นิยาย จันทร์เสี้ยว เขี้ยว วิญญาณ - บทที่ 6 - (โดย เพอฟูเม่ )

กระทู้สนทนา
เป็นการเริ่มต้นของการเขียนนิยาย ไม่ได้เก่งกาจ วาดหวังไว้สูงนัก และแต่งขึ้นจากจินตนาการ มิได้คิดพาดพิงหรือ บิดเบือนความจริงจากเรื่องใดๆนะคะ ( เป็นเรื่องสมมุติขึ้นเท่านั้นนะคะ)
บทแรก การค้นพบ http://ppantip.com/topic/32121665
บทที่     -1-        http://ppantip.com/topic/32130617
บทที่     -2-        http://ppantip.com/topic/32148915
บทที่     -3-        http://ppantip.com/topic/32184172
บทที่     -4-        http://ppantip.com/topic/32239301
บทที่     -5-        http://ppantip.com/topic/32263899
                                                                           
                                                                            จันทร์เสี้ยว เขี้ยว วิญญาณ
                                                                             
                                                                                        บทที่ 6

                 ไม่ทันที่รถจะจอดสนิท แสงตะวันก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อยืนหน้าคว่ำรอเธออยู่ เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเพราะรู้ดีว่าเธอคงไม่สามารถเดินผ่านด่านนี้ไปได้ง่ายๆนัก แม้ว่าเธอจะสามารถทำอะไรได้อย่างอิสระ แต่ทุกครั้งเธอจะต้องรายงานตัวให้ผู้เป็นพ่อได้ทราบในทุกๆเรื่อง และเรื่องที่จะไม่กลับมานอนบ้านยิ่งเป็นเรื่องใหญ่โตร้ายแรงยิ่งกว่าฟ้าถล่ม ดินทลายเสียอีกสำหรับครอบครัวเธอ

                    “ ตื่นแต่เช้าเลยนะคะป๋า ” เสียงออดอ้อนหวานหยดส่งนำทางออกไปก่อน จะตามมาติดๆกับรอยยิ้มหวานเยิ้มเอาใจ
                    “ ใครว่า.... ป๋าไม่ได้นอนทั้งคืนนะ “ น้ำเสียงดุดันส่งตอบกลับมาแทน
                    “ ตะวันขอโทษนะคะ พอดีตะวันไม่สบายนิดหน่อย กลับมาไม่ไหวเลยไปนอนที่ห้องเสื้อแทน พอตะวันทานยาเข้าไปมันก็เลยน๊อค หลับสนิทเลยคะ “ เธอแต่งเติมเรื่องราวนิดหน่อยเพื่อให้คนฟังสบายใจขึ้น เพราะถ้าเธอบอกความจริงว่าเกิดอะไรบ้างบ้านหลังนี้คงมีระเบิดหล่นมาระเบิดตูมใหญ่แน่
                   “ เอาน่าป๋า ตะวันก็กลับมาแล้ว ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่านะ มาเหนื่อยๆเพลียๆ “ แสงจันทร์รีบจูงมือน้องสาวให้รีบขึ้นไปที่ห้องทันที ทิ้งผู้เป็นพ่อหน้าบูดหน้าบึ้งไว้หน้าบ้านคนเดียว
                   “ เดี๋ยวซิ ป๋ายังถามไม่จบ คำตอบไม่เคลียร์ “

                     ร่างของลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนกึ่งเดินกึ่งวิ่งหายเข้าไปในตัวบ้านโดยไม่หันกลับมามองเขาเลย ทำเอาแสงชัยยิ่งหงุดหงิดไม่พอใจ แม้เขาก็รู้อยู่แก่ใจดีว่าไม่ว่าจะยังไงก็ตามเขาก็ไม่เคยลงโทษลูกสาวทั้งสองคนได้เลยแม้แต่น้อย เพราะแค่แววตาเว้าวอน น้ำเสียงออดอ้อน เขาก็ใจอ่อนไปหมดแล้ว

                นายแสงชัย บุญพิพัฒน์  เจ้าพ่อปางไม้ที่มีอิทธิพลมากพอดู ต่อหน้าคนทั่วๆไปเขาดูเป็นมาเฟียมากกว่าพ่อค้า ด้วยท่าทางนิ่งเฉย ใบหน้าออกดุดันตามแบบฉบับนักเลงจริง ยิ่งมีลูกสาวที่ทั้งเก่งทั้งสวยถึงสองคน ยิ่งทำเอาเขาต้องทำตัวให้ดูน่าเกรงขามยิ่งขึ้นไปอีก แต่ถ้าได้สนิทจนได้รู้จักตัวตนจริงๆของเขาจะรู้ว่าที่เขาต้องเข้ามาทำกิจการป่าไม้จริงๆก็ไม่ใช่เพื่อการค้าแต่เพื่ออนุรักษ์สิ่งที่มีค่าทางธรรมชาติให้ได้มากที่สุดต่างหาก

                   แสงตะวันทิ้งตัวลงบนที่นอนอย่างมีความสุข ทำเอาแสงจันทร์สนใจขึ้นมาบ้างว่าอะไรทำให้น้องสาวของเธอมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างประหลาด เพราะเมื่อวันก่อนเธอยังเห็นน้องสาวของเธอเก็บตัวดูหม่นหมองแถมร้องไห้อีกด้วย
                   “ ไปได้ยาดีอะไรมาหรือตะวัน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่หยุด “
                  “ ปล้าววววววว “ แสงตะวันตอบเสียงสูง
                  “ ไม่เนียนเลยนะตะวัน บอกเรามาซะดีๆ “ แสงจันทร์รู้ไต๋ทันที
                  “ ไม่มีอะไรจริงๆ ก็แค่หายไข้มั้ง อ้อแล้วจันทร์หายดีแล้วเหรอ เมื่อวานไม่สบายไม่ใช่หรือ เป็นไงมั่ง  “

                  แสงจันทร์นั่งลงข้างร่างที่กำลังกลิ้งตัวไปมาอยู่บนที่นอน สายตาจับจ้องด้วยความสงสัย เมื่อคืนตะวันไม่ได้กลับบ้าน ไม่ได้โทรมาและเธอก็ยังไม่ได้บอกอะไร ทำไมถึงได้รู้ว่าเธอไม่สบาย คนบนที่นอนหยุดกลิ้งไปมาเพราะนึกได้ว่าพลาดไปเสียแล้ว
                 “ ตะวันรู้ได้ไงว่าเราไม่สบาย “ คนถามจ้องตาเขม็ง
                 “  เอ่อ......... ก็เมื่อวานเราก็ไม่สบายไง ก็ ก็ ก็เลยคิดว่าจันทร์คงเป็นเหมือนเราแน่เลย  ไปอาบน้ำดีกว่า “ พูดจบแสงตะวันก็กลิ้งร่างหลุนๆลงจากเตียงอีกฝั่งแล้วเดินหายลับไปที่ห้องอาบน้ำทันที

                 แสงจันทร์ยังข้องใจแต่ก็ไม่สามารถถามอะไรต่อได้อีกเพราะคนร้ายหนีเข้าห้องน้ำไปเสียแล้ว

                  “ เฮ้อ.. “ แสงตะวันยิ้มกับตัวเองในกระจก นึกถึงขนตายาว จมูกเป็นสัน เสียงหายใจเข้าออกเป็นจังหวะ หน้าอกกว้างๆเคลื่อนตัวขึ้นลงอย่างเชื่องช้า และสิ่งที่เธอแอบทำตอนที่ชายหนุ่มกำลังหลับ สิ่งเหล่านี้ทำให้เธอลืมความหวาดกลัวในเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานได้เสียทั้งหมด


                    ชายหนุ่มเดินเข้าบ้านมาอย่างเงียบเชียบแต่ก็ไม่ได้รอดพ้นสายตาของคุณแม่บ้านจอมยิ้มบอย่างเนียมไปได้ เนียมเดินยิ้มเข้ามาช่วยถือของให้เจ้านายน้อย พยายามข่มใจไม่ให้ถามว่าเมื่อคืนคุณหนูของเธอไปนอนที่ไหนมา
                   “ แม่เนียมไม่อยากรู้หรือครับว่าผมไปนอนไหนมา “  ชายหนุ่มพูดยิ้มๆ
                   “ อยากซิคะ อุ๊ยตาย ... “ เนียมสะดุ้งเมื่อถูกจับได้
                   “ ยิ่งอยากรู้ผมก็ไม่ขอตอบนะครับ ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ  อ้อแม่เนียมครับ ผมขอกาแฟดำแก้วโตๆซักแก้วด้วยนะครับ “ เขาขำกับท่าทางอยากรู้ของแม่บ้านที่ถูกเขาขัดใจ
                   “ ได้คะ จะให้ยกไปที่ห้องหรือเปล่าคะ “
                   “ ถ้าได้อาหารเช้าชุดใหญ่ด้วยยิ่งดีเลยนะครับแม่เนียม “

                   เนียมมองตามร่างสูงๆที่เดินนำหน้าเข้าห้องนอนไป เธอจึงเดินตามไปอย่างช้าๆเพื่อเอาของตามเข้าไปเก็บให้ ท่าทางช่างอ้อนที่ไม่เคยเปลี่ยนไปของนายน้อยที่น่ารักของเธอทำให้เธอมีรอยยิ้มเสมอ

    
               ภายในห้องที่เต็มไปด้วยหนังสือกองพะเนินแต่เป็นระเบียบเรียบร้อยตามแบบฉบับของเจ้าของห้อง ซึ่งตอนนี้เจ้าของห้องได้นั่งนิ่งทำสมาธิอยู่พักใหญ่ ชายหนุ่มได้รับรู้เรื่องราวของผนึกที่ถูกทำลายลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้พลังของเขาสมบูรณ์พร้อมแล้วเฉกเช่นเดียวกับอีกฝ่ายที่มีพลังสมบูรณ์ไม่แพ้กัน
                   “ ทางฝ่ายอสุรราชา ครานี้พลังช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก “  ผู้กล่าวคุกเข่าทำความเคารพผู้เป็นนาย ดวงตาสีฟ้าใสสั่นไหวด้วยความไม่สบายใจ
                   “ ในครานี้ อสุราสามารถทำให้เจ้าผู้มากด้วยสติแลปัญญาหวาดหวั่นได้เชียวหรือกัษษากร “  ชายหนุ่มแม้มิได้ลืมตาก็รู้ได้ว่านางที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นเช่นไร
                  “ ครานี้อาจยากยิ่งเพราะมีพลังมากมายจากเหล่ามนุษย์ ที่ตอนนี้ล้วนอ่อนแอ หวาดกลัวง่าย และมีแต่ความละโมบไม่เคยพอ “ กรชวัลลุกขึ้นยืนในมือกำเหรียญโบราณไว้แน่น ดวงตาสะท้อนแสงแดดที่สาดส่องลงใบหน้า สีฟ้าใสกระจ่างของดวงตาน่ามองยิ่งนัก ฉับพลันได้เปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อหันไปทางชายชราผู้ที่ได้ยืนนิ่งภายในห้องนี้นานแล้ว
                 “ ข้าน้อยมิคิดว่าศึกนี้เราจะมีชัยได้โดยง่าย “
                 “ ข้ารู้ทาฒะ  ข้ารู้.....มิเคยมีศึกไหนที่เราจะเอาชนะอสุราได้โดยง่าย ทุกครั้งล้วนยากลำบากเสมอ และต้องมีการเสียสละโดยตลอด “ น้ำเสียงเศร้าสร้อยอาลัยนัก

             กรชวัลนึกถึงเมื่อครั้งที่เขายังเป็น เทวา ไม่มีศึกสงครามระหว่างความดีและความชั่ว ที่ยังคงมีแต่ความรักความเมตตา ความเอื้ออาทรของสรรพชีวิตใน ป่าเบญจภพ ที่ส่วนหนึ่งของมันในภูมิแห่งมนุษย์นี้คือป่าไม้ขนาดใหญ่ที่ชื่อป่าเบญจภูมินั่นเอง

                 “ สัญลักษณ์แห่งพันธะสัญญา สิ่งนี้เป็นสิ่งที่...อสุรา....ได้ให้เราไว้ก่อนที่จะเปลี่ยนไปในฐานะ......อสุรราชา “ เขาก้มมองสิ่งของในมือ
                 “ แต่มาบัดนี้มันคืออาวุธสำคัญสำหรับการทำลายอสุรราชาไปเสียแล้ว “  เฒ่าชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
                 “ ถ้ามิใช่เพราะจอมปีศาจจากนรกภูมิ ได้เข้ามายั่วยุ บั่นทอนให้เกิดความระแวงแคลงใจ เรื่องเศร้ารันทดต่างๆก็คงไม่เกิดขึ้น จนท้ายที่สุด พวกเราก็ถูกพันธนาการไว้ด้วยความโกรธและความเศร้า “ น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด รอยยิ้มเมื่อกี้จางหายไปโดยสิ้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่