของโปรดของผมที่ไปเมื่อทานบุฟเฟ่ต์ซูชิแบบนี้ต้องสั่งมาทุกครั้งคือ "ซูชิหน้าปลาไหล" แต่ที่นี่เขามีแบบพิเศษกว่าปกติเพราะท๊อบด้วยฟัวกราส์ลนไฟ เนื้อปลาไหลชิ้นใหญ่ราดซอสทานกับฟัวกราส์ผสมไข่กุ้งได้ความมันเพิ่มแบบ X2 แต่ยังอร่อยไม่เลี่ยนมากนัก ตามมาด้วยเมนูทานเล่นตัดเลี่ยน "หอยสังข์ญี่ปุ่นหมีกซอสวาซาบิ" เป็นหอยสังข์หั่นเนื้อหนาเคี้ยวกรุบกรอบทานกับวาซาบิดองกับงาขาวช่วยเพิ่มความเผ็ดฉุนขึ้นจมูกแต่ไม่รุนแรงเกินไป ทานง่ายๆแก้เลี่ยนได้เป็นอย่างดี

เมนูช่วงท้ายๆเราเน้นมาแต่ราคาพรีเมี่ยมเพื่อความคุ้มเริ่มจาก "ซูชิหน้าปลาทูน่าส่วนมันพิเศษ (โอโทโร่)" สั่งมา 2 ชุดคือ 4 คำคุณภาพถือว่าดี หั่นมาชิ้นหนาแทรกชั้นไขมันสวยแต่วิธีการแล่ทำให้มีเส้นเอ็นติดอยู่ในเนื้อเล็กน้อยแต่ก็ไม่ทำให้ขัดใจเวลาทานแต่อย่างใด เมนูต่อไปเป็นวัตถุดิบระดับพรีเมี่ยมอีกอย่างคือ "หอยนางรมสด" ใส่ไชเท้าขูด/หอมซอยและไข่ปลาสีดำปรุงรสทานคู่กับซอสน้ำส้มสายชูผสมหอมแดงสไตล์ฝรั่งแทนพอนสึ หอยตัวค่อนข้างเล็กไปหน่อยแต่ที่นี่เขาให้สั่งได้ไม่อั้นก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อ จานต่อไปมีเตาถ่านขนาดเล็กมาให้ด้วยตอนเสิร์ฟคือ "คานิมิโสะ" เป็นมันปูย่างเหลวแต่พอย่างนานๆแล้วจะมีความเข้มข้นยิ่งขึ้นทานเปล่าๆหรือเทลงบนข้าวสวยก็อร่อยได้รสมันปูเต็มคำ จานต่อมาเป็นสลัดที่ต้องทานบุฟเฟ่ต์ระดับราคาสูงสุดเท่านั้นจึงจะสั่งได้คือ"สลัดสาหร่าย 3 สี"คือสีแดง/สีเขียวและสีเขียวเข้มมาพร้อมกับผักกาดแก้วและไข่กุ้ง ส่วนน้ำสลัดเป็นแบบงาผสมโคชูจังสไตล์เกาหลีรสหวานเค็มเผ็ดๆหอมเมล็ดงาขาวและน้ำมันงาเข้ากันได้ดีกับสาหร่ายและผักสดกรุบกรอบได้อย่างลงตัว แปลกและดีกว่าที่คิดไว้ครับ