...วันอาสาฬหบูชา...!!!





...กลุ่มอยู่เย็นเป็นประโยชน์...

...วันอาสาฬหบูชา มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "วันพระธรรม" และ วันพระสงฆ์"

เพราะเป็นวันที่พระพุทธเจ้าปฐมเทศนาประกาศพระธรรมจักรเป็นครั้งแรกแก่ปัญจวัคคีย์

และเป็นวันที่บังเกิดมีพระสงฆ์ครบเป็นองค์พระรัตนตรัยครั้งแรก...


...ในวันอาสาฬหบูชพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมจักกัปปวัตตนสูตรแก่ท่านพระปัญจวัคคีย์

อันมีท่านโกณฑัญญะเป็นหัวหน้า

เรื่องที่ทรงแสดงคือ มัชฌิมาปฏิปทา คืออริยมรรคมีองค์แปด กับอริยสัจสี่

เริ่มทีเดียว พระองค์ทรงแสดงทางสองสายที่ไม่ควรเดิน

คือกามสุขัลลิกานุโยค คือการประกอบตนให้พัวพันอยู่ในกาม

กับอัตตกิลมถานุโยค คือการประกอบตนให้เหน็ดเหนื่อยลำบากโดยเปล่าประโยชน์

อย่างแรกการทำตนให้พัวพันอยู่ในความสุขในกามนั้น

พระองค์ตรัสว่า เป็นธรรมที่เลว เป็นธรรมของชาวบ้าน เป็นของปุถุชน

ไม่ใช่ของพระอริยะ ไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์แก่มรรคผลนิพพาน

อย่างหลังเป็นการทำตนให้เหน็ดเหนื่อยลำบาก

ไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์แก่มรรคผลนิพพานเช่นกัน

ธรรมอย่างหลังนี้พระองค์ทรงหมายถึงการทรมานตนโดยเปล่าประโยชน์

เช่นการนอนบนหนามเป็นต้นว่า เป็นการทำตนให้ลำบากโดยเปล่าประโยชน์

เพราะการกระทำเช่นนั้นไม่อาจให้บรรลุมรรคผลนิพพานได้

เมื่อพระองค์ทรงแสดงธรรมที่ไม่ควรประพฤติอย่างนี้แล้ว

ก็แสดงธรรมที่ควรประพฤติว่าได้แก่มัชฌิมาปฏิปทา

คืออริยมรรคมีองค์ ๘ อันประกอบด้วย สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา

สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ

ก็มัชฌิมาปฏิปทาอันได้แก่ทางสายกลางนี้ ไม่เข้าไปใกล้ทาง ๒ สายข้างต้น

ทางสายกลางนี้แหละที่พระองค์ได้ทรงตรัสรู้แล้วด้วยพระปัญญาอันยิ่งของพระองค์เอง

ทางสายกลางนี้เป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ และเพื่อนิพพาน

ต่อจากนั้น พระองค์ทรงแสดงอริยสัจสี่ไปตามลำดับว่า

นี้ทุกขอริยสัจ นี้ทุกขสมุทัยอริยสัจ นี้ทุกขนิโรธอริยสัจ

นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ อริยสัจทั้งสี่นั้นได้แก่อะไร พระองค์ก็ได้ทรงแสดงให้ทราบดังนี้

ทุกขอริยสัจนั้น ได้แก่ ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย

ความโศก ความร่ำไรรำพัน ความทุกข์ ความโทมนัส ความเหือดแห้งใจ

ความประสบกับสิ่งที่ไม่เป็นที่รัก ความพลัดพรากจากสิ่งที่รัก

ความปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้น สรุปโดยย่อ อุปาทานขันธ์ ๕ คือ

รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ และวิญญาณขันธ์

อันเป็นที่ตั้งแห่งอุปาทาน ความยึดถือนั่นแหละเป็นทุกข์

ทุกขสมุทัยอริยสัจ ได้แก่ตัณหาอันทำให้เกิดอีก ถ้าไม่มีตัณหาก็ไม่ต้องเกิด

สภาพของตัณหานั้นได้แก่ความกำหนัดยินดี ความเพลิดเพลิน

มีปกติให้เพลิดเพลินอยู่ในอารมณ์นั้นๆ ได้แก่ ตัณหา ๓ คือ กามตัณหา

ความยินดีเพลิดเพลินในกามทั้งหลาย ๑ ภวตัณหา ความยินดีในภพ

หรือความยินดีที่ประกอบด้วยสัสสตทิฏฐิ คือความเห็นผิดว่าธรรมทั้งปวงเป็นของเที่ยง ๑ วิภวตัณหา

ความยินดีในวิภพ คือความยินดีที่ประกอบด้วยอุจเฉททิฏฐิ คือความเห็นว่าสัตว์ตายแล้วขาดสูญ คือไม่เกิดอีก ๑

ทุกขนิโรธอริยสัจ ได้แก่ธรรมที่ดับตัณหาโดยไม่มีเศษเหลือ ธรรมนั้นคือนิพพาน

ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ ได้แก่ข้อปฏิบัติอันเป็นทางให้ถึงความดับทุกข์

ข้อปฏิบัตินี้คือ อริยมรรคมีองค์ ๘ ที่พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงไว้ในข้อว่า

มัชฌิมาปฏิปทานั่นเอง มรรคมีองค์ ๘ อันเป็นอริยะนี้เท่านั้นเป็นทางเดียว

คือข้อปฏิบัติอย่างเดียวที่จะให้ถึงมรรคผลนิพพาน

อริยสัจทั้งสี่นี้ พระองค์ไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนเลย บัดนี้พระองค์ทรงรู้แล้วด้วยญาณปัญญาของพระองค์เองว่า

ทุกขอริยสัจควรกำหนดรู้และพระองคำได้ทรงกำหนดรู้แล้ว

ทุกขสมุทัยอริยสัจควรละ พระองค์ทรงได้ละแล้ว

ทุกขนิโรธอริยสัจควรทำให้แจ้ง ซึ่งพระองค์ได้ทำให้แจ้งแล้ว

ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจควรเจริญ พระองค์ได้เจริญแล้ว

ตราบใดที่พระองค์ยังมิได้ทรงตรัสรู้อริยสัจสี่ตามความเป็นจริง

พระองค์ก็ยังไม่ทรงประกาศว่า พระองค์เป็นผู้ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว

ต่อเมื่อพระองค์ทรงตรัสรู้อริยสัจสี่ตามความเป็นจริงแล้วนั่นแหละ

พระองค์จึงทรงประกาศให้โลกรู้ว่าพระองค์ทรงตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณอันยอดเยี่ยมแล้ว

เป็นเหตุให้พระองค์ทรงทราบว่า พระองค์ทรงพ้นแล้วจากตัณหา

พระองค์ไม่เกิดอีกแล้ว ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของพระองค์แล้ว

ขณะเมื่อพระพุทธองค์ตรัสอริยสัจสี่อยู่นี้

ดวงตาเห็นธรรมได้บังเกิดขึ้นแก่ท่านโกณฑัญญะว่า

สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวลล้วนที่ความดับเป็นธรรมดา

ซึ่งความหมายว่า ธรรมทั้งหลายเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ย่อมดับไป

ที่จะตั้งอยู่ตลอดกาลนั้นเป็นไปไม่ได้ นี้เป็นธรรมดาของธรรมทั้งหลาย

สรุปว่าท่านปัญจวัคคีย์ได้สดับธรรมจักรที่พระองค์ทรงประกาศแล้ว

ใน ๕ คนนั้น มีท่านโกณฑัญญะ คนเดียวได้ดวงตาเห็นธรรม เป็นพระโสดาบัน

การประกาศธรรมจักรเป็นครั้งแรกของพระองค์

เป็นเหตุให้เทวดาตั้งแต่ภุมมเทวดาไปจนถึงพรหมในพรหมโลก

พากันบันลือเสียงกระฉ่อนเป็นลำดับไป จนกระทั่งหมื่นโลกธาตุหวั่นไหว

แสงสว่างส่องกระจ่างไปทั่วหมื่นโลกธาตุ กลบรัศมีของเทวดาและพรหมทั้งหลายจนหมดสิ้น

ทั้งหมดนี้แหละ คือธรรมะที่พระพุทธองค์ทรงแสดงในวันอาสาฬหบูชา....

...ที่มา...[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้



แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่